ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 7 จากทั้งหมด 11 หน้า แสดงรายการที่ 121 - 140 จากข้อมูลทั้งหมด 208 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
121 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (ฉบับ ..) พ.ศ. .... | อว. | 02/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาการพยาบาลศาสตร์
สาขาวิชาการแพทย์แผนไทย สาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์
และสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ เพิ่มขึ้น รวมทั้งสีประจำคณะพยาบาลศาสตร์ ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมรับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๔๑ ให้ถือเป็นหลักการว่า
เมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใดอนุมัติหลักสูตรวิชาใดแล้ว
จะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน
แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้นได้ แต่โดยที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าสภามหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีได้อนุมัติหลักสูตร
ดังนี้ (๑) หลักสูตรพยาบาลศาสตร์บัณฑิต (๒) หลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชาศิลปกรรมพื้นถิ่น (๓) หลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต
สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล (๕ ปี) (๔) หลักสูตรการแพทย์แผนไทยบัณฑิต
สาขาวิชาแพทย์แผนไทย และได้เปิดการเรียนการสอนแล้วในสาขาวิชาดังกล่าว
ก่อนเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา
ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยะฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตและหลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต
มีผู้สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา ๒๕๖๕ (พ.ศ. ๒๕๖๖)
และจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรประมาณเดือนกันยายน ๒๕๖๖ ส่วนหลักสูตรครุศาสตร์อุตสาหกรรมบัณฑิต
และหลักสูตรการแพทย์แผนไทยบัณฑิตจะสำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา ๒๕๖๗ (พ.ศ. ๒๕๖๘)
และจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรประมาณเดือนกันยายน ๒๕๖๘ ดังนั้น
กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
เมื่อมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใดอนุมัติหลักสูตรวิชาใดแล้ว
จะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในสาขาวิชานั้นเสียก่อน
แล้วจึงจะเปิดทำการสอนในสาขาวิชานั้น
เพื่อให้พระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับก่อนเปิดทำการสอน
ซึ่งจะรองรับศักดิ์และสิทธิ์แห่งปริญญาให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษา ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
122 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 02/05/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยกำหนดให้สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและพัฒนา (องค์การมหาชน)
(สคพ.) เป็นหน่วยงานของรัฐประเภทที่ปรึกษาที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน
เพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่มีความประสงค์จัดจ้างที่ปรึกษาจากสถาบันดังกล่าวใช้วิธีเฉพาะเจาะจงได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
123 | ขออนุมัติวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระเป็นเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก | กต. | 25/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อชำระเป็นเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกให้กระทรวงการต่างประเทศ
จำนวน ๒๒๒,๙๕๒,๘๓๘.๗๘ บาท เพื่อกระทรวงการต่างประเทศจะได้ชำระเป็นค่าบำรุงงบประมาณปกติ
(Regular Budget) ของสหประชาชาติ
ประจำปี ค.ศ. ๒๐๒๓ ต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้เมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
มาตรา ๑๖๙ (๓) แล้ว ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
กระทรวงการต่างประเทศควรให้ความสำคัญกับการควบคุม
และกำกับดูแลการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนการขอใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ให้ดำเนินการตามแนวทางที่สำนักงบประมาณกำหนด และในระยะต่อไป
กระทรวงการต่างประเทศควรดำเนินการวิเคราะห์และประเมินผลจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การระหว่างประเทศต่าง
ๆ
รวมทั้งสื่อสารผลลัพธ์ของการดำเนินการให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงประโยชน์ที่ไทยได้รับด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
124 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนนายาง-หนองจอก จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. .... | มท. | 25/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนนายาง-หนองจอก จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลหนองจอก
และตำบลปึกเตียน อำเภอท่ายาง ตำบลหนองศาลา ตำบลบางเก่า ตำบลนายาง ตำบลดอนขุนห้วย
และตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน
การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะและสภาพแวดล้อม
เป็นศูนย์กลางหลักการค้าและบริการรับซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ให้บริการแก่ชุมชนโดยรอบ
รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวชายทะเล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ประวัติศาสตร์
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร (๑)
ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการควบคุมกับการวางผังเมือง
ให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประกาศดังกล่าว และคำนึงถึงการควบคุมการก่อสร้างต่าง ๆ
ไม่ให้กีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ (๒) จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบ
และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ (๓) หากมีการดำเนินการใด ๆ
ในเขตพื้นที่ป่า ขอให้ปฏิบัติตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
(๔)
การพิจารณาอนุญาตกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
(๕)
ให้พิจารณาทบทวนหรือกำหนดข้อกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีท้ายประกาศกระทรวงมหาดไทย
ในประเภทหรือชนิดของโรงงานลำดับที่ ๒๒ (๔) การพิมพ์สิ่งทอให้สอดคล้องกับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม
เรื่อง กำหนดจำนวน ขนาด
และประเภทหรือชนิดของโรงงานที่ไม่ให้ตั้งหรือขยายในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจกร พ.ศ.
