ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 511 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 10201 - 10220 จากข้อมูลทั้งหมด 124251 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10201 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ยธ. | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในอัตราไม่เกิน ๑๐,๗๐๐ อัตรา โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง
และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕
ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๒๙๒,๕๐๖ อัตรา
คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๗,๓๑๓ อัตรา ๑.๒
ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๑.๕
ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๒๒๕,๘๒๒ อัตรา
คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๓,๓๘๗ อัตรา ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน
ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐเกี่ยวกับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว
เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน
หากไม่เพียงพอให้เบิกจ่ายจากงบกลาง
รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป
และควรมีการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการตามผลงานและผลสัมฤทธิ์
รวมถึงการประเมินสมรรถนะของเจ้าหน้าที่ผู้ได้รับบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษ
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบและการพัฒนาหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10202 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 2/2563 | นร.11 | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) การแต่งตั้งผู้แทนสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย
ผู้แทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไยท และนายกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์
ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (๒)
สถานการณ์เศรษฐกิจในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ (๓) ความคืบหน้าโครงการ DR
BIZ การเงินร่วมใจ ธุรกิจไทยมั่นคง (๔) มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
(๕) มาตรการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและภาคเอกชน
(๖) มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และ (๗) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10203 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนอกเมือง และตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. .... | คค. | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลนอกเมือง
และตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลนอกเมือง และตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์
เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๑๔
กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๐๗๗
เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่ง
อันเป็นกิจการสาธารณูปโภค
รวมทั้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ขอให้กรมทางหลวงชนบทให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติทำให้ระบายน้ำไม่ทัน
และอาจเกิดอุทกภัยในอนาคต รวมทั้งให้ความสำคัญกับการกำหนดมาตรการป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10204 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนกรกฎาคม 2563 | นร.11 | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ณ เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น
การจัดทำห่วงโซ่คุณค่าเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบการจัดทำโครงการสำคัญที่ส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของแผนแม่บทฯ
การประชุมร่วมประธานกรรมการปฏิรูปประเทศทุกคณะ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๔
กรกฎาคม ๒๕๖๓ และการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)
กับระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-GP)
รวมทั้งข้อเสนอแนะประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์
เช่น ประเด็นด้านการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน
และประเด็นด้านงานบริการภาครัฐที่ปรับเปลี่ยนเป็นดิจิทัล เป็นต้น
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10205 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 | นร.14 | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๒
กรกฎาคม ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑) เรื่องเพื่อทราบ ๕ เรื่อง ได้แก่
ผลการประชุมคณะอนุกรรมการภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ จำนวน ๗ คณะ
ผลการประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำ
ความก้าวหน้าแผนงานโครงการที่เสนอในคณะรัฐมนตรีสัญจรและนโยบายที่นายกรัฐมนตรีตรวจงานในพื้นที่
การรายงานการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ในวาระที่ ๑ สภาผู้แทนราษฎร ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และข้อเสนอแนะของ นายชนะ
รุ่งแสง เรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำของภาคอีสาน
และแนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำ (ปัญหาภัยแล้งและปัญหาอุทกภัย) ของชาติอย่างยั่งยืน
และ (๒) เรื่องเพื่อพิจารณา ๓ เรื่อง ได้แก่ การขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ
๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) การขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ
และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ ภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และข้อสั่งการประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓
ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เช่น (๑) หากมีการดำเนินการในพื้นที่ป่าจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง (๒)
หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณด้านการบริหารทรัพยากรน้ำของประเทศจากการพิจารณากลั่นกรองของ
กนช. ควรเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนงาน
เพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่า
และประชาชนได้รับประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และ (๓)
ให้มีการบูรณาการจัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศการบริหารจัดการน้ำพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(EEC) เพื่อให้มีการติดตาม เฝ้าระวัง
และเตือนภัยสถานการณ์น้ำที่ถูกต้องแม่นยำ
สามารถสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อย่างเหมาะสม เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาความเหมาะสมเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างทดแทนการสร้างเขื่อน
เช่น การขุดเจาะอุโมงค์ผันน้ำใต้ดิน เป็นต้น |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10206 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค. | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
(สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) จำนวน ๕๕ แห่ง ในสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘
สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑
การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
(ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) รัฐวิสาหกิจ ๑๔
แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๔๑ แห่ง
ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้
จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จำนวน ๒๗๒,๐๖๑ คน
มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๑๐,๐๓๔ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๔ ๑.๒.
การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสากิจ (การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา) รัฐวิสาหกิจ
๒๖ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓) โดยรัฐวิสาหกิจ ๒๖ แห่ง
มีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๐๐ น. ๒. ให้กระทรวงการคลังยุติการรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง
รายงานข้อมูลการปฏิบัติงานใน-นอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)] เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้คลี่คลายลง
และรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่ได้ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังจัดทำรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งในภาพรวม
รวมทั้งวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย และข้อเสนอแนะ ต่อการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10207 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 17 | นร.10 | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
รายสัปดาห์ ครั้งที่ ๑๗ (ข้อมูล ณ วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๓) ซึ่งได้รับข้อมูลจาก ๑๔๗
ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๙๙ ของส่วนราชการทั้งหมด (๑๔๘ ส่วนราชการ)
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
มีส่วนราชการได้มอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการตามปกติเพิ่มมากขึ้น
(๙๑ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๖๒) โดยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา (๘๒ ส่วนราชการ
คิดเป็นร้อยละ ๕๖) และส่วนราชการส่วนใหญ่ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เหลื่อมเวลาในการทำงานเป็น
๓ ช่วงเวลา (๗๖ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๕๒) ๑.๒
การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (Work From Home) มีส่วนราชการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการลดลง
(๕๖ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๓๘) โดยในจำนวนนี้มีส่วนราชการ ๑๑ ส่วนราชการ
(คิดเป็นร้อยละ ๗) มอบหมายให้ทุกคนปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.
ยุติการรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work
From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง
รายงานข้อมูลการปฏิบัติงานใน-นอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
กรณีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)] เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ได้คลี่คลายลง
และส่วนราชการส่วนใหญ่ได้ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว
ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.
จัดทำรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งในภาพรวม
รวมทั้งวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย และข้อเสนอแนะ ต่อการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10208 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 18/2563 | นร.11 | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๘/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๖๓
ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และพิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการที่ใช้เงินกู้หรือโครงการที่ใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
รวมถึงพิจารณาปรับปรุงรายละเอียดของแผนงาน/โครงการที่ใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดฯ
ตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒. ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น หน่วยงานเจ้าของโครงการควรเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชัดเจนของโครงการ/รายการ ระยะเวลาดำเนินการ
และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์
อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ
ของภาครัฐ มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของแนวปฏิบัติในกรณีหน่วยงานรับผิดชอบโครงการไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในวันที่
๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๓) นั้น ให้คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้และหน่วยงานรับผิดชอบโครงการดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10209 | การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 7/2549/75 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/48 | พน. | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้บริษัท
Northern Gulf Petroleum Pte.Ltd.
โอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะ ซึ่งถืออยู่ทั้งหมดในอัตราร้อยละ ๑๐
ตามสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๗/๒๕๔๙/๗๕ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย G1/48 ให้แก่บริษัท เอ็มพี จี1 (ประเทศไทย)
จำกัด โดยอาศัยความตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม
(ฉบับที่ ๔) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๗/๒๕๔๙/๗๕ ตามแบบ ชธ/ป๓/๑ ที่กำหนดให้กฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม
พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10210 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร.09 | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจและสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป
อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจเป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น
และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม
และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๒.
ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการให้สิทธิประโยชน์แก่
๑๒ อุตสาหกรรมเป้าหมายว่า
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์แต่ละอุตสาหกรรมเป้าหมาย
โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เกี่ยวกับ Digital Economy ให้เหมาะสมและชัดเจนยิ่งขึ้น
เพื่อดึงดูดผู้ลงทุนต่างชาติให้มาลงทุนในไทยมากขึ้น
รวมทั้งเพื่อส่งเสริมให้นักลงทุนไทยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและมีส่วนร่วมในการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายดังกล่าวมากยิ่งขึ้นด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10211 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 53 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กต. | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสาร
จำนวน ๑๗ ฉบับ ซึ่งจะมีการเสนอให้ที่ประชุมรับรองและลงนามระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๓ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๙-๑๒ กันยายน
๒๕๖๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ประกอบด้วย (๑) ร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะรับรอง จำนวน
๑๔ ฉบับ ซึ่งเป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมฯ โดยไม่มีการลงนาม
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่าง ๆ อาทิ
ความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ
ความร่วมมือด้านสังคมและวัฒนธรรม รวมถึงการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ และ
(๒) ร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะลงนาม จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ ร่างตราสารขยายจำนวนอัครภาคีในสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐคิวบา
ร่างตราสารขยายจำนวนอัครภาคีในสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสาธารณรัฐแอฟริกาใต้
เป็นตราสารที่จัดทำขึ้นเพื่อรับรองการเข้าร่วมเป็นอัครภาคีอย่างเป็นทางการในสนธิสัญญาฯ
ของสาธารณรัฐคิวบาและสาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง ๑๐
ประเทศจะลงนามเพื่อให้ความเห็นชอบต่อการเข้าร่วมเป็นอัครภาคีของสนธิสัญญาฯ
ของทั้งสองประเทศ
และร่างความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนาในภูมิภาคระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
(อาเซียน) โดยสำนักเลขาธิการอาเซียน และสหรัฐอเมริกา
โดยองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (ยูเอสเอด)
มีสาระสำคัญเป็นการลงนามระหว่างอาเซียนในฐานะองค์การระหว่างประเทศกับองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา
โดยมีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนด้านงบประมาณสำหรับโครงการด้านการพัฒนาในกรอบอาเซียน
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสาร จำนวน ๑๗ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10212 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางประไพ ดำสะกุล) | นร.05 | 08/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางประไพ ดำสะกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10213 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ปัญหาและผลกระทบจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 | สผ. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ปัญหาและผลกระทบจากการบังคับใช้พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
พ.ศ. ๒๕๖๒ ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร
ได้แก่ กรณีความไม่ชัดเจนของบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
พ.ศ. ๒๕๖๒
การคำนวณภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมและมีผลกระทบต่อประชาชน
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ประกอบการ
และกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมและการบังคับใช้กฎหมาย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10214 | การแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ | พปส. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
จำนวน ๗ คน เนื่องจากคณะกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
และให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอีกวาระหนึ่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑
กันยายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นางปริศนา
พงษ์ทัดศิริกุล ประธานกรรมการ ๒. นายสุรนันท์
วงศ์วิทยกำจร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๓. นางจินตนา
พันธุฟัก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน ๔.
รองศาสตราจารย์ศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปวัฒนธรรม ๕. นายสุรพล
ทิพย์เสนา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๖. รองศาสตราจารย์ลือชัย
ศรีเงินยวง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๗.
รองศาสตราจารย์นรีวรรณ จินตกานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10215 | ร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น
พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรับปรุงกระบวนการการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่นได้สะดวกและมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น
และร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงวิธีการในการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นให้สอดคล้องกับมาตรา
๒๕๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10216 | การจัดหาเครื่องจักรกลและเครื่องมือทางการเกษตรให้แก่เกษตรกร | นร. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับไปประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการจัดหาเครื่องจักรกลและเครื่องมือทางการเกษตรให้แก่เกษตรกรในท้องที่ที่ขาดแคลน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ทั้งนี้
ให้พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการในรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
ถูกต้อง เช่น การกำหนดคัดเลือก กลั่นกรองเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย
ประเภท/ชนิดของเครื่องจักรกลหรือเครื่องมือที่ต้องการ การครอบครองและการบำรุงรักษา
เป็นต้น
โดยให้ยึดหลักความเหมาะสมเท่าที่จำเป็นสอดคล้องกับความต้องการและการใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนของเกษตรกร
แล้วดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10217 | ขออนุมัติเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายค้างเบิกปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ศธ. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเบิกจ่ายเงินอุดหนุนโครงการอาหารเสริม
(นม) จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต โครงการพัฒนาคนตลอดช่วงวัย
รายการเงินอุดหนุนโครงการอาหารเสริม (นม) จำนวน ๒๔,๔๒๓,๕๐๐ บาท
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10218 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563) | นร.04 | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
ครั้งที่ ๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนี่ง) วันอังคารที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๓
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง)
วันพุธที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่
๓ กันยายน ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10219 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
ในสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
(ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) มีรัฐวิสาหกิจ ๑๔
แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๔๑ แห่ง
ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้
จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จำนวน ๒๗๒,๕๗๔ คน
มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๑๒,๔๓๙ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๕ ๒.
การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา)
มีรัฐวิสาหกิจ ๒๑ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓) โดยรัฐวิสาหกิจ ๒๖ แห่ง
มีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๐๐ น.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10220 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 16 | นร.10 | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
รายสัปดาห์ ครั้งที่ ๑๖ (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓) ซึ่งได้รับข้อมูลจาก
๑๔๗ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๙๙ ของทั้งหมด (๑๔๘ ส่วนราชการ) ตามที่สำนักงาน ก.พ.
เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
มีส่วนราชการมอบหมายให้บุคลากรปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการตามปกติเพิ่มมากขึ้น
(๘๒ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๕๖) เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา (๘๑ ส่วนราชการ
คิดเป็นร้อยละ ๕๕) และส่วนราชการกำหนดให้บุคลากรเหลื่อมเวลาในการทำงานเป็น ๓
ช่วงเวลาลดลง (๗๖ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๕๒) ๒.
การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (Work From Home) มีส่วนราชการมอบหมายให้บุคลากรปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการลดลง
(๖๕ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๔๔) ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา (๖๖ ส่วนราชการ
คิดเป็นร้อยละ ๔๕) โดยในจำนวนนี้มี ๑๖ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๑๑ มอบหมายให้บุคลากรทุกคนปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
(ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา)
|