ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 97 จากทั้งหมด 334 หน้า แสดงรายการที่ 1921 - 1940 จากข้อมูลทั้งหมด 6672 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1921 | รายงานสถานการณ์การส่งออกยางพาราไทย พร้อมข้อเสนอแนะกิจกรรมส่งเสริมการขายไปตลาดต่างประเทศ | พณ | 26/08/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์การส่งออกยางพาราไทย พร้อมข้อเสนอแนะกิจกรรมส่งเสริมการขายไปตลาดต่างประเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ภาพรวมการส่งออกยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ยางของประเทศไทย ๑.๑.๑ มูลค่าส่งออกยางธรรมชาติ ปี ๒๕๕๗ (เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม) คิดเป็น ๒,๙๐๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา อินเดีย และอื่น ๆ สัดส่วนร้อยละ ๔๑, ๑๓, ๑๑, ๗, ๗, ๓ และ ๑๘ ตามลำดับ โดยชนิดยางธรรมชาติที่ส่งออก ประกอบด้วย ยางแท่ง STR ยางแผ่นรมควัน น้ำยางข้น และอื่น ๆ สัดส่วนร้อยละ ๔๘, ๒๘, ๒๒ และ ๓ ตามลำดับ สำหรับการส่งออกยางธรรมชาติไทย มีมูลค่าการส่งออกลดลงตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ มูลค่า ๘,๗๐๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี ๒๕๕๖ มูลค่า ๘,๑๒๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ปริมาณการส่งออกมากขึ้นจากปี ๒๕๕๕ คิดเป็น ๒.๙๙ ล้านตัน และปี ๒๕๕๖ คิดเป็น ๓.๔๓ ล้านตัน เนื่องจากราคาเฉลี่ยต่อหน่วยลดลงอย่างมาก ในช่วงปี ๒๕๕๕ ราคา ๓,๒๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ในปี ๒๕๕๖ ราคาลดลงเป็น ๒,๖๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ และปี ๒๕๕๗ ในช่วง ๖ เดือนแรก ราคาเฉลี่ยลดลงไปอีกถึง ๑,๙๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๑.๒ มูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง ปี ๒๕๕๗ (เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม) คิดเป็น ๓,๒๖๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม ออสเตรเลีย และอื่น ๆ สัดส่วนร้อยละ ๒๒, ๑๙, ๖, ๕, ๓, ๓ และ ๔๒ ตามลำดับ ๑.๑.๓ สินค้าผลิตภัณฑ์ยางที่สำคัญ ได้แก่ ยางรถยนต์ ถุงมือยาง ยางผสมวัลคัลไนท์ หลอดและท่อ ผลิตภัณฑ์ยางเภสัชกรรม สายพานลำเลียง ยางรัดของ ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ใช้ในงานก่อสร้าง เช่น ยางปูพื้น สัดส่วนร้อยละ ๔๖, ๑๓, ๓.๗, ๓.๔, ๑.๘, ๑.๕, ๑ และ ๓๐ ตามลำดับ ๑.๒ ข้อเสนอแนะกิจกรรมส่งเสริมการขายยางพาราไปต่างประเทศ ๑.๒.๑ ระยะสั้น ได้แก่ การแสวงหาความต้องการของตลาดใหม่ ๆ ในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Countries) การใช้เวที Platform ตลาดซื้อขายสินค้ายางพารา Rubber Valley ณ เมืองชิงเต่า มณฑลซานตง การเร่งเจรจาสรุปโครงการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง (Rubber City) ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างแท้จริง และการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม Global Rubber Conference ๑.๒.๒ ระยะกลาง-ยาว ได้แก่ การปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ยางพาราแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมกลางน้ำ และปลายน้ำ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (R&D) และการเสริมสร้างความร่วมมือในกลุ่มประเทศผู้ผลิตยางพาราในอาเซียนให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับยุทธศาสตร์ยางพาราแห่งชาติให้สนับสนุนอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำมากขึ้น ควรทำให้เกิดได้จริงเป็นรูปธรรม การส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านยางพาราให้มากขึ้นและอย่างจริงจัง ควรต้องมีการปฏิรูปวิธีการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านยางพาราของประเทศ การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยางพารามีศักยภาพในการแข่งขันในการผลิตผลิตภัณฑ์ยางสำเร็จรูปมากขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราในการส่งออก การประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมยางพาราของไทยในเวทีต่างประเทศและสนับสนุนการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ยางพาราในตลาดโลกให้มีการซื้อขายให้มากขึ้น การดำเนินการเจรจาหาข้อสรุปโครงการ Rubber City/Rubber Corridor ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างแท้จริง รวมถึงพื้นที่เป้าหมายในการจัดตั้งโครงการในภาคใต้ของประเทศไทยเพื่อพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางแปรรูปยางพาราอย่างครบวงจรในระดับโลก การกำหนดประเภทกลุ่มอุตสาหกรรมยางที่มีโอกาสทางการตลาดและมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น การสร้างห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) อย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพาราและการพัฒนาตลาดให้สามารถขับเคลื่อนได้โดยมีเป้าหมายการพัฒนาที่ชัดเจนในอนาคต การพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ยางพาราใหม่ ซึ่งเน้นการพัฒนาสู่นวัตกรรมวัสดุที่สามารถใช้ทดแทนวัสดุสังเคราะห์อื่น ๆ เพื่อต่อยอดนำไปสู่การผลิตเป็นวัสดุเครื่องใช้จากยางพารา และการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยางพาราในเชิงวิทยาศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||
1922 | ขออนุมัติยุบเลิกทุนหมุนเวียน | กค | 26/08/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ (ร้อยเอก สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) ชี้แจงว่า ตามที่ได้มีลูกจ้างประจำเงินทุนหมุนเวียนข่าวสารการพาณิชย์ร้องเรียนต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติกรณีที่จะถูกเลิกจ้างเนื่องจากการยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนข่าวสารการพาณิชย์และมีความประสงค์จะขอโอนไปปฏิบัติงานในสังกัดกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นั้น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้สอบถามไปยังสำนักงาน ก.พ. แล้ว ได้รับการชี้แจงว่ากรณีดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากเป็นลูกจ้างประจำที่จ้างโดยเงินนอกงบประมาณ แต่สามารถที่จะจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวได้ และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ชี้แจงทำความเข้าใจแก่ลูกจ้างประจำทุกคนแล้ว ๒. อนุมัติให้ยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนโรงงานฟอกหนัง เงินทุนหมุนเวียนข่าวสารการพาณิชย์ และเงินทุนหมุนเวียนดำเนินการโครงการผลิตถ่านหินเป็นพลังงานทดแทน ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และอนุมัติให้มีการช่วยเหลือเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่บุคลากรของเงินทุนหมุนเวียนที่ได้รับผลกระทบจากการยุบเลิกทุนหมุนเวียนดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตรา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงกลาโหมรับไปพิจารณาการใช้ประโยชน์ของโรงงานฟอกหนังเมื่อได้มีการยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนแล้วให้เหมาะสมต่อไป |
||||||||||||
1923 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ปลาทูน่าบรรจุกระป๋องเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 19/08/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ปลาทูน่าบรรจุกระป๋องเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ของกระทรวงพาณิชย์ มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการกำหนดมาตรการจัดระเบียบในการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๒๘ และเพิ่มเติมคำนิยาม ปลาทูน่าบรรจุกระป๋อง และเพิ่มชื่อสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทยเพื่อให้สมาชิกของสมาคมสามารถส่งปลาทูน่าบรรจุกระป๋องออกไปนอกราชอาณาจักรได้ ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนส่งเสริมการจัดทำความร่วมมือด้านการประมงระหว่างสมาคมทางด้านการประมงของไทยกับประเทศที่เป็นแหล่งจับปลา เช่น การให้ความช่วยเหลือทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการประมง เพื่อประเทศไทยจะได้นำไปใช้ในการเจรจาต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของชาติตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) |