๒๕๕๐ และ (๖)
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เป็นไปตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้ประโยชน์ที่ดินเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการวางผังเมืองรวมชุมชนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
125 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 9 | กค. | 18/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๙ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
โดยร่างแถลงการณ์ฯ จัดทำขึ้นบนพื้นฐานของการเป็นประชาคมอาเซียน
คือการส่งเสริมความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือระหว่างกันทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม
และวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภูมิภาคอาเซียน
และการรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียน
เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอาเซียน ตลอดจนการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน
ครั้งที่ ๙
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
126 | รายงานประจำปี 2558 และปี 2559 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค. | 11/04/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๕๘ และปี ๒๕๕๙
ของกองทุนการออมแห่งชาติ โดยรายงานดังกล่าวประกอบด้วยผลการดำเนินงานของกองทุนการออมแห่งชาติ
ประจำปี ๒๕๕๘ และประจำปี ๒๕๕๙ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน ปี ๒๕๕๘ และปี
๒๕๕๙ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ และสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๕๙ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว
โดยเห็นว่ารายงานการเงินของกองทุนการออมแห่งชาติดังกล่าวมีความถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
ตามที่กองทุนการออมแห่งชาติเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
127 | รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบรายงานการเงินรวมภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และบทวิเคราะห์รายงานการเงินรวมภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน
และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงินของรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน ๘,๔๒๔ หน่วยงาน จากจำนวนทั้งหมด ๘,๔๔๓
หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๙๗
โดยมีหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาตามมาตรา ๗๐ จำนวน ๕๖
หน่วยงาน คิดเป็นร้อยละ ๐.๖๖ ประกอบด้วย
หน่วยงานของรัฐที่ส่งรายงานการเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด จำนวน ๓๗ หน่วยงาน และหน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายการเงิน
จำนวน ๑๙ หน่วยงาน และให้หน่วยงานของรัฐที่ไม่ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
พร้อมทั้งรายงานเหตุผลหรือปัญหา อุปสรรค
และแนวทางแก้ไขให้กระทรวงเจ้าสังกัดและกระทรวงการคลังภายใน ๖๐ วัน
นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
และให้หน่วยงานของรัฐส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณถัดไปให้ทันภายในระยะเวลาที่กำหนด
เพื่อให้การจัดทำรายงานการเงินรวมภาครัฐมีความครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
รวมทั้งหน่วยงานที่มีเงินได้มากกว่าที่มีการใช้จ่ายจริง หรือมีเงินสะสมคงเหลือ
โดยให้นำเงินดังกล่าวมาใช้จ่ายเป็นลำดับแรก หรือสมทบกับเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีในการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงาน
ตลอดจนควรทบทวนการขอรับจัดสรรงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า
ความเหมาะสม และประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
128 | ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... | มท. | 28/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลไพศาลี และตำบลโคกเดื่อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชน ให้เป็นเมืองศูนย์กลางการบริหารการปกครอง
เศรษฐกิจและสังคม การดำรงรักษาเมือง และพื้นที่ชนบทและเกษตรกรรม
และเป็นศูนย์กลางการผลิต การซื้อขายพืชไร่ ด้านตะวันออกของจังหวัดนครสวรรค์
โดยการจัดการด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ
และสภาพแวดล้อมในบริเวณพื้นที่ภายในเขตผังเมืองรวมชุมชนไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์
ให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
กฎหรือระเบียบ และความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการดำเนินงานตามหลักธรรมาภิบาล เกิดผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ต่อภาครัฐและประชาชนเป็นสำคัญ การใช้ประโยชน์ที่ดินตามร่างประกาศกระทรวงดังกล่าว
ควรคำนึงถึง กฎ
ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการใช้ประโยชน์ที่ดินด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย
การพิจารณาอนุญาตให้ดำเนินกิจการต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการดำรงชีวิตที่ปกติสุขของประชาชน
และเป็นไปตามกฎกระทรวงควบคุมสถานประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ พ.ศ. ๒๕๖๐
เมื่อผังเมืองรวมชุมชนฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ควรกำกับดูแลการประกอบกิจการโรงงานให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
129 | รายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี : การนำเสนอวัฒนธรรมของประเทศในลักษณะ Soft Power | วธ. | 21/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรี :
การนำเสนอวัฒนธรรมของประเทศในลักษณะ Soft Power มีความคืบหน้าการดำเนินการ ดังนี้
