ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 2 จากทั้งหมด 11 หน้า แสดงรายการที่ 21 - 40 จากข้อมูลทั้งหมด 208 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายเกรียงศักดิ์ ปิยกุลมาลา ฯลฯ จำนวน 29 ราย) | สธ. | 19/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒๙ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
จำนวน ๒๘ ราย และวันที่มีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่งที่ได้รับการเสนอแต่งตั้ง
จำนวน ๑ ราย ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายเกรียงศักดิ์
ปิยกุลมาลา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลขอนแก่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๕ ๒. นายจรัญ จันทมัตตุการ ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒o มิถุนายน ๒๕๖๕ ๓. นายพิสิษฐ์ เวชกามา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม
โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๕ ๔. นางสาวสมบัติ ชุติมานุกูล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรมป้องกัน) โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่
๑๙ กันยายน ๒๕๖๕ (วันที่มีคำสั่งให้รักษาการในตำแหน่ง) ๕. นายประดิษฐ์ ไชยบุตร ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) โรงพยาบาลราชบุรี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดราชบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๕ ๖. นายชิโนรส ลี้สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์
(นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๗
กันยายน ๒๕๖๕ ๗. นายพรณรงค์ ศรีม่วง ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม) โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๕ ๘. นางสาวหทัยรัตน์ อัจจิมานนท์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ๙. นายชัยวัฒน์
สิงห์หิรัญนุสรณ์ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการอาหารและยาทรงคุณวุฒิ
(ด้านอาหารและยา) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๕ ๑๐. นางสาวพินทุสร
เหมพิสุทธิ์ ดำรงตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ
(ด้านกำลังคนสาธารณสุข) กลุ่มที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ๑๑. นางสุอร ชัยนันท์สมิตย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม
สาขากุมารเวชกรรม) โรงพยาบาลขอนแก่น สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๖ ๑๒. นายมงคล ภัทรทิวานนท์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) โรงพยาบาลศรีสะเกษ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖ ๑๓. นายปรเมษฐ์ กิ่งโก้ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม) โรงพยาบาลศรีสะเกษ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษ
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๖ ๑๔. นายพิพัฒน์ คงทรัพย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา) กลุ่มงานจักษุวิทยา โรงพยาบาลพระปกเกล้า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๖ ๑๕. นายปรีชา เปรมปรี ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์
(นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๑
พฤษภาคม ๒๕๖๖ ๑๖. นางสายสมร สบู่แก้ว ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านทันตกรรม) กลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๖ ๑๗. นายปราโมทย์ ปรปักษ์ขาม ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) สถาบันโรคทรวงอก
กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๕ ๑๘. นายพรภวิษญ์ ศรีภิรมย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาออร์โธปิดิกส์)
โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ ๑๙. นางอดิศร์สุดา เฟื่องฟู ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม)
สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน
๒๕๖๕ ๒๐. นางวีรนันท์ วิชาไทย ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านทันตกรรม) สถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๗ มีนาคม
๒๕๖๖ ๒๑. นางสาววรางคณา พิชัยวงศ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) โรงพยาบาลราชวิถี
กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๖ ๒๒. นางประภาวรรณ เชาวะวณิช ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม
สาขาตจวิทยา) สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๖ ๒๓. นายมนต์ชัย
ศิริบำรุงวงศ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์
ตั้งแต่วันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖ ๒๔. นางพู่กลิ่น ตรีสุโกศล ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม) กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๓๑