||||||||||||
1924 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 และขออนุมัติงบประมาณรายจ่าย งบกลาง เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 และ พ.ศ. 2557 | ยธ | 19/08/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันก่อนได้รับอนุมัติเงินประจำงวด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายชำระหนี้ค่าวัสดุอาหารของผู้ต้องขังและผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓,๔๑๗,๔๔๑,๓๑๐ บาท เพื่อชำระเป็นค่าวัสดุอาหารของผู้ต้องขังและผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ตามรายจ่ายจริงในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๘๙๐,๔๐๒,๕๐๐ บาท และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๒,๕๒๗,๐๓๘,๘๑๐ บาท ทั้งนี้ ให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการโดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) รับไปพิจารณาแนวทางการดำเนินการเพื่อลดภาระงบประมาณที่ต้องจัดสรรเป็นค่าวัสดุอาหาร โดยให้กรมราชทัณฑ์พิจารณานำเงินรายได้ของกรมราชทัณฑ์ที่ได้รับจากการดำเนินกิจกรรม หรือจากผลผลิตของผู้ต้องขังมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ รวมทั้งให้ประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อจัดหาข้าวสารจากสต็อก (Stock) ของรัฐบาล เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ และพิจารณานำผลผลิตทางการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ที่ผู้ต้องขังได้ดำเนินการภายในเรือนจำต่าง ๆ มาใช้เป็นวัสดุอาหารของผู้ต้องขังเอง ทดแทนการจัดซื้อจัดหาจากภายนอกด้วย นอกจากนี้ ให้กรมราชทัณฑ์พิจารณาแนวทางการลดจำนวนผู้ต้องขัง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของกรมราชทัณฑ์ เช่น การเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังซึ่งใกล้พ้นโทษไปฝึกงานกับหน่วยงานภายนอก การสร้างความรู้ความเข้าใจ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้ต้องขังและฝึกอาชีพผู้ต้องขังให้สามารถออกไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้โดยไม่กลับมากระทำความผิดซ้ำอีก |
||||||||||||
1925 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 19/08/2557 | |||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้ทุกฝ่ายประสานงานกระทรวงและหน่วยงานในกำกับเพื่อรวบรวมผลการดำเนินงานของกองทุนที่อยู่ในความรับผิดชอบ แล้วส่งให้กระทรวงการคลังเพื่อวิเคราะห์และเสนอแนวทางการปรับปรุง พัฒนา หรือยุบเลิกกองทุน นั้น ๑.๑.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังเร่งดำเนินการตามมติดังกล่าว โดยเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ ๑.๑.๒ ให้ทุกฝ่ายประสานงานกระทรวงและหน่วยงานในกำกับให้จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคณะกรรมการที่กำกับดูแลหรือบริหารจัดการกองทุน ประกอบด้วยกฎและระเบียบที่กำหนดโครงสร้างและการบริหารของคณะกรรมการ แล้วส่งให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมพิจารณาเพื่อบูรณาการการทำงานในภาพรวมเพื่อลดความซ้ำซ้อนและปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อให้การทำงานของคณะกรรมการกองทุนเกิดผลสัมฤทธิ์ในการใช้กองทุนเป็นปัจจัยหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ๑.๒ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ไปแล้ว นั้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.๒.๑ ให้ทุกหน่วยงานนำข้อสังเกตจากการอภิปรายไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยจัดลำดับความสำคัญโครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการ และเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ให้สงวนสิทธิ์การลงนามในสัญญาจนกว่าจะได้รับการอนุมัติเงินงวดจากสำนักงบประมาณ ๑.๒.๒ ในการจัดทำมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ให้สำนักงบประมาณเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกหน่วยงานเกี่ยวกับการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณว่าสามารถกระทำได้เฉพาะในยุทธศาสตร์เดียวกัน และในการรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายไตรมาสนั้น นอกจากให้รายงานความคืบหน้าเป็นร้อยละของการเบิกจ่ายแล้ว ให้รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการของแผนงาน/โครงการที่เป็นรูปธรรมด้วย ๑.๓ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวบรวมผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจมหภาคและภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายรถคันแรก เพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขในระยะต่อไป เช่น การดำเนินการเพื่อเรียกคืนเงินภาษีกรณีผู้ใช้สิทธิตามนโยบายจำนวนมากขอสละสิทธิ์หรือไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการถือครองครบ ๕ ปี ๑.๔ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์จัดให้มีการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูกในทุกจังหวัด เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน รวมทั้งเป็นการเร่งรัดให้เกิดการใช้จ่ายในภาคประชาชนอันจะส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไป ๑.๕ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการผลิตภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ภาพลักษณ์ วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ทั้งนี้ อาจเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอแนวคิดสำหรับภาพยนตร์ โดยใช้ต้นทุนการผลิตไม่เกิน ๑๐ ล้านบาท ๑.๖ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินมาตรการดูแลราคาผลิตผลทางการเกษตร นั้น ๑.๖.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินมาตรการดูแลราคาผลิตผลทางการเกษตรให้เป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการระบายสินค้าในสต็อก เช่น การระบายสินค้าเกษตรให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีความต้องการใช้หรือบริโภคเป็นจำนวนมาก อาทิ การขายข้าวให้แก่กรมราชทัณฑ์เพื่อใช้เป็นอาหารให้แก่ผู้ต้องขัง การยกระดับราคาผลิตผลทางการเกษตร รวมทั้งขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น พ่อค้าคนกลาง ผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่รับซื้อสินค้าเกษตรในราคาที่เป็นธรรม และกำกับดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยในช่วงที่เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ๑.๖.๒ ให้คณะอนุกรรมการร่วมจัดทำยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชเศรษฐกิจ ๔ สินค้า (Roadmap) คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และอ้อย คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรและแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการทุกประเภทอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและยกระดับรายได้ให้กับเกษตรกรด้วย ๑.๗ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนตามแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ของพืชเกษตร นั้น ให้ทั้งสองหน่วยงานเร่งดำเนินโครงการต้นแบบเพื่อสร้างความรู้ให้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการปลูกพืชทดแทน พืชหมุนเวียน และเกษตรผสมผสาน โดยนำองค์ความรู้จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ และปราชญ์ชาวบ้านมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ๑.๘ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้ให้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน นั้น เพื่อให้การจัดที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรมีความเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณากำหนดแนวทางการจัดพื้นที่ทำกินในลักษณะป่าเศรษฐกิจตามแนวทางของโครงการธนาคารอาหารชุมชนตามพระราชดำริ (Food Bank) โดยปรับปรุงพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ถูกบุกรุกและเสื่อมสภาพแล้วให้เกษตรกรใช้ทำประโยชน์ในที่ดินโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกร รวมทั้งใช้เป็นแนวป่ากันชนป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมด้วย ๑.๙ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและมาตรการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว นั้น เพื่อให้การสร้างความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวมีความชัดเจนเป็นรูปธรรม จึงให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณากำหนดรูปแบบการประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผ่านกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับความคุ้มครองในทุกกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่บริษัทประกันภัยเอกชนไม่รับประกัน ๒. ด้านโครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน ๒.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพลังงานเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของในทรัพย์สินที่เกิดจากการลงทุนด้านพลังงาน โดยเฉพาะกรณีท่อส่งก๊าซของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ ปตท. แยกกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติออกมาเป็นบริษัทใหม่เพื่อให้ธุรกิจท่อส่งก๊าซมีการแข่งขันที่เป็นธรรมในอนาคต ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังอาจเข้าไปถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวเพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชนในฐานะผู้บริโภคด้วย ๒.๒ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้กระทรวงคมนาคมจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อเผยแพร่ผ่านสื่อ ซึ่งได้มีการดำเนินการไปแล้ว นั้น เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการลงทุนด้านการขนส่งสาธารณะ ทั้งในส่วนของการปรับปรุงเส้นทางรถไฟเดิม การสร้างทางรถไฟทางคู่ และการสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงคมนาคมดำเนินการประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้ โดยเฉพาะเส้นทางที่จะดำเนินการทั้งหมดและกรอบระยะเวลาในการดำเนินการของแต่ละเส้นทางที่ชัดเจน ๓. ด้านความมั่นคง ๓.๑ ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พิจารณาทบทวนแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลในพื้นที่ภาคใต้ โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งดำเนินการตามแนวทางที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติมอบหมายไว้เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ในการกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุน โดยเริ่มต้นจากพื้นที่ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงจัดเป็นพื้นที่ปลอดภัย เพื่อสร้างอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขยายไปสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่องและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในระยะต่อไป
|
||||||||||||
1926 | การปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญา CITES และการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมาย | พณ | 19/08/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการเชิญฝ่ายเลขานุการของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ซึ่งอาจรวมถึงประเทศ/องค์กรที่แสดงความกังวลต่อการดำเนินการที่ผ่านมาของไทย มาดูงานที่ประเทศไทย เพื่อรับทราบความก้าวหน้า พัฒนาการเชิงบวก และเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายควรถูกกำหนดเป็นวาระเร่งด่วนที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการและป้องกันไม่ให้มีการใช้มาตรการลงโทษทางการค้ากับไทยจากการไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามอนุสัญญา CITES และเสนอฝ่ายบริหารผลักดันการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายตามแผนงานและกรอบระยะเวลาที่ไทยได้ตกลงในที่ประชุม Standing Committee ของอนุสัญญา CITES ครั้งที่ ๖๕ เมื่อวันที่ ๗-๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพรับไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์เพื่อเร่งรัดการปรับปรุงแผนปฏิบัติการของประเทศในการป้องกันการค้างาช้าง (National Ivory Action Plan : NIAP) รวบรวมข้อมูลจัดทำรายงานความคืบหน้า (Progress Report) การปฏิบัติตาม NIAP ที่ประเทศไทยจะต้องรายงานภายในกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้นำรายงานเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยด่วน ก่อนถึงกรอบเวลาที่กำหนดดังกล่าวต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการนำเข้างาช้างและการค้างาช้างผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเข้มงวด ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งดำเนินการพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายในประเทศไทยให้แล้วเสร็จตามแนวทางที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้สั่งการไว้ และนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||
1927 | ขอความเห็นชอบการร่วมรับรองเอกสารด้านเศรษฐกิจและท่าทีไทยสำหรับประเด็นสำคัญในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 46 | พณ | 19/08/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร ASEAN Public Private Partnership (PPP) Framework ร่างเอกสาร ASEAN Qualification Referencing Framework (AQRF) ร่างเอกสาร Elements Paper for the Upgrade of the ACFTA และท่าทีไทยในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ วิสัยทัศน์ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘ (Post 2015 vision) การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) และการเจรจาเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติมภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ร่วมรับรองร่างเอกสารฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารฯ และท่าทีไทยในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการต่อไปได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติอีก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาประเด็นการเจรจาอย่างรอบคอบโดยเฉพาะมาตรการที่มิใช่ภาษีเพื่อให้ประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด การจัดทำเป้าหมายและแผนการดำเนินการให้มีรายละเอียดที่ชัดเจนและสามารถปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพัฒนาร่วมกันได้อย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ การแสดงความพร้อมร่วมมือกับประเทศสมาชิกในการหาข้อสรุปร่วมกัน การจัดลำดับความสำคัญในประเด็นที่ระบุไว้ในเอกสารว่าด้วยหลักการทั่วไป (RCEP Guiding Principles) เพื่อให้การเจรจามีความก้าวหน้าต่อไปและเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย รวมทั้งการพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบด้านและประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการในประเทศรับทราบถึงผลดีและผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เห็นว่า การไปเจรจากับประเทศสมาชิกอาเซียนในครั้งนี้ ให้คำนึงถึงหลักความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และยึดหลักความเป็นธรรมและผลประโยชน์เท่าเทียมกัน รวมทั้งให้ดำเนินการตามข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ และวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ที่เห็นว่า ในการเจรจาหรือการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศให้พิจารณาดำเนินการโดยยึดถือผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของชาติในเวทีโลกเป็นหลัก และให้รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการดังกล่าวให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย ๔. มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อจัดตั้งคณะทำงานด้านอาเซียนขึ้น โดยให้คณะทำงานชุดดังกล่าวมีหน้าที่รวบรวมผลการประชุมและผลการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับอาเซียนทั้งหมด รวมทั้งจัดทำแผนเตรียมความพร้อมในส่วนของประเทศไทยที่จะเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยให้ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ๓ ประการ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก และให้นำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติก่อนดำเนินการต่อไป |
