ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 891 จากทั้งหมด 6236 หน้า แสดงรายการที่ 17801 - 17820 จากข้อมูลทั้งหมด 124707 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 17801 | การสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) | ดศ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ประเทศไทยสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union : ITU) อีกวาระหนึ่ง (ปี ค.ศ. ๒๐๑๘-๒๐๒๒) ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการขอเสียง/แลกเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกของ ITU ในการสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารของประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17802 | ร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานกลางในการรับผิดชอบกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจทั้งระบบ อยู่ในฐานะผู้กำหนดนโยบาย (Policy Maker) และแบ่งโครงสร้างการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (Regulator) ออกเป็น ๒ ส่วน คือ (๑) ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจที่จัดตั้งขึ้นโดยกฎหมายเฉพาะ และรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นหน่วยงานธุรกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ และ (๒) ให้จัดตั้งบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ เพื่อทำหน้าที่เจ้าของรัฐวิสาหกิจ (Owner) โดยมีฐานะเป็นนิติบุคคล เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่ส่วนราชการ ทำหน้าที่ในการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจในฐานะผู้ถือหุ้นของรัฐวิสาหกิจที่มีสถานะเป็นบริษัท (จำนวน ๑๑ บริษัท) โดยมีเป้าหมายในการบริหารรัฐวิสาหกิจในกลุ่มนี้ให้มีการลงทุนในเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับรัฐให้มีความมั่นคงและยั่งยืนในทางเศรษฐกิจ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบสาระสำคัญและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะรัฐมนตรี กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์การเสนอขออนุมัติโครงการลงทุนที่มีความต้องการใช้เงินกู้ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการบริหารหนี้สาธารณะ และคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) เกี่ยวกับแนวทางในการดำเนินการโอนหุ้นให้แก่บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ การพิจารณาสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติชุดแรก และแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้สอดคล้องกับหลักการของร่างพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ ๓.๑ ร่างพระราชบัญญัตินี้ได้กำหนดมาตรการในการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจรูปแบบใหม่ขึ้น โดยเพิ่มบทบาทอำนาจหน้าที่ของ คนร. ในปัจจุบันตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๕๗ ดังนั้น สคร. ซึ่งถือเป็นหน่วยงานหลักจะต้องมีความพร้อมในการทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการของ คนร. เพื่อให้สอดรับกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นด้วย ๓.๒ โดยที่บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) อยู่ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ที่กำหนดให้ คนร. สั่งการให้กระทรวงการคลังโอนหุ้นให้แก่บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้องค์กรทั้งสองอยู่ระหว่างการดำเนินการตามแผนพื้นฟูกิจการที่ให้มีการปรับโครงสร้างองค์กรและจัดตั้งบริษัทเพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพและบูรณาการดำเนินธุรกิจที่ทับซ้อนกัน เห็นควรให้กระทรวงการคลังและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้มีส่วนได้เสียในทุกภาคส่วนให้ทั่วถึงและถูกต้องตรงกันให้แก่พนักงานและสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทั้งสองบริษัทด้วย ๓.๓ กรณีของรัฐวิสาหกิจที่จะโอนหุ้นไปยังบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติต้องปฏิบัติหลักเกณฑ์ภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งต้องคำนึงถึงสิทธิของผู้ถือหุ้นรายย่อย และเพื่อความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการโอนของรัฐวิสาหกิจอื่นให้แก่บรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ กระทรวงการคลังควรมีแผนการดำเนินการเกี่ยวกับการโอนหุ้นของรัฐวิสาหกิจดังกล่าว ๓.๔ ในอนาคตหาก คนร. เห็นควรให้ธนาคารกรุงไทยไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของบรรษัทวิสาหกิจแห่งชาติ จะมีข้อพิจารณาเกี่ยวกับกระบวนการขั้นตอนที่จะให้กระทรวงการคลังเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในธนาคารฯ แทนกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินว่า อำนาจหน้าที่ในการชำระคืนต้นเงินกู้และการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ที่กำหนดให้เป็นของกองทุนฯ ตามพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๔๕ จะมีขั้นตอนการดำเนินการอย่างไร รวมทั้งแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17803 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินราคาค่าก่อสร้างอาคารสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดเชียงราย และขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | ลต | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๒ รายการ ตามนัยของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นกรณีเฉพาะราย ดังนี้