พฤษภาคม ๒๕๖๖ ๒๕. นางสาวศิริลักษณ์
ไทยเจริญ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมควบคุมโรค
ตั้งแต่วันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ๒๖. นางเบญจมาภรณ์ ภิญโญพรพาณิชย์ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ
(ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัย) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ๒๗. นางสุภาพร ภูมิอมร ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (เทคโนโลยีชีวภาพ)
(นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๙
มีนาคม ๒๕๖๖ ๒๘. นายบุรินทร์
สุรอรุณสัมฤทธิ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาจิตเวช) สถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กรมสุขภาพจิต ตั้งแต่วันที่
๑๗ มกราคม ๒๕๖๖ |
||||||||||||||||||||||||||||||
22 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2567 | คค. | 19/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๗ ระหว่างวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่
๓ มกราคม ๒๕๖๗ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดบนทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
23 | ร่างปฏิญญาเนปยีดอของการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ครั้งที่ 4 | กต. | 19/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนชื่อร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ ๘ เป็นร่างปฏิญญาเนปยีดอของการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
ครั้งที่ ๔
และปรับเปลี่ยนผู้รับรองเอกสารฉบับดังกล่าวจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นนายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายในการประชุมผู้นำฯ
โดยไม่กระทบสาระสำคัญของร่างเอกสารดังกล่าวที่คณะรัฐมนตรีได้เคยให้ความเห็นชอบแล้ว
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นควรส่งเสริมให้ประเทศในอนุภูมิภาคฯ
ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติ
รวมทั้งข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศ
เพื่อให้ประเทศสมาชิกสร้างความตระหนักรู้ถึงผลกระทบและบทลงโทษจากการกระทำผิดให้กับประชาชนในพื้นที่
ซึ่งจะส่งผลให้ช่วยลดความเสี่ยงในการเข้าสู่วงจรอาชญากรรมข้ามชาติ
และเพื่อให้ประเทศสมาชิกสามารถกำหนดแนวทางปฏิบัติร่วมกันได้อย่างชัดเจน และควรเน้นย้ำแนวทางการดำเนินงานของกรอบความร่วมมือดังกล่าวให้สอดประสานกับประเด็นความเชื่อมโยงด้านคมนาคมและการขนส่งที่กรอบความร่วมมืออื่น
ๆ ในพื้นที่ได้ดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว อาทิ อาเซียน
แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) และยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง
(ACMECS) เพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกันและเกื้อหนุนการดำเนินการระหว่างกัน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
24 | รายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาของรองนายกรัฐมนตรีและส่วนราชการ | นร 05 | 19/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.)
ของรองนายกรัฐมนตรีและส่วนราชการ รวมทั้งหมด ๓๗ ราย
ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้ ๑. นายชนินทร์
รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๒. นางสาวอรณี
รัตนประเสริฐ นักทัณฑวิทยาชำนาญการ ๓. นายศึกษิษฏ์
ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๔. นายชื่นชอบ
คงอุดม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ๕. พลเอก
ธนะศักดิ์ ชื่นอิ่ม รองปลัดกระทรวงกลาโหม ๖. นางสาวพินทุ์สุดา
ชัยนาม เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง ๗. นายมนตรี
เดชาสกุลสม รองปลัดกระทรวงคมนาคม ๘. นายเวทางศ์
พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ๙. นางโสรดา
เลิศอาภาจิตร์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ๑๐. นายสมคิด
จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ๑๑. นายสมาสภ์
ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ๑๒. นางโชติกา
อัครกิจโสภากุล รองปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ๑๓.
นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ๑๔. นายพงศธร พอกเพิ่มดี นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านสาธารณสุข) รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ๑๕. นายเอกภัทร
วังสุวรรณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ๑๖. นายมงคลชัย
สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ๑๗. นางนิชา
หิรัญบูรณะ ธุวธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ๑๘. นางอุดมพร
เอกเอี่ยม รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ๑๙.
