ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1822 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36421 - 36440 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36421 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (จำนวน 3 คน 1. นางสาวกัญญานุช สอทิพย์ ฯลฯ ) | กค | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ แทนกรรมการที่
ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (20 เมษายน 2553) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ ดังนี้ 1. นางสาวกัญญานุช สอทิพย์ เป็นกรรมการแทนนายวัชรา ตันตริยานนท์ 2. นายประสงค์ พูนธเนศ เป็นกรรมการแทนนางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย 3. นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ เป็นกรรมการแทนนายเฉลียว วิทูรปกรณ์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36422 | การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในสาธารณรัฐประชาชนจีน | กต | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในนาม
ของประเทศไทยจากค่าใช้จ่ายสนับสนุนภารกิจต่างประเทศตามยุทธศาสตร์เชิงรุก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ประมาณ 3,200,000 บาท) เพื่อให้ความช่วย เหลือผู้ประสบภัยพิบัติในสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36423 | แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำในจังหวัดภาคใต้ | พณ | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำในจังหวัดภาคใต้ ตามที่กระทรวง
พาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1. กรณีเกษตรกรมีผลผลิตข้าวเปลือกเฉลี่ยต่อไร่มากกว่าที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวง เกษตรและสหกรณ์กำหนดไว้ ให้เกษตรกรสามารถจำหน่ายผลผลิตส่วนเกินได้ทั้งหมดโดยให้กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่นั้นรับรองผลผลิตส่วนเกินดังกล่าว 2. ให้โรงสีในจังหวัดภาคใต้รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงโดยให้ใช้เงินทุน ของโรงสีซึ่งเป็นกลไกตลาดตามปกติ โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนในส่วนของค่าขนส่งตันละ 600 บาท อันเป็น หลักการเดียวกันกับการตั้งโต๊ะรับซื้อของรัฐบาลในภาคใต้ ภายใต้กรอบวงเงินค่าใช้จ่าย จำนวน 860 ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว 3. ให้กระทรวงพาณิชย์หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อให้โรงสีและ ตลาดกลางกู้ยืมเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิตเพื่อรองรับผลผลิตในพื้นที่ภาคใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานหลักเจรจากับประเทศมาเลเซียเพื่ออำนวยความสะดวก ในการขนข้าวสารส่งผ่านแดนไปยังสิงคโปร์และอินโดนีเซีย เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการขนส่งและแก้ไขปัญหา ด้านราคาข้าวในภาคใต้ 5. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ประธานอนุกรรมการ กขช. ด้านการตลาดเป็นผู้ให้ความเห็นชอบแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กับการดำเนินโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวเปลือกภายใต้กรอบวงเงินไม่เกินไปกว่าที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ และราย งานให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสต่อไป 6. กรณีปัญหาผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ให้กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี ให้จัดระบบการประกันรายได้อย่างยั่งยืนและเป็นระบบรับมาพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36424 | ขออนุมัติค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกขององค์การคลังสินค้า | พณ | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบหลักเกณฑ์ให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ดำเนินการโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ของรัฐบาล ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ 1.1 ปรับเพิ่มค่าใช้จ่ายในการฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก จากเดิมตันละ 55 บาท เป็นตันละ 75 บาทต่อเดือน กรณีฝากเก็บไว้เกินกว่า 3 เดือน มีค่าใช้จ่ายในอัตราก้าวหน้าเป็นค่าพลิกกลับกองตันละ 30 บาท/ ครั้ง และน้ำหนักสูญเสียร้อยละ 0.5-1 ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) วันที่ 10 มีนาคม 2553 1.2 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรับซื้อข้าวเปลือกของ อคส. ตามที่เกิดขึ้นจริง และค่า Overhead ตันละ 45 บาท ให้สามารถเบิกจ่ายได้โดยไม่ต้องระบุอัตรารวมไม่เกินตันละ 100 บาท โดยให้กรมการค้าภายใน กรมบัญชี กลาง และ อคส. ร่วมกันพิจารณาความเหมาะสมของอัตรารวม และเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะ รองประธาน กขช. และประธานอนุกรรมการ กขช. ด้านการตลาด ให้ความเห็นชอบ 1.3 ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและการสูญเสียน้ำหนักในการดำเนินการรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อแก้ไขปัญหาราคา