คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้า
ภาพร่วมในการจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญด้านมรดกโลก (Expert Working Group Meeting) ในระหว่างวันที่ 26-29
เมษายน 2553  ณ  กรุงเทพมหานคร  ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ  สำหรับค่าใช้
จ่ายในการจัดประชุมดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง  ราย
การเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในวงเงินไม่เกิน  2,200,000  บาท  โดยให้ขอทำความตกลงใน
รายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งนายประดาป  พิบูลสงคราม  เป็นผู้แทนไทยในคณะทำงานระดับสูง
ของอาเซียนว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน   และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือและ
สนับสนุนการทำงานของผู้แทนไทยดังกล่าว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เห็นว่า การพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน
มีขอบเขตกว้างขวางและเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของหลายหน่วยงานภายในประเทศ  จำเป็นจะต้องประสานการ
ดำเนินงานอย่างใกล้ชิดและบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ
โดยที่อาเซียนในกรอบอาเซียน+1 (อาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น   อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี   อาเซียน-อินเดีย
และอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์) แล้วเสร็จ ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่อาเซียนจะขยายขอบเขตการจัดทำ
เขตการค้าเสรีออกไปในระดับภูมิภาคที่กว้างขวางมากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นในกรอบอาเซียน+3  (จีน  ญี่ปุ่น  เกาหลีใต้)
หรืออาเซียน+6 (จีน  ญี่ปุ่น  สาธารณรัฐเกาหลี  ออสเตรเลีย  นิวซีแลนด์  อินเดีย) ไทยในฐานะประเทศสมาชิกอา
เซียนควรกำหนดยุทธศาสตร์เรื่อง ความเชื่อมโยงในกรอบภูมิภาคดังกล่าวที่ชัดเจน  เพื่อให้การดำเนินงานในเรื่องนี้
เกิดประโยชน์สูงสุดกับไทย

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวเพรามาตร หันตรา รองอธิบดีกรมสรรพากร เป็นกรรมการผู้แทน
กระทรวงการคลังในคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  แทนนายพิชาติ  เกษเรือง ที่เกษียณอายุ
ราชการ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (30 มีนาคม 2553) เป็นต้นไป

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ  พ.ศ. 2505
จำนวน 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
               1. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505 บังคับในท้องที่อำเภอเมืองนคร
พนม จังหวัดนครพนม พ.ศ. .... (โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยบุ่งหมากโมง)
               2. ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติคันและคูน้ำ พ.ศ. 2505  บังคับในท้องที่อำเภอมหาชนะ
ชัย อำเภอค้อวัง จังหวัดยโสธร และอำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... (โครงการฝายยโสธร  สถานีสูบน้ำ
ที่ 6/1(P6/1))

              คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอสถานการณ์ราคาและการผลิตสินค้า
เกษตร ดังนี้
              1. ภาพรวมราคาสินค้าเกษตรเดือนกุมภาพันธ์ 2553  เทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ดัชนีราคา
สินค้าเกษตรสูงขึ้น ส่วนสินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ ข้าวเจ้านาปี ถั่วเหลือง ปาล์มน้ำมัน  กาแฟ  และกุ้งขาวแวน
นาไม ส่วนเดือนมีนาคม 2553 คาดว่าดัชนีราคาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับเดือนกุมภาพันธ์ 2553  และภาพรวม
ด้านการผลิตสินค้าเกษตรเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาดัชนีผลผลิตลดลงร้อยละ 0.22 และเมื่อเทียบ
กับเดือนมกราคม  2553  ดัชนีผลผลิตลดลงร้อยละ  15.62  โดยสินค้าสำคัญที่ผลผลิตลดลง  ได้แก่  ข้าวนาปี
อ้อยโรงงาน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ยางพารา สุกร และไข่ไก่ ส่วนเดือนมีนาคม 2553 คาดว่าดัชนีผล
ผลิตจะลดลง เนื่องจากเป็นปลายฤดูเก็บเกี่ยว
              2. ราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ ณ ไร่นา  เดือนกุมภาพันธ์ 2553  สินค้าหลายชนิดปรับตัว
สูงขึ้นจากเดือนก่อน ส่วนสินค้าที่มีราคาลดลง ได้แก่ มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน

              คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวง เสนอเกี่ยวกับข้อเสนอของกระทรวง
พาณิชย์ที่ขอผ่อนผันน้ำหนักการบรรทุกผลผลิตทางการเกษตร  จากเดิมที่กำหนดตามกฎหมายไว้  25  ตัน  เป็น
30 ตัน และผ่อนผันการเคลื่อนย้ายรถเกี่ยวนวดให้สามารถเคลื่อนย้ายโดยใช้รถบรรทุกขนาดเล็กหรือ 6 ล้อ แทน
รถบรรทุก 6 ล้อขนาดใหญ่ หรือรถบรรทุก 10 ล้อ  กรมทางหลวงพิจารณาแล้วเห็นว่า รถบรรทุกดังกล่าวตามกฎ
หมาย (ข้อ 4)  ได้กำหนดให้มีน้ำหนักยานพาหนะรวมน้ำหนักบรรทุกไม่เกิน  25,000  กิโลกรัม  ซึ่งพิกัดน้ำหนัก
บรรทุกเป็นไปตามขีดความสามารถในการรับน้ำหนักของถนน  ดังนั้น  การขอผ่อนผันให้การบรรทุกน้ำหนักเกิน
พิกัดบนทางหลวงจะทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างถนน  โครงสร้างสะพาน  และทำให้อายุการใช้งานสั้นลง
รวมทั้งก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ทาง

              คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแผนอำนวยความสะดวก มั่นคง และปลอดภัยเพื่อ
รองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2553 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของหน่วย
งานในสังกัด โดยแผนอำนวยความสะดวก มั่นคง และปลอดภัย ฯ ประกอบด้วย 3 แผนงานหลัก ดังนี้
              1. แผนงานการให้บริการและอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย
                  1.1 การอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งสาธารณะเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชน
                  1.2 การอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่รับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม
                  1.3 การอำนวยความสะดวกด้านการตั้งจุดตรวจและจุดให้บริการประชาชนบนสายทาง
                  1.4 การจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสถานี/อาคารรับ-ส่งผู้โดยสาร
                  1.5 การจัดตั้งศูนย์วิทยุและโทรศัพท์สายด่วนของหน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงคมนาคม
              2. แผนงานด้านความมั่นคง  ได้แก่  การเพิ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเพิ่มความถี่และเข้มงวด
ในการออกตรวจในพื้นที่ความรับผิดชอบ  เข้มงวดเฝ้าระวังจากโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)  สุ่มตรวจสัมภาระสิ่งของ
รวมทั้งการประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ความรับผิดชอบ
              3. แผนงานด้านความปลอดภัย ประกอบด้วย
                  3.1 มาตรการผู้ขับขี่/ผู้โดยสารปลอดภัย
                  3.2 มาตรการยานพาหนะปลอดภัย
                  3.3 มาตรการถนน/ทางปลอดภัย
                  3.4 มาตรการบังคับใช้กฎหมาย
                  3.5 การประชาสัมพันธ์

                คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอรายงานผลการดำเนินการตาม
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2553 เกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการ "การใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ
เพื่อการติดตามและประเมินพื้นที่ปลูกข้าวปี 2552/53 รอบที่ 2" ดังนี้
                1. ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมและจัดทำแผนที่พื้นที่เพาะปลูกข้าวปี 2552  รอบที่
2 โดยครอบคลุมพื้นที่ภาคกลาง 14 จังหวัด พร้อมทั้งจัดทำเป็นแผนที่แสดงพื้นที่เพาะปลูก มาตราส่วน 1 : 25,000
(digital  map)  ลงรายละเอียดระดับตำบล  โดยแบ่งตามระวางแผนที่ของกรมแผนที่ทหาร  และรายงานข้อมูลพื้นที่
ปลูกข้าวเป็นรายจังหวัด อำเภอ และตำบล ตามลำดับ โดยได้จัดส่งข้อมูลให้กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เมื่อวันที่
11 มีนาคม 2553
                2. ดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลพื้นที่ปลูกข้าวปี 2552/53  รอบที่ 2  และระบบแสดงแผนที่ทางอินเทอร์
เน็ต  โดยมีข้อมูลประกอบด้วย ข้อมูลภาพถ่ายจากดาวเทียมที่ใช้ในโครงการ  ข้อมูลพื้นที่  และแผนที่แสดงพื้นที่ปลูก
ข้าว  พร้อมทั้งพัฒนาระบบเรียกดูข้อมูลแผนที่ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Web Map Service : WMS) เพื่อให้หน่วย
งานร่วมโครงการ ฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียกดูข้อมูลแผนที่ผ่านอินเทอร์เน็ต
                3. ดำเนินการสั่งถ่ายภาพจากดาวเทียมธีออสเพื่อนำมาวิเคราะห์ข้อมูลและจัดทำแผนที่เพาะปลูกข้าวพื้น
ที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก  สำหรับรายงานผลภายในปลายเดือนมีนา
คม 2553 ส่วนพื้นที่ภาคใต้จะเริ่มดำเนินการในเดือนเมษายน 2553 เพื่อให้สอดคล้องกับฤดูเพาะปลูกและระยะเวลา
การขึ้นทะเบียนของแต่ละพื้นที่

               คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ประธานกรรมการพิจารณาชี้ขาดการยุติ
ในการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสนอผลการประชุมพิจารณาตัดสินชี้ขาดการดำเนิน
คดีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจกับเอกชน และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ
และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม 22 เรื่อง

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. รับทราบผลการเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีด้านการพัฒนาชนบทและการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องของ
ศูนย์พัฒนาชนบทแบบผสมผสานสำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Centre on Integrated Rural Development fo
Asia and the Pacific : CIRDAP) ระหว่างวันที่ 24-28 มกราคม 2553 ณ กรุงธากา ประเทศบังกลาเทศ  ประกอบ
ด้วยผลการประชุม Executive Committee และ Governing Council ผลการประชุม Policy Dialogue on Sustainable
Rural Livelihood  และผลการประชุม Ministerial Meeting on Rural Development  รวมทั้งเห็นชอบการบริจาคเงิน
เข้ากองทุนร่วม จำนวน 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 850,000 บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เสนอ   โดยในส่วนของเงินที่จะบริจาคเข้ากองทุนร่วม   ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอตั้งงบประมาณราย
จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
             2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ เกี่ยวกับการบริจาคเงินเพื่อ
การก่อสร้าง/ตกแต่งห้องต่าง ๆ ในศูนย์ประชุมนานาชาติของ CIRDAP ตามข้อเสนอของที่ประชุมนั้น  อาจพิจารณา
การบริจาค in kind  เช่น  การส่งทีมสถาปนิกของไทยไปออกแบบตกแต่งให้โดยรัฐบาลไทยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเพื่อ
เป็นการเผยแพร่ความสามารถของงานสถาปนิกของไทย  สำหรับประเด็นการปฏิบัติตามปฏิญญากรุงธากาในการ
สร้าง CIRDAP  ให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้เพื่อพัฒนาชนบท นั้น  CIRDAP  ควรขยายความร่วมมือทางวิชาการกับ
องค์กรระหว่างประเทศ และองค์กรภูมิภาค โดยคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาทบทวนการปรับปรุงโครงสร้างองค์
กร  CIRDAP  ซึ่งจัดตึ้งขึ้นตามมติที่ประชุม  Governing Council  เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2553  อาจพิจารณากำหนด
ในแผนงานการปรับปรุงโครงสร้างขององค์กรเกี่ยวกับการหารือเชิงนโยบายร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศและราย
งานให้ประเทศสมาชิกทราบเป็นระยะ ไปพิจารณาต่อไปด้วย