||||||||||||
1928 | การจัดทำพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน | นร | 19/08/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอเรื่อง การจัดทำพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน มาเพื่อเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา นั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นว่าเรื่องดังกล่าวได้เคยผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีมาครั้งหนึ่งแล้วในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ซึ่งพิธีสารดังกล่าวเป็นไปตามกระบวนการจัดทำหนังสือสัญญาที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๕๐ อย่างไรก็ตาม พิธีสารดังกล่าวอาจเข้าข่ายมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ต้องได้รับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จึงมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการจัดทำพิธีสารแก้ไขความตกลงว่าด้วยการลงทุนอาเซียน โดยเพิ่มเอกสารภาคผนวกเพื่อระบุขั้นตอนการแก้ไขรายการข้อสงวนเพื่อรองรับการแก้ไขรายการข้อสงวนใน ๓ กรณี คือ กรณีที่ ๑ การแก้ไขเพื่อเปิดเสรีเพิ่มเติมตามกำหนดเวลาในพิมพ์เขียวประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint) กรณีที่ ๒ การแก้ไขเพื่อเพิ่มเติมมาตรการที่ตกหล่นให้ครบถ้วนตามกฎหมาย ภายในระยะเวลา ๑๒ เดือน นับจากวันที่ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับ (ภายใน ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๖) และกรณีที่ ๓ การแก้ไขให้มาตรการเข้มงวดขึ้นกว่าเดิมหลังความตกลงฯ มีผลใช้บังคับครบ ๑๒ เดือน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ ต่อไป ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นในประเด็นข้อกฎหมายในเรื่องดังกล่าว หากยืนยันตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ให้ดำเนินการต่อไปได้ แต่หากเห็นว่าพิธีสารฯ ต้องเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็ให้แจ้งความเห็นมายังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีโดยด่วน |
||||||||||||
1929 | ร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลใชับังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ครั้งที่ 5) รวม 14 ฉบับ | สลธ.คสช. | 13/08/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลใช้บังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ครั้งที่ ๕) รวม ๑๔ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงประเภทของหน่วยงานราชการที่ได้รับยกเว้นภาษีประจำปีและนิรโทษกรรมภาษีประจำปีที่ค้างชำระของหน่วยงานราชการ) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติการประมง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๖ ในเรื่องการบริหารจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์น้ำ โดยให้ประชาชนหรือชุมชนประมงท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการด้วย พร้อมทั้งกำหนดมาตรการส่งเสริมให้สัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำได้คุณภาพมาตรฐาน และปลอดภัยเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองผู้บริโภค) ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงกลาโหม (ขยายหลักสูตรการสอนของสถาบันการศึกษาวิชาการทหารจากระดับปริญญาโทเป็นระดับปริญญาเอก และให้สภาการศึกษาวิชาการทหารมีอำนาจให้ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูงและประกาศนียบัตรบัณฑิตแก่นักเรียนวิชาการทหาร) ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขความผิดเกี่ยวกับเพศและความผิดต่อเสรีภาพที่มีอายุเด็กเป็นองค์ประกอบ ความผิดโดยกำหนดไม่ให้ผู้กระทำความผิดอ้างความไม่รู้ของอายุของเด็กเพื่อให้พ้นความรับผิดทางอาญาได้) ๑.๕ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดนิยามคำว่า “เจ้าพนักงาน” ให้รวมถึงบุคคลซึ่งกฎหมายบัญญัติว่าเป็นเจ้าพนักงานหรือได้รับแต่งตั้งตามกฎหมาย ไม่ว่าจะประจำหรือชั่วคราว เพื่อให้มีความชัดแจ้งและลดข้อโต้แย้ง พร้อมทั้งเพิ่มลักษณะความผิดเกี่ยวกับศพ ความผิดเกี่ยวกับการคุกคาม และปรับปรุงอัตราโทษปรับสำหรับความผิดลหุโทษ) ๑.๖ ร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ. .... (อนุวัติการตามอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความรับผิดทางแพ่งสำหรับความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน ค.ศ. ๑๙๙๒ โดยกำหนดให้เจ้าของเรือต้องรับผิดชดใช้ความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน และต้องมีการเอาประกันภัยหรือจัดหาหลักประกันความเสียหาย) ๑.๗ ร่างพระราชบัญญัติความลับทางการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงองค์ประกอบ คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง และวิธีการประชุมของคณะกรรมการความลับทางการค้า รวมทั้งปรับปรุงบทกำหนดโทษ) ๑.๘ ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรมฯ เพื่อแบ่งส่วนราชการในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ๑.๙ ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (จัดตั้งสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าเป็นส่วนราชการระดับกรมในกระทรวงพาณิชย์) ๑.๑๐ ร่างพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดให้มีการคุ้มครองข้อมูลการบริหารสิทธิและมาตรการทางเทคโนโลยี รวมทั้งกำหนดข้อยกเว้นการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ของนักแสดง) ๑.๑๑ ร่างพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ในท้องที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... (เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ ในท้องที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ) ๑.๑๒ ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดหลักเกณฑ์ทางศุลกากรที่ใช้กับพื้นที่ควบคุมร่วมกันตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน) ๑.๑๓ ร่างพระราชบัญญัติสถานพยาบาลสัตว์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงกฎหมายสถานพยาบาลสัตว์ให้ครอบคลุมทั้งเอกชนและของรัฐเพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกันและสอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพสัตวแพทย์) ๑.๑๔ ร่างพระราชบัญญัติสถาบันวิทยาลัยชุมชน พ.ศ. .... (จัดตั้งสถาบันวิทยาลัยชุมชนเป็นสถานศึกษาที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลและเป็นส่วนราชการในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา โดยโอนกิจการและทรัพย์สินของสำนักงานบริหารงานวิทยาลัยชุมชน คณะกรรมการการอุดมศึกษา ไปเป็นของสถาบันฯ เพื่อขยายโอกาสและการเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ต่ำกว่าปริญญาของประชาชน) ๒. ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปพิจารณาแนวทางในการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการเวนคืนกรณีที่นำที่ดินมาใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืนครบถ้วนแล้ว ให้สามารถนำที่ดินส่วนที่เหลือไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ เช่น พื้นที่ใต้แนวเขตทางด่วน พื้นที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้า เป็นต้น แล้วให้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป ๓. ให้กระทรวงกลาโหมรับข้อสังเกตของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการตามร่างพระราชบัญญัติกำหนดวิทยฐานะผู้สำเร็จวิชาการทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่าเมื่อร่างพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว กระทรวงกลาโหมควรพิจารณาจัดทำร่วมมือกับสถาบันการศึกษาหลักต่าง ๆ ในการพัฒนาหลักสูตรและการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกันกับสถาบันการศึกษาหลักดังกล่าว และควรเปิดสอนเฉพาะสาขาวิชาที่จำเป็นต่อเหล่าทัพเป็นหลัก ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๔. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปศึกษาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับโทษทางอาญาสำหรับความผิดที่กระทำผิดต่อเด็กซึ่งเป็นผู้ไร้เดียงสาและไม่สามารถป้องกันตนเองได้ โดยควรกำหนดอัตราโทษขั้นสูงสุดและไม่ควรมีการลดโทษในความผิดนั้น แล้วให้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป |
||||||||||||
1930 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 13/08/2557 | |||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้สำนักงบประมาณเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณของทุกส่วนราชการให้สามารถเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณได้ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้เน้นการดำเนินงาน/โครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้และการสร้างงานให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการที่มีโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ ให้ความสำคัญต่อขั้นตอนการเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงประโยชน์ของราชการเป็นหลัก และรายงานการใช้จ่ายงบประมาณและผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินโครงการรายไตรมาสต่อสำนักงบประมาณด้วย ๑.๒ แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในภาพรวมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แต่ยังคงเผชิญความเสี่ยงในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ต่างประเทศและความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจึงควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและถือว่าการจัดเตรียมมาตรการรองรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกเป็นวาระเร่งด่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยให้ดำเนินการ ดังนี้ ๑.๒.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณกำหนดแผนงาน/มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเร่งด่วน โดยให้ครอบคลุมมาตรการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก มาตรการส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชนและผู้ประกอบการ SMEs รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐและงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจด้วย ๑.๒.๒ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์กำหนดมาตรการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรที่คาดว่าจะมีปัญหาผลผลิตล้นตลาดในเดือนกันยายนและในระยะต่อไป ๑.๒.๓ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการจัดหาเงินทุนเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศให้ปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น ๑.๓ ให้ทุกส่วนราชการปฏิบัติตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ที่กำหนดให้หน่วยงานตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินโครงการก่อนเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาไม่สามารถดำเนินการได้ รวมทั้งให้ระบุผู้รับผิดชอบหากโครงการไม่บรรลุตามเป้าหมายด้วย ๑.๔ สืบเนื่องจากกรณีที่รัสเซียได้ประกาศใช้มาตรการปกป้องทางการค้า ห้ามการนำเข้าอาหารหลายประเภทจากสหรัฐอเมริกาและสภาพยุโรปเพื่อเป็นการตอบโต้กรณีที่เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเพื่อลงโทษรัสเซียต่อกรณีวิกฤตยูเครน นั้น ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์หาช่องทางและแนวทางเพิ่มการส่งออกสินค้าอาหารของไทยไปยังรัสเซียในช่วงนี้ด้วย ๑.๕ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ของพืชเกษตร นั้น เพื่อให้มีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมในการชักจูงให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูก จึงให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินโครงการนำร่องเพื่อเป็นต้นแบบการเรียนรู้ให้เกษตรกรนำไปประยุกต์ใช้ต่อไป ๑.๖ ให้ฝ่ายความมั่นคง และฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณากำหนดมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มเติมเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติซึ่งจะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึง แล้วนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรการดูแลราคาสินค้า ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว และการแก้ปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยว ๒. ด้านสังคม ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดำเนินการกำหนดมาตรการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและการสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำแนวลำคลองและทางระบายน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรายได้น้อยและไม่มีภูมิลำเนาในกรุงเทพมหานคร โดยยึดหลักความเป็นธรรมและคำนึงถึงความเดือดร้อนของกลุ่มคนดังกล่าวด้วย ๓. ด้านอื่น ๆ ๓.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) และหน่วยทหารในพื้นที่ เร่งระบายน้ำที่ยังท่วมขังในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ยโสธร มุกดาหาร อำนาจเจริญ และปราจีนบุรี และดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ดังกล่าวอย่างทั่วถึงด้วย ๓.๒ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำพิจารณาหามาตรการในการป้องกันภัยแล้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการเกษตรกรรม จึงควรพิจารณาทำโครงการแก้มลิง เพื่อเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ราชการ หรือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม เพื่อดำเนินการโครงการดังกล่าว ๓.๓ ให้ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาปรับปรุงการทำงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยให้เน้นการเป็นหน่วยประสานงานและบริหารจัดการเพื่อบูรณาการทรัพยากรและความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันการณ์และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ๓.๔ ให้ทุกส่วนราชการใช้หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good Governance) ในการปฏิบัติภารกิจในความรับผิดชอบให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนเพื่อให้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย ๓.๕ ให้ทุกส่วนราชการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินการต่าง ๆ ที่แล้วเสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย โดยอาจขอความร่วมมือสื่อต่าง ๆ ร่วมเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินการด้วย ๓.๖ ให้ทุกส่วนราชการเร่งรวบรวมประเด็นและข้อเสนอต่าง ๆ ที่เห็นควรเสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติ ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวบรวมและจัดทำเป็นข้อเสนอในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||
