ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 896 จากทั้งหมด 6236 หน้า แสดงรายการที่ 17901 - 17920 จากข้อมูลทั้งหมด 124707 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 17901 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤษภาคม 2560 | ยธ | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ ต่อคณะรัฐมนตรี โดยภาพรวมการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการฯ มีหน่วยงานผู้รับผิดชอบรายงานผลผ่านเว็บไซต์ http://const.oja.go.th จำนวน ๔๐ หน่วยงาน จากทั้งหมด ๔๖ หน่วยงาน ซึ่งหน่วยงานที่ยังมิได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการฯ จำนวน ๖ หน่วยงาน แจ้งว่าอยู่ระหว่างการดำเนินการของหน่วยงาน โดยจะได้เร่งรัดการดำเนินการและรายงานผลเข้าสู่ระบบต่อไป และคาดว่าจะทราบจำนวนกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมดภายหลังการรายงานผลประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ หรือกรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17902 | สรุปผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอิตาลีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กษ | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอิตาลีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ ๒-๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ซึ่งการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอิตาลีในครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยได้กล่าวถ้อยแถลงในพิธีเปิดการประชุมและเข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีของสมัชชาองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ [FAO (Food and Agriculture Organization of the United Nations) Conference] สมัยที่ ๔๐ โดยที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาเกี่ยวกับสถานการณ์อาหารและการเกษตรของโลก และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อความมั่นคงอาหารและการเกษตร รวมทั้งได้หารือความร่วมมือด้านการเกษตรกับผู้อำนวยการใหญ่ FAO และหารือทวิภาคีกับสมาชิก FAO ในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17903 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนพฤษภาคม 2560 | นร11 | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ ขยายตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเดือนเมษายน ๒๕๖๐ ในด้านการใช้จ่าย ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน มูลค่าการส่งออก และการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำของรัฐบาลขยายตัวเร่งขึ้น การเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจขยายตัวในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนยังคงปรับตัวลดลงในช่วงที่การส่งออกยังอยู่ในระยะแรกของการฟื้นตัวและกำลังการผลิตส่วนเกินยังอยู่ในระดับสูง แต่องค์ประกอบของดัชนีในด้านปริมาณนำเข้าสินค้าทุนและพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่การเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐบาลปรับตัวลดลง ในด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ดัชนีรายได้เกษตรกร และรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวต่อเนื่อง ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัว ในขณะที่ดัชนีราคาสินค้าเกษตรปรับตัวลดลงตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสินค้าเกษตร เสถียรภาพทางเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี อัตราเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลอย่างต่อเนื่อง ๒. เศรษฐกิจโลกในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ ภาพรวมปรับตัวดีขึ้นจากเดือนเมษายน ๒๕๖๐ นำโดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศยูโรโซน และญี่ปุ่นที่ปรับตัวดีขี้นตามการขยายตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก เช่นเดียวกับเศรษฐกิจของหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย ในขณะที่เศรษฐกิจจีนยังมีแนวโน้มชะลอตัวอย่างช้า ๆ ตามการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่ยังชะลอตัวต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกาฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น ด้วยอัตราการว่างงานที่ต่ำสุดในรอบ ๑๖ ปี ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ช่วงร้อยละ ๑.๐๐-๑.