ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 517 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 10321 - 10340 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10321 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 16/2563 | นร.11 | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๖/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ ที่ได้มีการพิจารณาขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๘ (๒)
แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้
(๑) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วนและเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
โดยไม่มีความซ้ำซ้อนของกลุ่มเป้าหมาย
หรือสิทธิที่พึงได้รับจากภาครัฐไปแล้ว รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด มีความโปร่งใส
สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน และ
(๒) ให้กระทรวงการคลังหารือหน่วยงานรับผิดชอบแผนงาน/โครงการภายใต้มาตรการ/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ
เยียวยาและชดเชยให้กับภาคประชาชน
เกษตรกรและผู้ประกอบการซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดทำฐานข้อมูลของประชาชนที่ได้รับความช่วยเหลือเยียวยา
และชดเชยภายใต้แผนงาน/โครงการดังกล่าวภายใต้ข้อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชย
รวมถึงการจัดระบบสวัสดิการขั้นพื้นฐานให้กับประชาชนในแต่ละกลุ่มได้ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10322 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อจัดหารถสูบส่งน้ำ ไม่น้อยกว่า 35,000 ลิตร/นาที และส่งน้ำระยะไกล ไม่น้อยกว่า 10 กิโลเมตร พร้อมอุปกรณ์ | มท. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท
เพื่อจัดหารถสูบส่งน้ำไม่น้อยกว่า ๓๕,๐๐๐ ลิตร/นาที
และส่งน้ำระยะไกลไม่น้อยกว่า ๑๐ กิโลเมตร พร้อมอุปกรณ์ จำนวน ๗ คัน คันละ ๔๕,๐๐๐,๐๐๐
บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10323 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินโครงการจัดเช่ารถยนต์ตรวจการณ์ จำนวน 36 คัน รายการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ 5 ปี (ปี 2563 - 2567) | มท. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าเช่ารถยนต์ตรวจการณ์ จำนวน ๓๖
คัน สำหรับนำมาใช้ในราชการของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
แต่เนื่องจากเป็นกรณีเช่ารถยนต์ประเภทพิเศษ
และมีอัตราค่าเช่าไม่เป็นไปตามที่กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) กำหนด
เห็นควรที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะทำการตกลงกับกระทรวงการคลังก่อนการลงนามในสัญญา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม
๒๕๕๐ และอนุมัติให้ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๘ ตามนัยข้อ ๗ (๓)
ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๓,๐๓๘,๔๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน
๙,๑๑๕,๒๐๐ บาท ซึ่งสำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว
ส่วนที่เหลือผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๘
โดยให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนให้สอดคล้องกับวงเงินสัญญาต่อไป
และยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการต่ำกว่า ๕ ปี
ด้วย หากการเช่ารถยนต์ตรวจการณ์ดังกล่าวมีระยะเวลาต่ำกว่า ๕ ปี ทั้งนี้
การก่อหนี้ผูกพันหรือจ่ายเงิน
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับกรณีที่รถยนต์ตรวจการณ์เป็นรถยนต์ที่ไม่มีอัตราค่าเช่ารถยนต์ตามที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้
กระทรวงมหาดไทยจึงต้องขอทำความตกลงอัตราค่าเช่ารถยนต์ตรวจการณ์กับกระทรวงการคลัง
(กรมบัญชีกลาง) และสำนักงบประมาณเพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒
พฤษภาคม ๒๕๕๐ วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ และวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕
ก่อนดำเนินการทำสัญญาเช่ารถยนต์ดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10324 | โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2563/64 มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2563/64 และโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง | พณ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง
ปี ๒๕๖๓/๖๔ และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี
๒๕๖๓/๖๔ (ประกอบด้วย
โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกมันสำปะหลังและการบริหารจัดการการนำเข้าส่งออก)
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง
ปี ๒๕๖๓/๖๔ กรอบวงเงิน ๙,๗๘๘,๙๓๓,๗๙๘.๔๐ บาท
และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี ๒๕๖๓/๖๔
(ประกอบด้วย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังและโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมมันสำปะหลังและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร)