ข้าวเปลือกตกต่ำในจังหวัดภาคใต้ ให้เบิกจากวงเงินจ่ายขาด 860 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2552 ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งประกอบด้วย 1.3.1 ค่าใช้รถตัก ค่าชั่งน้ำหนักรถบรรทุก ค่าวัสดุอุปกรณ์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการ รับซื้อข้าวเปลือก ในกรอบวงเงินประมาณ 6 ล้านบาท 1.3.2 ค่าขนส่งข้าวเปลือกจากจุดรับซื้อในภาคใต้ไปยังโรงสีในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือตอน ล่างที่เข้าร่วมโครงการให้นำไปหักออกจากเงินค่าขายข้าวเปลือกที่ได้รับก่อนที่จะนำไปชำระหนี้เงินกู้ให้ธนาคารเพื่อ การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 1.3.3 ค่าสูญเสียน้ำหนักระหว่างพักรอที่จุดรับซื้อ การขนถ่าย และการขนส่งไปยังจุดปลายทาง รวมทั้งน้ำหนักสูญเสียที่เกิดจากอัตราความชื้นที่ลดลงวตามที่เกิดขึ้นจริงแต่รวมกันไม่เกินร้อยละ 2 1.4 มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองประธาน กขช. และประธานคณะอนุ กรรมการ กขช. ด้านการตลาด เป็นผู้ให้ความเห็นชอบในการแก้ไขปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนิน โครงการตั้งโต๊ะรับซื้อของรัฐบาลภายใต้กรอบวงเงินไม่เกินไปกว่าที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติและรายงานคณะรัฐมนตรี ทราบ 2. เห็นชอบให้องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร เป็นหน่วยงานดำเนินการโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าว เปลือกอีกหนึ่งหน่วยงาน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36425 | การกำหนดวันจองซื้อและจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 | กค | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดวันจองซื้อและจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ในปีงบ
ประมาณ พ.ศ. 2553 ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 17-21 พฤษภาคม 2553 โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดตามที่คณะ รัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 ทั้งนี้ หากไม่สามารถจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ได้ตามกำหนด เวลาดังกล่าว และมีความจำเป็นต้องเลื่อนการจำหน่ายออกไป ให้กระทรวงการคลังมีอำนาจพิจารณากำหนดวัน จองซื้อและจำหน่ายพันธบัตรในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36426 | การจำหน่ายกิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) | กก | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการจำหน่าย กิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) ที่จำเป็นต่อการจำหน่ายกิจการของบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด โดยการขายหุ้นที่ ททท. เป็นเจ้าของ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การจำหน่ายกิจการ หรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ พ.ศ. 2504 และที่แก้ไขเพิ่มเติม 2. อนุมัติให้คณะกรรมการจำหน่ายกิจการโครงการบัตรสมาชิกพิเศษ (Thailand Privilege Card) ปรับ ปรุงร่างขอบเขตของงาน (TOR) ของโครงการ ฯ ได้ตามความจำเป็น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36427 | สรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ | นร | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ 19 เมษายน
2553 ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 3 ครั้งที่ 21 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธ ที่ 21 เมษายน 2553 และครั้งที่ 22 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน 2553
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36428 | กรอบแผนบูรณาการงบประมาณการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล 23 จังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 - 2559 | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 กรอบแผนบูรณาการงบประมาณการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะในพื้นที่จังหวัดชาย ฝั่งทะเล 23 จังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2559 รวมระยะเวลา 6 ปี วงเงิน 19,580.8 ล้านบาท จำนวน 933 โครงการ จำแนกเป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 วงเงิน 4,436.9 ล้านบาท จำนวน 202 โครงการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2555-2559 วงเงิน 15,143.9 ล้านบาท จำนวน 731 โครงการ โดยเป็นโครงการที่มีความสำคัญต้องดำเนิน การเร่งด่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 วงเงิน 2,490.5 ล้านบาท จำนวน 31 โครงการ 1.2 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นหน่วย งานรับผิดชอบประสานการดำเนินงานให้เป็นไปตามกรอบแผนบูรณาการงบประมาณฯ 1.3 ให้สำนักงบประมาณพิจารณาดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ ให้เป็นไปตามกรอบแผนบูรณาการงบประมาณฯ 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ และกระทรวงคมนาคม เกี่ยวกับโครงการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลที่อยู่ในกรอบแผนบูรณาการงบ ประมาณฯ หน่วยงานผู้รับผิดชอบสามารถเปลี่ยนแปลงลำดับความสำคัญเพื่อดำเนินการได้ตามความเหมาะสม ส่วน โครงการที่ไม่ปรากฎในกรอบแผนบูรณาการงบประมาณฯ หากมีความจำเป็นต้องดำเนินการและเป็นโครงการที่สอด คล้องกับยุทธศาสตร์ และ/หรือแผนปฏิบัติการของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหน่วยงานผู้รับผิดชอบสามารถ พิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ แผนบูรณาการงบประมาณฯ ควรปรับปรุงเป็นระยะตามความ เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นต้น รวมทั้งความเห็นของสำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการศึกษาความเหมาะสมเชิงเทคนิคในส่วนโครงการ ที่ยังไม่มีแผนแม่บทรองรับก่อน และจัดลำดับความสำคัญของโครงการเพื่อมิให้การดำเนินโครงการเกิดผลกระทบต่อ เนื่องต่อการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศทางทะเล และการเปลี่ยนแปลงทางสมุทรศาสตร์ในภาพรวมได้ในภายหลัง นอก จากนี้ ควรประเมินผลกระทบของระบบนิเวศทางทะเลต่อการสร้างสิ่งก่อสร้างเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลให้มี ความชัดเจนก่อนดำเนินโครงการที่ระบุไว้ในแผนปฏิบัติการ ตลอดจนเร่งติดตามประเมินประสิทธิภาพโครงสร้างป้อง กันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่ผ่านมา และในระยะยาวควรให้ความสำคัญกับแผนงานฟื้นฟูพื้นที่เสื่อมโทรม และระบบนิเวศโดยเฉพาะการปลูกป่าชายเลน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย 3. ให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งประสานไปยังจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่เกี่ยวข้องเพื่อ ให้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับแผนงาน/โครงการ เกี่ยวกับการจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลที่จังหวัด หรือ อปท. จะดำเนินการ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบ เพื่อประโยชน์ในการบูรณาการการ ดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาในภาพรวมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36429 | การขออนุมัติหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น พืชล้มลุก ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2532 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 | ทส | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ 1. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้กรมทรัพยากรน้ำนำมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2553 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2535 มาปรับใช้ในการพิจารณาการจ่ายเงินค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่ง ปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น พืชล้มลุก ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ทั้งนี้ ให้นำหลักเกณฑ์ที่ได้รับ อนุมัติมาใช้กับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำของกรมทรัพยากรน้ำกรณีไม่มีเอกสารสิทธิโครงการอื่น ๆ ด้วย 1.2 แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคาร บ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ ยืนต้น พืชล้มลุก โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกรมทรัพยา กรน้ำ เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำกับ ควบคุม และกำหนดแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับ การจ่ายเงินค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคารฯ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการของกรมทรัพยากรน้ำ และกำหนด ราคาค่าขนย้ายฯ ให้แก่ราษฎรผู้ถือครองที่ดินโดยไม่มีเอกสารสิทธิซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาแหล่ง น้ำของกรมทรัพยากรน้ำ ตลอดจนประสานงานและขอความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนิน การเกี่ยวกับจ่ายเงินค่าขนย้ายฯ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 2. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการพิสูจน์ความถูก ต้องจากภาพถ่ายทางอากาศตามมาตรการของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ รวมทั้งตรวจสอบ เอกสารสิทธิของราษฎรที่นำมาอ้างอิงให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และให้รับข้อสังเกต ของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการกำหนดราคาจ่ายเงินชดเชย ควรนำระยะเวลา (จำนวนปี) ที่ราษฎรได้บุกรุกเข้า ใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐมาประกอบการพิจารณาจ่ายค่าชดเชยด้วย เพื่อป้องกันปัญหาการบุกรุกไม่ให้มีเพิ่มขึ้น ในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกับการก่อสร้าง ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาการเรียกร้องค่าชดเชยของผู้ที่บุกรุกที่ดินภายหลัง รวมทั้งความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการกำหนดให้ใช้แผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อประกอบการดำเนิน งานของคณะกรรมการด้วย เพื่อให้การตรวจสอบสิทธิและทรัพย์สินของราษฎรมีความเที่ยงตรงตามข้อเท็จจริง ไป พิจารณาดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36430 | งบประมาณเพื่อการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 | นร | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณ จำนวน 500 ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเฉลิม
พระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวา คม 2554 ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยแบ่งงบประมาณเป็น 2 ปี ดังนี้ 1. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น จำนวน 200 ล้านบาท 2. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายการจัดงานเฉลิมพระ เกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 จำนวน 300 ล้านบาท
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36431 | รายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 | นร | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และเป้าหมายการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการเสนอ 2. สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบายในส่วนของการให้ความสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ตามพระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 อย่างยั่งยืน เพื่อให้ครอบคลุมทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาค ประชาชน การให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามตัวชี้วัด "ร้อยละความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการเปิดเผยข้อมูล ข่าวสารตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540" รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการสรุปรายงาน ผลการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ในลำดับต้นอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริม ความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล นั้น ให้ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการรับไปพิจารณาทบทวนใน คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการอีกครั้งหนึ่ง โดยให้นำความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. และสำนัก งาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันเพื่อการฝึกอบรมความรู้เกี่ยวกับสิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารและการคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล (Transparency and Privacy Academy) ซึ่งคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2553 มีมติเห็นชอบให้ ขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งได้สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2552 ออกไปอีก การจัดตั้งสถาบันเพื่อการฝึกอบรมความ รู้เกี่ยวกับสิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอาจไม่สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าวข้าง ต้น ประกอบกับภารกิจการส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจของสำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ จึงเห็นควรปรับบทบาทภารกิจของ สำนักงานให้สามารถรองรับภารกิจดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36432 | การเสนอตัวลงรับสมัครคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 | นร | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้ดำเนินการโครงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก World Expo 2020 ของประเทศไทย ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอ โดยให้สำนักงานส่งเสริมการจัด ประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่าง ประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับการเสนอตัวลงรับสมัครคัดเลือกเป็นเจ้า ภาพจัดงานดังกล่าว ต้องเริ่มการรณรงค์เพื่อขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในประเทศ และการขอเสียงสนับสนุน จากประชาคมโลกนับตั้งแต่จากนี้ไปเป็นระยะเวลา 5 ปี จนถึงปี พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) เพื่อให้ประเทศไทยได้ เป็นเจ้าภาพงานมหกรรมโลก และให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อศึกษาขั้นตอนการดำเนินการเตรียม เสนอตัวเป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการต่อไป และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับนำเสนอหัวข้อการจัดงาน (Theme) ต้องสอดคล้องกับบริบทการเปลี่ยนแปลงและทิศทาง การพัฒนาในระยะ 10 ปีข้างหน้า อาทิ กระแสแนวคิดการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ การสร้างความสมดุลของ การพัฒนาความต้องการด้านอาหารและพลังงานทางเลือก การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และกระแสการบริโภคที่ต้อง การอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ ให้ สสปน. หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อศึกษาขั้น ตอนการเตรียมการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพอย่างเป็นทางการ การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ การสนับสนุน งบประมาณดำเนินโครงการ และการกำหนดแผนรองรับการใช้ประโยชน์จากงานออกแบบและก่อสร้างโครงการ ให้ชัดเจนภายหลังจากงานมหกรรมเสร็จสิ้น ไปพิจารณาต่อไป 2. สำหรับงบประมาณการดำเนินงานเบื้องต้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของ สสปน. ซึ่งได้รับจัดสรรไว้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จำนวน 749.797 ล้านบาท และเสนอขอจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 25 ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36433 | ผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ (กศร.) ครั้งที่ 1/2553 | นร | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ (กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ กศร.) เสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการ กศร. ครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 โดยที่ ประชุมได้พิจารณาเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ การปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอำนวยการจัดระบบ ศูนย์ราชการ พ.ศ. 2539 ในส่วนองค์ประกอบคณะกรรมการ การดำเนินโครงการศูนย์ราชการในที่ดินราชพัสดุ ถนนแจ้งวัฒนะ และขอขยายกรอบวงเงินงบประมาณลงทุนโครงการ ฯ และการปรับแผนการก่อสร้างศูนย์ราชการ จังหวัดบุรีรัมย์ 2. เห็นชอบ 2.1 ปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอำนวยการจัดระบบศูนย์ราชการ พ.ศ. 2539 ในส่วนขององค์ประกอบคณะกรรมการ กศร. และมอบหมายฝ่ายเลขานุการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ ปรับเปลี่ยนองค์ประกอบคณะกรรมการดังกล่าวตามมติคณะกรรมการ กศร. 2.2 มอบหมายให้กระทรวงการคลังในฐานะกระทรวงเจ้าสังกัดของบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการ กศร. ดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดวงเงินที่เพิ่มขึ้น และกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องในการขอขยายกรอบวงเงินงบประมาณลงทุนโครงการศูนย์ราชการในที่ดินราชพัสดุ ถนนแจ้ง วัฒนะทั้งในส่วนงานที่หน่วยงานต้องตั้งงบประมาณคืนให้ ธพส. และในส่วนงานที่ ธพส. ดำเนินการ และประสาน กับหน่วยงานที่ต้องตั้งงบประมาณคืนให้แก่ ธพส. เพื่อยืนยันการอนุมัติวงเงินงบประมาณดังกล่าว และนำเสนอ คณะกรรมการ กศร. พิจารณาในการประชุมครั้งต่อไป 2.3 มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม เป็นหน่วยงานหลักประสานการแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณ โครงการศูนย์ราชการ ฯ โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อโครงการศูนย์ราชการ ฯ กับโครงข่ายถนนรอบนอกในส่วนที่อยู่ระหว่างการดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งเร่งจัดทำแผนการแก้ไข ปัญหาจราจรในระยะเร่งด่วน และผลักดันการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะในพื้นที่โดยรอบโครงการศูนย์ ราชการ ฯ ต่อไป 2.4 เห็นชอบในการปรับแผนการก่อสร้างศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์ จากเดิมโครงการต่อเติมปรับ ปรุงศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์ บริเวณศาลากลางเดิม เป็น โครงการก่อสร้างศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์แห่งใหม่ บริเวณที่ดินสาธารณประโยชน์ ที่สงวนเลี้ยงสัตว์โคกเขากระโดง ตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามที่ คณะอนุกรรมการจัดวางผังแม่บทศูนย์ราชการส่วนภูมิภาคเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36434 | ข้อเสนองบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | สธ | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) รับเรื่อง ข้อเสนองบ
ประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ไปพิจารณาร่วมกับสำนัก งานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของ ค่าตอบแทนบุคลากรด้านสาธารณสุขให้ศึกษาวิเคราะห์หาแนวทางการปรับเพิ่มให้ครอบคลุมบุคลากรทุกภาค ส่วนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดย ด่วน |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36435 | ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการตามแผนแม่บทการจัดการประมงทะเลไทย (พ.ศ. 2552 - 2556) | กษ | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการตามแผนแม่บทการจัดการประมงทะเลไทย (พ.ศ. 2552-2556) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยแผนปฏิบัติการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อแปลงแผนแม่บทการจัดการประมง ทะเลไทย (พ.ศ. 2552-2556) ช่วงระยะที่ 1 (พ.