๑. ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตำบลปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเพิ่มวงเงินจากเดิม ๓๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท (รวมเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด) เป็น ๓๓,๔๓๙,๐๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ๒. ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงราย ตำบลริมกก อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย โดยเพิ่มวงเงินจากเดิม ๓๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท (รวมเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด) เป็น ๓๔,๒๐๑,๐๐๐ บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๑ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ทั้งนี้ การใช้จ่ายและเบิกจ่ายค่าก่อสร้างทั้ง ๒ รายการดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณก่อนลงนามในสัญญาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17804 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อดำเนินโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/2560 | กษ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการพักชำระหนี้ต้นเงินและลดดอกเบี้ยให้สมาชิกสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ปีการผลิต ๒๕๕๙/๖๐ ในอัตราร้อยละ ๓ ต่อปี ระยะเวลา ๒ ปี (ปีละ ๗๖๗.๙๐๘ ล้านบาท) กรอบวงเงินงบประมาณรวม ๑,๕๓๕.๘๑๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรตรวจสอบความซ้ำซ้อนในส่วนของลูกค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรกับสมาชิกของสหกรณ์และสมาชิกของกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งความซ้ำซ้อนในการได้รับความช่วยเหลือจากมาตรการหรือโครงการในลักษณะเดียวกันของภาครัฐด้วย โดยยึดหลักการให้ความช่วยเหลือ ๑ สัญญา ๑ ครัวเรือน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือระดับครัวเรือนอย่างแท้จริง และควรให้ความสำคัญกับการติดตามและปรับปรุงระบบข้อมูลของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรให้มีความทันสมัย และมีการบูรณาการข้อมูลและเป้าหมายการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน ไปดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17805 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพิ่มเติม [ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงและการดูแลรักษาพื้นที่สงวนหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน พ.ศ. 2481 ของกองทัพบก (มณฑลทหารบกที่ 17)] | กห | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๑๓,๐๑๗,๔๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการด้านการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงและการดูแลรักษาพื้นที่สงวนหวงห้าม ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน พ.ศ. ๒๔๘๑ ของกองทัพบก (มณฑลทหารบกที่ ๑๗) ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒. ให้กระทรวงกลาโหมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17806 | การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง (ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับกรุงทิมพูราชอาณาจักรภูฏาน) | มท | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดอุบลราชธานีกับกรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน และอนุมัติให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจการสถาปนาความสัมพันธ์ดังกล่าว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยรับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศที่ขอปรับแก้ถ้อยคำในบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของไทยในการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องฉบับมาตรฐาน และความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับการพิจารณาให้จังหวัดของไทยสามารถดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องกับจังหวัด/เมือง/มณฑล ของทุกประเทศได้ หากการดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการศึกษา อันสอดคล้องกับบริบทด้านการสร้างความสัมพันธ์กับต่างประเทศในปัจจุบันนั้น แต่ขอให้คำนึงถึงความมั่นคงทางสุขภาพของประชาชนชาวไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. เห็นชอบในหลักการให้จังหวัดของไทยสามารถดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์ในระดับจังหวัดของไทยกับจังหวัด/เมือง/มณฑลของทุกประเทศได้ โดยให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้เป็นไปตามแนวปฏิบัติในการดำเนินการสถาปนาความสัมพันธ์ฯ และสอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๔๗ (เรื่อง การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่แฝดระหว่างจังหวัดนครพนมกับจังหวัดฮาติงห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม) มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๔๙ [เรื่อง การกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง และมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ [เรื่อง การสถาปนาความสัมพันธ์บ้านพี่เมืองน้อง (Sister City) ระหว่างแม่สอดและเมียวดีเพื่อผลักดันการค้าขายชายแดนไทย-เมียนมา ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด จังหวัดตาก] ในเรื่องการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้อง ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ในการสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องกับประเทศต่าง ๆ ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาขยายขอบเขตความร่วมมือให้ครอบคลุมถึงการอำนวยความสะดวกในด้านต่าง ๆ รวมทั้งการกำหนดกลไกในการแก้ไขปัญหาร่วมกันในระดับพื้นที่เมื่อเกิดปัญหาใด ๆ ระหว่างกันขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17807 | การแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ | นร04 | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. ๒๕๖๐ ในการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นลำดับแรกก่อน โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักบประมาณ ๒. ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17808 | การช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเนื่องจากพายุตาลัสและพายุเซินกา | กษ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเนื่องจากพายุตาลัสและพายุเซินกา และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในกรอบวงเงินงบประมาณ ๑,๖๘๕ ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเนื่องจากพายุตาลัสและพายุเซินกา ครัวเรือนละ ๓,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ คำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ถือว่าเป็นคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วันทำการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด โดยไม่ให้ ธ.ก.ส. หักเงินช่วยเหลือดังกล่าวจากเกษตรกรเพื่อนำไปชำระหนี้เดิมที่มีอยู่กับ ธ.ก.