กรอบวงเงิน ๑๑๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณนั้น
ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้มีการจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน
เพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์ โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
ทั้งในส่วนของข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่
จำนวนพื้นที่เพาะปลูก จำนวนสถาบันเกษตรกร ให้ถูกต้องครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อน
ตลอดจนจัดให้มีระบบการรายงานการติดตามและการประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินโครงการ
เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน
สำหรับประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืน
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลังสำหรับอัตราค่าใช้จ่ายและกรอบวงเงินการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๒ (เรื่อง ขออนุมัติงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
เพื่อแก้ไขหรือเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙
เพื่อดำเนินงานโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง)
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามมาตรการการดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายมันสำปะหลัง
รวมทั้งให้ดำเนินการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง
โดยป้องกันและควบคุมการขนย้ายต้นพันธุ์และท่อนพันธุ์จากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคทั้งในและประเทศเพื่อนบ้าน
และให้ความสำคัญกับการดำเนินการวิจัยและพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ต้านทานโรคใบด่างมันสำปะหลังด้วย ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง
ปี ๒๕๖๓/๖๔ และมาตรการคู่ขนาน ควรมีการตรวจสอบเกษตรกรผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ
ตลอดจนกลไกการชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาเป้าหมายกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงอย่างเหมาะสมและถูกต้อง
และควรกำกับดูแลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์โครงการ/มาตรการอย่างแท้จริง
สำหรับโครงการป้องกันและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง
ควรกำจัดต้นมันสำปะหลังที่เป็นโรคและแมลงหวี่ขาวยาสูบพาหะนำโรคในทุกพื้นที่ที่พบการระบาด
รวมทั้งจ่ายค่าชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคใบด่างมันสำปะหลังโดยเร็ว
และควรเตรียมจัดหาท่อนพันธุ์มันสำปะหลังที่มีคุณภาพและปลอดโรคใบด่างมันสำปะหลังไว้สำหรับให้เกษตรกรใช้เพาะปลูกในฤดูการผลิตปีถัดไปด้วย
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10325 | การเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.07 | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวนทั้งสิ้น ๑๕๖,๒๒๕.๔๙๘๘ ล้านบาท และการพิจารณาการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเห็นสมควรเปลี่ยนแปลงชื่อหน่วยรับงบประมาณ จาก องค์การสวนสัตว์ จำนวน
๘๒๙.๙๔๔๙ ล้านบาท เป็น องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย จำนวน ๘๒๙.๙๔๔๙ ล้านบาท
เพื่อให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่
๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๓ ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงบประมาณนำเรื่องการเสนอขอเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว เสนอต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ๒.
ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10326 | การร่วมรับรองและให้ความเห็นชอบเอกสารในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 52 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสาร
จำนวน ๗ ฉบับ ที่จะมีการรับรองและให้ความเห็นชอบในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน
(ASEAN Economic Minister : AEM) ครั้งที่ ๕๒
และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔-๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๓
ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) โดยไม่มีการลงนาม
โดยร่างเอกสารที่จะให้การรับรอง จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ร่างดัชนีวัดการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน
ร่างเอกสารข้อริเริ่มร่วมของรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีในการเสริมสร้างความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ และร่างแผนปฏิบัติการของอาเซียนบวกสามว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
และร่างเอกสารที่จะให้ความเห็นชอบ จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่
ร่างแผนการดำเนินงานภายใต้กรอบความตกลงด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับสหรัฐอเมริกา
และการขยายการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔
ร่างแผนงานเพื่อดำเนินการตามปฏิญญาร่วมระหว่างอาเซียนและแคนาดาด้านการค้าและการลงทุน
ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๘ ร่างแผนงานด้านการค้าและการลงทุนอาเซียน-สหภาพยุโรป (ปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔)
และร่างแผนงานความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย สำหรับปี
๒๕๖๓-๒๕๖๘ และเอกสารข้อเสนอแนะสำหรับการสัมมนา
“การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคในสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซียและอาเซียน”
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในส่วนของร่างดัชนีวัดการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน
ข้อ ๓.๑ ที่กำหนดให้ใช้สัดส่วนของประชากรที่ใช้แพลตฟอร์มหรือเครื่องมือดิจิทัลสำหรับการธนาคารเท่านั้น
และข้อ ๓.๒ ที่กำหนดให้ใช้สัดส่วนของประชาชนที่ใช้แพลตฟอร์มหรือเครื่องมือดิจิทัลสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงิน
เป็นเครื่องมือชี้วัดการบูรณาการด้านดิจิทัล นั้น
ภายใต้กรอบกฎหมายของไทยที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันอาจไม่สามารถดำเนินการได้
ไปพิจารณาด้วย ๓.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารในการประชุมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10327 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 ครั้งที่ 2 | กค. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติและรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ประธานกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะเสนอ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ในปีงบประมาณ
๒๕๖๓ ตามมาตรา ๗ มาตรา ๒๐ (๑) และมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ
พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน ๒๑๔,๐๙๓.๙๒ ล้านบาท ๑.๒
อนุมัติและรับทราบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมติที่ประชุมครั้งที่
๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ๑.๒.๑
อนุมัติการปรับปรุงแผนการก่อหนี้ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มสุทธิ ๑๕๘,๕๒๑.๘๕ ล้านบาท
จากเดิม ๑,๔๙๗,๔๙๘.๕๕ ล้านบาท เป็น ๑,๖๕๖,๐๒๐.๔๐ ล้านบาท ๑.๒.๒ รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้เดิม
ที่มีวงเงินปรับลด ๖๗,๒๖๗.๖๔ ล้านบาท จากเดิม ๑,๐๓๕,๗๗๗.๗๔ ล้านบาท เป็น
๙๖๘,๕๑๐.๑๐ ล้านบาท และการปรับปรุงแผนการชำระหนี้ ที่มีวงเงินปรับลด ๒๒,๓๒๙.๓๑
ล้านบาท จากเดิม ๓๘๙,๓๗๓.๒๑ ล้านบาท เป็น ๓๖๗,๐๔๓.๙๐ ล้านบาท ๑.๒.๓
อนุมัติการบรรจุรายการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๒ จำนวน ๒ รายการ ได้แก่
เงินกู้เพื่อรองรับกรณีมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ของกระทรวงการคลัง
และเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในรูป Credit Line สำหรับเบิกเกินบัญชีเพื่อสำรองเผื่อสภาพคล่องทางการเงินขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย ๑.๓ อนุมัติในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ๑.๓.๑
อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มา และการนำไปให้กู้ต่อ
การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ
ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้ฯ
รวมทั้งขออนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนา
และการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ปรับปรุงครั้งที่ ๒
และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน
การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น
ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง
ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๓.๒
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศ
และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
เช่น (๑)
รัฐบาลควรพิจารณาเตรียมความพร้อมในการจัดหาแหล่งเงินภายใต้สถานการณ์จำลองต่าง ๆ (Scenario
Planning) โดยเฉพาะกรณีเลวร้าย (Worse Case) เพื่อรักษาระดับเงินคงคลังให้มีสภาพคล่องเพียงพอรองรับการใช้จ่ายของหน่วยงานของรัฐ
เพื่อเป็นกำลังหลักในการพยุงและฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะต่อไป และ (๒) เศรษฐกิจไทยในปี
๒๕๖๓ ยังมีข้อจำกัดในการขยายตัวและมีความไม่แน่นอนสูง
ซึ่งอาจทำให้ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลต่ำกว่าที่ประมาณการเอาไว้ ดังนั้น
กระทรวงการคลังจึงจำเป็นต้องบริหารเงินคงคลังและบริหารเงินกู้ชดเชยขาดดุลให้เหมาะสมและรัดกุมมากยิ่งขึ้น
โดยคำนึงถึงข้อจำกัดดังกล่าวให้ครบถ้วน เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อรองรับกรณีที่หนี้สาธารณะอาจเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่ากรอบการบริหารหนี้สาธารณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐกำหนด
รวมทั้งพิจารณาหารายได้จากสินทรัพย์อื่น ๆ ของรัฐบาลเพิ่มเติม