นางสาวสาวิตรี ชำนาญกิจ รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ๒๐. นายวีรศักดิ์
ทิพย์มณเฑียร รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ๒๑. นายยุทธนา
สาโยชนกร รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ๒๒. นายฉัตรชัย
บางชวด รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งซาติ ๒๓. นายกิตติศักดิ์ จุลสำรวล กรรมการร่างกฎหมายประจำ
(นักกฎหมายกฤษฎีกาทรงคุณวุฒิ) ๒๔. นายสุวัฒน์ เอื้อเฟื้อ รองเลขาธิการ
ก.พ. ๒๕. นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ
ก.พ.ร. ๒๖. นายนฤชา ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน ๒๗. นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ๒๘. นายศุภฤกษ์ ภู่พงศ์ศักดิ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ๒๙. นายประเสริฐ ศิรินภาพร รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ๓๐. นางพิชญดา หัศภาค รองเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระ ราชดำริ ๓๑. นายศานติ ภักดีคำ รองเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา
รักษาราชการแทนเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา ๓๒. นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ๓๓. นายธัชพล กาญจนกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ๓๔. พลตรี ธีรวุฒิ วิทยากรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ๓๕. พลเรือตรี จุมพล นาคบัว ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทาง ทะเล ๓๖. นายทศพร แย้มวงษ์ รองเลขาธิการวุฒิสภา |
||||||||||||||||||||||||||||||
25 | การเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐบาฮามาสประจำประเทศไทย และการแต่งตั้งกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐบาฮามาสประจำประเทศไทย (นายธมณทีป ซิงห์ คานิยอ) | กต. | 19/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.
เปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐบาฮามาสประจำประเทศไทย
โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมประเทศไทย ๒.
แต่งตั้ง นายธมณทีป ซิงห์ คานิยอ
ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์เครือรัฐบาฮามาสประจำประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
26 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบัง ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา | สว. | 12/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แนวทางการพัฒนาสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง
(ไอซีดี) ลาดกระบัง ของคณะกรรมาธิการการคมนาคม วุฒิสภา โดยมีข้อเสนอแนะ
แบ่งออกเป็น ๒ แนวทาง ได้แก่ ๑) แนวทางการแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน เช่น การแก้ไขปัญหาสัญญาสัมปทานสถานี
ระยะสั้น รฟท. ควรเร่งตรวจสอบรายงานผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการเพื่อคัดเลือกเอกชนเป็นผู้ประกอบการสถานี
และ รฟท.
ควรบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดโดยการบริหารจัดการพื้นที่ลานจอดไม่ให้รถบรรทุกจากภายนอกเข้ามาจอดในสถานีแบบประจำ
และ ๒) ข้อเสนอแนะสำหรับแผนระยะกลางและระยะยาว เช่น รฟท. ควรประสานผู้ประกอบการไอซีดีปัจจุบัน
ทั้ง ๖ ราย ในการบริหารการรับส่งตู้สินค้าที่มีประสิทธิภาพ โดยการกำหนด KPI truck turnaround time ไม่เกิน
๒ ชั่วโมง และประเมินผลต่อเนื่อง
และควรเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางระหว่างสถานี (ไอซีดี) ลาดกระบัง
และท่าเรือแหลมฉบังให้ได้มากกว่า ๓๐ เที่ยวต่อวัน (ไป-กลับ)
และเพิ่มขนส่งด้วยระบบรางอย่างน้อยร้อยละ ๕๐
ของจำนวนตู้สินค้าทั้งหมดที่ขนส่งผ่านสถานี
เพื่อลดปริมาณรถบรรทุกที่เข้ามารับส่งตู้สินค้าในสถานี และกรุงเทพมหานคร ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
27 | ร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมของการประชุม Asia Zero Emission Community (AZEC) Leaders Meeting [Asia Zero Emission Community (AZEC) Leaders’ Joint Statement] | พน. | 12/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมของการประชุม Asia Zero Emission Community
(AZEC) Leaders Meeting ( Asia Zero Emission Community (AZEC) Leaders’ Joint Statement และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรี
(หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี)
เป็นผู้ให้การรับรองร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมฯ ดังกล่าว ในระหว่างการประชุม Asia
Zero Emission Community (AZEC) Leaders Meeting โดยร่างถ้อยแถลงการณ์การร่วมฯ มีสาระสำคัญที่มุ่งส่งเสริมการดำเนินความร่วมมือของประเทศพันธมิตร
AZEC โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวทางที่หลากหลายและความสามารถในการปฏิบัติได้จริงตามสถานการณ์ของแต่ละประเทศ
เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน
ผ่านการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีพลังงานสะอาด
การใช้ประโยชน์จากเชื้อเพลิงที่หลากหลาย การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานให้สามารถรองรับการเติบโตของการใช้พลังงานหมุนเวียน
การแบ่งปันข้อมูลและแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ การส่งเสริมเวทีหารือเชิงนโยบาย
การแลกเปลี่ยนและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
ตลอดจนการจัดหาแหล่งเงินทุน
