ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 9 จากทั้งหมด 11 หน้า แสดงรายการที่ 161 - 180 จากข้อมูลทั้งหมด 208 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
161 | ร่างยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมกรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และแผนการดำเนินงาน พ.ศ. 2566-2570 | ทส. | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
162 | แนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ (พื้นที่เพิ่มเติม) | ยธ. | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการศึกษาแนวทางการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ เพื่อสร้างงาน
สร้างอาชีพให้แก่ผู้พ้นโทษและผู้ต้องขังที่ได้รับการอนุมัติให้พักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ
โดยมีสาระสำคัญ เช่น รูปแบบของนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ หลักเกณฑ์และองค์ประกอบของนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์
และมาตรการและสิทธิประโยชน์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพิจารณาดำเนินการประสานความร่วมมือกันตามหน้าที่และอำนาจ
เพื่อขับเคลื่อนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
โดยต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามนัยความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
(การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย) กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร.
การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เช่น เช่น
ควรมีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนนโยบายและควรมีการรวบรวมและรายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานในแต่ละพื้นที่นำร่อง
ตลอดจนปัญหาอุปสรรคที่ทำให้การดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จหรือเกิดความล่าช้า
ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
163 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 10 | กค. | 28/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
164 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองลิเอจ ราชอาณาจักรเบลเยียม และการปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองลิเอจ ราชอาณาจักรเบลเยียม เป็นการถาวร (นายดีดีเอร์ โรแลง ชากแมงส์) | กต. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. การสิ้นสุดหน้าที่ของ นายดีดีเอร์
โรแลง ชากแมงส์ (Mr. Didier Rolin Jacquemyns) กงสุลกิตติมศักดิ์ประจำเมืองลิเอจ
ราชอาณาจักรเบลเยียม ตั้งแต่วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ เนื่องจากครบเกษียณอายุ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
165 | รายงานผลการวิเคราะห์ค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต ประจำปี พ.ศ. 2565 (Corruption Perception Index: CPI 2022) | ปปท. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการวิเคราะห์ค่าคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ (Corruption Perception
Index : CPI 2022)
และกรอบแนวทางการขับเคลื่อนการยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต
ซึ่งไทยได้คะแนน ๓๖ คะแนน (จากคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน) อยู่ในอันดับที่ ๑๐๑ (จาก ๑๘๐
ประเทศที่ได้รับการประเมิน) และอยู่ในอันดับที่ ๔ ของอาเซียน (เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ.
๒๕๖๔ ที่ได้ ๓๕ คะแนน อยู่ในอันดับที่ ๑๑๐)
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
166 | การสิ้นสุดหน้าที่ของกงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำจังหวัดภูเก็ต และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ณ จังหวัดภูเก็ต คนใหม่ (นายศศิศศ์ ถาวรว่องวงศ์) | กต. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. รับทราบการสิ้นสุดหน้าที่กงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิลประจำจังหวัดภูเก็ตของ
นางจิรัฐา ถาวรว่องวงศ์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๓
เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง
๒. พิจารณาอนุมัติแต่งตั้ง นายศศิศศ์ ถาวรว่องวงศ์ ให้ดำรงตำแหน่ง
กงสุลกิตติมศักดิ์สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ณ จังหวัดภูเก็ต
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดภูเก็ต กระบี่ พังงา และระนอง สืบแทน นางจิรัฐา
ถาวรว่องวงศ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
167 | การพิจารณารับรองวัดคาทอลิก ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. 2564 | วธ. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการรับรองวัดคาทอลิก
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้งวัดบาทหลวงโรมันคาทอลิก พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นวัดคาทอลิกตามกฎหมาย จำนวน ๓๓ วัด ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
และให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงศึกษาธิการ โดยกระทรวงวัฒนธรรมและมิซซังผู้ได้รับอนุญาตจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด มิซซังจะต้องดำเนินการขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุต่อกรมธนารักษ์
เพื่อเข้าใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุด้วยวิธีการเช่าให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ ระเบียบ หลักเกณฑ์ และกฎหมายอื่น
ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
ในกรณีพื้นที่ที่ตั้งวัดคาทอลิกอยู่ในเขตพื้นที่ป่าไม้จะต้องได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ตามระเบียบ
กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ก่อนเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว
และให้มีรั้วแสดงขอบเขตของวัดคาทอลิกและโรงเรียนในระบบออกจากกันอย่างชัดเจน
โดยขนาดที่ดินที่เป็นที่ตั้งโรงเรียนที่เหลืออยู่จะต้องเป็นไปตามกฎกระทรวง
การขอรับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนในระบบฯ
พร้อมทั้งให้โรงเรียนในระบบดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงรายการในการตราสารจัดตั้งและการขอเปลี่ยนแปลงขนาดที่ดินที่ใช้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนในระบบต่อผู้อนุญาตที่กำกับดูแล
แล้วแต่กรณี หรือดำเนินการอย่างอื่นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนกำหนดต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
168 | นโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก | ทส. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบนโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยนโยบายกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ในปี ๒๕๖๘ เป็นต้นไป ไทยจะห้ามการนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศ
โดยในช่วงปี ๒๕๖๖-๒๕๖๗ ยังให้มีการนำเข้าได้บางส่วนตามเงื่อนไขที่กำหนด ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าภาครัฐควรมีนโยบายและมาตรการสนับสนุนการใช้เศษพลาสติกในประเทศสำหรับภาคอุตสาหกรรม
และเร่งหามาตรการที่มีประสิทธิผลในการส่งเสริมให้มีการคัดแยกขยะ
เพื่อให้ได้เศษพลาสติกที่มีคุณภาพเหมาะสมต่อการใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม
เพื่อลดการนำเข้าเศษพลาสติกจากต่างประเทศต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
169 | ผลการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม ของกรมการขนส่งทางบก | คค. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
170 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายช่วยเหลือเยียวยาซื้อเรือประมงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ตามโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วน (เรือชุดที่ 1) | นร.52 | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายช่วยเหลือเยียวยาซื้อเรือประมงในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ตามโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วน
(เรือชุดที่ ๑) จำนวน ๙๖ ลำ งบประมาณรวม ๑๖๓,๓๖๓,๔๐๐ บาท ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ
ทั้งนี้ ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าในส่วนวงเงินงบประมาณและแหล่งดำเนินการ
ควรให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณและกระทรวงการคลัง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของกลุ่มเรือประมงที่ประสงค์จะเลิกอาชีพประมงในพื้นที่จังหวัดปัตตานีกับภาครวมของประเทศ
และพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ และขั้นตอนการนำเรือประมงออกนอกระบบเช่นเดียวกับโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบที่มีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
171 | รายงานผลการกู้เงินล่วงหน้าเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลรุ่น LB236A เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2566 | กค. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
172 | การลงนามข้อตกลงเพื่อการใช้ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ (CTS User Agreement) | กค. | 21/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
173 | การพิจารณามีมติให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ หรือผู้ปฏิบัติงานอื่นใดในหน่วยงานของรัฐมาปฏิบัติงานที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการชั่วคราว | ดศ. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
174 | ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 พ.ศ. .... รวม 4 ฉบับ | กค. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการ ๑.๑
ร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๒
ร่างพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓
ร่างพระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๔
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.
๒๕๖๑ พ.ศ. .... รวม ๔ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.
๒๕๓๕ พระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. ๒๕๔๖
พระราชบัญญัติทรัสต์เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ. ๒๕๕๐ และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อรองรับการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ
ในตลาดทุน สร้างความชัดเจนในการกำกับดูแล และเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย
เช่น เพิ่มบทบัญญัติเพื่อรองรับกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ในตลาดทุน
แก้ไขเพิ่มเติมการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้าให้มีความสอดคล้องกันและเป็นไปตามมาตรฐานสากล
เพิ่มมาตรการคุ้มครองพยานในชั้นตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานเจ้าหน้าที่
และเพิ่มบทบัญญัติให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
เป็นพนักงานสอบสวนและมีอำนาจสอบสวนในความผิดบางประเภท เป็นต้น ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติ
รวม ๔ ฉบับดังกล่าว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงพาณิชย์ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย
และสำนักงานอัยการสูงสุด เช่น
การกำหนดบทบัญญัติให้นำบทกำหนดโทษของบทบัญญัติในกฎหมายฉบับเดียวกันหรือฉบับอื่นมาใช้บังคับโดยอนุโลม
ซึ่งกำหนดไว้ในมาตรา ๑๙ มาตรา ๓๒ มาตรา ๕๗ มาตรา ๕๙ และมาตรา ๖๐
แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ควรกำหนดให้ชัดเจนว่าจะนำบทกำหนดโทษตามมาตราใดหรือหมวดใดมาใช้บังคับโดยอนุโลม
เพื่อความชัดเจนในบทบัญญัติเรื่องการกำหนดโทษ
การบัญญัติข้อห้ามหรือข้อจำกัดในการดำเนินการของผู้ประกอบธุรกิจตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์และธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
เช่น
กำหนดห้ามมิให้ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ลดทุนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
เป็นต้น ทั้งนี้ หากพระราชบัญญัติทั้ง ๔ ฉบับ
มีผลบังคับใช้แล้วอาจต้องมีการประสานงานเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการร่วมกันต่อไป
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ..
