ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1751 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 35001 - 35020 จากข้อมูลทั้งหมด 124012 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
35001 | ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง การแต่งตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน และการแต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน (ในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี ฯลฯ) | นร | 05/10/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
เสนอ ดังนี้ ๑. เห็นชอบขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี และจังหวัดสมุทรปราการ ออกไปอีก ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ และให้ ดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบคำสั่งจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินหรือจำเป็น (ศอฉ.) โดยให้รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงกลาโหม เป็นผู้อำนวยการ ศอฉ. และเพิ่มปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นกรรมการ ตั้งแต่วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๓ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓. รับทราบคำสั่งแต่งตั้งผู้กำกับการปฏิบัติงาน หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และพนักงานเจ้าหน้าที่ในการแก้ไข สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (เพิ่มเติมครั้งที่สาม) ตั้งแต่วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๕๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35002 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 05/10/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม 2553 ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษ จำนวนเงินในการ งดการเรียกเก็บ และจำนวนเงินเพิ่มที่เรียกเก็บ) และร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วย การอนุวัติการตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่ น้ำโขงตอนบน The GMS Agreement) รวม 2 ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ต่อไป 2. ให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหงชาติ พ.ศ. .... โดยให้ตัดร่างมาตรา 9 วรรคสาม กรณีการรับเงินชดเชยของกรรมการซึ่งลาออก ออกทั้งวรรค และแก้ไขร่างมาตรา 16(5) เป็น “(5) ฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมแทนผู้เสียหายเมื่อได้รับการร้องขอจากผู้เสียหาย และเป็นกรณีที่เห็นสมควรเพื่อแก้ไข ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นส่วนรวม” ตามความเห็นคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร แล้ว เสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35003 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ว่าด้วยการอนุวัติการตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (The GMS Agreement)] | นร | 05/10/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์
ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ว่าด้วยการอนุวัติการตามความ ตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (The GMS Agreement)] ไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35004 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษ จำนวนเงินในการงดการเรียกเก็บ และจำนวนเงินเพิ่มที่เรียกเก็บ) | นร | 05/10/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์
ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๓ ซึ่งให้เสนอรางพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษ จำนวน เงินในการงดการเรียกเก็บ และจำนวนเงินเพิ่มที่เรียกเก็บ) ไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่อง ด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35005 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | สม | 05/10/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมการประสานงานด้านนิติบัญญัติ วันจันทร์ที่ ๔ ตุลาคม
๒๕๕๓ และเห็นชอบให้แก้ไขร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. .... โดยตัดร่างมาตรา ๙ วรรคสาม กรณีการรับเงินชดเชยของกรรมการซึ่งลาออก ออกทั้งวรรค และแก้ไขร่างมาตรา ๑๖(๕) เป็น “(๕) ฟ้อง คดีต่อศาลยุติธรรมแทนผู้เสียหายเมื่อได้รับการร้องขอจากผู้เสียหายและเป็นกรณีที่เห็นสมควรเพื่อแก้ไขปัญหาการ ละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นส่วนรวม” ตามสรุปผลการประชุมฯ ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35006 | แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ เพิ่มเติม (จำนวน 3 ท่าน 1. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ฯลฯ) | สธ | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ เพิ่มเติม จำนวน 3 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และปลัดกรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35007 | โครงการเพื่อการพัฒนาปี 2554 ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนา ปี 2554 ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จำนวน 15 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 2,018.529 ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ประกอบด้วย 1.1 โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายระบบประปาที่ใช้เงินกู้ 1 โครงการ คือ โครงการประปาจันทบุรี วงเงินโครงการ 508.460 ล้านบาท โดยให้ กปภ. กู้เงินภายในประเทศ (พันธบัตร) เพื่อลงทุนโครงการโดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน 1.2 โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายระบบประปาที่รัฐให้การสนับสนุนงบประมาณร้อยละ 75 ของวงเงินโครงการ จำนวน 7 โครงการ วงเงินโครงการรวม 1,179.619 ล้านบาท 1.3 โครงการปรับปรุงกิจการประปาภายหลังการรับโอน จำนวน 7 โครงการ วงเงินโครงการรวม 330.450 ล้านบาท โดยรัฐให้การสนับสนุนทั้งหมด 2. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้ กปภ. พิจารณาในเรื่องของความคุ้มค่าจากการลงทุนทางด้านการเงินโดยการควบคุมค่าใช้จ่ายการผลิตและเพิ่มรายได้จากการให้บริการและลดอัตราน้ำสูญเสียให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มความสามารถในการลงทุนของ กปภ. และลดภาระของภาครัฐในการสนับสนุนงบประมาณสำหรับการลงทุนในโครงการก่อสร้างระบบประปาและเงินชดเชยค่าดำเนินการในการให้บริการเชิงสังคม รวมทั้งความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำของประเทศควรพิจารณาในด้านความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากรน้ำในกิจกรรมต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับทรัพยากรน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่จะนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งกำหนดเป้าหมายการพัฒนาและดัชนีชี้วัดทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจ ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35008 | มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มสมรรถนะอากาศยานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มสมรรถนะอากาศยาน
ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดย รับข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของกระทรวงคมนาคมด้านความปลอดภัย การจัดองค์กรด้านการบิน และการกำกับดูแล ในด้านการบินพลเรือนซึ่งเป็นข้อเสนอแนะการปรับปรุงโครงสร้างและการเพิ่มประสิทธิภาพการบินไปพิจารณา ด้วย โดย 1. การจัดหาอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยและเพิ่มสมรรถนะของอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ จำนว น 9 เครื่อง ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ส่วนการจัดหาอากาศยานตามแผนแม่บทการใช้ การจัดหา และการบำรุงอากาศยาน ปี พ.ศ. 2547 ให้สำนัก งบประมาณพิจารณาจัดสรรสนับสนุนให้ตามความเหมาะสมตามลำดับความจำเป็นเร่งด่วน และสอดคล้องกับ สถานะทางการเงินการคลังของประเทศต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 2. การขอคงตำแหน่งนักบิน ช่างเครื่องบิน และช่างวิทยุการบิน กรณีการเกษียณอายุราชการ ขยาย อัตรากำลังตามจำนวนอากาศยานที่จัดหาเพิ่ม ให้กระทรวงคมนาคมเสนอเรื่องให้คณะกรรมการบริหารพนัก งานราชการพิจารณาต่อไป ตามความเห็นของสำนักงาน ก.พ. 3. การพัฒนาศูนย์ปฏิบัติการบินและซ่อมบำรุงอากาศยาน (การใช้สนามบินร่วม) ให้กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ท่าอากาศยานใน ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคไปพิจารณาดำเนินการต่อไป 4. เห็นชอบในหลักการการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการ บริหารทรัพยากรด้านการบิน และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำรายละเอียดขององค์ ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าวมาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35009 | ขออนุมัติเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการและก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 - 2556 | มท | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยทำสัญญาเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการของกรมการพัฒนา
ชุมชน กรมที่ดิน และกรมการปกครอง เฉพาะกรณีการจัดหารถคันใหม่ทดแทนคันเก่าที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป จำนวน 276 คัน โดยมีกรอบวงเงินผูกพันทั้งสิ้น 186,814,800 บาท ส่วนรายละเอียดในการดำเนินการให้กระทรวงมหาด ไทยดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ใช้จ่ายจากเงินกันเหลื่อมปีหรืองบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ที่มีเหลือจ่าย เพื่อจ่ายเป็นค่าเช่ารถยนต์ดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ทั้ง จำนวนโดยต้องได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายหรือได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีจากกระทรวงการคลัง ก่อน และให้ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทยทั้ง 3 หน่วยงานดังกล่าว เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณราย จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 และ พ.ศ. 2556 ทั้งนี้ จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชกา ร และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วย การพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 157 ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35010 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. รับทราบวงเงินเหลือจ่ายภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริม สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 (พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ) และให้หน่วย งานเจ้าของโครงการที่ยังไม่ได้รวบรวมหรือรายงานวงเงินเหลือจ่ายไม่ครบถ้วนเร่งดำเนินการแจ้งวงเงินเหลือจ่าย มาที่กรมบัญชีกลางโดยด่วน 2. อนุมัติให้ดำเนินโครงการใหม่ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จำนวน 17 โครงการ วงเงิน รวม 5,621.24 ล้านบาท รวมทั้งการจัดสรรวงเงินเหลือจ่ายตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้ เงินฯ ให้แก่โครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ และอยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ สาขาเศรษฐกิจและกรอบวงเงินตามกรอบการใช้จ่ายเงินกู้เสนอต่อรัฐสภาตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวง การคลังกู้เงินฯ วงเงิน 5,743.24 ล้านบาท ทั้งนี้ ในกรณีโครงการใดเข้าข่ายต้องดำเนินการตามขั้นตอนของ ระเบียบและกฎหมายใด ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามขั้นตอนของระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยว ข้องโดยเคร่งครัดต่อไปด้วย 3. อนุมัติการขยายระยะเวลาลงนามในสัญญา การจัดสรรเงิน และการดำเนินโครงการลงทุนภายใต้ แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 หากหน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถดำเนินโครงการได้ทัน เห็นควรให้ ยกเลิกวงเงินที่จัดสรรให้โครงการและนำมารวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายต่อไป 4. อนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ประกอบด้วยโครงการ Creative Green Park ขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) สำนักนายกรัฐมนตรี วงเงิน 76.8085 ล้านบาท โครงการของกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม วงเงิน 710.35 ล้านบาท และโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของข้าราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน วงเงิน 85.76 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงการที่ไม่สามารถดำเนินการ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2553 ตามหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติในการจัดสรรเงินสำรองจ่ายสำหรับ โครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553 เห็นสมควรผ่อนผันให้แล้ว เสร็จในปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 5. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการฯ ซึ่งมีหน่วยงานที่ขอ เปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการ ได้แก่ กรมส่งเสริมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร กองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม และสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โดยให้หน่วยงานดังกล่าวส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณาเพื่อขอจัดสรรเงินซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงาน และแผนการใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงราย ละเอียดของโครงการ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน 15 วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติ แล้ว หน่วยงานจะต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35011 | การประกาศกำหนดสินค้าและตัวแปรตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 เพิ่มเติม (สินค้าและตัวแปร จำนวน 14 ประเภท) | กค | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในการกำหนดสินค้าและตัวแปรตามพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 เพิ่ม เติม รวม 14 ประเภท เพื่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จะได้ประกาศกำหนดต่อไป ตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 กลุ่มโลหะมีค่า ได้แก่ เงิน แพลทินัม 1.2 กลุ่มโลหะอื่น ได้แก่ ทองแดง สังกะสี เหล็ก อะลูมิเนียม และดีบุก 1.3 กลุ่มสินทรัพย์อื่น ได้แก่ ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ ไฟฟ้า และพลาสติก 1.4 กลุ่มตัวแปร ได้แก่ ค่าระวาง คาร์บอนเครดิต และดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ 2. ให้กระทรวงการคลังรับข้อเสนอแนะของกระทรวงพลังงานที่เห็นว่าในอนาคตหากจะมีการออกสัญญา ซื้อขายล่วงหน้าสินค้าดังกล่าว ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ควรประสานหา รือกับกระทรวงพลังงานด้วยเพราะอาจมีผลกระทบต่อราคาก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้าของผู้ที่ซื้อสินค้าไปใช้ประโยชน์ (เช่น โรงไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรม) หากไม่มีการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เป็นธรรม ไปพิจารณาประสานดำเนินการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35012 | มาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2552 - 2556) | นร | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการมาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2552-2556) เพื่อให้การดำเนินงาน ตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและกำลังคนภาครัฐ (คปร.) บรรลุเป้าหมายในการบริหาร จัดการกำลังคนให้สอดคล้องกับความจำเป็นตามภารกิจในภาครัฐ รวมทั้งเพื่อให้มีแนวทางในการบริหารกำลังคน ภาครัฐทดแทนยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2549-2551) ซึ่งสิ้นสุดลงโดยมาตรการบริหาร กำลังคนภาครัฐฯ จะครอบคลุมถึงกำลังคนภาครัฐทุกประเภท ได้แก่ ข้าราชการ (ไม่รวมข้าราชการทหาร) พนัก งานราชการ ลูกจ้างประจำ และกำลังคนประเภทอื่น ๆ ในส่วนราชการสังกัดฝ่ายบริหารที่ใช้งบประมาณงบบุคลา กรจากงบประมาณรายจ่ายแผ่นดิน ประกอบด้วยมาตรการบริหารอัตรากำลังปกติ : ให้ปรับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ แนวทางการจัดสรรอัตราข้าราชการจากผลการเกษียณอายุ โดยให้ คปร. พิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและ เงื่อนไขการจัดสรรอัตรา เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับการดำเนินงานตามบทบาทภารกิจและตามความจำเป็นที่ แท้จริง และมาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ : ให้ปรับในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการนำยุทธศาสตร์ไปสู่การ ปฏิบัติโดยเห็นควรให้องค์กรกลางบริหารทรัพยากรบุคคลร่วมกับส่วนราชการจัดทำแผนปฏิบัติการให้สอดคล้อง เหมาะสมกับสภาพ บริบทและเงื่อนไขของส่วนราชการแต่ละแห่งต่อไป และ 2. มอบหมายให้คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐและองค์กรกลางบริหาร ทรัพยากรบุคคลร่วมกับส่วนราชการดำเนินการเพื่อให้มีการนำมาตรการบริหารกำลังคนภาครัฐดังกล่าวไปปฏิบัติ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ตามที่รองเลขาธิการ ก.พ. (นายนนทิกร กาญจนะจิตรา) กรรมการและเลขานุการ ร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ ทั้งนี้ ในส่วนของการกำหนดให้ส่วนราช การมีความคล่องตัวในการบริหารอัตรากำลัง เห็นชอบเป็นหลักการให้ส่วนราชการมีอัตราว่างได้ไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนตำแหน่งทั้งหมด 3. ให้ คปร.รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แห่งชาติ ที่เห็นควรกำหนดเป้าหมายการดำเนินมาตรการให้ชัดเจนและสามารถปฏิบัติได้ และกำหนดแนวทางใน การติดตามประเมินผลการดำเนินงานของมาตรการดังกล่าวเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารกำลังคน ภาครัฐ รวมทั้งความเห็นของ ก.พ.ร. เกี่ยวกับทบทวนการจัดอัตรากำลังให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจควรมีการ บูรณาการการทำงานของหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้องโดยประสานกับส่วนราชการให้นำเสนอแผนการทบทวนภาร กิจ การปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาก่อนจัดทำแผนอัตรากำลังให้สอดคล้องกับ บทบาทภารกิจใหม่ต่อไป ไปพิจารณาด้วย 4. การกำหนดการใช้กำลังคนแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับภารกิจ โดยให้พนักงานราชการสามารถ ปฏิบัติงานในภารกิจหลักด้วยนั้น มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) ประธานกรรมการบริหารพนักงานราชการรับไปพิจารณาในคณะกรรมการบริหารพนักงานราชการ แล้วนำเสนอ คณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35013 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2551 เรื่อง โครงการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 | ทก | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) (บมจ.ทีโอที) ทบทวนแผนธุรกิจโครงการสร้างโครงข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 และเปลี่ยนแปลงวิธีการประกวดราคาสากลเป็นวิธีการประกวดราคาทั่วไป ภายในประเทศ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2553 ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสา รเร่งรัดติดตามให้ บมจ.ทีโอที จัดทำแผน บริหารความเสี่ยงให้ชัดเจน เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและติดตามประเด็นปัญหาที่ อาจจะเกิดขึ้นจากการปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต 2. ให้ บมจ.ทีโอที รับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการพิจารณาข้อเสนอเพื่อจูงใจให้เอกชนมา ใช้บริการโครงข่ายของ บมจ.ทีโอที แทนที่เอกชนจะลงทุนเอง การกำหนดแผนกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการหาพันธมิตร ทางธุรกิจหรือผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่บนเครือข่ายเสมือน (Mobile Virtual Network Operator : MVNO) มาใช้ โครงข่ายได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการคำนึงถึงนโยบายการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะระบบ สื่อสัญญาณประเภทโครงข่าย Fiber Optic ที่สามารถใช้ร่วมกับรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ ได้ เพื่อลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนของ รัฐวิสาหกิจ และการสร้างโครงข่ายให้ทันกับการเปิดให้บริการของผู้ได้รับใบอนุญาตของคณะกรรมการกิจการโทร คมนาคมแห่งชาติ (กทช.) สำหรับแหล่งเงินทุนของโครงการ ควรพิจารณาจัดหาแหล่งเงินลงทุนในรูปของเงินกู้ระยะ ยาวเพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาการดำเนินโครงการ และอัตราผลตอบแทนทางการเงินของโครงการโดยกระทรวง การคลังจะไม่ค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว เนื่องจาก บมจ.ทีโอที เป็นรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินกิจการด้านบริการสื่อสารโทร คมนาคมแบบครบวงจรตอบสนองความต้องการครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและการลงทุนโครงการส่วนใหญ่มุ่งหวัง ผลตอบแทนเชิงพาณิชย์ และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้ บมจ. ทีโอที เร่งปรับโครงสร้างองค์กร จัดเตรียมความพร้อมของบุคลากร รวมทั้งพิจารณารูปแบบการบริหารจัดการโครง ข่ายให้มีประสิทธิภาพรวมทั้งเน้นการใช้ประโยชน์และสร้างรายได้จากโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นและสิ่งอำนวยความ สะดวกด้านโทรคมนาคมที่มีอยู่ ตลอดจนลดต้นทุนค่าใช้จ่ายเพื่อลดความเสี่ยงทางธุรกิจและเพิ่มความสามารถในการ แข่งขันซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ บมจ.ทีโอที สามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะต่อไป และช่วยลดการลงทุนซ้ำซ้อนในโครงข่าย 3G ในภาพรวมของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35014 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตรข้าราชการ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตรข้าราชการ ซึ่ง มีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการ ตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ 1.1 กำหนดให้ข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่ประจำอยู่ในประเทศที่ไม่มีสถานศึกษาที่ได้รับการรับรอง มาตรฐานการศึกษาจากสถาบันรับรองมาตรฐานสากลหรือเป็นประเทศหรือเมืองที่มีภาวะความเป็นอยู่ไม่ปกติ ตาม รายชื่อที่กระทรวงการคลังกำหนดให้มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือการศึกษาของบุตร สำหรับบุตรที่ศึกษาในอยู่ในสถาน ศึกษานอกประเทศที่ข้าราชการผู้นั้นประจำการได้ ยกเว้นสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ประเทศแคนาดา ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ และประเทศไทย 1.2. กำหนดให้ส่วนราชการพิจารณาหากเห็นว่ามีเหตุผลความจำเป็นและสมควรให้ข้าราชการที่ประจำ การในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ประเทศแคนาดา ประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์ ได้รับเงินช่วย เหลือการศึกษาบุตร สำหรับบุตรที่ศึกษา ณ สถานศึกษาในประเทศที่ข้าราชการประจำการได้ตามระเบียบนี้ โดยให้ เสนอกระทรวงการคลังพิจารณาอนุมัติเป็นการเฉพาะราย 1.3 กำหนดให้อัตราการเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตร กรณีตามข้อ 1.1 และ 1.2 ให้เบิกจ่ายได้ ในอัตราร้อยละห้าสิบของจำนวนที่จ่ายจริงตามที่สถานศึกษาเรียกเก็บ เฉพาะกรณีตามข้อ 1.2 ต้องไม่เกินอัตราร้อย ละห้าสิบของจำนวนเงินที่สถานศึกษาในประเทศที่ข้าราชการประจำการเรียกเก็บ 2. สำหรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการกำหนดให้ข้าราชการที่ประจำการในประเทศ หรือเมืองที่ไม่มีสถานศึกษาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและข้าราชการที่ประจำการอยู่ในประเทศที่มีภาวะความเป็น อยู่ไม่ปกติได้รับสิทธิ์เบิกเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรในกรณีที่ส่งบุตรไปศึกษา ณ สถานศึกษานอกประเทศที่ประจำ การ โดยให้รวมถึงสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ประเทศแคนาดา ประเทศออสเตรเลีย และ ประเทศนิวซีแลนด์ โดยให้เบิกเงินช่วยเหลือการศึกษาบุตรในอัตราร้อยละห้าสิบของจำนวนเงินที่จ่ายจริงตามที่สถาน ศึกษาในประเทศที่บุตรข้าราชการศึกษาอยู่เรียกเก็บอาจมีผลกระทบต่องบประมาณจึงให้เชิญผู้แทนสำนักงบประมาณ แทนกระทรวงการคลัง และผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมชี้แจงในคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายฯ ด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35015 | การพัฒนาระบบติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐ | กค | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้มีการดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาระบบติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐ 1.2 ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดย รัฐเพื่อกำกับดูแลการพัฒนาระบบการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐ กำหนดกลุ่มเป้าหมายของการประเมิน มาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐ รวมทั้งติดตามและรวบรวมผลการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐเพื่อนำเสนอต่อคณะ รัฐมนตรี 1.3 ให้การประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐเป็นเครื่องมือในการติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดย รัฐ เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงของการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งเป็นตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการ องค์ กรปกครองส่วนท้องถิ่น และรัฐวิสาหกิจที่ได้รับเงินงบประมาณ โดยกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ประสานงาน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 1.4 ให้หน่วยงานภาครัฐที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐของคณะกรรม การติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐ (ค.ต.ป.) ดำเนินการตามแนวทางที่ ค.ต.ป. กำหนด 1.5 ให้หน่วยตรวจสอบภายในของหน่วยงานรับผิดชอบติดตามและตรวจสอบการประเมินมาตรฐานการ จัดซื้อโดยรัฐของแต่ละหน่วยงาน โดยมี ค.ต.ป. มีหน้าที่สอบทานการปฏิบัติงานของหน่วยตรวจสอบภายใน สำหรับ กรณีของกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง (สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) มีหน้าที่กำกับ ติดตาม และตรวจสอบการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและรัฐวิสาหกิจ ตาม ลำดับ โดยมี ค.ต.ป. พิจารณารวบรวมนำเสนอคณะรัฐมนตรี 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนัก งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การ ประเมินมาตรฐานระดับหน่วยงานเรื่องแนวปฏิบัติการจัดซื้อจัดจ้างและผู้ประกอบการเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาและ อุปสรรคในการจัดซื้อจัดจ้างในเชิงลึก และควรมีการสร้างความพร้อมให้กับส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการ ติดตามและประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐทั้งระบบ รวมทั้งสนับสนุนให้สามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมิน ผลการจัดซื้อโดยรัฐได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ และเมื่อส่วนราชการและผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการติดตามและ ประเมินผลการจัดซื้อโดยรัฐมีความพร้อมแล้ว ให้กำหนดเป็นประเด็นการสอบทานของ ค.ต.ป. และกำหนดเป็นตัวชี้ วัดตามคำรับรองการปฏิบัติราชการโดยมีกรมบัญชีกลางเป็นเจ้าภาพในเรื่องนี้ต่อไป นอกจากนี้ การกำหนดกลุ่มเป้า หมายของการประเมินมาตรฐานการจัดซื้อโดยรัฐ ค.ต.ป. ควรพิจารณาให้ความสำคัญกับโครงการที่มีความเสี่ยงเรื่อง การเงินสูงหรือมีมูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างสูง โครงการที่มีผลกระทบต่อสาธารณชนเป็นจำนวนมาก โครงการที่มีความ ถี่ในการจัดซื้อจัดจ้างที่สูงเกินความจำเป็นจนเป็นที่ผิดสังเกต เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35016 | การรับรองร่างเอกสารผลการประชุมผู้นำเอเชีย - ยุโรป ครั้งที่ 8 | กต | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงของประธาน (Chair’s Statement) และร่างแถลงการณ์ของผู้นำ (Leaders’ Declaration) เรื่องวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของร่างเอกสารผลการประชุมทั้ง 2 ฉบับ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35017 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามมาตรา 23 วรรคสี่ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2554 | กก | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ 1.1 ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการเช่า รถยนต์และการเช่าอาคารสำนักงานของ ททท. สำนักงานต่างประเทศ จำนวน 14 รายการ วงเงิน 211,822,000 บาท และรายการเช่าสัญญาใหม่ครั้งแรกของ ททท. สำนักงานในประเทศ จำนวน 12 รายการ ประกอบด้วย ราย การเช่ารถยนต์ จำนวน 9 รายการ วงเงิน 6,084,000 บาท และรายการเช่าอาคารสำนักงาน จำนวน 3 รายการ (สำนักงานกระบี่ กรุงเทพมหานคร และประจวบคีรีขันธ์) วงเงิน 9,300,000 บาท โดยให้สามารถลงนามใน สัญญาได้ภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 1.2 สำหรับรายการการเช่าอาคารสำนักงานของ ททท. สำนักงานในประเทศ ที่เป็นการดำเนินการ ต่อเนื่องจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 จำนวน 4 รายการ (สำนักงานนครนายก อุดร ธานี นราธิวาส ภูเก็ต) และดำเนินการใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 จำนวน 2 รายการ (สำนักงานตาก และนครศรีธรรมราช) วงเงิน 1,295,000 บาท ให้ดำเนินการจัดหาไว้ล่วงหน้า และให้ก่อหนี้ผูกพันงบประมาณ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 มีผลบังคับใช้ และได้รับอนุมัติจากคณะ รัฐมนตรีให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ตามนัยมาตรา 23 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 อันเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณซึ่ง สามารถดำเนินการได้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 13 และหนังสือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) ด่วนที่สุด ที่ กค (กวพ.) 0408.4/ว 351 ลงวันที่ 9 กันยายน 2548 2. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรถือปฏิบัติ ตามหลักเกณฑ์และความเห็นที่สำนักงบประมาณกำหนด และควรติดตามประเมินผลการดำเนินงานของสำนักงาน ททท. ในประเทศและต่างประเทศให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35018 | การขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา | กห | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้ 1.1 ร่างปฏิญญาร่วมการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา (Ha Noi Joint Declaration on the First ASEAN Defence Ministers’ Meeting-Plus) 1.2 หากมีการเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดของร่างปฏิญญาร่วมฯ ดังกล่าวที่จะไม่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลง อาณาเขตไทยหรือเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยหรือเขตอำนาจตามหนังสือสัญญาหรือตาม กฎหมายระหว่างประเทศ หรือจะต้องออกพระราชบัญญัติ เพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา หรือมีผลกระทบ ต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรืองบ ประมาณของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม 1.3 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างปฏิญญาร่วมฯ ดังกล่าว 2. ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ 2.1 ปรับข้อความในวรรคปฏิบัติการที่ 1 “Affirm our commitment, in working closely with the ADMM, to enhance peace, stability and prosperity in the region” เพื่อสนับสนุนสาระสำคัญในวรรคอารัมภบทที่ว่า ADMM-Plus เป็นส่วนหนึ่งของ ADMM และ ASEAN Centrality มีความสำคัญต่อกระบวนการ ADMM-Plus 2.2 ปรับถ้อยคำ “…ADMM-Plus is the highest ministerial defence and seeurity consultative and cooperative mechanism for regional security issues…” เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า ADMM-Plus จะเป็นเวทีหารือ ในระดับสูงสุดระหว่างรัฐมนตรีกลาโหมและการเสริมสร้างความร่วมมือที่เกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงในภูมิภาค 2.3 สำหรับถ้อยคำในวรรคปฏิบัติการที่ 5 หากสามารถระบุว่า 1) การดำเนินงานของ ADMM-Plus ไม่ ควรซ้ำซ้อนหรือตัดสินล่วงหน้าเกี่ยวกับการหารือเรื่องการเมืองและความมั่นคงในเวทีความร่วมมืออื่นๆ อาทิ ASEAN Regional Forum อาเซียน+1 อาเซียน+3 และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit-EAS) ที่มีอยู่ แล้ว และ 2) ADMM-Plus จำเป็นต้องดำเนินงานในลักษณะที่ช่วยส่งเสริมการหารือและความร่วมมือด้านกลาโหมที่ เกี่ยวข้องในเวทีอื่น ๆ ด้วย โดยยึดกลไกที่มีอยู่แล้วเป็นพื้นฐานสำคัญ ย่อมจะช่วยให้การดำเนินงานในเวทีอื่น ๆ ที่มี อาเซียนเป็นแกนกลางสามารถดำเนินงานอย่างมีเอกภาพและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35019 | ขอสิทธิกำลังพลให้แก่เจ้าหน้าที่ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และหน่วยในสายงาน | กห | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เจ้าหน้าที่ศูนย์บัญชาการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย และหน่วย
งานในสายงาน ได้รับสิทธิกำลังพล (การนับเวลาราชการเป็นทวีคูณตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2551 เป็นต้นไป) เช่นเดียวกับผู้ปฏิบัติหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
35020 | การจัดทำแผนแม่บทการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง | นร | 28/09/2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนเรื่อง การจัดทำแผนแม่บทการบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเมืองพัทยา
และพื้นที่เชื่อมโยง คืนไปได้ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เสนอ |
.....