ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 512 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 10221 - 10240 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
10221 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ [ร่างพระราชกฤษฏีกากำหนดพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ที่ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | มท | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10222 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ [ร่างพระราชกฤษฏีกากำหนดพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ที่ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | มท. | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการดังกล่าว
รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๑
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๘
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอบ้านไผ่ อำเภอพล อำเภอชุมแพ และอำเภอแวงใหญ่
จังหวัดขอนแก่น ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเพิ่มเติมขึ้น
๑ บริเวณ ในท้องที่อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ๔.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๖
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองตรัง
อำเภอย่านตาขาว อำเภอสิเกา และอำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ๕.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเพิ่มเติมขึ้น
๒ บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม
๖.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๖
โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๘ บริเวณ
ในท้องที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอทุ่งสง อำเภอขนอม อำเภอหัวไทร
อำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10223 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฏีกากำหนดพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ที่ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ....) | มท. | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการดังกล่าว
รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๑
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๘
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอบ้านไผ่ อำเภอพล อำเภอชุมแพ และอำเภอแวงใหญ่
จังหวัดขอนแก่น ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเพิ่มเติมขึ้น
๑ บริเวณ ในท้องที่อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ๔.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๖
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองตรัง
อำเภอย่านตาขาว อำเภอสิเกา และอำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ๕.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเพิ่มเติมขึ้น
๒ บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ๖.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๖
โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๘ บริเวณ
ในท้องที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอทุ่งสง อำเภอขนอม อำเภอหัวไทร
อำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10224 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฏีกากำหนดพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ที่ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง พ.ศ. ....) | มท. | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการดังกล่าว
รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๑
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๘
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอบ้านไผ่ อำเภอพล อำเภอชุมแพ และอำเภอแวงใหญ่
จังหวัดขอนแก่น ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเพิ่มเติมขึ้น
๑ บริเวณ ในท้องที่อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ๔.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๖
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองตรัง
อำเภอย่านตาขาว อำเภอสิเกา และอำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ๕.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเพิ่มเติมขึ้น
๒ บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ๖.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๖
โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๘ บริเวณ
ในท้องที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอทุ่งสง อำเภอขนอม อำเภอหัวไทร
อำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10225 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ [ร่างพระราชกฤษฏีกากำหนดพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ที่ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | มท. | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการดังกล่าว
รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๑
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๘
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอบ้านไผ่ อำเภอพล อำเภอชุมแพ และอำเภอแวงใหญ่
จังหวัดขอนแก่น ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเพิ่มเติมขึ้น
๑ บริเวณ ในท้องที่อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ๔.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๖
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองตรัง
อำเภอย่านตาขาว อำเภอสิเกา และอำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ๕.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเพิ่มเติมขึ้น
๒ บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ๖.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๖
โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๘ บริเวณ
ในท้องที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอทุ่งสง อำเภอขนอม อำเภอหัวไทร
อำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10226 | การแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา | พณ | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10227 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฏีกากำหนดพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ที่ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. ....) | มท. | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการดังกล่าว
รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๑
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๘
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอบ้านไผ่ อำเภอพล อำเภอชุมแพ และอำเภอแวงใหญ่
จังหวัดขอนแก่น ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเพิ่มเติมขึ้น
๑ บริเวณ ในท้องที่อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ๔.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๖
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองตรัง
อำเภอย่านตาขาว อำเภอสิเกา และอำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ๕.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเพิ่มเติมขึ้น
๒ บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ๖.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๖
โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๘ บริเวณ
ในท้องที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอทุ่งสง อำเภอขนอม อำเภอหัวไทร
อำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10228 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ รวม 6 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฏีกากำหนดพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ที่ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ พ.ศ. ....) | มท. | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการดังกล่าว
รวม ๖ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๑
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดขอนแก่น
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๘
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอบ้านไผ่ อำเภอพล อำเภอชุมแพ และอำเภอแวงใหญ่
จังหวัดขอนแก่น ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดชัยภูมิ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเพิ่มเติมขึ้น
๑ บริเวณ ในท้องที่อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ๔.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดตรัง
พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๖
บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองตรัง
อำเภอย่านตาขาว อำเภอสิเกา และอำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง ๕.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครพนม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการเพิ่มเติมขึ้น
๒ บริเวณ ในท้องที่อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม ๖.
ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการในท้องที่จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๔๖
โดยปรับปรุงกำหนดเขตพื้นที่เพื่อการอนุญาตให้ตั้งสถานบริการขึ้นใหม่ ๘ บริเวณ
ในท้องที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอทุ่งสง อำเภอขนอม อำเภอหัวไทร
อำเภอฉวาง อำเภอทุ่งใหญ่ และอำเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10229 | การปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงสตอกโฮล์มเป็นการถาวร และการพ้นจากตำแหน่งกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงสตอกโฮล์ม และกงสุลกิตติมศักดิ์ประจำกรุงสตอกโฮล์ม ราชอาณาจักรสวีเดน (นางวีเวกา อักเซลซอน และ นางฟรานเซส บรูมัน) | กต. | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ดังนี้ ๑.
การปิดสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ประจำกรุงสตอกโฮล์ม ราชอาณาจักรสวีเดน เป็นการถาวร ๒.
การพ้นจากตำแหน่งกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ของ นางวีเวกา อักเซลซอน ยูนซอน
และการพ้นจากตำแหน่งกงสุลกิตติมศักดิ์ของ นางฟรานเซส บรูมัน ประจำกรุงสตอกโฮล์ม
ราชอาณาจักรสวีเดน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10230 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ | นร.12 | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
จำนวน ๑๐ คน ตามมติคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ
ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงาน
ก.พ.ร.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ
ดังนี้ ๑. รองศาสตราจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ (ด้านการเงินการคลัง) ๒. นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล (ด้านเศรษฐศาสตร์) ๓. นายนรชิต สิงหเสนี (ด้านรัฐศาสตร์) ๔. นายไมตรี อินทุสุต (ด้านรัฐศาสตร์) ๕. ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ (ด้านนิติศาสตร์) ๖. นายปกรณ์
นิลประพันธ์ (ด้านนิติศาสตร์) ๗. ศาสตราจารย์พิเศษทศพร ศิริสัมพันธ์ (ด้านบริหารรัฐกิจ) ๘. นายประเสริฐ
บุญสัมพันธ์ (ด้านบริหารธุรกิจ) ๙ หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล (ด้านจิตวิทยาองค์การ) ๑๐. นายบัณฑูร
เศรษฐศิโรตม์ (ด้านสังคมวิทยา)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10231 | ขอเสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ) | กค. | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง เนื่องจาก นายวิรไท สันติประภพ
จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10232 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวสุวรรณ ด่านวรพงศ์) | สธ. | 29/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสาวสุวรรณ ด่านวรพงศ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) โรงพยาบาลหาดใหญ่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสงขลา
สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10233 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 10 | นร10 | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ ๑๐ ณ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ซึ่งได้รับข้อมูลจาก ๑๔๗ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๙๙ ของส่วนราชการทั้งหมด (๑๔๘ ส่วนราชการ) ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (Work From Home) ๑.๑ ส่วนราชการร้อยละ ๕๓ (๗๘ ส่วนราชการ) มีการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา (สัปดาห์ที่ผ่านมา คือ ร้อยละ ๗๖ จำนวน ๑๑๑ ส่วนราชการ) โดยในจำนวนนี้มีส่วนราชการร้อยละ ๑๒ (๑๗ ส่วนราชการ) มอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง และส่วนราชการร้อยละ ๒๑ (๓๑ ส่วนราชการ) กำหนดให้มีจำนวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งร้อยละ ๕๐ ขึ้นไป (สัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ร้อยละ ๒๙ จำนวน ๔๓ ส่วนราชการ) ๑.๒ ส่วนราชการร้อยละ ๔๗ (๖๙ ส่วนราชการ) มีการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทุกคนปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา (สัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ร้อยละ ๒๔ จำนวน ๓๖ ส่วนราชการ) ๒. การเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ มีส่วนราชการกำหนดให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานเพิ่มมากขึ้น เมื่อต้องปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ ส่วนใหญ่ร้อยละ ๕๐ (๗๔ ส่วนราชการ) กำหนดการเหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานเป็น ๓ ช่วงเวลา คือ เวลา ๐๗.๓๐-๑๕.๓๐ น. เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. และเวลา ๐๙.๓๐-๑๗.