เพื่อลดภาระการใช้เงินกู้ของรัฐบาลในอนาคตด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10328 | หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) | ปช. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption
Education) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วย
ผลการดำเนินการการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption
Education) ปัญหาอุปสรรคของการนำหลักสูตรดังกล่าวไปปรับใช้
และแนวทางการแก้ไขปัญหา พร้อมทั้งขอให้หน่วยงานต่าง ๆ
พิจารณานำหลักสูตรดังกล่าวไปปรับใช้และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประสานในรายละเอียดกับกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำหลักสูตรที่ได้ปรับปรุงใหม่ไปปรับใช้ให้บรรลุวัตถุประสงค์ต่อไป ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและกระทรวงศึกษาธิการรายงานผลสัมฤทธิ์ของการนำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา
(Anti-Corruption Education) ไปปรับใช้
ไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป ๓. ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นว่า (๑)
กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งรัดนำหลักสูตรไปใช้ตามหน่วยงานเป้าหมายที่กำหนด
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและตัวชี้วัดตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ
ที่กำหนดให้เด็กและเยาวชนไทยมีพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริต ร้อยละ ๕๐
ภายในปี ๒๕๖๕ รวมทั้งมีความพร้อมในการเข้ารับการประเมินผลสัมฤทธิ์หลักสูตรทุจริตศึกษา
ซึ่งเริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และ (๒)
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติควรรวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลพื้นฐาน
อาทิ รายชื่อวิทยากร ผู้เชี่ยวชาญ ชุมชนหรือหน่วยงานต้นแบบด้านการต่อต้านการทุจริต
ตลอดจนสาระข้อมูลอื่น ๆ ที่พึงทราบ เช่น กฎหมายที่เกี่ยวข้อง กฎระเบียบ
ข้อบังคับที่ควรรู้ เป็นต้น ไว้ในคู่มือชุดการฝึกอบรมหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption
Education) เผยแพร่แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10329 | โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64 | พณ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลความคืบหน้าการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปี ๒๕๖๓/๖๔ ซึ่งได้จ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรแล้ว ๗ ครั้ง จำนวน ๒๐๗,๗๙๖
ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ ๔๕.๙๗ ของเกษตรกร จำนวน ๔๕๒,๐๐๐ ราย จำนวนเงิน ๖๐๖.๓๐
ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๐๕ ของวงเงินจ่ายขาดทั้งหมด (จำนวน ๑,๕๕๒.๗๘ ล้านบาท)
คงเหลืองบประมาณจ่ายขาด ๙๔๖.๔๘ ล้านบาท และรับทราบมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปี ๒๕๖๓/๖๔ ประกอบด้วย โครงการชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสต็อกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปีการผลิต ๒๕๖๓/๖๔ (สนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการค้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้สามารถรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และเก็บสต็อกไว้เพื่อดึงผลผลิตส่วนเกินออกจากตลาด
วงเงินสินเชื่อ ๑,๕๐๐.๐๐ ล้านบาท วงเงินงบประมาณชดเชยดอกเบี้ย ๑๕.๐๐ ล้านบาท
โดยใช้งบประมาณกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร) การบริหารจัดการการนำเข้า
การดูแลความเป็นธรรมในการซื้อขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และการดูแลความสมดุล
โดยแจ้งปริมาณการครอบครอง การนำเข้า สถานที่เก็บ การตรวจสอบสต็อก
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
อนุมัติในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี ๒๕๖๓/๖๔
กรอบวงเงิน ๑,๙๑๒,๒๑๐,๒๔๕ บาท
และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสร้างมูลค่าเพิ่ม
โดยสถาบันเกษตรกร ปี ๒๕๖๓/๖๔ กรอบวงเงิน ๔๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณนั้น ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้มีการจัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้สามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างถูกต้องและทันต่อสถานการณ์
คำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
รวมทั้งบูรณาการข้อมูลด้านการลงทะเบียนเกษตรกร จำนวนเกษตรกร ปริมาณผลผลิตต่อไร่
จำนวนพื้นที่เพาะปลูก จำนวนสถาบันเกษตรกร ให้ถูกต้องครบถ้วน ไม่ซ้ำซ้อน
ตลอดจนจัดให้มีระบบการรายงาน การติดตาม
และการประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการดำเนินโครงการฯ
เพื่อให้มีข้อมูลในการบริหารงานอย่างถูกต้องครบถ้วน
สำหรับประกอบการกำหนดนโยบายของภาครัฐที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
(๑) การดำเนินโครงการฯ
ส่งผลให้ภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายมียอดคงค้างเพิ่มขึ้น