๒๕ ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่นยังคงนโยบายการเงินผ่อนคลายไว้ที่ระดับเดิม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17904 | ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม 2560 และคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน 2560 และแนวโน้มเดือนกรกฎาคม 2560 | อก | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ และคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ และแนวโน้มเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวร้อยละ ๑.๔ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง (ยางแผ่น) ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และอุตสาหกรรมรถยนต์ ๒. คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของไทยเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ และแนวโน้มเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ คาดว่าขยายตัวร้อยละ ๐.๖ (YoY) โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัว อาทิ ผลิตภัณฑ์ยาง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17905 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 2 ปีงบประมาณ 2560 | กค | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๒ ปีงบประมาณ ๒๕๖๐ (มกราคม-มีนาคม ๒๕๖๐) โดยสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ ผลไม้ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท สุราต่างประเทศ รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหารหรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้า ๙๐๖.๑๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑.๗๓ ของมูลค่านำเข้ารวม ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๑๓๔.๔๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๑๒.๙๒ โดยสินค้าที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ และกระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง สินค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด ๕ กลุ่มสินค้า เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ได้แก่ ปากกาและอุปกรณ์ ดอกไม้ กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ไวน์ และกระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง สินค้าที่มีการหดตัวสูงสุด คือ นาฬิกาและอุปกรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17906 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มคนไร้บ้าน | พม | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มคนไร้บ้าน ประกอบด้วย (๑) การสนับสนุนงบประมาณ (งบอุดหนุน) ในการสร้างศูนย์ฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพกลุ่มคนไร้บ้าน จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๒๖.๔ ล้านบาท เพื่อจัดซื้อที่ดินและปลูกสร้างอาคาร (๒) การปรับปรุงอาคารศูนย์ไร้บ้าน (สุวิทย์วัดหนู) เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ให้เป็นศูนย์พักคนไร้บ้านที่ถูกสุขลักษณะ (๓) การนำคนไร้บ้านไปสืบค้นที่ภูมิลำเนาเดิมจนสามารถทำบัตรประชาชนได้ จำนวน ๖๑ ราย เป็นคนไร้บ้านที่จังหวัดขอนแก่น ๒๒ ราย และคนไร้บ้านที่กรุงเทพมหานคร ๓๙ ราย และ (๔) การจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลในรูปห้างหุ้นส่วนจำกัดคนไร้บ้าน ซึ่งได้รับงานตกแต่งต้นไม้ งานขนย้ายของ รับเหมางานปูพื้น งานรื้อถอนเคลียร์พื้นที่ มูลค่างานรวม ๔๑๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17907 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 290 สายถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ตอนบ้านหนองคู - บ้านหนองบัวศาลา พ.ศ. .... | คค | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๙๐ สายถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ตอนบ้านหนองคู-บ้านหนองบัวศาลา พ.ศ. ....มีสาระสำคัญเพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๙๐ สายถนนวงแหวนรอบเมืองนครราชสีมา ตอนบ้านหนองคู-บ้านหนองบัวศาลา ในท้องที่อำเภอขามทะเลสอ อำเภอเมืองนคราชสีมา อำเภอโนนไทย อำเภอโนนสูง และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่ากรมทางหลวงควรให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบด้านการระบายน้ำภายหลังจากการก่อสร้าง เพื่อมิให้เกิดปัญหาเรื่องการระบายน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวในอนาคต และให้ความสำคัญกับการประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยในการพิจารณาออกแบบรายละเอียดและกำหนดระยะเวลาการก่อสร้างให้มีความสอดคล้องกันโดยเฉพาะในบริเวณจุดตัดของโครงการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงการเดินทางของประชาชนได้อย่างบูรณาการ รวมทั้งยังทำให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17908 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. 