ศ. 2552-2556) ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ประกอบ ด้วย 5 กลยุทธ์ 88 โครงการ ดังนี้ 1.1 กลยุทธ์ที่ 1 ปรับปรุงระบบการจัดการประมงทะเลให้มีประสิทธิภาพและมีส่วนร่วม ประกอบด้วย 15 โครงการ วงเงินรวม 1,882.88 ล้านบาท 1.2 กลยุทธ์ที่ 2 ปรับปรุงโครงสร้างและศักยภาพองค์กรภาคประมง ประกอบด้วย 23 โครงการ วง เงินรวม 965.85 ล้านบาท 1.3 กลยุทธ์ที่ 3 พัฒนาและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรประมงทะเลอย่างรับผิดชอบและยั่งยืน ประกอบ ด้วย 21 โครงการ วงเงินรวม 1,129.63 ล้านบาท 1.4 กลยุทธ์ที่ 4 ฟื้นฟูระบบนิเวศและพัฒนาแหล่งประมงทะเลเพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และคุณภาพสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย 12 โครงการ วงเงินรวม 1,598.00 ล้านบาท 1.5 กลยุทธ์ที่ 5 ส่งเสริมและพัฒนาการประมงนอกน่านน้ำไทย ประกอบด้วย 17 โครงการ วงเงิน รวม 833.25 ล้านบาท 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของส่วนราชการที่ เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวง อุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรกำหนดให้มีมติที่เกี่ยว กับการกำหนดให้ผู้ประกอบการไทยผิดชอบ เมื่อเกิดกรณีการทำประมงผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบทลงโทษและความ รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือลูกเรือเมื่อถูกจับกุม และการจัดตั้งกองทุนพัฒนาศักยภาพการทำการประมง นอกน่านน้ำไทย ควรระบุความรับผิดชอบเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการให้ความช่วยเหลือลูกเรือในกรณีต่าง ๆ ไว้ในขอบ ข่ายการดำเนินงานของกองทุนใด ๆ ที่ได้รับการก่อตั้งขึ้นแล้ว และสามารถเชื่อมโยงกับการให้ความช่วยเหลือลูกเรือ ประมงดังกล่าว และควรให้ความสำคัญต่อการจัดระเบียบการประมงนอกน่านน้ำให้ถูกต้องตามเงื่อนไขและข้อตกลง ระหว่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการร่วมทุนและลงทุนในประเทศที่สามและการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่ประเทศ ที่เรือประมงไทยเข้าไปทำประมงเพื่อให้เกิดการประมงที่รับผิดชอบและยั่งยืน นอกจากนี้ ควรกำหนดเป้าหมาย ผล ตอบแทนและความคุ้มค่าของการลงทุนตามแผนปฏิบัติการฯ โดยเฉพาะผลต่อผลิตภาพการผลิตในแต่ละปี รวมทั้ง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพชาวประมงให้สามารถเพิ่มมูลค่าของสัตว์น้ำในแต่ละขั้นตอน และส่งเสริมการ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้มากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 3. ในส่วนของการจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีนั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวน เพื่อให้เกิดการบูรณาการโครงการฯ ภายใต้แผนหลักต่าง ๆ เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อนทั้งในด้านเป้าหมายและพื้นที่ ดำเนินการ และสามารถเชื่อมโยงให้เกิดผลลัพธ์ในระดับยุทธศาสตร์ได้ รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญที่ต้องเร่งดำเนิน การตามความจำเป็นเร่งด่วนสอดคล้องกับศักยภาพของหน่วยงาน และควรพิจารณาปรับระยะเวลาให้สอดคล้องกับ สถานภาพในปัจจุบัน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36436 | คำของบประมาณของจังหวัดและของกลุ่มจังหวัด ตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของกลุ่มจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 เพิ่มเติม | นร | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำของบประมาณสำหรับโครงการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด
สระบุรี กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 1 กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน 2 และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดน ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2554 ที่ขอเพิ่มเติม และคำขอเปลี่ยนแปลงคำของบประมาณสำหรับโครงการใหม่ตามแผนปฏิบัติ ราชการประจำปี พ.ศ. 2554 ของจังหวัดนราธิวาส จำนวน 5 โครงการ และคำขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ตามแผนปฏิบัติราชการ ประจำปี พ.ศ. 2554 ของจังหวัดปัตตานี จำนวน 1 โครงการ ตามความเห็นของคณะกรรม การนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ในการประชุมครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2553 ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการ ก.น.