และการพัฒนาตลาดพลังงานสะอาดเพื่อสนับสนุนการเร่งการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานในภูมิภาค
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงการณ์ร่วมของการประชุม Asia
Zero Emission Community (AZEC) Leaders Meeting ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้กระทรวงพลังงาน
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงพลังงานพิจารณาใช้จ่ายตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ไปพลางก่อน ตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
28 | การขอรับความเห็นชอบต่อร่างหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างกรมความร่วมมือระหว่างประเทศและองค์การความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแห่งสมาพันธรัฐสวิส ร่วมกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน เพื่อดำเนินความร่วมมือในโครงการลดปัญหาความยากจนโดยการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย การพัฒนาทักษะแรงงาน และการยกระดับโอกาสการเข้าถึงการจ้างงานในประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมียนมา และไทย ระยะที่ 2 | กต. | 12/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างกรมความร่วมมือระหว่างประเทศและองค์การความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแห่งสมาพันธรัฐสวิส
ร่วมกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน
เพื่อดำเนินความร่วมมือในโครงการลดปัญหาความยากจนโดยการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย การพัฒนาทักษะแรงงาน
และการยกระดับโอกาสการเข้าถึงการจ้างงานในประเทศกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
เมียนมา และไทย ระยะที่ ๒ และอนุมัติให้อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงข้างต้น
โดยร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้แรงงานข้ามชาติจากกัมพูชา
สปป.ลาว และเมียนมาในประเทศไทยตลอดจนแรงงานข้ามชาติที่เดินทางกลับไปยังภูมิลำเนาเดิม
ได้รับการจ้างงานอย่างเหมาะสมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างกรมความร่วมมือระหว่างประเทศและองค์การความร่วมมือเพื่อการพัฒนาแห่งสมาพันธรัฐสวิส
ร่วมกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน
เพื่อดำเนินความร่วมมือในโครงการลดปัญหาความยากจนโดยการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัย
การพัฒนาทักษะแรงงาน และการยกระดับโอกาสการเข้าถึงการจ้างงานในประเทศกัมพูชา
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมียนมา และไทย ระยะที่ ๒
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการความร่วมมือดังกล่าว
ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนงบประมาณรายจ่าย โอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรงบประมาณ แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
29 | ร่างคำมั่นโดยสมัครใจของไทยสำหรับการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ 2 | กต. | 12/12/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติร่างคำมั่นโดยสมัครใจของไทยสำหรับการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก
ครั้งที่ ๒ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๓-๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ ที่นครเจนีวา
สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างคำมั่นโดยสมัครใจของไทยสำหรับการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก
ครั้งที่ ๒
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ทั้งนี้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่เห็นว่าร่างคำมั่นโดยสมัครใจของไทยสำหรับการประชุมเวทีผู้ลี้ภัยโลก ครั้งที่ ๒
มีสาระสำคัญเป็นการประกาศเจตนารมณ์ฝ่ายเดียวของไทยที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการแก้ไขปัญหาบุคคลไร้สัญชาติและผู้หนีภัยกลุ่มต่าง
ๆ ในประเทศไทย
โดยมิได้มีการจัดทำเป็นข้อตกลงที่มุ่งหมายให้เกิดผลผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ
จึงไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
แต่การประกาศคำมั่นดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลผูกพันที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามคำมั่นนั้นด้วย
ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
30 | รายงานการพิจารณาศึกษากฎหมายและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีการควบรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคมในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ของคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา | สว. | 28/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษากฎหมายและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกรณีการควบรวมธุรกิจในกิจการโทรคมนาคมในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
ของคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา เกี่ยวกับการควบรวมกิจการ
ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ลงนาม โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของกฎหมายและผลประโยชน์ของประเทศชาติและผู้บริโภคเป็นสำคัญ
การพิจารณาให้อนุญาตหรือการกำหนดเงื่อนไขใด ๆ
เกี่ยวกับการควบรวมกิจการควรต้องมีการศึกษาผลกระทบในทุก ๆ มิติอย่างถี่ถ้วน ควรหาช่องทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาด
การลด หรือจำกัดการแข่งขันและการทำให้เกิดผู้มีอำนาจเหนือตลาดอย่างถึงที่สุด
