ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 519 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 10361 - 10380 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10361 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2563 (27 กรกฎาคม 2563) จำนวน 2 ฉบับ | คค. | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการออกประกาศกระทรวงคมนาคม
จำนวน ๒ ฉบับ เพื่อยกเว้นการจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษในช่วงชดเชยวันหยุดเทศกาลสงกรานต์
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม
๒๕๖๓ เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ถึงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๓ เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่
๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. ร่างประกาศกระทรวงคมนาคม
เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี) ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี
เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ
ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษและอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่
๕) พ.ศ. ๒๕๖๓
๒. ร่างประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง
กำหนดให้ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษกาญจนาภิเษก
(บางพลี-สุขสวัสดิ์) เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ
ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๖๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10362 | รายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา สมัยพิเศษ ว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบของโควิด - 19 ต่อกลุ่มเปราะบางในอาเซียน ผ่านระบบการประชุมทางไกล | พม. | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา
สมัยพิเศษ ว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบของโควิด-๑๙ ต่อกลุ่มเปราะบางในอาเซียน [Special
Online ASEAN Ministerial Meeting on Social Welfare and Development (AMMSWD) on
Mitigating Impacts of COVID-19 on Vulnerable Groups in ASEAN] ผ่านระบบการประชุมทางไกล
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. ที่ประชุมฯ
ได้ร่วมรับรองถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา
สมัยพิเศษ ว่าด้วยการบรรเทาผลกระทบของโควิด-๑๙ ต่อกลุ่มเปราะบางในอาเซียน (Joint
Statement of the ASEAN Ministerial Meeting on Social Welfare and Development on
Mitigating Impacts of COVID-19 on Vulnerable Groups in ASEAN) ซึ่งเป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมของรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา
ในการตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเด็ก สตรี คนพิการ
ผู้สูงอายุ คนยากไร้ กลุ่มคนชายขอบในสังคม ในประเด็นต่าง ๆ โดยที่ประชุมฯ
ได้มีมติเพิ่มเติมถ้อยคำในร่างถ้อยแถลงร่วมฯ ในย่อหน้าที่ ๒๑ ความว่า “ช.
มุ่งมั่นที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและตระหนักถึงความจำเป็นในการจัดการปัญหาความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลทั้งภายในและระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน
เพื่อช่วยในการพัฒนาและดำเนินการตามนโยบายต่าง ๆ
ซึ่งครอบคลุมถึงกลุ่มผู้เปราะบาง
และลดผลกระทบทางลบของการระบาดใหญ่ต่อกลุ่มผู้เปราะบางดังกล่าว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ
สตรี และเด็ก”
๒. ที่ประชุมฯ
ได้มีมติร่วมกันว่าจะดำเนินการเพื่อบรรเทาผลกระทบของโควิด-๑๙
ส่งเสริมให้เกิดการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และเสริมสร้างความสามารถในการฟื้นคืนสู่ปกติของกลุ่มคนยากจน
และกลุ่มผู้เปราะบางในอาเซียน โดยเน้นย้ำแนวทางสำคัญต่าง ๆ เช่น การปกป้องสิทธิ
ความปลอดภัย และศักดิ์ศรี
การคุ้มครองและป้องกันความเสี่ยงของความรุนแรงในบ้านหรือในสถานเลี้ยงดู
การสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพและความปลอดภัยให้นักสังคมสงเคราะห์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในแนวหน้าของการรับมือกับโรคระบาด
เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10363 | การกำหนดหลักเกณฑ์การได้รับเบี้ยประชุมของประธานกรรมการ กรรมการ ประธานอนุกรรมการ และอนุกรรมการ และค่าตอบแทนอื่น ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 | ดศ. | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์การได้รับเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนอื่นของประธานกรรมการ
กรรมการ ประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการ
ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
รวมทั้งให้ตัดตำแหน่ง “กรรมการและเลขานุการ”
จากบัญชีค่าเบี้ยประชุมของประธานกรรมการ กรรมการ ประธานอนุกรรมการและอนุกรรมการ
และค่าตอบแทนอื่น ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒
ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
๒.
