ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1759 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 35161 - 35180 จากข้อมูลทั้งหมด 124012 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
35161 | เอกสารสำคัญของการประชุมผู้นำอาเซียน - สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 2 | กต | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมผู้นำอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 2 (Joint
Statement of the 2nd ASEAN-US Leaders’ Meeting) เพื่อให้นายกรัฐมนตรีร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าวใน ระหว่างการประชุมผู้นำอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 2 ในวันที่ 24 กันยายน 2553 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐ อเมริกา และหากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขแถลงการณ์ร่วมฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ ของประเทศไทยให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ตาม ที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
35162 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 3/2553 | นร | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบและอนุมัติตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (รชต.) ในการประชุมครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2553 ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ รชต. เสนอ โดยที่ประชุมคณะกรรมการ รชต. มีมติในเรื่อง ต่าง ๆ ดังนี้ 1.1 มอบหมายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีผล การเบิกจ่ายอยู่ในเกณฑ์ต่ำเร่งรัดดำเนินโครงการและรายงานผลการดำเนินงานและการเบิกจ่ายงบประมาณให้ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นำเสนอประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนพัฒนาพื้น ที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (อชต.) เพื่อรายงานคณะรัฐมนตรีทราบทุกเดือน 1.2 อนุมัติโครงการพัฒนาอาชีพตามผลประชาคม 696 หมู่บ้าน เพิ่มเติม จำนวน 7 โครงการ วงเงิน 41.99 ล้านบาท โดยใช้เงินเหลือจ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จากโครงการตามแผนการพัฒนาพื้นที่พิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในปี พ.ศ. 2553 ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 1.3 อนุมัติโครงการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้แผน ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ในพื้นที่ 26 หมู่บ้านของจังหวัดสตูล รวม 4 โครงการย่อย ว งเงิน 17.00 ล้านบาท โดยใช้เงินเหลือจ่ายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จากโครงการตามแผนการพัฒนาฯ 1.4 อนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินการตามผลการประชาคมหมู่บ้านปี 2554 ของกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ที่ยังไม่ได้รับการจัดสรร วงเงิน 2,394.00 ล้านบาท โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทำความตกลงกับ สำนักงบประมาณเพื่อปรับลดความซ้ำซ้อน ปรับต้นทุนค่าก่อสร้างให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานของสำนักงบ ประมาณ และยืนยันเป้าหมายตามผลการประชาคมหมู่บ้าน และนำเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครง การภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พิจารณาเสนอคณะรัฐมนตรีโดยเร่งด่วน 1.5 อนุมัติโครงการผลิตแพทย์เพิ่มของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ วงเงิน 950.00 ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาแหล่งงบประมาณสนับสนุนการดำเนินโครงการฯ 1.6 อนุมัติตามข้อเสนอของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ดำเนินโครงการ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของจังหวัดสตูล 1.7 อนุมัติการเปลี่ยนแปลงสถานที่ก่อสร้างและการปรับแบบรูปรายการก่อสร้างโครงการศูนย์ครูใต้ จังหวัดยะลา ภายในวงเงิน 160.80 ล้านบาท 1.8 อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแผนงานและงบประมาณโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและ พัฒนาคุณภาพชีวิตของข้าราชการในจังหวัดชายแดนภารใต้ โดยปรับลดระยะเวลาดำเนินการให้เหลือ 4 เดือน (กันยายน-ธันวาคม 2553) งบประมาณดำเนินการ 85.76 ล้านบาท โดยใช้เงินสำรองจ่ายตามระเบียบสำนัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ข้อ 16 (8,500 ล้าน บาท) 1.9 ให้องค์การสะพานปลาจัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการปรับปรุงสุขภาพ อนามัยท่าเทียบเรือประมงสตูลเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาตามขั้นตอนก่อนเสนอขออนุมัติ โครงการ 1.10 ให้คณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดน ภาคใต้ (อปต.) ปรับปรุงแผนประชาสัมพันธ์ฯ ให้มีเป้าหมายที่ชัดเจน ได้แก่ การใช้กิจกรรมที่เป็นภารกิจปกติของ หน่วยงานเป็นสื่อประชาสัมพันธ์ เช่น การแข่งขันกีฬา การจัดงานประเพณีวัฒนธรรม เป็นต้น การประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนในพื้นที่โดยใช้สื่อและภาษาที่เข้าถึงประชาชน และการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนนอกพื้นที่รับรู้และ เข้าใจข้อเท็จจริงของสถานการณ์และการแก้ปัญหาอย่างสมดุล 1.11 ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ในเรื่องของการปูนบำเหน็จเลื่อนขั้น การรับเงินพิเศษสู้รบ (พ.