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอรายงานการเดินทางไปราชการ  ณ
ประเทศญี่ปุ่น ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างวันที่ 2-7 มีนาคม 2553  เพื่อเป็นประธาน
งานประชาสัมพันธ์อาหารพร้อมบริโภค  (Thai Tasty Ready-to-Eat Food)  และเพื่อหารือข้อราชการกับรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงเกษตร  ป่าไม้  และประมงญี่ปุ่น  รวมทั้งการดูงานต่าง ๆ   โดยในส่วนของการหารือข้อราชการกับ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ฯ ญี่ปุ่น มีประเด็นสำคัญสรุปได้ดังนี้
               1. ฝ่ายไทยได้แจ้งให้ทางญี่ปุ่นทราบว่าประเทศไทยปลอดเชื้อโรคระบาดไข้หวัดนกแล้วตั้งแต่เดือนกุมภา
พันธ์ 2552 และขอให้ญี่ปุ่นส่งผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบระบบและอนุญาตการนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกแบบสด  ซึ่งทาง
ญี่ปุ่นจะพิจารณาให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจประเมินสภาวะการปลอดโรคไข้หวัดนกของไทยต่อไป
               2. ฝ่ายไทยได้ขอบคุณทางญี่ปุ่นที่จะส่งคณะเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตร ฯ  ญี่ปุ่น  มาตรวจสอบส้มโอ
พันธุ์ทองดีในต้นเดือนมีนาคม 2553
               3. ฝ่ายไทยได้แจ้งให้ทางญี่ปุ่นทราบว่าไทยสนใจพัฒนาความร่วมมือด้านการประมงที่ญี่ปุ่นมีความเชียว
ชาญ อาทิ การแปรรูปปลาปักเป้า  การพัฒนาด้านการเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเล  และการศึกษาวิจัยร่วมเพื่อพัฒนาศัยก
ภาพในการทำปะการังเทียม ซึ่งทางญี่ปุ่นยินดีที่จะให้ความร่วมมือโดยขอให้ประสานรายละเอียดผ่านทางสถานทูต
ญี่ปุ่นประจำประเทศไทย 
               4. ฝ่ายไทยได้กล่าวขอบคุณที่ญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนและไว้วางใจให้ไทยรับผิดชอบดำเนินโครงการนำ
ร่องเพื่อระบบการสำรองข้าวในเอเชียตะวันออก  และหวังว่าข้อตกลง ASEAN Plus Three Emergency Rice Reserve
หรือ APTERR Agreement จะสามารถลงนามได้โดยเร็ว โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ฯ ญี่ปุ่นแจ้งว่า ในชั้นนี้
ญี่ปุ่นยินยอมให้ APTERR Agreement มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally Binding) แล้ว
               5. ฝ่ายไทยแจ้งให้ญี่ปุ่นทราบถึงความสนใจในโครงการประกันรายได้เกษตรกร  เพื่อลดความเสี่ยงของ
เกษตรกรในการดำรงชีพ  และทราบว่าญี่ปุ่นมีการดำเนินงานด้านนี้  หากได้มีการหารือแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ระหว่างกันเพื่อนำมาใช้ในการวางแผนและพัฒนาการดำเนินการให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกร และประเทศชาติต่อ
ไป  ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ฯ ญี่ปุ่น  ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลและจะจัดส่งให้
ต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันการเช่าอาคารที่ทำการสำนักงาน
ของหน่วยงานกรมส่งเสริมการส่งออก ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เกิน
กว่า 3 ปีงบประมาณ โดยมีระยะเวลาการเช่าตั้งแต่วันที่  1  เมษายน  2553  ถึงวันที่  31  มกราคม  2556  ตามที่
กระทรวงพาณิชย์เสนอ  สำหรับอัตราค่าเช่าและเงื่อนไขต่าง ๆ ให้เป็นไปตามสัญญาที่กรมส่งเสริมการส่งออกจะได้
ทำความตกลงไว้กับผู้ให้เช่า เป็นเงินทั้งสิ้น 374,354.53 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 13,102,400 บาท  คิดอัตรา
แลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 35 บาท โดยค่าเช่าในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553  จำนวน  83,980.27  ดอล
ลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 2,939,300 บาท  ให้กรมส่งเสริมการส่งออกใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรแล้ว  งบ
ประมาณส่วนที่เหลือให้เสนอขอตั้งงบประมาณผูกพันรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554-2556 ต่อไป  ตาม
ความเห็นของสำนักงบประมาณ

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอเกี่ยวกับการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษบูรพาวิถี
(ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี) ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี และทางเชื่อม
ต่อทางพิเศษสายบางพลี-สุขสวัสดิ์ กับทางพิเศษบูรพาวิถี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์  ระหว่างวันที่ 9-19 เมษายน
2553  โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้พิจารณาความเหมาะสมของเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดของการยกเว้นค่า
ผ่านทางพิเศษดังกล่าว  ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย  ครั้งที่  3/2553  เมื่อวันที่
18 มีนาคม 2553  โดยพิจารณายกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2553 เวลา 22.00 นาฬิกา ถึงวัน
ที่ 19 เมษายน 2553 เวลา 06.00 นาฬิกา

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายธรรมชัย เชาว์ปรีชา เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขา
นุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะ
รัฐมนตรีมีมติ (30 มีนาคม 2553) เป็นต้นไป

                คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเทวัญ  วิชิตะกุล  ผู้แทนกระทรวงการคลัง  และนายสุรพิทย์  กีรติ
บุตร เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย แทนนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ และนาย
วีระศักดิ์ ฟูตระกูล ซึ่งลาออกจากตำแหน่ง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ  โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(30 มีนาคม 2553) เป็นต้นไป

              คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ)
ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 25 มีนาคม 2553 สรุปได้ดังนี้
              1. อนุมัติแล้ว จำนวน 40,877 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท
              2. การจัดสรร
                  2.1 รอจัดสรร จำนวน 10,907 โครงการ วงเงิน 82,406.01 ล้านบาท
                  2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 29,970 โครงการ วงเงิน 263,058.92 ล้านบาท
              3. การจัดซื้อจัดจ้าง
                  3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ
                        3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 17,072 โครงการ วงเงิน 57,336.67 ล้านบาท
                        3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 5,083 โครงการ วงเงิน 18,152.03 ล้านบาท
                        3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 11,989 โครงการ วงเงิน 39,184.64 ล้านบาท
              4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 12,898 โครงการ วงเงิน 205,722.25 ล้านบาท
              5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 12,898 โครงการ วงเงิน 204,053.37 ล้านบาท 
              6. การดำเนินการ
                  6.1 ยังไม่ได้เบิกจ่าย จำนวน 2,907 โครงการ วงเงิน 19,081.08 ล้านบาท
                  6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 9,325 โครงการ วงเงิน 83,659.77 ล้านบาท
                  6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 666 โครงการ วงเงิน 19,339.88 ล้านบาท
                  6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 9,991 โครงการ วงเงิน 102,999.65 ล้านบาท