สำหรับภาระค่าใช้จ่ายค่าเบี้ยประชุมและค่าตอบแทนอื่นที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าว
ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งได้ตั้งงบประมาณรองรับรายการค่าใช้จ่ายดังกล่าวไว้แล้ว ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ
ไป
ให้พิจารณาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่าที่จำเป็น
ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน
และให้ดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
อย่างเคร่งครัด ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10364 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน ในท้องที่ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... | กษ. | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดิน
ในท้องที่ตำบลท้อแท้ อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดินเพื่อดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินในท้องที่ตำบลท้อแท้
อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปทำการสำรวจพื้นที่ที่จะจัดทำเป็นโครงการจัดรูปที่ดิน
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรบูรณาการแผนงาน/โครงการต่าง
ๆ ระหว่างกรมภายในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สำหรับสนับสนุนการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตจัดรูปที่ดินให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ความต้องการของตลาด
และนโยบายสำคัญ ๆ ของรัฐบาล เช่น การส่งเสริมการทำเกษตรแปลงใหญ่
เกษตรกรรมแม่นยำสูง และการสนับสนุนทางเลือกในการทำเกษตรกรรมยั่งยืน
โดยเฉพาะเกษตรผสมผสาน เพื่อเสริมสร้างรายได้และลดความเสี่ยงด้านราคาผลผลิต เป็นต้น
รวมทั้งสร้างทัศนคติให้เกษตรกรร่วมกันบำรุงรักษาระบบชลประทานในพื้นที่ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพตลอดอายุการใช้งาน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10365 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 13 | นร.10 | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
รายสัปดาห์ ครั้งที่ ๑๓ (ข้อมูล ณ วันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓) ซึ่งได้รับข้อมูลจาก ๑๔๗
ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๙๙ ของส่วนราชการทั้งหมด (๑๔๘ ส่วนราชการ)
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
มีส่วนราชการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการตามปกติเพิ่มมากขึ้น
(๗๕ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๕๑) โดยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา (๗๓
ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๔๙) และส่วนราชการพิจารณากำหนดให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เหลื่อมเวลาในการทำงานเป็น ๓
ช่วงเวลาเพิ่มมากขึ้น (๗๘ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๕๓)
๒. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (Work From Home) มีส่วนราชการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการลดลง
(๗๒ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๔๙) โดยในจำนวนนี้มีส่วนราชการ
๑๗ ส่วนราชการ (คิดเป็นร้อยละ ๑๒) มอบหมายให้ทุกคนปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10366 | ขอยุติโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ 50 | ทส. | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ (ระยะที่ ๑-๓) ระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๗-๒๕๕๐
ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินการปลูกและบำรุงป่าต่อเนื่องจนสิ้นสุดภารกิจโครงการฯ
อย่างสมบูรณ์แล้ว เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ โดยปลูกป่าในเขตพื้นที่อนุรักษ์รวม
๕,๑๒๕,๕๘๖.๗๙ ไร่ (เป้าหมายโครงการฯ ๕ ล้านไร่) และใช้งบประมาณทั้งสิ้น
๑๐,๕๑๒,๔๙๔,๓๗๐ บาท ทั้งนี้ ยังมีเงินบริจาคสมทบกองทุนโครงการฯ คงเหลืออยู่ในบัญชี
“กองทุนโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้หารือกับกรมบัญชีกลาง
โดยกรมบัญชีกลางเห็นว่า หากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
ประสงค์จะยุติโครงการฯ หรือประสงค์จะใช้เงินดังกล่าวดำเนินการต่อไป
ให้เสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช ได้ดำเนินการปิดบัญชีกองทุนโครงการฯ เมื่อวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๐
และได้นำเงินกองทุนฯ จำนวน ๒๗,๙๔๑,๑๖๑.๙๗ บาท
ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐
๒.