2489 ว่าด้วยการรับฝากเงินออมสิน | กค | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติธนาคารออมสิน พ.ศ. ๒๔๘๙ ว่าด้วยการรับฝากเงินออมสิน มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงบัญชีเงินฝากเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ให้เป็นชื่อบัญชีเงินฝากของผู้เยาว์เมื่อผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะแล้ว การโอนบัญชีไปยังสาขาอื่น และการดำเนินการกับสมุดคู่บัญชีที่ปิดบัญชีแล้ว อันเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการและเพื่อให้เหมาะสมแก่ภาวะการณ์ในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรให้ธนาคารออมสินแจ้งผู้ฝากเงินทราบถึงการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ดังกล่าวโดยทั่วถึงกัน และเห็นควรที่กระทรวงการคลังจะได้ปรับปรุงพระราชบัญญัติธนาคารออมสินและอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน เพื่อรองรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17909 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานทางหลวงสำหรับทางหลวงชนบท พ.ศ. .... | คค | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานทางหลวงสำหรับทางหลวงชนบท พ.ศ. .... มีสาระสำคัญป็นการกำหนดแบบบัตรประจำตัวเจ้าพนักงานทางหลวง เพื่อใช้สำหรับเจ้าพนักงานทางหลวงชนบทของกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม เป็นการเฉพาะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17910 | ข้อเสนอการปฏิรูปกิจการตำรวจของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) | ยธ | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อเสนอการปฏิรูปกิจการตำรวจของคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) ตามมติ กพยช. ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๐ ซึ่งได้มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการพัฒนาระบบการสอบสวน งานนิติวิทยาศาสตร์ อำนาจหน้าที่และภารกิจของตำรวจ ระบบการบริหารงานบุคคล และระบบค่าตอบแทน ตามที่ประธาน กพยช. เสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งข้อเสนอการปฏิรูปกิจการตำรวจดังกล่าวและความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมีความเห็น ดังนี้ ๒.๑ การพัฒนาระบบค่าตอบแทนควรพิจารณาให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง สำหรับข้อเสนอในเรื่องการพัฒนาความร่วมมือในการบริหารจัดการภารกิจและการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าตอบแทนแก่ข้าราชการตำรวจที่ได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกับชุมชนหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีข้อเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณในการปฏิบัติงานของตำรวจจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เห็นควรพิจารณาให้เป็นไปตามอำนาจหน้าที่และความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒.๒ ควรเน้นให้สถานีตำรวจเป็นศูนย์กลางในการบริการประชาชน และให้ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการปฏิบัติภารกิจของตำรวจ รวมทั้งลดภาระงานที่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตำรวจโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้สามารถพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและระบบค่าตอบแทนได้สอดคล้องกัน นอกจากนี้ ควรมุ่งเน้นการสร้างธรรมาภิบาลและระบบคุณธรรมในการบริหารราชการและการบริหารงานบุคคลเพื่อให้เกิดความเชื่อถือไว้วางใจต่อสาธารณชนมากขึ้น ๒.๓ ควรปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม และควรโอนภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องหรือถ่ายโอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17911 | ขอผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 เพื่อใช้ประโยชน์ในพื้นที่เขตป่าชายเลน สำหรับดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำ คลอง D2 ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี | กษ | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติผ่อนผันยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ เพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพื้นที่ป่าชายเลนสำหรับดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำ คลอง D2 ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ของกรมชลประทาน จำนวน ๑๖๕ ไร่ ๓ งาน ๖๗ ตารางวา (ระยะทาง ๘.