1931 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 1/2557 | นร11 | 05/08/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ณ เมืองหนิงโป มณฑลเจ้อเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยผลการประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มเพื่อนประธาน ได้แก่ กลุ่มนโยบายการแข่งขันและกฎหมาย (Competition Policy and Law Group : CPLG) กลุ่มนโยบายการแข่งขัน (Competition Policy) กลุ่มกฎหมายหุ้นส่วนบริษัทและบรรษัทภิบาล (Corporate Law and Governance) กลุ่มความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business : EODB) กลุ่มธรรมาภิบาลภาครัฐ (Public Sector Governance) และกลุ่มการปฏิรูปกฎระเบียบ (Regulatory Reform) การจัดทำรายงานเศรษฐกิจเอเปคประจำปี และยุทธศาสตร์การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ (APEC New Strategy for Structural Reform : ANSSR) รวมทั้งการหารือระดับนโยบายเรื่อง สภาพเศรษฐกิจในภูมิภาคและนัยเชิงนโยบาย (State of the Regional Economy and its Policy Implication) และเรื่อง ความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business : EODB) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ โดยเฉพาะข้อสังเกตของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) เกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในรูปแบบใหม่ (Unconventional Quantitative Easing) ที่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนในปริมาณมากและรวดเร็ว และข้อสังเกตขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organizational Economic Cooperation and Development : OECD) เกี่ยวกับการผลักดันให้อุปสงค์ในประเทศเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจเอเปคมากกว่าส่งออก และความท้าทายในการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งสอดคล้องกับข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ ในประเด็นโครงการลงทุนต่าง ๆ ที่ให้มีการจ้างงานและใช้วัตถุดิบภายในประเทศและการสนับสนุนให้เกิดวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของคนไทย ๒. สำหรับในกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงพาณิชย์ไปดำเนินการยกร่างโครงการเบื้องต้น (Concept Note) เรื่อง ANSSR : Developing Regulatory Impact Assessment (RIA) Guidelines as an anti-corruption แล้ว นั้น เพื่อให้การนำเสนอเรื่องดังกล่าวสอดคล้องกับมติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เกี่ยวกับการเจรจาและการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ และให้สอดคล้องกับแนวทางที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติดำเนินการในกรอบของข้อกฎหมายอยู่ จึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการเสนอข้อเสนอร่างโครงการเบื้องต้นฯ ต่อฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อให้ความเห็นชอบก่อนที่จะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป |
||||||||||||
1932 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 05/08/2557 | |||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านกฎหมาย ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมายที่จะเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยนำร่างกฎหมายที่ค้างการดำเนินการมาเสนอในลำดับต้น ขณะที่ร่างกฎหมายใดเอื้อต่อการแก้ไขปัญหาประเทศและสังคมในระยะยาวก็ควรนำไปพิจารณาในสภาปฏิรูปแห่งชาติก่อน ทั้งนี้ ร่างกฎหมายที่เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติควรสอดคล้องกับหลักการ ๓ ประการ คือ ๑.๑ ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย โดยเป็นการแก้ไขข้อขัดข้องของทั้งผู้ปฏิบัติตามกฎหมายและผู้บังคับใช้กฎหมาย มีเนื้อหาครอบคลุมอย่างครบถ้วน ประชาชนสามารถปฏิบัติได้และเกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย ๑.๒ พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอาจจะเกิดความสุ่มเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบและอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนได้ ๑.๓ ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลในการตรากฎหมายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศ (กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย) และสำนักงานอัยการสูงสุด ติดตามกรณีที่นักลงทุนสัญชาติมาเลเซียที่ลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยเสนอข้อพิพาทต่อรัฐบาลไทยโดยอาศัยความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน เพื่อเร่งกำหนดท่าทีในการเจรจาระงับข้อพิพาทให้ทันภายในกำหนดเวลาวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ซึ่งหากไม่สามารถระงับข้อพิพาทได้ จะต้องเตรียมการเพื่อเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของข้อตกลงดังกล่าวว่า มีประโยชน์หรือทำให้ไทยเสียประโยชน์ในระยะยาวหรือไม่ อย่างไร ๒.๒ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศเร่งดำเนินการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราสำหรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นเวลา ๓ เดือนในช่วงสิงหาคม-ตุลาคม ๒๕๕๗ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ อนุมัติตามมติที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ ๒.๓ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาทบทวนมาตรการสร้างแรงจูงใจทั้งมาตรการทางภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tax) เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนทั้งจากในและต่างประเทศทำการลงทุนและส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคหรือสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย (Regional Operation Headquarters : ROH) เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางด้านการค้า การเงิน และการลงทุนของประชาคมอาเซียนตามแนวทางที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒.๔ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ในเขตที่ภาครัฐจัดเป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยให้จัดเตรียมสาธารณูปโภคให้พร้อมและเริ่มดำเนินการให้เกิดการสร้างโรงงานแห่งใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียงโรงงานเดิมที่ตั้งอยู่แล้ว และพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดเล็กในระยะต่อไป ๒.๕ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันศึกษาหาแนวทางและมาตรการในการลดภาระหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน เช่น ขยายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของกองทุนต่าง ๆ การส่งเสริมระบบสหกรณ์เพื่อลดการกู้ยืมเงินนอกระบบ รวมถึงการสร้างวินัยทางการเงินของประชาชน นอกจากนี้ ให้ชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับดัชนีหนี้สินครัวเรือนว่าจะต้องพิจารณาระดับของหนี้ควบคู่ไปกับความสามารถในการสร้างรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย ๒.๖ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศึกษาและจัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ของพืชเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาการปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น นั้น เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมีความชัดเจน เป็นรูปธรรม และเป็นระบบทั้งในระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว จึงมอบหมายเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๖.๑ ในระยะสั้น ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยดำเนินการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน ทั้งการปลูกพืชหมุนเวียนในนาข้าวเพื่อลดรอบการทำนา และการปลูกพืชอื่นทดแทนข้าว เช่น อ้อยโรงงาน โดยให้ความรู้และเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรเข้าใจและสามารถปฏิบัติได้ ทั้งนี้ ในการส่งเสริมการปลูกอ้อยโรงงาน ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบให้โรงงานอ้อยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับระยะห่างของโรงงานที่กำหนดไว้ว่าไม่ต่ำกว่า ๘๐ กิโลเมตรอย่างเคร่งครัด ๒.๖.