๓๐ น. (สัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ร้อยละ ๔๔ จำนวน ๖๕ ส่วนราชการ) และส่วนราชการร้อยละ ๑๐ (๑๕ ส่วนราชการ) กำหนดให้เหลื่อมเวลาการปฏิบัติงานมากกว่า ๓ ช่วงเวลา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10234 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2563) | นร04 | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพุธที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๑๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10235 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) จำนวน ๕๕ แห่ง ช่วงระหว่างวันที่ ๖-๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) รัฐวิสาหกิจ ๑๘ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๓๗ แห่ง ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เพิ่มขึ้น ๖ แห่งจากสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๒๙ มิถุนายน-๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้ จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จำนวน ๒๗๒,๔๖๖ คน มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๓๑,๒๑๘ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๕ ๒. การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา) รัฐวิสากิจ ๒๓ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา โดยมีรัฐวิสาหกิจยกเลิกนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเพิ่มขึ้น ๓ แห่งจากสัปดาห์ก่อนหน้า (ช่วงระหว่างวันที่ ๒๙ มิถุนายน-๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓) โดยมีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๓๐ น.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10236 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร01 | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน ประจำเดือนเมษายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ปัจจุบัน อปท. ทุกแห่ง ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ ครบเรียบร้อยแล้ว และมีการบันทึกรายชื่อผู้สมัครในระบบรายงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Report) ของกรมการปกครองแล้ว ๔๒๕,๔๑๘ คน และมีการฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำ อปท. ๕๘ จังหวัด ๑,๑๙๓ อปท. โดยมีผู้ผ่านการอบรม ๖๑,๙๖๔ คน ๒. การสำรวจข้อมูลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด ๒๐๑๙ มีผลการดำเนินการ ได้แก่ (๑) ประชาชนมีความประสงค์ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพในโครงการฟาร์มตัวอย่างอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๓,๔๖๗ คน (๒) ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบพระราชวัง/พระตำหนักในพื้นที่ ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (พระราชวังบางปะอิน) จังหวัดเชียงใหม่ (พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์) จังหวัดสกลนคร (พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (พระราชวังไกลกังวล) และจังหวัดนราธิวาส (พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์) ได้รับความเดือดร้อน ๒, ๓๕๗ คน และ (๓) ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่จังหวัดที่มีคำสั่ง/ประกาศปิดพื้นที่เป็นการชั่วคราว ได้รับถุงยังชีพ ๘๓,๐๓๐ คน ๓. การดำเนินการจัดกิจกรรม “จิตอาสาต้านภัยแล้ง การประสานความร่วมมือการแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน” ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานได้ดำเนินการจัดกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา (จังหวัดต้นแบบ) และจังหวัดที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แล้ว ๑,๔๐๔ ครั้ง ๔. การประชุมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองเปรมประชากร โดยกระทรวงมหาดไทยได้จัดประชุม เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสำรวจข้อมูลสะพานไม้ข้ามคลองเปรมประชากรในพื้นที่ว่า มีสภาพเหมาะสมต่อการใช้งานมากน้อยเพียงใด และจังหวัดได้มีการบริหารจัดการหรือกำหนดแนวทางการพัฒนา เช่น การก่อสร้างสะพานคอนกรีตทดแทน รวมทั้งแนวทางอื่น ๆ ที่เหมาะสมอย่างไร ๕. ข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา ณ วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ มีจิตอาสาลงทะเบียน ๖,๖๓๔,๕๘๕ คน จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ๔๕,๖๙๔ ครั้ง และกิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติ ๔๗๒ ครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10237 | รายงานประจำปี 2562 ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๒ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานของ สสวท. ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้แก่ (๑) การพัฒนาหลักสูตร สื่อ และกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นปฏิบัติการและการสร้างความเข้าใจในระดับที่เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละกลุ่มโดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ (๒) ขับเคลื่อนการพัฒนาและยกระดับการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีผ่านเครือข่าย สสวท. ให้มีคุณภาพทั่วประเทศอย่างเป็นระบบ (๓) การขับเคลื่อนกระบวนการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้เน้นความเข้าใจ ลงมือปฏิบัติการ และสามารถนำไปใช้จริงทั้งในและนอกระบบตามแนวทาง สสวท. (๔) เร่งรัดพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมตามนโยบายประเทศไทย ๔.๐ (๕) ส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มการยอมรับ สสวท. ในฐานะผู้นำการเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ของเยาวชนให้ทันสมัย (๖) การปรับการเรียนเปลี่ยนวิธีการสอนของครูวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ตามแนวทางสะเต็มศึกษาในทุกจังหวัดและทุกเขตพื้นที่การศึกษาทุกจังหวัด และ (๗) การพัฒนาเด็กปฐมวัยอย่างมีคุณภาพด้วยการจัดประสบการณ์เรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และสะเต็มศึกษา ๒. รายงานการเงินของ สสวท. ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบแล้วเห็นว่า รายงานการเงินของ สสวท. และผลการดำเนินงานทางการเงินสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน โดยถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายทางการบัญชีภาครัฐที่กระทรวงการคลังกำหนด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10238 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. .... | กษ | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เพื่อลดภาระและบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ [Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)] ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องและประโยชน์ที่จะได้รับให้แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมถึงการพิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมเพื่อให้กลุ่มผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) สามารถดำรงอยู่ได้ท่ามกลางสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยการให้คำปรึกษาและให้ความรู้แก่ผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในที่จับสัตว์น้ำซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การวางแผนการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบผสมผสาน ตลอดจนการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ทั้งในด้านการแปรรูปผลผลิตส่วนเกิน และการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าในทุกมิติ นอกจากนี้ ควรดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๓ ในการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐในการบริหารราชการ และให้บริการประชาชนในสภาวะวิกฤต ที่มุ่งเน้นการนำระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) รวมทั้งเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงานและให้บริการประชาชน โดยเร่งดำเนินการพัฒนาการให้บริการทั้งในการยื่นคำขอ ชำระค่าธรรมเนียม และรับใบอนุญาตดังกล่าว ผ่านระบบ e-Service เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายต้นทุนการผลิตของผู้ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในอีกทางหนึ่ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10239 | ขอความเห็นชอบต่อการตอบรับคำเชิญผูกพันต่อกรรมสารของ CECD Council ที่เกี่ยวกับการยอมรับร่วมของข้อมูลเรื่องการประเมินสารเคมี | สธ | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการตอบรับคำเชิญผูกพันต่อกรรมสารของ OECD Council ที่เกี่ยวกับการยอมรับร่วมของข้อมูลเรื่องการประเมินสารเคมี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยควรพิจารณาประเด็นกฎหมาย กฎระเบียบในปัจจุบันว่าสามารถดำเนินการและยอมรับข้อมูลจากประเทศภาคี OECD มาใช้ในประเทศได้หรือไม่ รวมทั้งการนำมาตรฐานขององค์การระหว่างประเทศอื่น มาใช้หรือยึดโยงในบริบทของไทยในหลายเรื่อง จะต้องมีการเลือกสรรโดยมุ่งประโยชน์สูงสุดที่ไทยจะได้รับ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุข (กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์) เร่งจัดทำแผนการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางการค้าสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องทดสอบความปลอดภัยที่ไม่ได้ทดลองในคนตามหลักปฏิบัติที่ดีของห้องปฏิบัติการของ OECD และรายงานความคืบหน้าให้คณะกรรมการมาตรฐานแห่งชาติทราบ ตามมติคณะกรรมการมาตรฐานแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๘-๑/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๑ เพื่อรองรับการเข้าร่วมผูกพันต่อกรรมสารของ OECD Council ของไทยในครั้งนี้ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
10240 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมิถุนายน 2563 | นร11 | 21/07/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การจัดทำโครงการสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ การเตรียมการปรับปรุงแผนแม่บท และการรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ประจำปี ๒๕๖๒ และรายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ประจำปี ๒๕๖๒ ต่อสภาผู้แทนราษฎร และต่อสมาชิกวุฒิสภา เป็นต้น ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|