ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1826 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36501 - 36520 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36501 | แนวทางการจัดสรรเวลาการชี้แจงของคณะรัฐมนตรีต่อที่ประชุมวุฒิสภา | สว | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอว่า ประธานวุฒิสภาได้แจ้งแนวทางการจัด
สรรเวลาการชี้แจงของคณะรัฐมนตรีต่อที่ประชุมวุฒิสภา โดยในการนัดประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 18 (สมัยสามัญทั่วไป) วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม 2553 และการประชุมวุฒิสภาครั้งต่อไปจะได้นำวาระกระทู้ถามมาพิจารณาก่อนวาระเรื่อง ด่วน ซึ่งจะช่วยให้ทางคณะรัฐมนตรีสามารถกำหนดเวลาได้แน่นอน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36502 | สถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญ [ด้านการผลิตและการตลาด (ข้าวนาปรังและ มันสำปะหลัง) ฯ] | พณ | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานสถานการณ์สินค้าเกษตรสำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. แนวโน้มสถานการณ์ 1.1 ข้าวนาปรัง สภาพภัยแล้งในปีนี้คาดว่าจะมีความรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่าน ๆ มา เนื่องจากปริมาณ น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ลดลง ประกอบกับการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล โรคใบหงิก โรคเขียวเตี้ยที่เกิด ขึ้นในพื้นที่หลายจังหวัดของภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ส่งผลให้ผลผลิตที่จะเก็บเกี่ยวในระยะต่อไปมีแนวโน้ม ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มากจนอาจเกิดผลกระทบต่อภาวะการค้าโดยเฉพาะการส่งออกที่จะเพิ่มขึ้นในระยะต่อไปด้วย 1.2 มันสำปะหลัง ปัจจุบันยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของเพลี้ยแป้งในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญ 25 จังหวัดได้ ทำให้ปริมาณผลผลิตที่คาดว่าจะผลิตได้ 27.759 ล้านตัน ลดลงเหลือเพียง 23.22 ล้านตัน และแนวโน้ม ผลผลิตอาจจะลดลงอีก 1.3 สุกร จากการระบาดของโรคทางเดินหายใจ และโรคอุบัติใหม่ ซึ่งยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ทำให้อัตรา การสูญเสียลูกสุกรและสุกรขุนมีมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น และสุกรมีชีวิตที่เข้าสู่ตลาดมีปริมาณ ลดลงและขาดช่วงทำใก้ราคาสุกรมีชีวิตได้ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคม 2553 เป็นต้นมา นอก จากนี้ ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2553 ซึ่งสภาพอากาศร้อนจะเป็นปัจจัยสำคัญให้ขาดแคลนสุกรมากขึ้น เนื่อง จากสุกรจะกินอาหารได้น้อยและโตช้า 2. แนวทางการแก้ไข 2.1 เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาโรคและแมลงศัตรูพืช และการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ขาดน้ำในการ เพาะปลูกข้าว 2.2 เร่งดำเนินการชี้แจงและประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทราบถึงแนวทางแก้ไขและ การป้องกันการระบาดของเพลี้ยแป้ง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดรณรงค์ให้ความรู้ในการป้องกันและกำจัดเพลี้ยแป้งในระดับ พื้นที่ 2.3 ให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนป้องกันและควบคุมโรคระบาดในสุกร เพื่อบรรเทาภาระความสูญเสีย ของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร รวมทั้งได้กำหนดมาตรการบริหารจัดการอุปสงค์อุปทานมิให้เกิดผลกระทบต่อระบบการ ผลิต/การตลาด ตลอดจนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกร ผู้ประกอบการและผู้บริโภคในประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36503 | การลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคไทย ฯ | มท | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการให้ความร่วม
มือในการแก้ไขปัญหาผู้หนีภัยการสู้รบในพื้นที่พักพิงชั่วคราวบริเวณชายแดนไทย-พม่า ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) ประจำภูมิภาคไทยฯ ในโครงการจัดทำทะเบียนผู้หนีภัยการสู้รบและการพิจารณา สถานะบุคคลสัญชาติพม่าปี 2553 MOU2010/52281/1900/1THAA/PF (1257000) จำนวน 12,101,362 บาท ที่กระทรวงมหาดไทยลงนามร่วมกับ UNHCR เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36504 | แนวทางและแผนปฏิบัติการตามมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2553 | รง | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานรายงานแผนการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันและ
ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาล โดยได้จัดทำโครงการกรมพัฒนาฝีมือแรงงานร่วมกันป้องกันและลดอุบัติเหตุทาง ถนนช่วงเทศกาล "Safety Holiday 7 วัน ขับขี่ปลอดภัย เทิดไท้องค์ราชัน" และมอบหมายให้สถาบันพัฒนาฝีมือแรง งานภาค (สพภ.)/ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด (ศพจ.) ดำเนินการจัดฝึกอบรม และฝึกอาชีพให้ความรู้ความเข้า ใจด้านการขับขี่ปลอดภัย และการซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ และรถจักรยานยนต์ โดยในส่วนของ สพภ./ศพจ. ได้จัด ทำโครงการให้บริการตรวจสภาพซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ และรถจักรยานยนต์ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงก่อนเทศ กาลให้ตั้งจุดบริการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ณ ที่ตั้ง สพภ./ศพจ. ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม-9 เมษายน 2553 และช่วงระหว่างเทศกาล 7 วัน ระหว่างวันที่ 12-18 เมษายน 2553 จัดตั้งจุดบริการบนถนนสาย หลัก อย่างน้อย 12 จุดบริการ นอกจากนี้ กรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ร่วมกับสถานประกอบกิจการและหน่วยงาน อื่น ๆ เช่น บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ให้บริการ ตรวจสภาพรถยนต์ รถจักรยานยนต์ช่วงก่อนเทศกาล และระหว่างเทศกาล ทั้งนี้ จากการดำเนินการตามโครงการ ดังกล่าว มีผู้เข้ารับบริการตรวจเช็คสภาพและซ่อมบำรุงรักษารถยนต์ รถจักรยานยนต์ จำนวน 5,473 คัน ผู้เข้า รับการฝึกอบรม จำนวน 1,752 คน และการบริการอื่น ๆ เช่น บริการน้ำดื่ม ผ้าเย็น นวดแผนไทย ฯลฯ จำนวน 1,019 คน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36505 | การออกกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวแก่คนต่างด้าวเป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... (ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวแก่คนต่างด้าวเป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... ) | มท | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลง
ตราประเภทนักท่องเที่ยวแก่คนต่างด้าวเป็นการชั่วคราว พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎกระทรวงยกเลิกการ กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวแก่คนต่างด้าวเป็นการชั่วคราว ตามที่กระทรวง มหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36506 | การประชุม ASEAN Tourism Forum 2010 | กก | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงานผลการประชุม ASEAN Tourism
Forum 2010 ประกอบด้วยการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 13 การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน- จีน-ญี่ปุ่น และเกาหลี ครั้งที่ 9 และการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวของอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 23-26 มกราคม 2553 ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไนดารุสซาลาม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬาเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม สรุปผลการประชุมได้ดังนี้ 1. การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน ครั้งที่ 13 ที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอของไทยในการเพิ่มข้อความ ที่บรรจุในที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ซึ่งกล่าวถึงแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอาเซียน พ.ศ. 2553-2558 การส่งเสริมให้เกิดความเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Tourism Connectivity Corridors) การสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวของเยาวชนและมาตรการจูงใจ (Incentives) ลงในสาระสำคัญของผลการดำเนิน งานตามมติที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อเสนอที่ให้ประเทศสมาชิก มีความเป็นเอกภาพและมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินการให้มติที่ประชุมคณะทำงานต่าง ๆ เกิดผลสำเร็จ และขอให้สำนัก เลขาธิการอาเซียนสนับสนุนให้มีประเด็นเรื่องการท่องเที่ยวบรรจุในวาระการประชุมสุดยอดอาเซียนและการกำหนด ให้มีการจัดเก็บสถิติการท่องเที่ยวอาเซียนให้ครอบคลุมมากขึ้น 2. การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียน-จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ครั้งที่ 9 ที่ประชุมได้แสดงความยินดีกับ ความสำเร็จในการจัดกิจกรรมร่วมกันของอาเซียน-จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ซึ่งมีส่วนในการส่งเสริมความก้าวหน้าของ แผนงานความร่วมมือปี พ.