๒ ในระยะปานกลางและระยะยาว ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดแผนการปลูกพืชอื่น ๆ ทดแทนในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว เช่น หญ้าเนเปียร์ และส่งเสริมในเรื่องเกษตรผสมผสานอย่างจริงจัง และให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์จัดเตรียมหาตลาดรองรับผลผลิตต่าง ๆ ที่จะมีการปลูกทดแทนในอนาคตด้วย ๒.๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์จัดทำข้อมูลสถานการณ์ยางพาราเกี่ยวกับปริมาณผลผลิตยางพาราทั้งประเทศ สต็อกยางพารา ความต้องการใช้ยางพาราในประเทศ และปริมาณการส่งออกยางพารา รวมทั้งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหายางพาราอย่างยั่งยืนที่มีอยู่ให้เกิดเป็นรูปธรรม เช่น การส่งเสริมการแปรรูปยางพารา การใช้ยางพาราผสมยางมะตอยในการทำพื้นถนน และรวมถึงการเตรียมการภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน โดยเฉพาะการเจรจากับประเทศมาเลเซียในโครงการ Rubber Corridor ด้วย ๒.๘ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้ให้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน แต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ ได้ เช่น พื้นที่ป่าไม้ที่หมดสภาพ พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ของราชการ เป็นต้น ๒.๙ ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรร่วมกับฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยร่วมดำเนินการกระจายผลผลิตลองกองในภาคใต้ซึ่งจะมีปริมาณมากในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ไปยังตลาดทั่วประเทศ โดยให้กำหนดพื้นที่จุดรวบรวมผลผลิตเพื่อการส่งต่อ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรผู้ผลิตทราบถึงจุดดังกล่าว และหาวิธีการขนย้ายผลผลิตไปยังตลาดต่าง ๆ โดยเร็วด้วย ๓. ด้านสังคม ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงสาธารณสุข และฝ่ายความมั่นคง โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลา (Ebola) อย่างใกล้ชิด และกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันมิให้ผู้ติดเชื้อหรือเข้าข่ายสงสัยว่าจะติดเชื้อเดินทางเข้าประเทศ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงวิธีการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้ออย่างทั่วถึง ๔. ด้านอื่น ๆ ๔.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ติดตามสถานการณ์และเร่งดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้โดยเร็ว ๔.๒ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจและฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยดำเนินการยกระดับศูนย์ดำรงธรรมให้เป็นศูนย์บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service Centre) เพื่อทำหน้าที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบริการภาครัฐแก่ประชาชน นั้น ให้ทุกหน่วยงานพิจารณาจัดทำข้อมูลการให้บริการประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบแล้วส่งให้กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ศูนย์ดังกล่าวสามารถให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ในการให้บริการข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนของหน่วยงานรัฐ ให้หน่วยงานกำชับให้เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญต่อการบริการประชาชนด้วยทัศนคติและการแสดงออกอย่างเป็นมิตรด้วย ๔.๓ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงกลาโหมประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสภาปฏิรูปและกระบวนการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูป เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนและผู้ที่สนใจ รวมทั้งให้ทุกส่วนราชการเชิญชวนทุกภาคส่วนจากทุกสาขาอาชีพให้ส่งผู้แทนเข้ารับการสรรหาด้วย ๔.๔ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับข่าวการปรับค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาหาแนวทางการปรับปรุงในภาพรวมเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูลซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระดับราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค ดังนั้น ให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามและดูแลระดับราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคอย่างใกล้ชิดด้วย
|
||||||||||||
1933 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อนระบบก๊าซเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 29/07/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อนระบบก๊าซเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... เพื่อเป็นมาตรการกำกับดูแลการนำเข้าสินค้าเครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อนระบบก๊าซ ให้ได้คุณภาพและมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับประโยชน์และมีความปลอดภัยในการเลือกใช้สินค้าต่าง ๆ ที่วางจำหน่ายในท้องตลาด ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขปัญหาสินค้าชนิดต่าง ๆ ทั้งที่นำเข้าและที่ผลิตในประเทศที่ไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมและอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้บริโภค |
||||||||||||
1934 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์อินทาลโยและเครื่องถ่ายเอกสารชนิดสอดสีเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 29/07/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์อินทาลโยและเครื่องถ่ายเอกสารชนิดสอดสีเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... (แก้ไขบทนิยามเครื่องพิมพ์อินทาลโยและเครื่องถ่ายเอกสารชนิดสอดสี โดยยกเลิกการควบคุมการนำเข้าเครื่องถ่ายเอกสารชนิดสอดสีประเภทมัลติฟังก์ชั่นซึ่งทำงานได้หลายหน้าที่) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาถึงความจำเป็นเหมาะสมในการออกประกาศควบคุมการนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องพิมพ์สามมิติ เพื่อป้องกันการนำสินค้าดังกล่าวไปใช้ในการกระทำการในทางที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อกฎหมาย |
||||||||||||
1935 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สารระเหยในกลุ่มโวลาไทล์อัลคิลไนไตรท์เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 29/07/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สารระเหยในกลุ่มโวลาไทล์อัลคิลไนไตรท์เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... โดยกำหนดให้สารระเหยในกลุ่มโวลาไทล์อัลคิลไนไตรท์ (Volatile alkyl nitrite) ตามพิกัดอัตราศุลกากรประเภทที่ ๒๙๒๐.๙๐.๙๐ ได้แก่ (๑) เอมิลไนไตรท์ (Amyl nitrite) (๒) ไซโคลเฮ็กชิลไนไตรท์ (Cyclohexyl nitrite) (๓) เอทิลไนไตรท์ (Ethyl nitrite) (๔) ไอโซบิวทิลไนไตรท์ (Isobutyl nitrite) (๕) ไอโซโพรพิลไนไตรท์ (Isopropyl nitrite) และ (๖) นอร์มาลบิวทิลไนไตรท์ (n-Butyl nitrite) รวม ๖ รายการ เป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดการดำเนินการออกประกาศเพื่อควบคุมการนำเข้าสินค้าจำพวกบารากุโดยเร็ว เพื่อป้องกันปัญหาและผลกระทบต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นจากสิ่งเสพติดชนิดนี้ |
||||||||||||
1936 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ และสินค้าฟุ่มเฟือยเป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกไปสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนเกาหลี และกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ส่งมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... (มาตรการคว่ำบาตรสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี) | พณ | 29/07/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ และสินค้าฟุ่มเฟือยเป็นสินค้าที่ต้องห้ามส่งออกไปสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี และกำหนดให้อาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ส่งมาจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการดำเนินการตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๐๙๔ (ค.ศ. ๒๐๑๓) เกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้เร่งดำเนินการเพื่อออกประกาศดังกล่าวโดยเร็วต่อไปด้วย