เห็นชอบให้ยุติโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์
ปีที่ ๕๐
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10367 | รายงานผลการเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองปีแห่งความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน - จีน ค.ศ. 2020 (The Opening Ceremony for ASEAN - China Year of Digital Economy Cooperation) ด้วยระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) | ดศ. | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองปีแห่งความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน-จีน
ค.ศ. ๒๐๒๐ (The Opening Ceremony for ASEAN-China Year of Digital Economy Cooperation)
ด้วยระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference)
เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๓ โดยที่ประชุมได้มีการอ่านสารแสดงความยินดีจากนายกรัฐมนตรีของจีนและเวียดนาม
การเสนอแนวทางการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ประกอบด้วย แนวทางการดำเนินกิจกรรมความร่วมมืออาเซียน-จีน
และทิศทางความร่วมมือในการส่งเสริมการประยุกต์ใช้เศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดประโยชน์สูงสุด
รวมทั้งการกล่าวถ้อยแถลงของไทยเกี่ยวกับประสบการณ์การรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ของไทย ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10368 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค. | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
กู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ รวมจำนวน
๗,๘๙๕.๓๖๘ ล้านบาท เพื่อนำไปชำระค่าเชื้อเพลิง ค่าเหมาซ่อม
และเสริมสภาพคล่องทางการเงิน และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้
กำหนดวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้
ขสมก. เร่งรัดดำเนินการเสนอแผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ที่ปรับปรุงใหม่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
โดยเฉพาะแนวทางในการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่ายในการดำเนินงาน
และการแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินอย่างยั่งยืน เพื่อลดภาระของรัฐบาล
และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน
และนำไปสู่การปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูดังกล่าว นอกจากนี้ ให้ ขสมก.
ดำเนินการกู้เงินได้เมื่อแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีและได้บรรจุวงเงินกู้ของ ขสมก. ที่เสนอในครั้งนี้ไว้ด้วยแล้ว
ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10369 | การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (จังหวัดระยอง) | นร.04 | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบัญชาของนายกรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้มีการจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก
๑ (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง) โดยให้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีฯ ในวันอังคารที่ ๒๕
สิงหาคม ๒๕๖๓ ณ จังหวัดระยอง และมีประเด็นการตรวจราชการสำคัญของกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก
๑ ได้แก่ (๑)
การพัฒนาความพร้อมของพื้นที่เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนอุตสาหกรรมมุ่งสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
(๒) การพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งผลิตอาหารที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล (๓)
การปรับปรุงมาตรฐานสินค้าและธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว (๔)
การแก้ไขปัญหาวิกฤตมลพิษและพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ (๕)
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ (๖) การสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่
รวมถึงความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวภายหลังเหตุการณ์ทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-๑๙
ในพื้นที่จังหวัดระยอง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10370 | ร่างกฎกระทรวงการจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน พ.ศ. .... | สธ. | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการในการควบคุมหรือกำกับดูแลการจัดการมูลฝอยที่เป็นพิษหรืออันตรายจากชุมชน
เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสุขภาพและอนามัยของประชาชน
และป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10371 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ | นร.04 | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
จำนวน ๑๔ ราย ซึ่งจะครบวาระการดำรงตำแหน่ง หนึ่งปี โดยลำดับที่ ๑-๔ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๓ ลำดับที่ ๕-๑๐ ในวันที่
๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๓ และลำดับที่ ๑๑-๑๔ ในวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
ให้คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
ดังนี้ ๑. นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. นายวิชาวัฒน์ อิศรภักดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ๓. นายนภินทร ศรีสรรพางค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ๔. นายนพดล พลเสน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๕. นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๖. นายสากล ม่วงศิริ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ๗. นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ๘. นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ๙. นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ๑๐. นายสำเริง
แหยงกระโทก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ๑๑. นายนราพัฒน์
แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑๒. พลตำรวจโท
ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย ๑๓. นายปรเมศวร์
งามพิเชษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงวัฒนธรรม ๑๔. นายธีระยุทธ วานิชชัง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10372 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและรายงานผลการดำเนินงานโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย - เชียงราย - เชียงของ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค. | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบผลการดำเนินงานและเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม
๒๕๖๑ (เรื่อง ขออนุมัติดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ยกเลิกมติข้อ ๑
เฉพาะในส่วนที่อนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติมว่า “ขอให้โครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง
ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๑/๒๕๖๐ (เรื่อง
การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ)
เพื่อให้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการฯ มีความโปร่งใสและเป็นธรรมตามหลักธรรมาภิบาล” ๑.๒ ให้ยกเลิกมติข้อ ๖ ที่กำหนดว่า
“ในส่วนของการประกวดราคาค่าจ้างก่อสร้างเพื่อดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) เสนอคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้าง ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
ที่ ๑๑/๒๕๖๐ (เรื่อง การกำกับการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐ)
เพื่อพิจารณาวิธีการประกวดราคาโครงการฯ ที่เหมาะสม ทั้งนี้
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไปอย่างเคร่งครัด” และเห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินโครงการก่อสร้างทางรถไฟ
สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
การดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส
และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน พิจารณาถึงกรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรี ความคุ้มค่า
ต้นทุน และประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ นอกจากนี้
ควรให้ความสำคัญกับการกำกับและติดตามให้ รฟท.