ศ. 2550-2560 อาทิ การจัดงาน China-ASEAN Tourism Cooperation Forum ณ นคร คุนหมิง กิจกรรมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาคที่จัดโดยเกาหลีร่วมกับอาเซียนในด้านการส่งเสริมการ ตลาด และการมีจุดหมายปลายทางร่วมกัน การจัด ASEAN Tourism Fair ณ ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ รัฐมนตรีท่องเที่ยว อาเซียนได้ขอให้ญี่ปุ่นสนับสนุนเรื่องการศึกษาเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการท่องเที่ยวทางเรือโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรือสำราญ 3. การประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวของอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ 2 ที่ประชุมรับทราบความสำเร็จของกิจกรรม ความร่วมมืออาเซียน-อินเดียในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งสนับสนุนการจัดตั้ง ASEAN Tourism Promotional Chapter (APCT) ณ เมืองมุมไบ และรับทราบมติที่ประชุม ASEAN-India Summit ครั้งที่ 7 ณ อำเภอหัวหิน เกี่ยวกับนโยบาย ของอินเดียในเรื่อง Look East Policy กรอบความร่วมมือในการเปิดเสรีสายการบินระหว่างอาเซียน-อินเดีย และการ พัฒนา East-West Economic Corridor (India-Myanmar-Thailand)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36507 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ) (ศาสตราจารย์สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ) | วช | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งศาสตราจารย์สุทธิพร จิตต์มิตรภาพ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะ
กรรมการวิจัยแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็น ต้นไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36508 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (ที่ปรึกษารัฐมนตรี) (นายมงคล ศิโรรัตนรังษี) | วท | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายมงคล ศิโรรัตนรังษี เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (7 เมษายน 2553) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36509 | รายงานผลดำเนินการโครงการแทรกเซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 (ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553) | พณ | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอรายงานผลการดำเนินโครงการแทรกแซงตลาด
รับซื้อข้าวเปลือก ปี 2552/53 ดังนี้ 1. ผลการรับซื้อข้าวเปลือก ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 มีการเปิดจุดรับซื้อรวม 22 จัหงวัด จำนวน 83 จุด แยกเป็น องค์การคลังสินค้า (อคส.) จำนวน 68 จุด และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 15 จุด มีการรับซื้อข้าวเปลือกแล้ว 8 จังหวัด จำนวน 21 จุด ปริมาณรวมทั้งสิ้น 29,568 ตัน แยก เป็น อคส. จำนวน 11 จุด ปริมาณ 21,138 ตัน อ.ต.ก. จำนวน 10 จุด ปริมาณ 8,430 ตัน 2. ภาวะการค้าและราคาข้าวเปลือก ช่วงระหว่างวันที่ 22-31 มีนาคม 2553 ข้าวเปลือกหอมมะลิราคา ตันละ 13,500-14,300 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ราคาตันละ 10,500-11,000 บาท และข้าวเปลือกเจ้า ราคา ตันละ 8,300-9,500 บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36510 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 4 ราย 1. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ ฯลฯ) | ทส | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 4 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นต้น ไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ 1. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 2. นางพรทิพย์ ปั่นเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรธรณี 3. นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4. นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36511 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2553 | กค | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (ราย
โครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 2 เมษายน 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 40,942 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 8,388 โครงการ วงเงิน 76,675.11 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 32,554 โครงการ วงเงิน 268,530.57 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 18,653 โครงการ วงเงิน 57,170.33 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 6,782 โครงการ วงเงิน 14,004.79 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 11,871 โครงการ วงเงิน 43,165.54 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 13,901 โครงการ วงเงิน 211,360.25 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 13,901 โครงการ วงเงิน 207,307.57 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 3,175 โครงการ วงเงิน 20,141.84 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 10,059 โครงการ วงเงิน 88,258.06 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 667 โครงการ วงเงิน 19,340.03 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 10,726 โครงการ วงเงิน 107,598.09 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36512 | พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (เขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร อำเภอปากเกร็ด อำเภอเมืองนนทบุรี ฯลฯ) | นร | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศ และร่างข้อกำหนด รวม 3 ฉบับ ตามที่กองอำนวยการรักษา
ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ 1. ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เขตพื้น ที่กรุงเทพมหานคร อำเภอปากเกร็ด อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี อำเภอบางพลี อำเภอบางเสาธง อำเภอบางบ่อ อำเภอพระประแดง และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างวันที่ 8 ถึงวัน ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2553 โดยมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรรับผิดชอบ ดำเนินการตามมาตรา 15 2. ร่างประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่น คงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย จำนวน 18 ฉบับ ตามมาตรา 16 วรรคสี่ 3. ร่างข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราช อาณาจักร พ.ศ. 2551 จำนวน 5 ข้อ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36513 | การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2553 ถึงวันที่ 19 กรกฎาคม 2553) | นร | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างประกาศ จำนวน 2 ฉบับ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1.1 ร่างประกาศ เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้อง ที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้าย แรงในเขตท้องที่ทุกอำเภอของจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2553 ถึงวันที่ 19 กรกฎาคม 2553 1.2 ร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความ ร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ให้บรรดาประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้าย แรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ลงวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 และตาม ประกาศ เรื่อง การจัดตั้งหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติการตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ลงวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2550 ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น 2. รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงยังคงมีผลใช้บังคับ ให้บรรดาประกาศและคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดขึ้นตามประกาศสถาน การณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี และจังหวัดยะลา ลงวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 1/2550 เรื่อง การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉิน ลงวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2550 และตามประกาศขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุก เฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ดังกล่าวเท่าที่ยังคงมีผลใช้บังคับอยู่ในวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้มีผลใช้บังคับต่อไป จนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36514 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่องโครงการประกันรายได้เกษตรกร | กษ | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
1. รับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินการขึ้นทะเบียนเกษตรกรตามโครงการประกันรายได้เกษตร กรผู้ปลูกข้าวปี 2552/53 รอบที่ 2 ดังนี้ 1.1 ผลการขึ้นทะเบียนในภาพรวมทั้งประเทศรวม 62 จังหวัด ยกเว้นจังหวัดในภาคใต้ ตัดยอดวัน ที่ 3 เมษายน 2553 มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนแล้ว 783,786 ครัวเรือน รวมพื้นที่ 15,761,610 ไร่ ดำเนิน การประชาคม และส่งข้อมูลให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว 683,212 ครัวเรือน รวมพื้นที่ 13,935,973 ไร่ และดำเนินการออกใบรับรองให้แก่เกษตรกรแล้ว 658,046 ครัวเรือน รวมพื้นที่ 13,495,194 ไร่ (เฉลี่ย 20.51 ไร่ต่อครัวเรือน) 1.2 ผลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางรวม 14 จังหวัด ตัด ยอดวันที่ 3 เมษายน 2553 มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนแล้ว 269,533 ครัวเรือน รวมพื้นที่ 7,969,823 ไร่ ดำเนินการประชาคม และส่งข้อมูลให้ ธ.ก.ส. แล้ว 261,803 ครัวเรือน รวม 7,740,897 ไร่ และดำเนินการออก ใบรับรองให้แก่เกษตรกรแล้ว 259,589 ครัวเรือน รวมพื้นที่ 7,633,601 ไร่ (เฉลี่ย 29.41 ไร่ต่อครัวเรือน) 1.3 การขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวในเขตภาคใต้ จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2553 2. เห็นชอบขยายเวลาการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่ปลูกข้าวรอบที่ 2 ในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือ ตอนล่าง จากสิ้นสุดวันที่ 20 มีนาคม 2553 ให้ขยายเวลาถึงวันที่ 15 เมษายน 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36515 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดยขยาย เวลาการขอรับจัดสรรเงินของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม เป็น 45 วันทำการหลังจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในครั้งนี้ รวมทั้งรับทราบการอนุมัติโครงการที่สำนักงบประมาณได้อนุมัติแก้ไขการ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่เป็นลักษณะการแก้ไขข้อมูลคลาดเคลื่อน 2. รับทราบแนวทางการพิจารณาโครงการที่ขอโอนเปลี่ยนแปลงข้ามโครงการ ของกรมทรัพยากรน้ำ กรม ทางหลวง และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยนำโครงการที่อยู่ระหว่างขอโอนเปลี่ยนแปลงโครง การมาพิจารณาอีกครั้ง โดยให้เสนอกรอบการใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อ ฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อเสนอรัฐสภาเพื่อทราบตามนัยมาตรา 3 แห่งพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 3. อนุมัติการขอจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สำหรับ โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลจังหวัดปัตตานี ของสำนักงานศาลยุติธรรม วงเงิน 16 ล้านบาท 4. อนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 สำหรับโครง การภายใต้แผนพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เสนอขอใช้เงินเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรีวงเงินทั้งสิ้น 2,170.04 ล้านบาท และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินกู้สำรองจ่ายสำหรับ โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของสำนักงบประมาณ 5. อนุมัติเป็นหลักการให้โครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการส่ง ข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จ ภายใน 15 วันทำการ หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติ การไทยเข้มแข็ง 2555 6. อนุมัติการขยายระยะเวลาให้หน่วยงานที่ได้รับอนุมัติการจัดสรรเงินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง 2555 จากสำนักงบประมาณแล้ว ให้ลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2553
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36516 | ขออนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมโดยกรมราชทัณฑ์จัดซื้ออาหารสดประเภทสัตว์น้ำ (ปลา ฯลฯ) จากองค์การสะพานปลาเพื่อการประกอบเลี้ยงนักโทษและผู้ต้องขังในเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักขัง โดยวิธีกรณีพิเศษ | ยธ | 07/04/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงยุติธรรมโดยกรมราชทัณฑ์จัดซื้ออาหารสดประเภทสัตว์น้ำ (ปลา ฯลฯ)