แต่ยังคงไม่เกินร้อยละ ๓๐ ของงบประมาณ (๒) หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรกำกับดูแลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
จัดทำระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐาน ตลอดจนจัดให้มีระบบรายงาน
การติดตามและการประเมินผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์ที่เกษตรกรได้รับจากการดำเนินโครงการฯ
และ (๓)
กระทรวงพาณิชย์ควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนในการสร้างเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ผ่านมาตรการโครงการคู่ขนาน
รวมถึงวางแผนบริหารจัดการผลผลิตร่วมกับผู้ประกอบการและเครือข่ายตลอดห่วงโซ่การผลิต
และควรมีการติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10330 | ขออนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณตามแผนการดำเนินงานระยะ 5 ปี ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2564 - 2568) ของศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอ | ศธ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการแผนการดำเนินงานระยะ
๕ ปี ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘) ของศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอ
ภายในกรอบวงเงิน ๑๒๗,๖๐๓,๑๑๓ บาท
โดยให้กระทรวงศึกษาธิการจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่าย
และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อเสนอแนะและข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ควรมีการระบุตัวชี้วัดความสำเร็จในแต่ละปี
เพื่อใช้ในการติดตามประเมินผลความสำเร็จของการดำเนินงานและเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำโครงการที่เหมาะสมในแต่ละปีต่อไป
ควรพิจารณาเชื่อมโยงงบประมาณกับแผนการดำเนินงานในแต่ละปีให้ชัดเจน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายการงบประมาณกับรายการกิจกรรม ผลผลิต และตัวชี้วัด
ควรพิจารณารายการงบประมาณที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเพื่อลดความซ้ำซ้อน ได้แก่
ค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์และจัดพิมพ์เอกสารกับค่าหนังสือสิ่งพิมพ์
ค่าจัดซื้อยานพาหนะกับค่าเช่ารถยนต์สำนักงาน
และค่าใช้จ่ายในการประชุมสัมมนากับค่าจัดกิจกรรมการประชุมวิชาการนานาชาติ
รวมทั้งงบประมาณในส่วนของบุคลากร
โดยอาจเทียบกับศูนย์ระดับภูมิภาคของซีมีโอแห่งอื่น ๆ
และสำนักงานองค์การเลขาธิการรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพที่ตั้ง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10331 | (ร่าง) นโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2563 - 2565 (ฉบับปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี) | นร.02 | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง)
นโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๕ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ (ฉบับปรับปรุงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
๒๐ ปี) โดยเป็นการปรับปรุงนโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติ ฉบับที่ ๕ (พ.ศ.
๒๕๕๙-๒๕๖๔) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันให้มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี
ที่ได้ประกาศใช้แล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานสื่อสารมวลชนของประเทศนำไปใช้เป็นแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานต่อไป ๑.๒
มอบหมายให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานสื่อสารมวลชนของประเทศดำเนินการตาม (ร่าง)
นโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์ฯ (ฉบับปรับปรุงฯ) โดยกำหนดแผนงาน โครงการ ตัวชี้วัดประจำปีให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดภาพรวมของ
(ร่าง) นโยบายและแผนการประชาสัมพันธ์ฯ (ฉบับปรับปรุงฯ) แล้วนำแผนงาน โครงการ
ตัวชี้วัดประจำปีดังกล่าวบรรจุเข้าสู่แผนปฏิบัติราชการประจำปีของหน่วยงาน
พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติและในระบบ eMENSCR
ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย ๒.
ให้คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับแนวทางการดำเนินการในด้านต่าง
ๆ เช่น การบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารในภาวะวิกฤต
การมุ่งเน้นรูปแบบการคิดนอกกรอบและการคิดสร้างสรรค์ในยุคที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและตลอดเวลา
เพื่อลดการเกิดข่าวลวง (Fake News) ควรมีหลักสูตรเพื่อเพิ่มทักษะการสื่อสารด้านการต่างประเทศเพื่อรองรับภารกิจการผลิตข้อมูลข่าวสารและสื่อที่เกี่ยวข้องกับการต่างประเทศที่มีคุณภาพ
ควรทบทวนการกำหนดตัวชี้วัดในแต่ละแนวทางการพัฒนาทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10332 | ร่างกฎกระทรวงการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. .... | คค. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ
และการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. ....