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศ และร่างข้อกำหนด  รวม  3  ฉบับ  ตามที่กองอำนวยการรักษา
ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้ว
ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
              1. ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร  เขตพื้นที่
กรุงเทพมหานคร อำเภอปากเกร็ด อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี  อำเภอบางพลี อำเภอบางเสาธง อำเภอ
บางบ่อ อำเภอพระประแดง และอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึงวัน
ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2553 โดยมอบหมายให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับผิดชอบใน
การดำเนินการตามมาตรา 15
              2. ร่างประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคง
ภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย  จำนวน 18 ฉบับ  ตาม
มาตรา 16 วรรคสี่
              3. ร่างข้อกำหนด  ออกตามความในมาตรา  18  แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราช
อาณาจักร พ.ศ. 2551 จำนวน 5 ข้อ

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศ และร่างข้อกำหนด  รวม  3  ฉบับ  ตามที่กองอำนวยการรักษา
ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ และส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้ว
ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
              1. ร่างประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่ 2
ตำบล ในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และ 4 ตำบล ในอำเภอหัวหิน  จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  และทะเลอาณาเขต
ชายฝั่ง ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และตำบลหัวหิน  ตำบลหนองแก  อำเภอหัวหิน  จังหวัดประจวบ
คีรีขันธ์ เว้นเขตพระราชฐานวังไกลกังวล ระหว่างวันที่  2  ถึงวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2553  โดยมอบให้กองอำนวย
การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร รับผิดชอบในการดำเนินการตามมาตรา 15
              2. ร่างประกาศ เรื่อง การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคง
ภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย  จำนวน 12 ฉบับ  และ
ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมีอำนาจดำเนินการตามมาตรา 16 วรรคท้าย
              3. ร่างข้อกำหนด  ออกตามความในมาตรา  18  แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราช
อาณาจักร พ.ศ. 2551 จำนวน 5 ข้อ

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลาการลงนามในสัญญาโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการ
ไทยเข้มแข็ง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 จากวันที่ 31 มีนาคม 2553  เป็นวันที่ 30 เมษา
ยน 2553 จำนวน 27 รายการ งบประมาณ  77.9476 ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด
ล้อมเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
               1. อนุมัติให้นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ประกาศแถลงการณ์ของผู้นำอาเซียน เรื่อง การ
ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของอาเซียน ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 16 และการประชุมอื่น ๆ ที่
เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 5-9 เมษายน 2553 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม  ทั้งนี้  หากมีความจำเป็นต้องปรับ
ปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในแถลงการณ์ดังกล่าว ขอให้นายกรัฐมนตรีใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะ
รัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
               2. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศไปปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ดัง
กล่าวก่อนการดำเนินการต่อไปด้วย ดังนี้
                   2.1 ข้อ 1 ย่อหน้าที่ 4 ประโยคแรก ถ้อยคำว่า "to reverse the fiscal and monetary stimulus" ให้
ความหมายว่า "กลับผลของมาตรการกระตุ้นทางการคลังและการเงิน" มีข้อพิจารณาแง่นโยบายว่า มีความหมาย
ตรงตามที่ส่วนราชการเจ้าของเรื่องประสงค์เช่นนี้หรือไม่
                   2.2 ข้อ 3 ย่อหน้าที่ 1 บรรทัดที่ 8 แก้ไขเป็น "... to draw up specific timetables for realizing the
goals of ASEAN Connectivity, taking into account the different levels of  development  of  ASEAN  Member
States, and to develop ..." เพื่อให้สอดคล้องก้บขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยความเชื่อม
โยงระหว่างกันในอาเซียน
                   2.3 ข้อ 3 ย่อหน้าที่ 4 บรรทัดที่ 3 แก้ไขเป็น "and look forward to consolidating and prioritizing
existing plans on connectivity into the  Master  Plan,  taking  into  account  related  existing  sub-regional 
cooperation frameworks. We also look forward to the implementation of more  projects ..." ด้วยเหตุผลเดียว
กับข้อ 2.2