จากองค์การสะพานปลาโดยวิธีกรณีพิเศษ ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไข เพิ่มเติม ข้อ 26 ในราคาตามที่องค์การสะพานปลาเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2553 และให้สำนักงาน ปลัดกระทรวงยุติธรรมโดยกรมราชทัณฑ์ดำเนินการจัดซื้อให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 เมษายน 2553 เว้นแต่ต่อไป จะมีส่วนราชการหรือหน่วยงานตามกฎหมายอื่นเสนอราคาที่ต่ำกว่าราคาขององค์การสะพานปลาโดยไม่มีข้อขัดข้อง เกี่ยวกับการเก็บรักษาอาหารสดนั้นและยังคงประโยชน์ในการช่วยเหลือชาวประมงและเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลาและ สัตว์น้ำได้เช่นเดิม หากองค์การสะพานปลาไม่สามารถปรับลดราคาลงให้ได้ตามราคาที่ส่วนราชการหรือหน่วยงาน ตามกฎหมายอื่นนั้นเสนอมา ให้กระทรวงยุติธรรมโดยกรมราชทัณฑ์เปลี่ยนไปจัดซื้อจากส่วนราชการหรือหน่วยงาน ตามกฎหมายอื่นนั้นโดยวิธีกรณีพิเศษแทนการจัดซื้อจากองค์การสะพานปลาได้ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36517 | โครงการจัดหาเครื่องบิน ปี 2553 - 2557 ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) | คค | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติโครงการจัดหาเครื่องบิน ปี 2553-2557 จำนวน 15 ลำ ประกอบด้วยการจัดหาเครื่องบินภูมิ ภาคความจุประมาณ 300 ที่นั่ง จำนวน 7 ลำ โดยวิธีการเช่าซื้อ (Financial Lease) และเครื่องบินข้ามทวีปความจุ ประมาณ 350 ที่นั่ง จำนวน 8 ลำ โดยวิธีการเช่าดำเนินงาน (Operating Lease) รวมทั้งจัดหาเครื่องยนต์อะไหล่ สำหรับเครื่องบินภูมิภาค จำนวน 2 เครื่องยนต์ และสำหรับเครื่องบินข้ามทวีป จำนวน 3 เครื่องยนต์ วงเงินลงทุน ทั้งสิ้น 35,484 ล้านบาท โดยให้บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (บกท.) ดำเนินการตามแผนการเงินและ แผนการกู้เงินตามข้อเสนอของ บกท. ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 2. ให้ บกท. รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ดังนี้ 2.1 ในระยะต่อไปควรพิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีการจัดหาเครื่องบิน โดยวิธีการเช่าดำเนินการ เป็นวิธี การเช่าซื้อ 2.2 จัดเตรียมแผนการเงินระยะยาวเพื่อรองรับการจัดหาเครื่องบินในระยะต่อไป และจัดทำแผนการ บริหารความเสี่ยงและแผนสำรองฉุกเฉิน และคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการส่งมอบเครื่องบิน ความผัน ผวนของราคาน้ำมัน ภาวะเศรษฐกิจโลก พร้อมทั้งจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการลดค่าใช้จ่ายน้ำมันอากาศยาน และให้เร่งจำหน่ายเครื่องบิน A340-500 จำนวน 4 ลำ โดยเร็ว เพื่อลดภาระการขาดทุนจากการให้บริการโดย เครื่องบินแบบดังกล่าว 2.3 พิจารณาเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในสายการบินนกแอร์เพื่อให้สามารถกำหนดนโยบายการ ให้บริการทั้งในด้านการบริหารจัดการในเส้นทางบิน ฝูงบิน และคุณภาพการให้บริการของสายการบินนกแอร์ 2.4 ให้นำระบบการบริหารจัดการที่ดีตามหลักเกณฑ์ของบริษัทมหาชนและมาตรฐานสากลมาใช้กับ องค์กรควบคู่ไปกับการเร่งปรับโครงสร้างองค์กรเป็นหน่วยธุรกิจตามที่กำหนดไว้ในแผนวิสาหกิจปี 2553-2557 โดยเฉพาะการแยกโครงสร้างในการบริหารจัดการ และระบบบัญชี เพื่อให้หน่วยธุรกิจของ บกท. มีอิสระในการ บริหารจัดการและสามารถพัฒนาศักยภาพของหน่วยธุรกิจบางหน่วยให้สามารถขยายบริการกับสายการบินอื่น ได้ 2.5 เร่งจัดทำแผนการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และคุณภาพการให้บริการเพื่อให้การให้บริการอยู่ในระดับ เดียวกันกับสายการบินชั้นนำอื่น ๆ 2.6 ควบคุมค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทั้งที่ ปฏิบัติงานอยู่ในปัจจุบัน และสิทธิประโยชน์ของกรรมการและผู้บริหารในอดีต โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ด้านการ ใช้บริการการบินของ บกท. ควรปรับลดสิทธิพิเศษทั้งในด้านจำนวนครั้งระยะเวลาในการได้รับสิทธิ และบัตรโดย สารจะต้องไม่เกินกว่าชั้นธุรกิจ พร้อมทั้งปรับปรุงระบบงาน การบริหารและพัฒนาบุคลากร (Modern Human Resource Management) ค่าจ้างเงินเดือน สวัสดิการ และอื่น ๆ รวมทั้งแผนสร้างบุคลากรทดแทน (Succession Plan) และนำการจัดการคุณภาพทั่วทั้งองค์กร (Total Quality Management : TQM) มาเป็นนโยบายดำเนินการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36518 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์และสิ่งก่อสร้างตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (กระทรวงศึกษาธิการ) | นร | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์) รายงาน ว่า คณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อครุภัณฑ์ ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้ ดำเนินการตรวจสอบเสร็จแล้ว และแจ้งผลการตรวจสอบให้สำนักงบประมาณ และ สอศ. ทราบ และให้เร่งรัดการ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว 2. เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเร่งพิจารณาการขอจัดสรรงบประมาณของ สอศ. ร่วม กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์) และ สำนักงบประมาณ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในวันที่ 20 เมษายน 2553 ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36519 | การเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ | นร | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งข้อขัดข้องให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา
ทราบกรณีที่คณะรัฐมนตรีไม่สามารถไปแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 161 ต่อที่ประชุมวุฒิสภา วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2553 เนื่องจากระหว่างวันที่ 2-5 เมษายน 2553 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มแม่น้ำโขง ตอนล่าง ครั้งที่ 1 (1st MRC Summit) ณ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และระหว่างวันที่ 5-9 เมษายน 2553 จะมีการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 16 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ซึ่งได้มีกำหนดการไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้น นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่มีภารกิจเกี่ยวข้องจะไม่สามารถไปแถลงหรือ ชี้แจงต่อที่ประชุมวุฒิสภาได้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
36520 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีโดย 5971/53) | พณ | 30/03/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพาณิชย์แห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวง การค้าและอุตสาหกรรมแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และให้นำบันทึกความเข้าใจเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็น ชอบต่อไป โดยให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ไปประกอบการพิจารณาก่อนการ ลงนามด้วย ดังนี้ 1.1 แก้ไขข้อ 4 ของร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ เป็น "4. During the invocation of the Protocol to Provide Special Consideration for Rice and Sugar, the Philippines shall maintain the level of rice importation from Thailand in line with historical importation during the past three (3) years which on average is about 367,000 MT annually, unless international price and/or domestic production do not allow the maintenance of such level of importation ........." ทั้งนี้ เนื่องจากคำว่า "trade" มีความหมายปกติว่า "การค้า" หรือ "แลกเปลี่ยน" ซึ่งมีความหมายเป็นการ ค้าสองฝ่ายซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาการตีความในอนาคต และควรปรับร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ฉบับภาษาไทยให้ สอดคล้องกันโดยเปลี่ยนคำว่า "การค้า" เป็น "การนำเข้า" 1.2 ในส่วนท้ายของร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ควรแก้ไขดังนี้ 1.2.1 แก้ข้อความ "The MOU shall enter into force from the date of Signing until 31st December 2014" เป็น "This MOU shall enter into force on the date of signing and be effective until 31st December 2014." 1.2.2 เพิ่มข้อความดังต่อไปนี้ ก่อนวรรคสุดท้าย "IN WITNESS WHEREOF the undersigned, being duly authorized there to by their respective Governments, have signed this MOU." และแก้ร่างบันทึกความเข้าใจ ฯ ฉบับภาษาไทยให้สอดคล้อง กันว่า "เพื่อเป็นพยานแก่การนี้ ผู้ลงนามข้างท้ายซึ่งได้รับมอบอำนาจโดยถูกต้องจากรัฐบาลของแต่ละฝ่ายได้ลง นามบันทึกความเข้าใจนี้" 1.2.3 สำหรับวรรคสุดท้าย เห็นควรตัดคำว่า "two" หน้าคำว่า "duplicate" ออก 2. มอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือที่ผู้ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในบันทึกความเข้าใจ ให้ผู้ลงนามใช้ดุลพินิจใน เรื่องนั้น ๆ ได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง 3. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายอื่นเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ฯ |
.....