จ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36437 | ขออนุมัติหลักการก่อสร้างสนามกีฬาจังหวัด อำเภอและตำบล | กก | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้ก่อสร้างสนามกีฬาระดับจังหวัด 6 จังหวัด คือ จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดสระแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดสกลนคร และจังหวัดเพชรบูรณ์ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬาเสนอ และให้ก่อสร้างสนามกีฬาจังหวัดนราธิวาสเพิ่มเติมอีกหนึ่งจังหวัด โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เกี่ยวกับการจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับขนาด สถานที่ และงบ ประมาณในการก่อสร้าง ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อ จัดทำแผนการถ่ายโอนสนามกีฬาที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล ให้ อปท. บริหารจัดการและ ใช้ประโยชน์ เพื่อแบ่งเบาภาระในการดูแลบำรุงรักษา ไปดำเนินการ และให้จัดทำแผนขอรับการจัดสรรงบประมาณ ร่วมกับสำนักงบประมาณต่อไป 2. สำหรับสนามกีฬาระดับอำเภอและระดับตำบลให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำแผนการดำเนิน งาน ตลอดจนงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36438 | ร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... | กค | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการการปรับปรุงโครงสร้างและการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ 2. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน และกฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่ ไปพิจารณาร่วมกับ กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดให้มีการทำประชาพิจารณ์หรือรับฟังความคิดเห็นของประชา ชน ตามความเห็นของคณะรัฐมนตรีควบคู่กันไปเพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติฯ แล้ว นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36439 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานแพร่ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็นค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 8 ฉบับ | กษ | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานแพร่
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... จำนวน 8 ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานแพร่ คลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่ง ขวา ของฝายทุ่งไผ่ และห้วยแม่สอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... 2. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานแพร่ คลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่ง ขวา ของฝายท่าช้าง ห้วยแม่สาย และห้วยแม่ก๋อน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... 3. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานแพร่ คลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่ง ขวา ของอ่างเก็บน้ำแม่มาน ห้วยแม่มาน และคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ของอ่างเก็บน้ำแม่มาน เป็นทางน้ำชล ประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... 4. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานแพร่ ห้วยแม่คำมี คลองส่ง น้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของฝายห้วยบาตร และคลองซอย 2 ขวา ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของฝายห้วยบาตร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... 5. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่มาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บ ค่าชลประทาน พ.ศ. .... 6. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่คำปอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียก เก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... 7. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่ถาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บ ค่าชลประทาน พ.ศ. .... 8. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำแม่สอง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บ ค่าชลประทาน พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
36440 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยโรคระบาดสัตว์เพิ่มเติม พ.ศ. .... | กษ | 20/04/2553 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยโรคระบาดสัตว์เพิ่มเติม พ.ศ. .... ตามที่กระทรวง
เกษตรและสหกรณ์เสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่าง กฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยโรคระบาดสัตว์เพิ่มเติม พ.ศ. 2547 และกฎกระทรวง ว่าด้วยโรคระบาดสัตว์เพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2550 เพื่อกำหนดโรคระบาดในสัตว์น้ำดังต่อไปนี้ เป็นโรคระบาด ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 1. โรคไอเอ็มเอ็น (IMN disease หรือ Infectious Myonecrosis disease) 2. โรคไอเอสเอ (ISA disease หรือ Infectious salmon anaemia disease) 3. โรคไจโรแดคไทโรซีส (Gyrodactylosis disease หรือ Gyrodactylus salaris disease) 4. โรคซีโนฮาลิโอทิส (Xenohaliotis disease หรือ Xenohaliotis californiensis disease) 5. โรคอบาโลนเฮอพีสไลค์ไวรัส (abalone herpes-like virus disease) 6. โรคเอ็นเอชพีบี (NHPB disease หรือ necrotising hepatopancreatitis bacterium disease) 7. โรคหางขาว (white tail disease หรือ Macrobrachium rosenbergii nodavirus disease หรือ MrNV disease) 8. โรคซิททริดฟังกัส (chytrid fungus disease หรือ Batrachochytrium dendrobatidis disease) 9. โรครานาไวรัส (ranavirus disease)
|