ส. ก่อน ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานผลการดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาฯ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดนครราชสีมา ในวันอังคารที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๐ ด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำกับดูแลการใช้จ่ายงบประมาณในการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบให้เป็นไปอย่างโปร่งใส คุ้มค่า รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดทุกขั้นตอน และเห็นควรพิจารณานำเสนอมาตรการเพื่อช่วยเหลือเยียวยาฯ ให้ครอบคลุมด้านการพักชำระหนี้สิน และการฟื้นฟูอาชีพ สนับสนุนปัจจัยการผลิต และองค์ความรู้เพื่อการปรับตัวต่อภัยพิบัติ นอกจากนี้ เห็นควรกำหนดเป็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ชัดเจนสำหรับการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมนอกเหนือจากระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้ความช่วยเหลือเป็นไปอย่างเหมาะสม ทันกับสถานการณ์ เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ สามารถดำเนินการได้อย่างเป็นระบบภายใต้ระเบียบของทางราชการ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีระบบเตือนภัยทางธรรมชาติที่เกษตรกรสามารถเข้าถึงได้ เพื่อให้เกษตรกรได้รับทราบข้อมูลในการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดความเสียหายร่วมกับทางราชการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17809 | การประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือ BIMSTEC ครั้งที่ 15 | กต | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างถ้อยแถลงร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือ ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๑๕ (Draft Joint Statement of the Fifteenth BIMSTEC Ministerial Meeting) เป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกเกี่ยวกับความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ทั้งหมด ๑๔ สาขา ภายใต้กรอบความร่วมมือ BIMSTEC ได้แก่ การค้าและการลงทุน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงาน การเกษตร สาธารณสุข การคมนาคมและความเชื่อมโยง เทคโนโลยี การลดความยากจน การต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างประชาชน การประมง การท่องเที่ยว สิ่งแวดล้อมและการจัดการภัยพิบัติ และวัฒนธรรม โดยจะมีการรับรองร่างถ้อยแถลงฯ ในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือ ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative or Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation : BIMSTEC) ครั้งที่ ๑๕ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือ BIMSTEC เป็นผู้ร่วมให้การรับรองร่างถ้อยแถลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17810 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | นร07 | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๒ การเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๓ แผนและขั้นตอนการปฏิบัติงานการเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17811 | การส่งเสริมให้ปี 2561 เป็น "ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน" หรือ "Amazing Thailand Tourism Year 2018" | กก | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการส่งเสริมให้ปี ๒๕๖๑ เป็น “ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” หรือ “Amazing Thailand Tourism Year 2018” มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพและความพร้อมบนพื้นฐานความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของไทย รวมทั้งมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนของนักท่องเที่ยวคุณภาพและรักษาฐานตลาดเดิม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม กำหนดดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐-เมษายน ๒๕๖๑ โดยมีกิจกรรมสำคัญ ได้แก่ การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงอาหาร การท่องเที่ยวทางน้ำ การท่องเที่ยวเพื่อการแต่งงานและฮันนีมูน การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ การท่องเที่ยวโดยชุมชน และการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17812 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ) | กษ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจากผู้ครองตำแหน่งเดิมไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17813 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (จำนวน 4 ราย 1. นางสาวจริยา สุทธิไชยา ฯลฯ) | กษ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่างและทดแทนผู้ที่จะเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางสาวจริยา สุทธิไชยา ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวดุจเดือน ศศะนาวิน ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุรจิตต์ อินทรชิต ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ๔. นายโอภาส ทองยงค์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17814 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (นางอินทิรา โภคปุณยารักษ์) | พณ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนเรื่อง การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17815 | การจัดตั้งสถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก และการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครมิวนิก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (กระทรวงการต่างประเทศ) | กต | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดตั้งสถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี โดยให้มีเขตกงสุลครอบคลุมรัฐไบเอิร์นและรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งฝ่ายสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีเพื่อตอบรับในหลักการ กรณีการขอเปิดสถานกงสุลใหญ่ระหว่างกัน ซึ่งเป็นไปตามหลักประติบัติต่างตอบแทน ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครมิวนิก เมื่อมีการจัดตั้งสถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ๒. ในส่วนการกำหนดและการเพิ่มอัตรากำลังของสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครมิวนิก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี รวมทั้งการดำเนินการด้านบุคลากร และงบประมาณในส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการและพิจารณาบุคลากรที่เหมาะสมและไว้วางใจได้ไปปฏิบัติงานที่สถานกงสุลใหญ่ดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17816 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (จำนวน 8 คน 1. นายประสัณห์ เชื้อพานิช ฯลฯ) | นร12 | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ จำนวน ๘ คน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ นายประสัณห์ เชื้อพานิช ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบัญชี ๑.