๘๔๙ กิโลเมตร) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรให้เสนอขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลนโดยเด็ดขาด เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกเว้นแล้ว จึงเสนอเรื่องต่อกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อขออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าชายเลน โดยหน่วยงานเจ้าของโครงการต้องจัดเตรียมรายละเอียดเพิ่มเติมประกอบการยื่นขออนุญาต ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวไม่เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมชลประทานรายงานการดำเนินงานเพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำ คลอง D2 (สายใหม่ และท้ายประตูระบายน้ำ) โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องความเหมาะสมของพื้นที่ทิ้งตะกอน การรบกวนสภาพธรรมชาติ การไหลเข้าออกของน้ำทะเลที่จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดำเนินงานและพื้นที่ใกล้เคียงตามมาในภายหลัง แล้วเสนอรายงานการดำเนินงานต่อกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อพิจารณาตรวจสอบ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการดังกล่าว เมื่อกรมชลประทานปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วนแล้ว ก็เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ได้รับการจัดสรรไว้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17912 | การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2528/28 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย หมายเลข B6/27 | พน | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้บริษัท JX Nippon Oil & Gas Exploration Corporation โอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะซึ่งบริษัทฯ ถืออยู่ในอัตราร้อยละ ๔๐ ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๓/๒๕๒๘/๒๘ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข B๖/๒๗ ให้แก่บริษัท ปตท.สผ. สยาม จำกัด โดยอาศัยความตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และให้ออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๓/๒๕๒๘/๒๘ ตามแบบ ชธ/ป๓/๑ ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17913 | แผนปฏิบัติการอาเซียน - จีน เพื่อความร่วมมือด้านการศึกษา พ.ศ. 2560 - 2563 (Plan of Action for ASEAN - China Education Cooperation 2017 - 2020) | ศธ | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการรับรองแผนปฏิบัติการอาเซียน-จีน เพื่อความร่วมมือด้านการศึกษา พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ (Plan of Action for ASEAN- China Education Cooperation 2017-2020) มีสาระสำคัญระบุถึงกิจกรรมที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องดำเนินการร่วมกันเพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างอาเซียนและจีนใน ๖ ด้าน ได้แก่ (๑) ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในทุกระดับ (๒) สนับสนุนการเคลื่อนย้ายนักเรียน/นักศึกษาและการแลกเปลี่ยนด้านภาษาและวัฒนธรรม (๓) ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางการศึกษา (๔) เสริมสร้างความร่วมมือด้านอาชีวศึกษา (๕) สนับสนุนการผลิตและพัฒนาผู้มีความสามารถพิเศษผ่านกิจกรรมและการแลกเปลี่ยนระดับนักเรียน/นักศึกษา รวมถึงการทดลองการเทียบโอนหน่วยการเรียนและวุฒิการศึกษาตามความสมัครใจ และ (๖) เสริมสร้างความร่วมมือในด้านอื่น ๆ โดยจะมีการรับรองแผนปฏิบัติการดังกล่าวร่วมกันในช่วงเทศกาลสัปดาห์การศึกษาจีน-อาเซียน ครั้งที่ ๑๐ ระหว่างวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๐-๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ ณ เมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำในแผนปฏิบัติการดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17914 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ 2356 (ค.ศ. 2017) กรณีมาตรการลงโทษสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) | กต | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United National Security Council : UNSC) ที่ ๒๓๕๖ (ค.ศ. ๒๐๑๗) เกี่ยวกับมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมรายชื่อบุคคล จำนวน ๑๔ คน สำหรับมาตรการห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สิน และรายชื่อองค์กรที่เป็นเครือข่ายของรัฐบาลเกาหลีเหนือ จำนวน ๔ แห่ง สำหรับมาตรการอายัดทรัพย์สิน ๒. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทยปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปตามรายการล่าสุด เพื่อดำเนินมาตรการห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สิน รวมทั้งเฝ้าระวังบุคคลและองค์กรเหล่านี้ ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการหรือธุรกรรมใด ๆ ในประเทศไทย พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องทราบและพึงระวังด้วย ตลอดจนแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติ (United Nations : UN) ต่อไป นอกจากนี้ หากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว ให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศทราบด้วย ทั้งนี้ มาตรการลงโทษทั้งหลายไม่มีเจตนาที่จะให้ส่งผลกระทบด้านมนุษยธรรมต่อเกาหลีเหนือตามที่ระบุไว้ในข้อยกเว้นของข้อมติ UNSC ฉบับต่าง ๆ ที่ผ่านมา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17915 | (ร่าง) ปฏิญญาร่วม CLMVT ด้านการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างปลอดภัย สำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านแรงงาน CLMVT ครั้งที่ 2 | รง | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) ปฏิญญาร่วม CLMVT ด้านการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างปลอดภัย สำหรับการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านแรงงาน CLMVT ครั้งที่ ๒ มีสาระสำคัญครอบคลุมในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) เพิ่มพูนความร่วมมือเพื่อการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างปลอดภัย รวมถึงระบบการจัดการการเคลื่อนย้ายแรงงาน (๒) ส่งเสริมการข้ามแดนและการจ้างงานโดยถูกกฎหมายผ่านข้อตกลงทวิภาคี (๓) แก้ไขสาเหตุของปัญหาของการเคลื่อนย้ายแรงงานแบบไม่ปกติและแรงงานไม่ได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นระบบ (๔) สร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชนทั่วไป คนหางาน คนงาน นายจ้าง หน่วยงานจัดส่งแรงงานเอกชน รวมถึงหน่วยงานผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้องในประเด็นการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างปลอดภัย (๕) พัฒนาหลักสูตรสำหรับการอบรมก่อนการเดินทาง เพื่อให้ความรู้และเตรียมความรู้พื้นฐาน และ (๖) ส่งเสริมให้ผู้เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในความรับผิดชอบและส่งเสริมให้เกิดการเคลื่อนย้ายแรงงานอย่างปลอดภัยจากประเทศต้นทางมายังประเทศปลายทาง ซึ่งการประชุมระดับรัฐมนตรี CLMVT ครั้งที่ ๒ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑-๒ สิงหาคม ๒๕๖๐ ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ๒. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้ให้การรับรองปฏิญญาร่วมฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไข (ร่าง) ปฏิญญาร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17916 | (ร่าง) แผนแม่บทการแก้ไขปัญหาพื้นที่ภูทับเบิก พ.ศ. 2560 - 2565 | พม | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทการแก้ไขปัญหาพื้นที่ภูทับเบิก พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินตามวัตถุประสงค์แห่งมติคณะรัฐมนตรี ฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้ให้สมบูรณ์ พัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชาวเขาราษฎรเดิม และส่งเสริมการสร้างรายได้เสริมจากการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ประกอบด้วยแผนเฉพาะด้าน ๖ แผน ได้แก่ (๑) แผนการบริหารและจัดการพื้นที่ภูทับเบิก (๒) แผนการบริหารจัดการพื้นที่ผ่อนปรน (๓) แผนการจัดการพื้นที่อยู่อาศัย (๔) แผนการจัดการพื้นที่ทำกิน (๕) แผนการจัดการพื้นที่ป่าไม้ และ (๖) แผนการจัดการพื้นที่ส่วนกลาง ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มเติมหลักการสำคัญให้ชัดเจน โดยใช้หลักการและแนวทางของโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน โดยกำหนดให้กรรมสิทธิ์ในพื้นที่เป็นของรัฐ โดยรัฐอนุญาตให้หน่วยงานเจ้าภาพนำไปจัดสรรให้ราษฎรกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ดั้งเดิม ครอบครัวและทายาท ได้สิทธิในการใช้ประโยชน์ทำกินเท่านั้น โดยอาจเป็นอาชีพในภาคเกษตรหรือภาคท่องเที่ยว ซึ่งสอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมชนเผ่า ศักยภาพของพื้นที่และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ห้ามมิให้ซื้อ-ขาย ถ่ายโอนสิทธิการใช้ประโยชน์แก่ผู้อื่น หากมีการละเมิด จะทำให้สูญเสียสิทธิในการใช้ประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว และพิจารณามอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือจังหวัด เป็นหน่วยงานเจ้าภาพในการดำเนินการขออนุญาตใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างถูกต้องตามขั้นตอนจากกรมป่าไม้ โดยให้ขออนุญาตเฉพาะพื้นที่จำเป็น ได้แก่ พื้นที่ทำกิน พื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ผ่อนปรน (เฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นราษฎรกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่) และพื้นที่สาธารณประโยชน์เท่าที่จำเป็น ซึ่งจะต้องมีแปลงขอบเขตที่ดินแต่ละประเภทที่ชัดเจน และมีข้อมูลผู้ใช้ประโยชน์ที่ผ่านการคัดกรองแล้วอย่างครบถ้วนและชัดเจน สำหรับพื้นที่อื่น ๆ อาทิ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ และพื้นที่ป่าชุมชน เห็นควรส่งคืนพื้นที่ให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องโดยตรงดูแลพื้นที่ต่อไป ทั้งนี้ กรณีนี้จะต้องไม่ใช่บรรทัดฐานในการบริหารจัดการการบุกรุกพื้นที่รัฐในพื้นที่อื่น เนื่องจากมีความเป็นมาที่แตกต่างเป็นการเฉพาะ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เห็นควรให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน สำหรับในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องกับกรอบระยะเวลา (ร่าง) แผนแม่บทดังกล่าวที่เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17917 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) | คค | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินงานก่อสร้างงานโยธา โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) กรอบวงเงินรวม ๑๐๑,๑๑๒ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้ รฟม. ดำเนินการประกวดราคางานก่อสร้างงานโยธาได้ แต่จะลงนามสัญญาจ้างผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธาได้ต่อเมื่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้เห็นชอบรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการฯ) แล้ว และให้กำหนดเป็นเงื่อนไขในสัญญาที่ผู้รับเหมาต้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด โดยหากความเห็น ข้อเสนอแนะ หรือมาตรการที่เสนอโดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติมีผลทำให้ค่าก่อสร้างโครงการสูงเกินกว่าที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ก็ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบให้ขยายกรอบวงเงินโครงการเพื่อดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินโครงการฯ ในช่วงที่ผ่านพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ ให้ รฟม. ดำเนินการตามมติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่าอย่างเคร่งครัด ๒. สำหรับแนวทางการรับภาระการลงทุนในส่วนของงานก่อสร้างโครงการให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ โดยเห็นชอบให้ รฟม. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๗๕ (๓) ๓. ให้กระทรวงคมนาคมกำกับการประกวดราคาให้เป็นไปอย่างโปร่งใส เพื่อให้ผลการประกวดราคาสามารถได้ราคาและงานแต่ละรายการที่ดีที่สุด อันนำไปสู่การใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้ใช้บริการ รวมทั้งให้กำกับการกำหนดเงื่อนไข หลักเกณฑ์ ประเภทงานก่อสร้าง สูตรและวิธีการคำนวณที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ของการประกวดราคาให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณอย่างเคร่งครัด ๔. ให้ รฟม. เร่งเจรจาตกลงกับเอกชนผู้รับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน เพื่อให้ได้ข้อสรุปในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการใช้ศูนย์ซ่อมบำรุงร่วมกันของโครงการทั้ง ๒ ช่วง และระบุรายละเอียดดังกล่าวในรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อประกอบการพิจารณารายงานของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐต่อไป พร้อมทั้งให้เร่งรัดการนำเสนอรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อให้ รฟม. สามารถดำเนินการสรรหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนในส่วนงานระบบรถไฟฟ้าและการเดินรถได้ในช่วงระยะเวลาที่สอดคล้องกับแผนงานก่อสร้างงานโยธา ทั้งนี้ ในการเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเส้นทางอื่น ๆ ในระยะต่อไป เห็นควรให้ รฟม. เสนอขออนุมัติรูปแบบการลงทุนระบบไฟฟ้าและรถไฟฟ้าในคราวเดียวกันกับการก่อสร้างงานโยธา เพื่อให้ภาครัฐสามารถพิจารณาถึงผลประโยชน์และผลกระทบที่เกิดจากการดำเนินโครงการในภาพรวมได้อย่างรอบคอบ ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๕. ให้กระทรวงคมนาคม รฟม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางและรูปแบบการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งสาธารณะ (Transit Oriented Development : TOD) ให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน สอดรับกับแผนงานก่อสร้างงานโยธา และเสนอแนวทางการใช้ประโยชน์ดังกล่าวตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๖. ให้ รฟม. ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนเตรียมมาตรการรองรับปัญหาหรืออุปสรรคจากการจัดสรรที่ดินในกรณีที่ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ รวมทั้งให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการเวนคืนที่ดินต่อไป ๗. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางรองรับปัญหาการจราจรติดขัดที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าตามแผนในอนาคต ตลอดจนกำหนดมาตรการกวดขันวินัยการจราจรตามแนวเส้นทางการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าเพื่อบรรเทาปัญหาจราจรติดขัดในภาพรวม ๘. ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟม. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาทบทวนรูปแบบการเข้าร่วมลงทุนในงานระบบรถไฟฟ้าและบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าของโครงการฯ ให้สอดคล้องกับนโยบายระบบตั๋วโดยสารร่วมของรัฐบาล และพิจารณาดำเนินการเพิ่มเติม เช่น (๑) การศึกษาและทบทวนความเหมาะสมงานระบบไฟฟ้า รถไฟฟ้า และการให้บริการและบำรุงรักษา เพื่อให้สอดคล้องกับประมาณการปริมาณผู้โดยสารตามที่ รฟม. ได้ปรับปรุงให้เป็นปัจจุบันแล้ว (๒) การให้ความสำคัญกับการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม (๓) การพัฒนาการใช้ประโยชน์พื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุง สถานี และอาคารจอดแล้วจร (๔) เสนอขออนุมัติรูปแบบการลงทุนระบบไฟฟ้าและรถไฟฟ้าในคราวเดียวกันกับการก่อสร้างงานโยธา สำหรับการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าเส้นทางอื่น ๆ ในระยะต่อไป และ (๕) พิจารณาดำเนินมาตรการที่ส่งเสริมให้ประชาชนปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางมาใช้ระบบขนส่งมวลชนมากกว่าการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๙. ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาแนวทางและรูปแบบการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐในภาพรวมที่สามารถลดภาระงบประมาณภาครัฐ ลดผลกระทบต่อระดับหนี้สาธารณะ และสามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จได้โดยเร็ว เช่น การสนับสนุนให้นักลงทุนทั้งภายในและภายนอกประเทศเข้ามาร่วมลงทุนหรือเป็นผู้ลงทุนดำเนินโครงการแทนภาครัฐ เป็นต้น แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17918 | ขออนุมัติขยายกรอบวงเงินลงทุนเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารเรียน ศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านการบิน อาคารฝ่ายอำนวยการและสิ่งก่อสร้างประกอบ พร้อมครุภัณฑ์ ของสถาบันการบินพลเรือน | คค | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติขยายกรอบวงเงินลงทุนเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารเรียนศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านการบิน อาคารฝ่ายอำนวยการและสิ่งก่อสร้างประกอบ พร้อมครุภัณฑ์ ของสถาบันการบินพลเรือน วงเงิน ๑,๔๐๒.๗๙ ล้านบาท (จากเดิมที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๙ จำนวน ๑,๒๕๕.๔๘ ล้านบาท) ซึ่งเป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบความเหมาะสมของราคาโครงการก่อสร้างอาคารเรียนดังกล่าวแล้ว ๑.๒ อนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเป็นการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๔๘.๓๗ ล้านบาท ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว และเบิกจ่ายจากเงินรายได้จากสถาบันการบินพลเรือนสมทบ จำนวน ๑๖๒.๐๕ ล้านบาท และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ได้รับการจัดสรรงบประมาณตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๒๑๘.๔๐ ล้านบาท ส่วนที่เหลือขอผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔ จำนวน ๖๙๐.๔๖ ล้านบาท และใช้เงินรายได้ของสถาบันการบินพลเรือนสมทบ จำนวน ๒๘๓.๕๑ ล้านบาท ๑.๓ อนุมัติยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ กรณีได้รับการจัดสรรงบประมาณในปีแรกเป็นจำนวนเงินต่ำกว่าร้อยละ ๒๐ และสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้เป็นกรณีเฉพาะราย ๑.๔ ให้สถาบันการบินพลเรือนดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และต่อรองราคาจนถึงที่สุด ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการ ๒.