ที่แก้ไขเพิ่มเติมจากร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ
และการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. ๒๕๕๘
เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ
รวมทั้งการขอต่ออายุและการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ
และเพิ่มเติมข้อกำหนดให้ผู้ที่ประสงค์จะขับรถจักรยานยนต์ที่มีกำลังสูง (Big
bike) ต้องผ่านการอบรมและทดสอบการขับรถ ตามที่อธิบดีประกาศกำหนดเป็นการเพิ่มเติม
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10333 | ขออนุมัติดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ครั้งที่ 1/2563 | กษ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติเพิ่มเติมวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง
ระยะที่ ๑ ในส่วนของค่าประกันรายได้ จำนวน ๒,๓๔๗,๙๐๐,๓๒๙.๓๒ บาท
และเงินชดเชยดอกเบี้ยในอัตราเงินฝากประจำ ๑๒ เดือน บวก ๑ ในอัตราร้อยละ ๒.๔๐ จำนวน
๕๖,๓๔๙,๖๐๗.๙๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๔๐๔,๒๔๙,๙๓๗.๒๒ บาท โดยใช้เงินทุนสำรองธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
(ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายไปก่อน และให้ ธ.ก.ส. เสนอตั้งงบประมาณตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับมาตรการต้นทางเพื่อปรับเปลี่ยนระบบการผลิตในสวนยางให้เกิดความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งในการควบคุมและส่งเสริมการลดพื้นที่การทำสวนยาง
การส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นที่มีศักยภาพทดแทนสวนยาง และการลดจำนวนต้นยางเพื่อปลูกพืชแซมยาง
พืชร่วมยาง และทำอาชีพเสริมในสวนยาง รวมทั้งมาตรการกลางและปลายทาง
เพื่อส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศและการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยางให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและเป็นไปตามเป้าหมายของแผนยุทธศาสตร์ยางระยะ
๒๐ ปี ซึ่งจะช่วยยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรมยางและการพัฒนาอาชีพและรายได้ของเกษตรกรให้มีความมั่นคงและยั่งยืน
โดยไม่สร้างภาระด้านงบประมาณให้กับประเทศในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ในส่วนของโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการไม้ยางและผลิตภัณฑ์
โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ ๒
การขยายระยะเวลาชำระคืนเงินกู้โครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง
และโครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง
การปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง
และการเพิ่มกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง)
ในสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ภายใต้โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง
(ยางแห้ง) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เช่น (๑) ควรให้มีการพิจารณาแนวทางกำหนดราคาประกันรายได้เท่าที่จำเป็นอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
(๒) ควรศึกษามาตรการหรือแนวทางเพิ่มเติมเพื่อดูดซับยางในระบบให้มากยิ่งขึ้นโดยไม่เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดิน
(๓) ควรมีระบบหรือกลไกในการตรวจสอบที่มีมาตรฐานเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนอย่างชัดเจน
อาทิเช่น การลงทะเบียนจำนวนเกษตรกร ผลผลิต การจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงิน
ความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ ตลอดจนจัดให้มีระบบการประเมินผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินการต่าง
ๆ อันจะนำไปสู่การกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการประกันรายได้ที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป และ
(๔) ต้องเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องครบถ้วนให้กับทุกภาคส่วน และประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการดังกล่าวในโอกาสแรก
เป็นต้น ไปพิจารณา และหากมีความจำเป็นต้องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10334 | ร่างพระราชบัญญัติสมาคมการค้า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม) รายงานว่า
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทยได้มีหนังสือขอแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ.
๒๕๐๙ เพื่อให้สมาคมการค้าสามารถนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ได้ จึงเห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์รับประเด็นดังกล่าวไปพิจารณาทบทวนร่างพระราชบัญญัติสมาคมการค้า
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... อีกครั้งหนึ่ง ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10335 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563) | นร.04 | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๒ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๑๙
สิงหาคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๐
สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10336 | ร่างพระราชบัญญัติยกฐานะศาลแขวงนครไทย ศาลแขวงพยัคฆภูมิพิสัย และศาลแขวงเวียงป่าเป้า เป็นศาลจังหวัด พ.ศ. ....(สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม 2563)) | นร. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติยกฐานะศาลแขวงนครไทย
ศาลแขวงพยัคฆภูมิพิสัย และศาลแขวงเวียงป่าเป้า เป็นศาลจังหวัด พ.ศ. ....
ต่อสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10337 | รายงานผลการดำเนินงานการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยของคณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) | นร.01 | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินการเกี่ยวกับหน้ากากอนามัย
ระหว่างวันที่ ๑ พฤษภาคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ตามที่คณะกรรมการเฉพาะกิจเกี่ยวกับการบริหารจัดการพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม
หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การจัดสรรหน้ากากอนามัยให้กระทรวงสาธารณสุข จำนวนไม่เกินวันละ ๑,๘๐๐,๐๐๐ ชิ้น
และจัดสรรหน้ากากอนามัยให้กระทรวงมหาดไทย จำนวนไม่เกินวันละ ๑,๒๐๐,๐๐๐ ชิ้น ๒.