เร่งดำเนินโครงการลงทุนที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบให้เป็นไปตามแผนดำเนินการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติแล้ว
พร้อมทั้งเร่งดำเนินการปรับปรุงและจัดหารถจักรและล้อเลื่อนให้มีความพร้อมและสามารถรองรับปริมาณความต้องการเดินทางและขนส่งสินค้าทางรางที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคตภายหลังจากที่ได้ดำเนินการก่อสร้างรถไฟทางคู่
ระยะที่ ๑ และรถไฟสายใหม่ จำนวน ๒ เส้นทาง แล้วเสร็จ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ในการเสนอขออนุมัติโครงการต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแล รฟท. ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ที่กำหนดให้ในขั้นตอนการริเริ่มแผนงานหรือโครงการ
ให้ส่วนราชการพิจารณาความจำเป็น เหมาะสม คุ้มค่า จัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการนั้น
ๆ อย่างละเอียด รอบคอบ ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อนอย่างเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10373 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ครั้งที่ 2) (นางรวีวรรณ ภูริเดช) | ทส. | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ
นางรวีวรรณ ภูริเดช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๒) ตั้งแต่วันที่
๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๔ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10374 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขับเคลื่อนการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน พ.ศ. .... | นร15 | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการขับเคลื่อนการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน
มีหน้าที่และอำนาจในการให้ความเห็น
และข้อเสนอแนะแก่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดอง และหน่วยงานของรัฐ เกี่ยวกับแนวทางการปรับปรุง
แก้ไข
หรือยกเลิกกฎหมายหรือกฎที่มีผลใช้บังคับอยู่หรือการเสนอกฎหมายหรือกฎที่ต้องจัดทำขึ้นใหม่
ตลอดจนกำหนดให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดองทำหน้าที่เป็นหน่วยงานธุรการให้แก่คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน
ตามที่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดองเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒.
ให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดองรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ขณะนี้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศทั้ง ๑๓ ด้าน อยู่ระหว่างการจัดทำปรับปรุงเพิ่มเติมแผนการปฏิรูปประเทศ
ซึ่งได้กำหนดให้มีการจัดลำดับความสำคัญของกฎหมายที่ต้องดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ
จึงเห็นควรให้คณะกรรมการดำเนินการปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วนพิจารณาใช้ประกอบการดำเนินการเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปฏิรูปฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10375 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง | นร.04 | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๓๗/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
และปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี
ในกรณีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติราชการได้หรือไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง
ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10376 | การมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค | นร.04 | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๔๑/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
กำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10377 | การแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน | นร.04 | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๔๒/๒๕๖๓ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ลงวันที่ ๑๓
สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10378 | การมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๓๘/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๓
สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10379 | การมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร.04 | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่
๒๓๙/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง
ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี
ที่ ๒๔๐/๒๕๖๓ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ
และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมายและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๓
สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10380 | ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ในพื้นที่ 76 จังหวัดทั่วประเทศ | นร.14 | 13/08/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๑,๘๙๒.๘๗๑๑
ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ ๗๖ จังหวัดทั่วประเทศ ของ ๕ หน่วยงาน ได้แก่ กรมชลประทาน
กระทรวงมหาดไทย กองทัพบก กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมเจ้าท่า โดยรายละเอียดของแผนการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยรับงบประมาณ ได้แก่ จังหวัด ๗๖ แห่ง
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมโยธาธิการและผังเมือง
ซึ่งมีฐานะเป็นหน่วยรับงบประมาณตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ
และเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงกรมชลประทาน
กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กองทัพบก และกรมเจ้าท่า เป็นผู้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของระเบียบและแนวทางที่เคยปฏิบัติต่อไป ๑.๒ ให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างเคร่งครัด
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และเร่งรัดดำเนินการก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน
๒๕๖๓ โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
เพื่อทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
และเห็นควรให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขากองอำนวยการน้ำแห่งชาติ
ติดตาม ประเมินผลการดำเนินโครงการ รวมถึงสรุปผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ
และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไปด้วย
๒.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|