๒๕๖๑ มาตรา ๕๖/๖ วรรคสอง “การสอบสวนที่กระทำโดยพนักงานสอบสวนที่ไม่มีอำนาจสอบสวน
แต่เมื่อได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปให้พนักงานเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการสืบสวนและสอบสวน
ทำการสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง ถือว่าการสอบสวนดังกล่าวกระทำโดยพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบแล้ว”
การใช้บริการหรือเข้าถึงข้อมูลของผู้ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว
จึงอาจพิจารณากำหนดให้การดำเนินการในรูปแบบหรือช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถใช้ได้ตามความสะดวกและความพร้อมของผู้ที่เกี่ยวข้องนอกเหนือจากกระบวนการปกติ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
175 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสํารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจําเป็น วงเงิน 3,786.55 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและภัยพิบัติ (จํานวน 32 จังหวัด) ของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท | คค. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓,๗๘๖.๕๕ ล้านบาท ประกอบด้วย กรมทางหลวง จำนวน
๒,๖๕๔.๘๓ ล้านบาท และกรมทางหลวงชนบท จำนวน ๑,๑๓๑.๗๒ ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยและภัยพิบัติ
(จำนวน ๓๒ จังหวัด) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
พร้อมทั้งเร่งรัดการดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและกระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นควรมอบหมายให้กรมอุตุนิยมวิทยาและกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยร่วมกันพัฒนาระบบดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ทุกหน่วยงานถือปฏิบัติก็อาจลดค่าใช้จ่ายด้านนี้ได้ตามสมควร
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
176 | แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้เงินผลประโยชน์พิเศษโครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียน | อก. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้เงินผลประโยชน์พิเศษโครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียน
โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรม
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้และเงินค่าปรับของโครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียน
พร้อมทั้งให้ถอนฟ้องคดีศาลปกครองคดีหมายเลขดำที่ ๒๐๓๓/๖๕ ลงวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๕
และให้โครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียนผ่อนชำระหนี้ด้วยผลผลิตแร่โพแทชตามเงื่อนไขที่กำหนด
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานรับและบริหารจัดการผลผลิตแร่โพแทชที่ได้จากการชำระหนี้ของโครงการ
และพิจารณาแนวทางการผลักดันการจัดหาวัตถุดิบในการผลิตแม่ปุ๋ยโพแทชเซียมให้แก่ภาคเกษตรกรรมของประเทศ
ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาคเกษตรกรรมและประเทศชาติต่อไป
และให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงผลประโยชน์/ผลกระทบที่จะเกิดแก่ประชาชนเป็นสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนในภาคการเกษตรที่ควรจะได้ใช้ปุ๋ยเคมีในราคาที่ถูกลงจากปัจจุบันที่มีนัยสำคัญ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น กรณีผ่อนชำระหนี้สินด้วยแร่โพแทชต้องพิจารณาดำเนินการตามบทบัญญัติของกฎหมายที่ให้อำนาจไว้
และควรวิเคราะห์ความเป็นไปได้ และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นของโครงการฯ
อย่างรอบด้าน และคณะรัฐมนตรีสามารถทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ เงินผลประโยชน์พิเศษโครงการเหมืองแร่โพแทชของอาเซียนได้
เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
177 | การดำเนินงานโครงการจัดเตรียมความพร้อมในการให้บริการการเดินอากาศ ณ สนามบินอู่ตะเภา ของบริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด | คค. | 14/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
178 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ (GMS) ครั้งที่ 25 (The 25th GMS Ministerial Conference) | นร.11 สศช | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
179 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย-เบลเยียม | คค. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างเจ้าหน้าที่เดินอากาศของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและเจ้าหน้าที่การเดินอากาศของรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรเบลเยียม เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรเบลเยียมและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการเดินอากาศ
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามร่างความตกลงฯ
และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)
ให้แก่ผู้ที่ได้รับมอบหมายดังกล่าวด้วย
โดยมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแจ้งเป็นหนังสือผ่านช่องทางการทูตถึงการดำเนินการตามกระบวนการภายในที่จำเป็นเพื่อให้ความตกลงฯ
มีผลใช้บังคับ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมและสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าบันทึกความเข้าใจฯ ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยร่างความตกลงฯ เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
หากกระทรวงคมนาคมยืนยันได้ว่าร่างความตกลงฯ ไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม
หรือการค้าการลงทุนอย่างกว้างขวาง ก็ไม่ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งกระทรวงคมนาคมยืนยัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรเบลเยียมและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยบริการเดินอากาศ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
180 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน 12 ตอน | คค. | 07/02/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา จำนวน ๑๒
ตอน วงเงิน ๔,๙๗๐,๗๑๐,๖๖๖ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์
โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ได้แก่
(๑) ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๖ จำนวน ๓ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๕ ,ตอนที่
๒๐ และตอนที่ ๒๔ (๒) ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๗ จำนวน ๕ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๒, ตอนที่ ๑๘ ตอนที่ ๑๙ ตอนที่ ๓๔ และตอนที่ ๓๙ และ (๓)
ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๓ เป็น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘ จำนวน ๔ ตอน ได้แก่ ตอนที่ ๑, ตอนที่ ๔,
ตอนที่ ๒๑, และตอนที่ ๒๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง)
รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น
ให้กรมทางหลวงดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่
๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ เกี่ยวกับแนวปฏิบัติกรณีรายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
พิจารณาการเปิดให้บริการโครงการฯ บางช่วงของเส้นทางที่แล้วเสร็จ
เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรในบริเวณพื้นที่โครงการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
(กรมทางหลวง)
เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขสัญญาเพิ่มเติมและกำกับการก่อสร้างงานโยธาในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้
รวมทั้งตรวจสอบงานก่อสร้างในส่วนที่ดำเนินการก่อสร้างไปก่อนการแก้ไขสัญญาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
และดำเนินการให้ถูกต้อง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
|