|
||||||||||||
1937 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาและสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป | พณ | 29/07/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างกรมทรัพย์สินทางปัญญาและสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป (MOU : Memorandum of Understanding on Bilateral Co-operation between the Department of Intellectual Property of Thailand and the European Patent Office) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านสิทธิบัตรระหว่างกัน ครอบคลุมความร่วมมือด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาศักยภาพการตรวจสอบสิทธิบัตรและการบริหารสำนักงาน การจัดสัมมนาฝึกอบรมบุคลากรกรมทรัพย์สินทางปัญญา การพัฒนาระบบอัตโนมัติและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลสิทธิบัตรและมาตรการความร่วมมือทั่วไป ๑.๒ มอบอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นผู้ลงนาม ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขบันทึกความเข้าใจฯ ที่มิใช่สาระสำคัญก่อนลงนาม ให้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจดำเนินการได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามประเมินผลความร่วมมือดังกล่าวและรายงานต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ในการนำไปสู่ความร่วมมือด้านอื่น ๆ ต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) เร่งตรวจสอบและดำเนินการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาในเรื่องต่าง ๆ ของไทยให้ครอบคลุมครบถ้วนทุกด้าน โดยเฉพาะด้านศิลปวัฒนธรรม การเกษตร ผลงานวิจัย รวมทั้งภูมิปัญญาของปราชญ์ท้องถิ่นที่ได้คิดค้นขึ้นด้วย โดยให้เร่งดำเนินการให้รวดเร็วเพื่อปกป้องคุ้มครองทรัพย์สินอันเป็นมรดกของชาติมิให้ถูกลอกเลียนและนำไปจดทะเบียนก่อน แล้วกำหนดแนวทางคุ้มครองสิทธิในงานทรัพย์สินทางปัญญาให้ชัดเจน เพื่อนำไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๔. ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรณรงค์และชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการเพื่อแก้ไขปัญหาการผลิตและจำหน่ายสินค้าเลียนแบบตราสินค้าที่มีชื่อเสียง (Brand) ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการปรับปรุงพัฒนาสินค้าภายใต้ตราสินค้าของตนเองให้ได้คุณภาพมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค โดยควรส่งเสริมให้สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ได้รับการปรับปรุงพัฒนาให้เป็นตราสินค้าที่ได้รับความนิยมทัดเทียมกับสินค้าของต่างประเทศต่อไปด้วย |
||||||||||||
1938 | การลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยทรัพย์สินอุตสาหกรรม ที่ 2013/0443 ระหว่างสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป (Memorandum of Cooperation on Industrial Property No 2013/0443 Between the Intellectual Property Offices of the Member States of the Association of Southeast Asian Nations and the European Patent Office) | พณ | 29/07/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือว่าด้วยทรัพย์สินอุตสาหกรรม ที่ ๒๐๑๓/๐๔๔๓ ระหว่างสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป (Memorandum of Cooperation on Industrial Property No 2013/0443 Between the Intellectual Property Offices of the Member States of the Association of Southeast Asian Nations and the European Patent Office) โดยร่างบันทึกความร่วมมือฯ มีสาระสำคัญครอบคลุมความร่วมมือด้านทรัพย์สินอุตสาหกรรมระหว่างอาเซียนและสำนักงานสิทธิบัตรยุโรป (European Patent Office : EPO) เช่น กิจกรรมความร่วมมือด้านสิทธิบัตรเพื่อสนับสนุนแผนปฏิบัติการด้านทรัพย์สินทางปัญญาอาเซียนปี ๒๕๕๔-๒๕๕๘ การแลกเปลี่ยนข้อมูลและฐานข้อมูลสิทธิบัตร การพัฒนาข้อมูลสิทธิบัตรอาเซียน และการจัดประเภทสิทธิบัตร เป็นต้น ๑.๒ มอบหมายให้อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาลงนามในบันทึกความร่วมมือฯ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) รายงานผลความคืบหน้าของการดำเนินการตามความร่วมมือที่ได้ลงนามไว้ให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะๆ เพื่อให้รัฐบาลสามารถติดตามผลการดำเนินงานและเร่งรัดผลักดันในประเด็นสำคัญที่ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงนามบันทึกความร่วมมือว่าด้วยทรัพย์สินอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่ด้วย |
||||||||||||
1939 | การบูรณาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน (กรณีถนนชำรุดเสียหายในหมู่บ้าน/ชุมชน) | นร52 | 29/07/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการบูรณาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน (กรณีถนนชำรุดเสียหายในหมู่บ้าน/ชุมชน) ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงิน ๘๓๕,๙๓๓,๐๒๒ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการก่อสร้างและปรับปรุงถนนที่ชำรุดในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา (อำเภอเทพา อำเภอสะบ้าย้อย อำเภอนาทวี และอำเภอจะนะ) และให้ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนด้านความมั่นคงที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้เร่งรัดการดำเนินโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็วด้วย ๒. ให้ทุกส่วนราชการ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รวมตลอดถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ในทุกมิติจากยางพาราในประเทศ หรือผลิตภัณฑ์จากยางพาราชนิดต่าง ๆ ที่ผลิตในประเทศให้มากที่สุด เพื่อลดปริมาณยางพาราในสต็อกที่มีอยู่ รวมทั้งให้ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนให้ร่วมดำเนินการในเรื่องดังกล่าวด้วย |
||||||||||||
1940 | นโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ปี 2557 และปี 2558 - 2560 | พณ | 29/07/2557 | |||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้ากากถั่วเหลืองปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ นโยบายและมาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี ๒๕๕๗ นโยบายและมาตรการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ และนโยบายและมาตรการนำเข้าปลาป่นปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ตามมติคณะกรรมการนโยบายอาหาร ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ (ครั้งที่ ๗๖) เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน สำหรับปี ๒๕๕๗ พ.ศ. ๒๕๕๗ และร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำข้าวโพดที่ใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน สำหรับปี ๒๕๕๘ ถึงปี ๒๕๖๐ พ.ศ. ๒๕๕๗ รวม ๒ ฉบับ โดยกำหนดระยะเวลานำเข้าของผู้นำเข้าทั่วไป จากเดิมให้นำเข้าระหว่างเดือนมีนาคม-สิงหาคม ๒๕๕๖ เป็นให้นำเข้าเดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคม ๒๕๕๗ และกุมภาพันธ์-สิงหาคม ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ยกเว้นในส่วนของการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี ๒๕๕๗ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติ (๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป และให้ส่งร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อกำหนดมาตรการรองรับการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง และปลาป่นที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศ และให้รายงานสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรทั้ง ๓ รายการดังกล่าวทุกเดือนในช่วงระยะเวลาที่มีการนำเข้า ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไปด้วย |
.....