ส.ร.) และการปรับวิทยฐานะเป็นกรณีพิเศษ รวมทั้ง การตรวจสอบสิทธิประโยชน์ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สำหรับการจัดระบบการรักษาความ ปลอดภัย ให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน รวมทั้งหน่วยรักษาความปลอดภัยดำเนินการตามมาตรการรักษา ความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด 2. อนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินการโครงการตามผลประชาคมหมู่บ้าน ปี 2555 ของกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 (ตามข้อ 6.5 ของหนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา การเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ นร 1103/2555 ลงวันที่ 13 กันยายน 2553 หน้า 4) ออกไปสิ้น สุดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 และให้ปรับลดวงเงินที่จะจัดสรรให้จากเดิม วงเงินรวม 2,394 ล้านบาท เป็นวงเงิน 1,880 ล้านบาท โดยวงเงินส่วนที่เหลือจากการปรับลดดังกล่าว ให้นำไปจัดสรรเพิ่มเติมให้แก่โครงการอื่น ๆ ตาม ลำดับความสำคัญและเร่งด่วน ดังนี้ 1) โครงการผลิตแพทย์เพิ่มเติมของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาส ราชนครินทร์ (ตามข้อ 6.6) 2) โครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของข้าราชการในจังหวัด ชายแดนภาคใต้ (ตามข้อ 6.9) และ 3) โครงการด้านการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานแก้ไขปัญหาในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (อปต.) (ตามข้อ 6.11) โดยมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. กรม ประชาสัมพันธ์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามที่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอและที่ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณเสนอเพิ่มเติม
|
|||||||||||||||||||||
35163 | การลงนามพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันชุดที่ 8 ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการของอาเซียน | พณ | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. อนุมัติการลงนามในพิธีสารอนุวัติข้อผูกพันเปิดตลาดการค้าบริการ ชุดที่ 8 ภายใต้อาเซียน และนำ เสนอพิธีสารฯ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาให้ความเห็นชอบเพื่อดำเนินการให้พิธีสารฯ มีผลใช้บังคับต่อไป 2. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ได้รับมอบ หมายอื่นเป็นผู้ลงนามในพิธีสารฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในพิธีสารฯ มอบให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา อีกครั้งหนึ่ง 3. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวง พาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือผู้ได้รับมอบหมายอื่นลงนามในพิธีสารฯ 4. เมื่อรัฐสภาเห็นชอบตามข้อ 1 แล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือแจ้งเลขาธิการอาเซียน ว่าประเทศไทยได้ดำเนินการตามกระบวนการภายในเสร็จสิ้นแล้วเพื่อพิธีสารฯ มีผลใช้บังคับต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
35164 | การประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม ค.ศ. 2010 ของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ | ทก | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้
๑. มอบอำนาจเต็มให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการร่วมอภิปราย ลงมติ และ ลงนามในกรรมสารสุดท้ายของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศในการประชุมใหญ่ผู้แทนผู้มีอำนาจเต็ม ค.ศ. ๒๐๑๐ (Plenipotentiary Conference : PP-๑๐) ณ เมืองฮัวดาลาฮารา (Guadalajara) ประเทศเม็กซิโก ระหว่างวันที่ ๔-๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ ๒. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือแต่งตั้งคณะผู้แทนไทย (Credentials) และ มอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่หัวหน้าคณะและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
|
|||||||||||||||||||||
35165 | การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก สมัยที่ 6 | ทส | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา
ของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก สมัยที่ ๖ และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวด ล้อมพิจารณาให้การรับรองเอกสารดังกล่าวตามความเหมาะสม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ ดังนี้ ๑. Draft Ministerial Declaration on Environment and Development ๒. Draft Astana “Green Bridge Initiative : Europe-Asia-Pacific Partnership for Implementation of “Green Growth” ๓. Draft the Regional Implementation Plan for Sustainable Development in Asia and the Pacific (๒๐๑๑-๒๐๑๕)
|
|||||||||||||||||||||
35166 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่
13 กันยายน 2553 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติของคณะรัฐมนตรี จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างพระ ราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองภูเก็