ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1829 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 36561 - 36580 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
36561 | การดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2552/53 รอบที่ 2 | กค | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมติคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (คณะกรรมการ ธ.ก.ส.) ครั้งที่ 2/2553 เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยที่ประชุมมีมติ ดังนี้ 1.1 ให้ใช้เงินทุน ธ.ก.ส. เพื่อจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับเกณฑ์กลางอ้างอิงให้แก่ เกษตรกรตามสัญญาประกันรายได้เกษตรกรระหว่างที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณจากรัฐบาล โดย ธ.ก.ส. คิดต้นทุนเงินเพื่อขอเบิกชดเชยจากรัฐบาลในอัตราร้อยละ 1.98 ต่อปี 1.2 ให้เบิกจ่ายเงินจากโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โครงการประกันรายได้ เกษตรกร วงเงิน 40,000 ล้าบาท เพื่อชำระคืน ธ.ก.ส. หากวงเงินดังกล่าวคงเหลือไม่เพียงพอ ให้ ธ.ก.ส. ขอจัด สรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 2. ให้ ธ.ก.ส. เร่งรัดเสนอขอยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2553 (เรื่อง การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย เพื่อขอขยายเวลาการ ขอรับจัดสรรเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรเนื่องจากเงินจำนวนดังกล่าวเป็นภาระที่รัฐบาลต้องใช้จ่ายต่อไป และให้ดำเนินการ ดังนี้ 2.1 ให้ ธ.ก.ส. เร่งดำเนินการขอจัดสรรงบประมาณตามโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง 2555 โดยทันทีเมื่อ ธ.ก.ส ได้สำรองจ่ายในแต่ละครั้ง เพื่อลดภาระค่าดอกเบี้ยของรัฐบาล 2.2 ให้ ธ.ก.ส. คงคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.98 ต่อปี (สำหรับเงินที่ ธ.ก.ส. สำรองจ่ายชดเชยส่วน ต่างระหว่างราคาประกันกับราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงให้แก่เกษตรกรแทนรัฐบาลไปก่อน) ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2553
|
||||||||||||||||||||||||
36562 | ขอขยายเวลาในการจัดส่งข้อมูลขอรับการจัดสรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายเวลาในการจัดส่งข้อมูลขอรับการจัดสรรเงินโครงการลงทุนภายใต้แผน
ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของกระทรวงสาธารณสุข ให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงิน จากวัน ที่ 31 มีนาคม 2553 เป็นวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
36563 | แนวทางแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำจังหวัดสงขลา | พณ | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการแนวทางแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำจังหวัดสงขลา โดยเปลี่ยนวิธีการ
ตั้งโต๊ะรับซื้อในภาคใต้ โดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ตั้งโต๊ะรับซื้อข้าว จากเกษตรกรในราคาตามเกณฑ์กลางอ้างอิง และส่งมอบข้าวเปลือกที่รับซื้อให้โรงสีในพื้นที่ภาคกลาง และภาคเหนือ ตอนล่าง สำหรับค่าขนส่งรถบรรทุกให้รัฐบาลรับภาระค่าขนส่งโดยเบิกจ่ายจากงบประมาณโครงการแทรกแซงตลาด รับซื้อข้าวเปลือกที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้ อคส./อ.ต.ก. ไว้แล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้ การกำหนด อัตราค่าขนส่งรถบรรทุกให้ใช้อัตราค่าขนส่งของ อคส. โดยคำนวณตามระยะทางจริง
|
||||||||||||||||||||||||
36564 | การจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหาร | ยธ | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. อนุมัติยกเว้นการจัดซื้ออาหารดิบและผลไม้สำหรับหน่วยงานในสังกัดกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและ เยาวชน โดยให้จัดซื้อตามวิธีการของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2553 เป็นต้นไป และอนุมัติเป็นหลักการสำหรับปีงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ไม่รวมการ จัดซื้อข้าวสารและข้าวสารเหนียว และนมสด ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 เป็นการ ถาวรและต่อเนื่อง 2. ให้ดำเนินการจัดซื้อผลไม้และพืชอื่นที่รับประทานแทนผลไม้ ระหว่างกรมราชทัณฑ์กับเกษตรกรโดย ตรงตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2552 เป็นการถาวรและต่อเนื่อง 3. ขยายระยะเวลาการยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 ในส่วน ของการจัดซื้ออาหารสด (เนื้อสัตว์และพืชผัก) และวัสดุปรุงอาหารต่อไปเป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษา ยน 2553-30 กันยายน 2553 โดยในระหว่างเวลาดังกล่าวให้ใช้วิธีการจัดซื้อที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและตาม ที่ได้รับยกเว้นอยู่ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
36565 | แนวทางการพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | นร | 30/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปี
ที่ 3 ครั้งที่ 18 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพุธที่ 31 มีนาคม 2553 และครั้งที่ 19 (สมัยสามัญทั่วไป) วันพฤหัสบดีที่ 1 เมษายน 2553 ตามที่สำนักประสานงานการเมืองเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
36566 | แต่งตั้งอะมีรุ้ลฮัจย์ หรือรออิสบิซาตุลฮัจย์ อัลรัสมียะห์ (หัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการ) | วธ | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งนายอิมรอน มะลูลีม เป็นอะมีรุ้ลฮัจย์ หรือรออิสบิซาตุลฮัจย์
อัลรัสมียะห์ (หัวหน้าคณะผู้แทนฮัจย์ทางการ)
|
||||||||||||||||||||||||
36567 | ขอรับการสนับสนุนงบกลางสำหรับ โครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชนด้านสุขภาพอนามัยและการพัฒนาการของเด็ก | สธ | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กในชุมชนด้านสุขภาพอนามัยและการพัฒนาของเด็ก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กปฐมวัยในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีสุขภาพอนามัย พัฒนาการ และการเจริญเติบโตเต็ม ตามศักยภาพของเด็ก เพื่อพัฒนาศักยภาพครูผู้ดูแลเด็กให้มีความรู้ ทักษะการดูแลสุขภาพอนามัยอย่างรอบด้าน เพื่อพัฒนาการมีส่วนร่วมของชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาเด็ก และเพื่อ พัฒนาให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเป็นศูนย์การเรียนรู้ เพื่อการพัฒนาเด็กปฐมวัย ระยะเวลาดำเนินการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2555 ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยรับข้อเสนอแนะของกระทรวงศึกษาธิการที่เห็นควรให้มี ทางเลือกวิธีการบริหารจัดการศูนย์ที่เหมาะสมกับสภาพทางภูมิศาสตร์และศักยภาพของพื้นที่และใช้ประโยชน์ให้ คุ้มค่า รวมทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนและคลังสมอง (ผู้เกษียณอายุที่มีความรู้และประสบการณ์) ในพื้นที่ ที่มีส่วนร่วมในการจัดการดูแลเด็กเพื่อให้มีการพัฒนาการรอบด้านเหมาะสมกับวัยหรือสูงกว่าเป้าหมาย นอกจาก นี้ ควรเตรียมการเพื่อสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีแนวดำเนินงานได้จริง และอย่างต่อ เนื่อง การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง สร้างการยอมรับจากประชาชนและชุมชนโดยมีองค์กรอื่น ๆ เป็นผู้ส่งเสริม สนับสนุน และการสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาศูนย์เด็กเล็ก 2. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อการดังกล่าวให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินไม่เกิน 94,508,000 บาท โดยรายละเอียด ให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2555 ให้กรมอนามัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ตามความเหมาะสม กับความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
36568 | ขออนุมัติจัดจ้างสถาบันอุดมศึกษาพัฒนาครูและผู้บริหารสถานศึกษาตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง | ศธ | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดจ้างจุฬาลงกรณ์มหา
วิทยาลัยและมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ดำเนินการทดสอบ ประเมินสมรรถนะ และดำเนินการพัฒนาครูและ ผู้บริหารสถานศึกษาตามโครงการพัฒนาครูทั้งระบบ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง โดยวิธีกรณีพิเศษ ตามที่ กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้ สพฐ. ถือปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการ ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ตามความเห็นของสำนักงบประมาณด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
36569 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการแสดงภาพสัญลักษณ์เพื่อประกอบการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. .... | นร | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการแสดงภาพสัญลักษณ์
เพื่อประกอบการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาเสนอ ซึ่งตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวง ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดคำนิยาม ภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และภาพสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2. กำหนดลักษณะการแสดงภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือภาพสัญลักษณ์บริษัทผู้ ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 3. กำหนดลักษณะภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และภาพสัญลักษณ์บริษัทผู้ผลิตเครื่อง ดื่มแอลกอฮอล์ 4. กำหนดหลักเกณฑ์การแสดงภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และภาพสัญลักษณ์บริษัท ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายใต้สื่อทางกิจการโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออื่นใด โดยต้องมีการแสดงข้อ ความคำเตือนทุกครั้งและตลอดเวลาที่มีการแสดงภาพ
|
||||||||||||||||||||||||
36570 | ร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณีสมัครไปปฎิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ พ.ศ. .... | นร | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎ ก.พ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการกรณี
สมัครไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทางราชการ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และให้ดำเนิน การต่อไปได้ โดยร่างกฎ ก.พ. ฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. กำหนดหน่วยงานที่จะสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญไปปฏิบัติงานใด ๆ ตามความประสงค์ของทาง ราชการจะต้องเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งใหม่เป็นเวลาไม่เกินห้าปี และเป็นการไปปฏิบัติงานในหน่วยงานลักษณะใด ลักษณะหนึ่ง ซึ่งได้แก่ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยบริการรูปแบบพิเศษ หน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามกฎ หมายเฉพาะหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่นตามที่ ก.พ. กำหนด 2. กำหนดกรณีการไปปฏิบัติงานตามความประสงค์ของทางราชการตามกฎ ก.พ. นี้ หมายถึง การไป ปฏิบัติงานตามความประสงค์ร่วมกันของหน่วยงานต้นสังกัดและหน่วยงานตามข้อ 1. และต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ ของทางราชการ โดยอาจเป็นไปเพื่อประโยชน์ของหน่วยงานต้นสังกัด หรือหน่วยงานตามข้อ 1. หรือเป็นไปเพื่อ ประโยชน์ของทางราชการโดยรวมก็ได้ 3. กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนสามัญซึ่งถูกสั่งให้ออกไปปฏิบัติงานใด ๆ ต้องแสดงความสมัครใจเป็น ลายลักษณ์อักษร และจะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังนี้ คือ มีอายุน้อยกว่าห้าสิบปี มีอายุราชการ ไม่น้อยกว่าห้าปี และไม่อยู่ระหว่างถูกดำเนินการทางวินัยหรืออยู่ระหว่างชดใช้ทุน และหากกรณีที่มีเหตุผลความ จำเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ก.พ. จะพิจารณายกเว้นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามให้เป็นการเฉพาะราย ก็ได้
|
||||||||||||||||||||||||
36571 | มาตรการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านยาของสิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ | กค | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการมาตรการควบคุมการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้มีการตรวจสอบและควบคุมการเบิกจ่ายค่ายาบางกลุ่ม หรือรายการ เป็นไปตามหลักบัญชียา แห่งชาติ หรือตามเงื่อนไขและข้อบ่งชี้ที่องค์กรวิชาชีพกำหนด โดยแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารระบบสวัสดิการรักษา พยาบาลข้าราชการ เพื่อทำหน้าที่ให้ข้อมูลและความคิดเห็น รวมทั้งจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เกี่ยวกับระบบ สวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ 1.2 ให้กรมบัญชีกลางร่วมกับหน่วยงานวิชาการที่เกี่ยวข้องศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการประยุกต์ ใช้ระบบการออมเพื่อสุขภาพ (Medisave) สำหรับข้าราชการบรรจุใหม่และแนวทางการอภิบาลระบบเพื่อปฏิรูปองค์ กรบริหารจัดการระบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ 1.3 ให้กรมบัญชีกลางร่วมกับหน่วยงานวิชาการที่เกี่ยวข้องศึกษากำหนดอัตราอัตราจ่ายล่วงหน้าราย กลุ่มโรคสำหรับการรักษาประเภทผู้ป่วยภายนอกโดยกรมบัญชีกลางตกลงราคาเหมาจ่ายรายโรคแก่สถานพยาบาล 2. สำหรับงบประมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าววงเงิน 11,000,000 บาท นั้น ให้กระทรวงการคลังขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการศึกษาความเป็น ไปได้ในเรื่องการประยุกต์ใช้ระบบ Medisave สำหรับข้าราชการบรรจุใหม่ ควรครอบคลุมข้าราชการปัจจุบันด้วยโดย เสนอเป็นทางเลือกในการลงทุนด้านสุขภาพรูปแบบต่าง ๆ ที่ควบคู่กับการสร้างมาตรการจูงใจในการส่งเสริมการดู แลสุขภาพ (Health consciousness) ของตนเองเพื่อลดค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลในระยะยาว รวมทั้งศึกษากลไก ในการกำกับดูแลสถานพยาบาลไม่ให้มีการให้บริการ หรือเรียกเก็บเงินจากการรักษาพยาบาลเกินความจำเป็นควบ คู่กับการหาแนวทางการร่วมจ่าย (Co-payment) ในกรณีของโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง และความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นด้วยกับการให้กรมบัญชีการศึกษาการใช้ระบบ Medisave ที่เป็นระบบการให้หักเงินเดือนเพื่อเป็นเงินออมด้าน สุขภาพสำหรับข้าราชการใหม่ ซึ่งอาจจะเป็นภาระสำหรับข้าราชการที่ได้รับเงินเดือนและค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าภาค เอกชน จึงจำเป็นต้องศึกษาผลกระทบของระบบดังกล่าวด้วยความรอบคอบ ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||
36572 | การปรับปรุงวันหยุดพักผ่อนประจำปีของพนักงานบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด | กค | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ปรับปรุงวันหยุดพักผ่อนประจำปี
ของพนักงาน ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2551 ตามที่กระทรวง การคลังเสนอ ดังนี้ 1. กำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีสำหรับลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันมาแล้วครบ 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี มี สิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีละ 8 วันทำงาน 2. อายุงาน 3 ปี แต่ไม่เกิน 5 ปี มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีละ 10 วันทำงาน 3. อายุงาน 5 ปีขึ้นไป มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีละ 15 วันทำงาน และให้มีการสะสมหรือเลื่อน ไปหยุดในปีถัดไปได้ ทั้งนี้ สะสมได้ไม่เกิน 2 ปีติดต่อกัน
|
||||||||||||||||||||||||
36573 | โครงการปรับปรุงระบบสื่อสารวิทยุเฉพาะกิจ (Trunked Radio) 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | มท | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการโครงการปรับปรุงระบบสื่อสารวิทยุเฉพาะกิจ (Trunked Radio) ตามที่กระทรวง มหาดไทยเสนอ ดังนี้ 1.1 ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2551 ตามที่ได้รับอนุมัติเมื่อวัน ที่ 1 เมษายน 2551 มาเป็นดำเนินการในพื้นที่จังหวัดยะลา และศูนย์สื่อสารกรมการปกครอง เขต 8 (จังหวัด สงขลา) เท่านั้น เนื่องจากมีงบประมาณในการดำเนินงานอยู่แล้ว จำนวน 180 ล้านบาท ประกอบกับกระทรวง การคลังได้รับอนุมัติให้กันเงินและขยายเวลาการเบิกจ่ายเงินไว้แล้ว 1.2 สำหรับงบประมาณในการบริหารโครงการหลังจากทำการติดตั้งระบบและอุปกรณ์ต่าง ๆ และ เริ่มใช้งานแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป เช่น ค่าซ่อมบำรุง ค่าจ้างเหมาบริการ และค่าสาธารณูปโภค ให้ กรมการปกครองขอสนับสนุนงบประมาณโดยทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเป็นรายปีไป 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการปรับปรุงระบบสื่อสารให้เหมาะ สมกับสภาพปัญหาความต้องการ และสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยให้เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียกับระบบการสื่อสาร อื่นๆ และมีการบูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินการด้านการสื่อสาร รวมทั้งการ ประมาณการค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละปีให้ชัดเจน เพื่อพิจารณาถึงความคุ้มค่าและเหมาะสมของระบบ ไป ดำเนินการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
36574 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติปี 2552 | กษ | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
1. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี จากกรมบัญชีกลาง แจ้งตามใบกันเงินเลขที่ 10042627 จำนวน 58,618,146 บาท เพื่อให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร ไปดำเนินการให้ความ ช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดมหาสารคาม โดยให้เบิกจ่ายในงบ รายจ่ายอื่น ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับไปหารือกระทรวงการคลังเพื่อขอผ่อน ผันระยะเวลาในการให้ความช่วยเหลือ ประกอบกับความล่าช้าในแต่ละขั้นตอนการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยซักซ้อมความเข้าใจในแนวทางและวิธีปฏิบัติตามนัยระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วย เหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2549 ให้เป็นบรรทัดฐานเดียว กันด้วย 2. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณี ฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีจากกรมบัญชีกลางแล้ว ตามใบกันเงินเลขที่ 10042627 จำนวน 67,594,549 บาท เพื่อให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร และกรมปศุสัตว์ ไป ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยธรรมชาติด้านพืช และด้านปศุสัตว์ ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร ขอน แก่น นครราชสีมา และนครสวรรค์ โดยจ่ายผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยให้เบิกจ่ายใน งบรายจ่ายอื่น ลักษณะเงินอุดหนุนทั่วไป
|
||||||||||||||||||||||||
36575 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... | วธ | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ คือ ให้มีกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและพัฒนาสื่อปลอดภัยและ สร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพในการผลิตสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ของผู้ผลิตสื่ออาชีพ เพื่อส่งเสริมการมีส่วน ร่วมของประชาชนในการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ กระจายสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์อย่างทั่วถึงในทุก ระดับและเพื่อสร้างกลไกในการรู้เท่าทันและเฝ้าระวังสื่อ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติมในส่วนของทุน ประเดิมของกองทุนควรมีที่มาจากการจัดสรรจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม 2. ให้กระทรวงวัฒนธรรมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนควรคำนึงถึงมติ คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2552 ที่มีมติให้กระทรวง ทบวง กรม ถือปฏิบัติในการร่างกฎหมายเพื่อใช้ บังคับในเรื่องใดก็ตาม ไม่ควรมีข้อกำหนดในรายละเอียดให้มีการจัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่ หรือกำหนดตำแหน่ง หัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี หรือกำหนดตำแหน่งไว้ในกฎหมายเป็นการเฉพาะ ทั้งนี้ การจะจัด ตั้งส่วนราชการ หรือองค์การของรัฐรูปแบบอื่นเพื่อรองรับภารกิจใด ๆ ที่เพิ่มขึ้นจะต้องคำนึงถึงความซ้ำซ้อนกับ ภารกิจของส่วนราชการ หรือองค์การที่มีอยู่เดิม และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม แห่งชาติเกี่ยวกับชื่อร่างพระราชบัญญัติ ชื่อกองทุน และแหล่งที่มาของเงินกองทุน เป็นต้น ไปพิจารณา แล้วส่งคณะ กรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
36576 | มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ | มท | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เพื่อขยาย
ระยะเวลาการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการโอนอสังหาริมทรัพย์ และค่าจดทะเบียนการ จำนองอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายที่ดิน และตามกฎหมายอาคารชุดเหลือร้อยละ 0.01 สำหรับการซื้อ ขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม จากเดิมตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม 2552 ถึงวันที่ 28 มีนาคม 2553 เป็นจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 โดยเห็นชอบให้กรมที่ดินเปิดดำเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ในวันที่ 29 พฤษภาคม 2553 และวันที่ 30 พฤษภาคม 2553 โดยถือเป็นวันปฏิบัติราชการของกรมที่ดิน ตามที่ กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
36577 | โครงการเพิ่มพูนคุณวุฒิแก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน (เพิ่มเติม) | มท | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองดำเนินการตามโครงการเพิ่มพูนคุณวุฒิ แก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นประจำทุกปี โดยรัฐให้การสนับสนุนจากงบประมาณรายจ่าย ร้อยละ 80 ของค่าใช้จ่ายแต่ ไม่เกินภาคการศึกษาละ 5,400 บาท ต่อคน ปีละไม่เกิน 3,000 คน และขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมถึงแพทย์ ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านด้วย ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 เป็นต้น ไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการดังกล่าวโดยให้ความสำคัญกับกำนัน และผู้ใหญ่บ้านก่อนเป็นลำดับแรก 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงบประมาณ ที่ให้ผู้เรียนร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการศึกษาบางส่วนตามความเหมาะสมเพื่อช่วยให้ประหยัดงบประมาณภาครัฐ และเสริมสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนศึกษาอย่างจริงจังจนสามารถเรียนจบได้ตามหลักสูตร รวมทั้งควรสำรวจข้อมูลของ กลุ่มเป้าหมายที่มีคุณสมบัติเข้าศึกษาตามหลักเกณฑ์ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชกำหนดว่ามีอยู่จำนวนเท่าใด เพื่อจะได้กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของโครงการให้ชัดเจนและมีการติดตามประเมินผลโครงการเป็นระยะ ๆ นอกจาก นี้ ควรเปิดโอกาสให้สถาบันการศึกษาอื่น ๆ เข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ในส่วน ของภาระงบประมาณปีละประมาณ 32,400,000 บาท ให้กรมการปกครองเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำ ปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
36578 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... | คค | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวง
พิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนด ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 36 สายกรุง เทพมหานคร-ระยอง ตอนกรุงเทพมหานคร-เมืองพัทยา รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงหมายเลข 34 (บาง วัว) และทางแยกเข้าทาเรือแหลมฉบัง) และบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (ทางหลวงพิเศษหมายเลข 37 สาย ถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ตอนบางปะอิน-บางพลี) ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 19 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติกำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงและสะพาน พ.ศ. 2497 ตั้ง แต่เวลา 16.00 นาฬิกา ของวันที่ 9 เมษายน 2553 ถึงเวลา 12.00 นาฬิกา ของวันที่ 19 เมษายน 2553 ตามที่ กระทวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
36579 | การชำระค่าหุ้นสำหรับการเพิ่มทุนสามัญทั่วไป ครั้งที่ 5 ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) | กค | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรูปแบบและวงเงินการชำระค่าหุ้นสำหับการเพิ่มทุนสามัญทั่วไป ครั้งที่ 5
ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ที่ประเทศไทยได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญทั่วไปเพิ่มขึ้น จำนวน 96,348 หุ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ 1. การชำระค่าหุ้น ฯ ครั้งที่ 1 ของประเทศไทย คือ วันที่ 1 เมษายน 2553 โดยมูลค่าหุ้นที่ประเทศ ไทยต้องชำระ คือ 3,584 หุ้น x 12,063.50 ดอลลาร์สหรัฐ ฯ ต่อหุ้น เท่ากับมูลค่าประมาณ 46.5 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ ฯ แบ่งชำระเป็น 2 รูปแบบ ในระยะเวลาเบิกจ่ายแบ่งออกเป็น 5 ปี ดังนี้ 1.1 เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ฯ รูปแบบของเงินสดในอัตราร้อยละ 40 ของส่วน Paid-in จะเท่ากับ มูลค่าประมาณ 18.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ (มูลค่า 46.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ x ร้อยละ 40 ของส่วน Paid- in) แบ่งการชำระออกเป็น 5 ปี เท่ากับมูลค่าประมาณ 3.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ต่อปี หรือประมาณ 123.88 ล้านบาทต่อปี (อัตราแลกเปลี่ยน 33.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ฯ ณ วันที่ 29 มกราคม 2553) 1.2 เงินบาทในรูปแบบของตั๋วสัญญาใช้เงินคลังเมื่อทวงถามและไม่มีดอกเบี้ยร้อยละ 60 ของส่วน Paid-in จะเท่ากับมูลค่าประมาณ 27.90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ (มูลค่า 46.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ x ร้อยละ 60 ของส่วน Paid-in) โดยแบ่งตั๋วสัญญา ฯ ออกเป็น 5 ฉบับ ในระยะเวลา 5 ปี เท่ากับมูลค่าประมาณ 5.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ ต่อปี หรือประมาณ 185.81 ล้านบาทต่อปี (อัตราแลกเปลี่ยน 33.30 บาท ต่อดอลลาร์ สหรัฐ ฯ ณ วันที่ 29 มกราคม 2553)
|
||||||||||||||||||||||||
36580 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3/2553 | นร | 23/03/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและ
เลขานุการคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจเสนอ ดังนี้ 1. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2553 โดยที่ประชุมได้พิจารณารายงานความก้าวหน้าโครงการศึกษาความเป็นไปได้การจัดตั้งอุตสาหกรรมเหล็ก ขั้นต้น ระยะที่ 1 รายงานติดตามและประเมินผล FTA ปี 2552 (มกราคม-กันยายน) และการแต่งตั้งกรรมการใน คณะกรรมการ กรอ. รวม 3 เรื่อง 2. เห็นชอบข้อเสนอตามมติคณะกรรมการ รศก. ดังนี้ 2.1 มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับข้อสังเกตของคณะกรรมการ กรอ. ไปประกอบการศึกษา ความเป็นไปได้ในการจัดตั้งอุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้น ระยะที่ 1 โดยนำผลการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการ พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น การสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในภาคใต้ เพื่อนำมากำหนดทิศ ทางในการพัฒนาอุตสาหกรรมและบริการ และการศึกษาการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเศรษฐกิจเชิงนิเวศน์ (Eco- Industrial Town) ไปประกอบการศึกษาด้วย 2.2 มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) รับไปจัดทำยุทธศาสตร์ ในภาพของประเทศด้านการเปิดเสรีทางการค้าประเทศต่าง ๆ ที่ชัดเจน ทั้งในด้านการกำหนดทิศทางของประเทศ ไทยด้าน FTA กลุ่มประเทศเป้าหมาย กลุ่มผู้ได้รับผลประโยชน์ ดุลการค้าของประเทศ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อมุ่งสู่ฐานการค้าและการลงทุนที่มากขึ้น รวมทั้งการกำหนดนโยบายการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของผู้ ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นต้น 2.3 มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์เร่งทบทวนปัญหาและอุปสรรค์ การดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการผ่านกองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรเพื่อเพิ่มขีดความ สามารถของประเทศ และกองทุนจัดทำโครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับ ผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาด กลางและขนาดย่อมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และรายงานผลต่อคณะกรรมการ รศก. อย่างต่อเนื่อง 2.4 มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เร่งกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม และมาตรการด้านความปลอดภัย ของสินค้าเกษตร เช่น มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช (Sanitary and Phytosanitary : SPS) เป็นต้น เพื่อให้ สินค้านำเข้ามีคุณภาพมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่อผู้บริโภคในประเทศ 2.5 มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ปรับปรุงรูปแบบรายงานประเมินผล FTA ให้ครอบคลุมถึงการ วิเคราะห์สถานการณ์ของประเทศทั้งในกรณีก่อนและหลังการทำข้อตกลง FTA และการเปรียบเทียบผลประโยชน์ที่ เกิดขึ้นจริงจากการทำข้อตกลง FTA กับผลการศึกษาที่ได้ศึกษาไว้ก่อนดำเนินการ เพื่อให้สามารถประเมินผลดีและ ผลเสียจากการทำ FTA ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น 2.6 เห็นชอบการแต่งตั้งนายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทยเป็นกรรมการในคณะกรรม การ รศก. เพิ่มเติม
|
.....