(๑) ด้านการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศผ่านสื่อบันเทิงในลักษณะ Soft Power : แต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศผ่านสื่อบันเทิงในลักษณะอำนาจละมุน
เพื่อใช้สื่อบันเทิงเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
สินค้าและบริการของประเทศ และ (๒) ด้านการขับเคลื่อน Soft Power ด้วยมิติวัฒนธรรมแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อน
Soft Power
ด้วยมิติทางวัฒนธรรม และจัดทำร่างแผนการขับเคลื่อน Soft Power เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทย พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐
เพื่อใช้เป็นแกนกลางในการขับเคลื่อน Soft Power
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
130 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สผ. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
โดยสำนักงานศาลยุติธรรมรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ครั้งที่
๕/๒๕๖๖ เมื่อวันที ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
มีมติเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับศึกษาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ในประเด็นที่เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การได้มาของผู้พิพากษาสมทบในศาลชำนัญพิเศษต่าง
ๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น กำหนดช่วงอายุของผู้สมัคร วุฒิการศึกษา เป็นต้น
และในประเด็นที่เกี่ยวกับการให้สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติในการกำหนดหลักเกณฑ์การพ้นตำแหน่งของผู้พิพากษาสมทบในศาลชำนัญพิเศษต่าง
ๆ ให้มีความสอดคล้องกัน อาทิ
ในบทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามโดยทั่วไป
จะบัญญัติแต่เพียงคำว่า “เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก” หรือ
“ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก” ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ซึ่งจะไม่มีถ้อยคำ “คำสั่งถึงที่สุดของศาลให้จำคุก”
โดยเห็นว่าสำนักงานศาลยุติธรรมควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในประเด็นดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกัน
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
131 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ รวม 3 ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา | สว. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
โดยสำนักงานศาลยุติธรรมรายงานว่าที่ประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ครั้งที่
๕/๒๕๖๖ เมื่อวันที ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
มีมติเห็นควรให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับศึกษาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ
ของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ในประเด็นที่เกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การได้มาของผู้พิพากษาสมทบในศาลชำนัญพิเศษต่าง
ๆ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เช่น กำหนดช่วงอายุของผู้สมัคร วุฒิการศึกษา เป็นต้น
และในประเด็นที่เกี่ยวกับการให้สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติในการกำหนดหลักเกณฑ์การพ้นตำแหน่งของผู้พิพากษาสมทบในศาลชำนัญพิเศษต่าง
ๆ ให้มีความสอดคล้องกัน อาทิ
ในบทบัญญัติของกฎหมายที่กำหนดเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามโดยทั่วไป
จะบัญญัติแต่เพียงคำว่า “เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก” หรือ
“ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก” ตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ซึ่งจะไม่มีถ้อยคำ “คำสั่งถึงที่สุดของศาลให้จำคุก”
โดยเห็นว่าสำนักงานศาลยุติธรรมควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายในประเด็นดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกัน
ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
132 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2569 | กค. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(International Monetary Fund : IMF) ปี ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้ว่าการธนาคารโลกของไทยได้มีหนังสือถึงธนาคารโลก
เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ แสดงความสนใจในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ
ปี ๒๕๖๙ และได้ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยังธนาคารโลกแล้ว
ซึ่งไทยผ่านการพิจารณาความเหมาะสมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ
ปี ๒๕๖๙ ร่วมกับอีก ๔ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐเฮลเลนิก (กรีซ) ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรัฐกาตาร์ ๒.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเข้าร่วมการประชุม Spring
Meeting ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ เมษายน ๒๕๖๖ ณ สหรัฐอเมริกา
ซึ่งจะมีการเสนอผลการประเมินประเทศที่มีความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ
ปี ๒๕๖๙ จากนั้นในเดือนตุลาคม ๒๕๖๖ จะมีการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ ณ
ราชอาณาจักรโมร็อกโก
โดยจะเสนอชื่อประเทศที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ
ปี ๒๕๖๙ ให้สภาผู้ว่าการธนาคารโลกและ IMF พิจารณาให้ความเห็นชอบ ๓. ในกรณีที่ไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ
ปี ๒๕๖๙
กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุม
และขออนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับดำเนินการ
รวมทั้งขออนุมัติการลงนามในร่างบันทึกเข้าใจในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ
ปี ๒๕๖๙ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
133 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายมานิตย์ พรหมการีย์กุล) | รง. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายมานิตย์ พรหมการีย์กุล เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ มีนาคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
134 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นางสาวปิยะดา หวังรุ่งทรัพย์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | สธ. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายนรวีร์ พุ่มจันทร์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช) สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๒. นางสาวภัทรวีร์ สร้อยสังวาลย์ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (มาตรฐานห้องปฏิบัติการ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๓. นางสาวปิยะดา หวังรุ่งทรัพย์ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (จุลชีววิทยา) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
135 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นางสาวภัทรวีร์ สร้อยสังวาลย์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | สธ. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายนรวีร์ พุ่มจันทร์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช) สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๒. นางสาวภัทรวีร์ สร้อยสังวาลย์ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (มาตรฐานห้องปฏิบัติการ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๓. นางสาวปิยะดา หวังรุ่งทรัพย์ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (จุลชีววิทยา) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
136 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายนรวีร์ พุ่มจันทร์ ฯลฯ จำนวน 3 ราย) | สธ. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย
ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
ดังนี้ ๑. นายนรวีร์ พุ่มจันทร์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช) สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต
ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๒. นางสาวภัทรวีร์ สร้อยสังวาลย์ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์
(มาตรฐานห้องปฏิบัติการ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕ ๓. นางสาวปิยะดา หวังรุ่งทรัพย์ ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์
(จุลชีววิทยา) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ตั้งแต่วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๕
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
137 | สรุปความคืบหน้าการติดตามการแก้ไขปัญหาสิ่งปลูกสร้างของส่วนราชการระดับจังหวัดที่ใช้งบประมาณแผ่นดิน ของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี | นร.01 | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
138 | การแจ้งยืนยันความพร้อมของไทยในการปฏิบัติตามแนวทางและหลักเกณฑ์ใหม่สำหรับประเทศคู่เจรจาของกรอบการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก (Pacific Islands Forum: PIF) | กต. | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแจ้งยืนยันความพร้อมของไทยในการปฏิบัติตามแนวทางและหลักเกณฑ์ใหม่สำหรับประเทศคู่เจรจาของกรอบการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก
(Pacific Islands Forum : PIF) เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่าง
PIF กับประเทศคู่เจรจา ๒๐ ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย)
โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของประเทศคู่เจรจา เช่น
กระบวนการรับและขั้นตอนการสมัครเป็นประเทศคู่เจรจา/การส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมประจำปีและการประชุมระดับรัฐมนตรี
การติดตาม ทบทวน และประเมินผล การถอนสถานะประเทศคู่เจรจา
การจัดทำรายงานประจำปีและแผนงานในปีถัดไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรวิเคราะห์ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการดำเนินงานการตามกรอบการประชุมดังกล่าว
รวมทั้งควรขับเคลื่อนเชิงบูรณาการร่วมกับกรอบความร่วมมืออื่นที่ประเทศไทยได้ดำเนินการอยู่แล้ว
ตลอดจนควรสื่อสารผลลัพธ์ของการดำเนินงานให้สาธารณชนและทุกภาคส่วนได้รับทราบในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
139 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2566 | นร.11 สศช | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
เห็นชอบ และรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๖
เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๖
ที่ได้มีมติที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
และการจัดทำรายงานความกาวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
ราย ๓ เดือน ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
ทั้งนี้
ให้กระทรวงต้นสังกัดและหน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
ให้เป็นไปตามเป้าหมายและกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี
ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งเร่งรัดการใช้จ่ายให้เป็นไปตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่าย
ตลอดจนให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
140 | สรุปรายงานการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 21 (ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2564-31 ธันวาคม 2565) | นร.04 | 14/03/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|