๑ กำกับให้สถาบันการบินพลเรือนเร่งดำเนินการประกวดราคาโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้สามารถดำเนินการก่อสร้างและเบิกจ่ายงบประมาณต่อไปได้ตามแผนที่กำหนด รวมทั้งให้สถาบันการบินพลเรือนควบคุมการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด ให้เป็นไปอย่างประหยัด คุ้มค่า และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ๒.๒ กำกับให้สถาบันการบินพลเรือนจัดทำแผนการเพิ่มรายได้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แล้วนำเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาภายใน ๓ เดือน และให้ใช้แผนการเพิ่มรายได้ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดในการประเมินผลการดำเนินงานของสถาบันการบินพลเรือนด้วย ๒.๓ กำกับให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17919 | ขอรับการจัดสรรเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เพื่อบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการธุรการของสำนักงานอัยการสูงสุด) | อส | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบในหลักการให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการธุรการอัตราใหม่ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการธุรการอัตราใหม่ที่เหมาะสมและมีความพร้อมตามที่ได้ประกาศขึ้นบัญชีผู้สอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งไว้แล้ว จำนวน ๗๐๕ อัตรา ในวงเงิน ๑๙,๔๓๕,๐๐๐ บาท แต่โดยที่ค่าใช้จ่ายดังกล่าวไม่ได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รองรับไว้ และไม่สามารถปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณมาดำเนินการได้ จึงเห็นสมควรให้สำนักงานอัยการสูงสุดใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี ดังนี้ ๑.๑ ตำแหน่งนิติกรปฏิบัติการ จากที่ประกาศขึ้นบัญชีไว้ จำนวน ๒๕๔ อัตรา ซึ่งบรรจุและแต่งตั้งแล้ว จำนวน ๔๙ อัตรา เห็นควรดำเนินการในอัตราที่ยังมิได้บรรจุและแต่งตั้ง จำนวน ๒๐๕ อัตรา อัตราเงินเดือนคนละ ๑๕,๐๐๐ บาทต่อเดือน จำนวน ๒ เดือน (สิงหาคม-กันยายน ๒๕๖๐) วงเงิน ๖,๑๕๐,๐๐๐ บาท สำหรับอัตราที่ยังคงขาดอยู่อีก ๙๕ อัตรา นั้น ให้ดำเนินการบรรจุและแต่งตั้งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นไป โดยให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ๑.๒ ตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน เห็นควรดำเนินการบรรจุและแต่งตั้ง จำนวน ๕๐๐ อัตรา อัตราเงินเดือนคนละ ๑๑,๕๐๐ บาทต่อเดือน และอัตราเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวคนละ ๑,๗๘๕ บาทต่อเดือน จำนวน ๒ เดือน (สิงหาคม-กันยายน ๒๕๖๐) วงเงิน ๑๓,๒๘๕,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ เนื่องจากการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการธุรการอัตราใหม่ จำนวน ๗๐๕ อัตราดังกล่าวจะก่อให้เกิดภาระงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และในปีงบประมาณต่อไป สำนักงานอัยการสูงสุดจำเป็นต้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีผลใช้บังคับ เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นและปรับลดค่าใช้จ่ายในรายการค่าจ้างเหมาบริการตามอัตราและตำแหน่งที่ได้บรรจุและแต่งตั้งไปแล้วลงด้วย ซึ่งปัจจุบันค่าจ้างเหมาบริการตำแหน่งนิติกร มีจำนวน ๑,๐๐๕ อัตรา และตำแหน่งบริหารทั่วไป มีจำนวน ๕๒๐ อัตรา ๒. ให้สำนักงานอัยการสูงสุดรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มอัตรากำลังเฉพาะในภารกิจใหม่ ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วนและมีภาระงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเท่านั้น สำหรับอัตราข้าราชการธุรการ โดยเฉพาะตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการ ควรพิจารณาใช้การจ้างงานรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ข้าราชการประจำให้มากที่สุด และควรพิจารณาการนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ ทั้งนี้ การบรรจุข้าราชการธุรการควรพิจารณาเฉพาะตำแหน่งที่ต้องอาศัยความรู้และทักษะเฉพาะทางหรือตำแหน่งที่ต้องสั่งสมประสบการณ์เท่านั้น เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณและลดภาระผูกพันงบประมาณในระยะยาว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17920 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม (ค่าใช้จ่ายตามแผนการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ กองทัพเรือ) | กห | 25/07/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗๖๐.๗๗๓๒ ล้านบาท ให้กองทัพเรือเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามแผนการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ-กองทัพเรือ รองรับโครงการสำคัญภายใต้แผนงานพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