และแก้ไขปรับปรุงกฎหมายการแข่งขันทางการค้าในภาพรวมให้มีความสอดคล้องและครอบคลุมไม่ควรจำกัดอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาให้เฉพาะหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเป็นพิเศษเพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถมีส่วนร่วมและร่วมตรวจสอบการพิจารณากรณีการควบรวมหรือกรณีอื่น
ๆ ที่ส่งผลกระทบกับการแข่งขันทางการค้า ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
31 | ญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งเมืองหลวงแห่งที่ 2 ของประเทศไทย หรือการสร้างแนวป้องกันกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่ประสบปัญหากำลังจะจมบาดาล | สผ. | 28/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบญัตติขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดตั้งเมืองหลวงแห่งที่
๒ ของประเทศไทย หรือการสร้างแนวป้องกันกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
ที่ประสบปัญหากำลังจะจมบาดาล เกี่ยวกับการจัดตั้งเมืองหลวงแห่งที่ ๒
และมาตรการในการแก้ไขปัญหาเมืองกำลังจะจมบาดาล โดยควรปรับผังเมืองให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการขยายตัวของเมือง
เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในกรุงเทพมหานคร ควรมีโครงสร้างการป้องกันชายฝั่ง
และการศึกษาในเรื่องน้ำทะเลที่สูงขึ้นอันเกิดจากภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับญัตติพร้อมทั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
สำนักงบประมาณ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตและข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
32 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร.09 | 28/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบร่างพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ
และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง
รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญ
และเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการการจ่ายเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ
พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “เงินเดือน”
และปรับเงื่อนไขการจ่ายเงินเดือนของข้าราชการและเงินประจำตำแหน่งประจำเดือนของข้าราชการ
หรือผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ โดยสามารถแบ่งจ่ายเป็น ๒ รอบ
ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้แก่ข้าราชการ
รวมทั้งเป็นการเพิ่มอัตราเงินหมุนเวียนซึ่งจะช่วยเศรษฐกิจของประเทศ
อีกทั้งเพื่อให้การเบิกจ่ายเงินเดือนของข้าราชการมีความคล่องตัว รวดเร็ว
และสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงการคลังตรวจสอบกฎและระเบียบที่มีบทบัญญัติกำหนดวันจ่ายเงินเดือนหรือเงินอื่นที่มีกำหนดจ่ายในลักษณะเดียวกับเงินเดือน
และดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในเรื่องนี้ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
33 | ผลการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Special Meeting of Justice Ministers: AJSMJ) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ยธ. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ (ASEAN-Japan Special Meeting of Justice Ministers : AJSMJ)
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๕-๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงโตเกียว
ประเทศญี่ปุ่น โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในขณะนั้น เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว
โดยที่ประชุมได้มีมติรับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ และเห็นชอบแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม ทั้งนี้
ในการประชุมดังกล่าว มีการปรับแก้ไขร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เช่น การระบุวันที่ สถานที่ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและตรงกับความเป็นจริง
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานในการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินความร่วมมือตามแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น
ด้านกฎหมายและงานยุติธรรม ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์การประชุมดังกล่าวต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นว่าร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรียุติธรรมอาเซียน-ญี่ปุ่น
สมัยพิเศษ และร่างแผนงานอาเซียน-ญี่ปุ่น
ด้านกฎหมายและงานยุติธรรมดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงความร่วมมือด้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
34 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม | พม. | 21/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองที่ออกตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ
พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ออกไปอีก ๑ ปี นับแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
จำนวน ๑ ฉบับ ได้แก่ ระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขการดำเนินการขององค์กรด้านคนพิการหรือองค์กรอื่นใดที่ให้บริการแก่คนพิการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
35 | การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 | นร.07 | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ดังนี้ ๑.
การปรับปรุงปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ และที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมว่า
ขอแก้ไขปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗
ในส่วนของระยะเวลาการดำเนินการรับฟังความคิดเห็นการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๗ จากที่เสนอไว้เดิม ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๖
เป็น ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
36 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจัดตั้งสำนักบริหารการมัธยมศึกษา (สบม.) ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา | สว. | 14/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง
การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อจัดตั้งสำนักบริหารการมัธยมศึกษา
ของคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา ซึ่งเป็นการศึกษาการจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษาที่ยังไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
พร้อมทั้งมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
โดยปรับปรุงสำนักบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลายซึ่งเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นเป็นการภายใน
ให้จัดตั้งเป็นหน่วยงานตามโครงสร้างและให้มีชื่อใหม่ว่า “สำนักบริหารการมัธยมศึกษา”
เพื่อเป็นหน่วยงานกลางที่รับผิดชอบการจัดการมัธยมศึกษาโดยตรง
พร้อมกับได้เสนอขอบเขตอำนาจหน้าที่ของสำนักบริหารการมัธยมศึกษา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
37 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 | สธ. | 07/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ
พ.ศ. ๒๕๖๐ ออกไปอีก ๑ ปี ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
38 | รายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ยุทธศาสตร์ "Indo - Pacific" ของสหรัฐฯ และ "Belt and Road Initiative: BRI" ของจีน : ผลกระทบต่อภูมิภาคและประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา | สว. | 07/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ยุทธศาสตร์
“Indo-Pacific” ของสหรัฐฯ
และ “Belt and Road Initiative : BRI” ของจีน
: ผลกระทบต่อภูมิภาคและประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา
โดยมีข้อเสนอแนะ แบ่งเป็น ๓ แนวทาง ได้แก่
ท่าทีและข้อเสนอแนะสำหรับไทยที่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ เช่น
มิติทางด้านการทหารและความมั่นคง ไทยควรสนับสนุนให้สหรัฐฯ
หลีกเลี่ยงการใช้สรรพกำลัง อาวุธ และความรุนแรง หรือในการจัดการกับปัญหาต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้น และควรสนับสนุนให้สหรัฐฯ ดำเนินยุทธศาสตร์ให้เป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ แก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีในลักษณะการทูตเชิงป้องกัน
เพื่อป้องกันปัญหาความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ท่าทีและข้อเสนอแนะสำหรับไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับจีน
เช่น ไทยควรหารือกับจีนในเรื่องการเสริมสร้างความร่วมมือกับอาเซียน
โดยเข้าร่วมเจรจาและสนับสนุนการจัดทำประมวลการปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of
Conduct in the South China Sea : COC) ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และควรสนับสนุนให้จีนใช้เวทีอาเซียนในการเจรจาหารือหรือดำเนินกิจกรรมต่าง
ๆ เกี่ยวกับการปกป้องผลประโยชน์แห่งชาติในเชิงสร้างสรรค์ร่วมกันในพื้นที่ทะเลจีนใต้
เพื่อเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือ ความเชื่อมั่น
และความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างจีนกับอาเซียน และข้อเสนอแนะอื่น ๆ สำหรับไทย เช่น
สหรัฐฯ และจีน มองว่าไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญต่อภูมิภาคอาเซียน ดังนั้น
ไทยควรพิจารณาดำเนินนโยบายทางการทูตแบบสมดุลและสนับสนุนเสริมสร้างความสามัคคีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอาเซียน
ซึ่งจะเป็นการช่วยสร้างอำนาจในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ และจีนได้ดียิ่งขึ้น และควรนำกรอบความร่วมมือที่ทำร่วมกับสหรัฐฯ
และจีน มาพิจารณาแสวงหาประโยชน์ผ่านเวทีระดับพหุภาคี
ซึ่งไทยมีบทบาทสำคัญทั้งต่อระบบเศรษฐกิจและที่ตั้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้น ไทยควรพิจารณาถึงการแสดงบทบาทนำและผลักดันในประเด็นข้อตกลงที่ไทยจะได้รับประโยชน์มากที่สุด
ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ ๒.
มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของรายงานพร้อมทั้งข้อเสนอแนะดังกล่าว
และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม
แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน
นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
39 | ร่างพิธีสารการเจรจาทวิภาคีไทยและติมอร์ - เลสเต เพื่อการภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกของติมอร์ - เลสเต | พณ. | 07/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในสารัตถะของร่างพิธีสารการเจรจาทวิภาคีไทยและติมอร์-เลสเต
เพื่อการภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) ของติมอร์-เลสเต
ซึ่งเป็นตราสารที่จัดทำขึ้นเพื่อแสดงถึงผลการเจรจาทวิภาคีระหว่างประเทศไทยและติมอร์-เลสเต
เพื่อนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางการค้าที่ติมอร์-เลสเต
จะให้ในกรอบ WTO ตามกระบวนการภาคยานุวัติเป็นสมาชิก WTO
โดยผลการเจรจาระหว่างประเทศไทยกับติมอร์-เลสเต
ในการลดภาษีสินค้านำเข้าและข้อผูกพันเฉพาะรายสาขาการค้าบริการของติมอร์-เลสเต
ต่อไทยที่บรรจุในร่างพิธีสารฯ จะนำไปรวมกับผลการเจรจาระหว่างติมอร์-เลสเตกับประเทศสมาชิกอื่น
ๆ และจะกลายเป็นส่วนต่อท้าย (addendum)
ของพิธีสารภาคยานุวัติ (Protocol of Accession) เข้าเป็นสมาชิก
WTO ของติมอร์-เลสเต และมอบหมายให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำ WTO
และองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างพิธีสารการเจรจาทวิภาคีไทยและติมอร์-เลสเต
เพื่อการภาคยานุวัติเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกของติมอร์-เลสเต
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
40 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (1. นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ฯลฯ จำนวน 22 คน) | อว. | 07/11/2566 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
จำนวน ๒๒ คน เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๖) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.
ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ๑.๑ นายชัยวัฒน์
ชื่นโกสุม ๑.๒ ศาสตราจารย์บัณฑิต
เอื้ออาภรณ์ ๑.๓
ศาสตราจารย์ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช ๑.๔ นางภัทรพร วรทรัพย์ ๑.๕ นายยุทธนา สาโยชนกร ๑.๖ รองศาสตราจารย์สาโรช รุจิรวรรธน์ ๑.๗ นายสุทธิเกตติ์ ทัดพิทักษ์กุล ๑.๘
รองศาสตราจารย์คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ๑.๙ นางรวีวรรณ ภูริเดช ๑.๑๐ นายวันชัย พนมชัย ๑.๑๑ ศาสตราจารย์อภิชาติ
อัศวมงคลกุล ๒.
ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมิใช่ข้าราชการ ๒.๑ นายเกรียงไกร
เธียรนุกุล ๒.๒ นายธรรมศักดิ์
เศรษฐอุดม ๒.๓ ศาสตราจารย์ประสาท
สืบค้า ๒.๔ ศาสตราจารย์ปิยะมิตร
ศรีธรา ๒.๕
รองศาสตราจารย์วีระพงษ์ แพสุวรรณ ๒.๖ ศาสตราจารย์สิริฤกษ์
ทรงศิวิไล ๒.๗ รองศาสตราจารย์สุธรรม
อยู่ในธรรม ๒.๘ นายสุเมธ
ตั้งประเสริฐ ๒.๙ นายสุวิทย์
วิบุลผลประเสริฐ ๒.๑๐ นายอรรถพล
ฤกษ์พิบูลย์ ๒.๑๑ นายอาทิตย์
นันทวิทยา
|