การกระจายหน้ากากอนามัย โดยบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ให้ ๓ หน่วยงาน ได้แก่
จัดส่งให้กระทรวงสาธารณสุข จำนวนสะสมรวม ๑๘๕,๔๐๙,๗๐๐ ชิ้น
เพื่อกระจายต่อให้กับสถานพยาบาลต่าง ๆ และบุคลากรทางการแพทย์ จัดส่งให้กระทรวงมหาดไทย
จำนวนสะสมรวม ๙๒,๙๓๓,๘๐๐ ชิ้น
เพื่อส่งให้กรุงเทพมหานครและจังหวัดกระจายลงไปยังกลุ่มเสี่ยง เช่น
อาสาสมัครประจำหมู่บ้าน พนักงานทำความสะอาดและเก็บขยะ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร
ตำรวจ ในพื้นที่เสี่ยงติดเชื้อโควิด-๑๙ และจัดส่งให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกองทัพไทย
จำนวนสะสมรวม ๒,๘๑๘,๐๐๐ ชิ้น เพื่อใช้สำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ณ
จุดตรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงาน ๓ เหล่าทัพ ๓. การนำเข้าหน้ากากอนามัย
กรมศุลกากรรายงานการนำเข้าตั้งแต่เดือนมกราคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ จำนวน ๔ ประเภท
ได้แก่ หน้ากากชนิดที่ใช้ในห้องผ่าตัด หน้ากากกรองฝุ่น หมอกควัน หรือสารพิษ
อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย หน้ากากทางการแพทย์ นอกจากหน้ากากชนิดที่ใช้ในห้องผ่าตัด
และอื่น ๆ (หน้ากากผ้า) มีจำนวนทั้งสิ้น ๑๖๙,๒๐๘,๕๕๑ ชิ้น ๔.
การส่งออกหน้ากากอนามัยไปนอกราชอาณาจักร
กรมศุลกากรรายงานการส่งออกตั้งแต่เดือนมกราคม-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ จำนวน ๔ ประเภท
ได้แก่ หน้ากากชนิดที่ใช้ในห้องผ่าตัด หน้ากากกรองฝุ่น หมอกควัน หรือสารพิษ
อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย หน้ากากทางการแพทย์ นอกจากหน้ากากชนิดที่ใช้ในห้องผ่าตัด
และอื่น ๆ (หน้ากากผ้าลิขสิทธิ์) มีจำนวนทั้งสิ้น ๑๑๐,๘๕๔,๑๐๑ ชิ้น ๕.
การบริหารจัดการหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตในประเทศ คณะกรรมการเฉพาะกิจฯ
มีมติรับทราบสถานการณ์เกี่ยวกับหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตในประเทศ เช่น
ด้านการผลิต มีผู้ผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นจาก ๙ ราย เป็น ๒๙ ราย (๓๐ โรงงาน)
ทำให้กำลังการผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นเป็น ๔,๕๐๐,๐๐๐ ชิ้นต่อวัน
และการกำหนดราคากลางในการจัดซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ ๔.๑๒ บาท/ชิ้น (เดิม
๔.๒๘ บาท/ชิ้น) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป
และเห็นชอบแนวทางการบริหารจัดการหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ในระยะต่อไป เช่น
การบริหารจัดการกลุ่มเสี่ยง ๓ กลุ่ม คือ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เป็นกลุ่มเสี่ยงอื่น มีความต้องการประมาณ ๓,๐๐๐,๐๐๐ ชิ้นต่อวัน
และการบริหารจัดการและการกระจายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ผลิตในประเทศในระยะต่อไป
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ
มติคณะอนุกรรมการบูรณาการการบริหารจัดการพัสดุสำหรับการป้องกัน ควบคุม หรือรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) มติคณะกรรมการเฉพาะกิจฯ หรือมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10338 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายเอกบุญ วงศ์สวัสดิ์กุล) | กค. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายเอกบุญ
วงศ์สวัสดิ์กุล เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10339 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายอนุชา บูรพชัยศรี) | นร.04 | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง
นายอนุชา บูรพชัยศรี เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘
สิงหาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10340 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายกวิน ทังสุพานิช) | พน. | 18/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายกวิน ทังสุพานิช เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ
|