๒ นางสาววลัยรัตน์ ศรีอรุณ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการตรวจสอบและประเมินผล ๑.๓ ศาสตราจารย์กิตติคุณบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๑.๔ รองศาสตราจารย์กุลภัทรา สิโรดม ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๑.๕ รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๑.๖ นายมนัส แจ่มเวหา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารและการจัดการ การวางแผน ๑.๗ นายทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ๑.๘ รองศาสตราจารย์ศักรินทร์ ภูมิรัตน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมศาสตร์ ๒. ให้คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการนำหลักการและนโยบายของนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดคุณสมบัติในเรื่องอายุของกรรมการ ไปเพิ่มในการประเมินศักยภาพ ทั้งบุคลากรภาครัฐ และหน่วยงานในทุกระดับด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17817 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช (จำนวน 12 คน 1. ว่าที่ร้อยตรี ชนะ ไชยชนะ ฯลฯ) | กษ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองพันธุ์พืช จำนวน ๑๒ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปีแล้ว เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. ว่าที่ร้อยตรี ชนะ ไชยชนะ ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคเหนือ ๒. นายสีนวล ชูเชิด ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคกลาง ๓. นายแสวง ละมัยกลาง ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๔. นายวรพจน์ กุศลสงเคราะห์กุล ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันออก ๕. นายณรงค์ มาลัยทอง ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคตะวันตก ๖. นายสัญญา ปานสวี ผู้แทนเกษตรกรภูมิภาคใต้ ๗. รองศาสตราจารย์สุรวิช วรรณไกรโรจน์ ผู้แทนนักวิชาการด้านปรับปรุงพันธุ์พืช ๘. รองศาสตราจารย์เสวียน เปรมประสิทธิ์ ผู้แทนนักวิชาการด้านอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๙. นายธนรัช ใกล้กลาง ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการเกษตร ๑๐. นางดาวัลย์ จันทรหัสดี ผู้แทนองค์การพัฒนาเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ที่มีกิจกรรมเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ๑๑. นายสุพล ธนูรักษ์ ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการปรับปรุง พันธุ์และขยายพันธุ์พืช ๑๒. นางสาวบุญญานาถ นาถวงษ์ ผู้แทนสมาคมที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์พืช
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17818 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (จำนวน 5 คน 1. พลเอก พอพล มณีรินทร์ ฯลฯ) | กห | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ รวม ๕ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปีแล้ว เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. พลเอก พอพล มณีรินทร์ ประธานกรรมการ ๒. ศาสตราจารย์ปราโมทย์ เดชะอำไพ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศ อุตสาหกรรม ป้องกันประเทศ หรือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ๓. นายบุญญรักษ์ ดวงรัตน์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารจัดการและทรัพยากรบุคคล ๔. นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๕. นายมนัส แจ่มเวหา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน การบัญชีและการงบประมาณ การตรวจสอบประเมินผล และการบริหารความเสี่ยง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17819 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (จำนวน 8 คน 1. นายสุเจตน์ จันทรังษ์ ฯลฯ) | ดศ | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำนวน ๘ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุเจตน์ จันทรังษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๒. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๓. นายธีรนันท์ ศรีหงส์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๔. นายพลเดช ปิ่นประทีป กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคมศาสตร์ ๕. นายกลินท์ สารสิน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจ ๖. นายเข็มชัย ชุติวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๗. นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๘. นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาและพัฒนากำลังคน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 17820 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (จำนวน 6 คน 1. นายคุรุจิต นาครทรรพ ฯลฯ) | ทส | 08/08/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก รวม ๖ คน แทนประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปีแล้ว เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๙ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ สิงหาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายคุรุจิต นาครทรรพ ประธานกรรมการ ๒. นายเจน นำชัยศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจ ๓. นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน ๔. นายไชยเจริญ อติแพทย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นางลดาวัลย์ พวงจิตร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านป่าไม้ ๖. นายประสงค์ นรจิตร์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการอุตสาหกรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
.....
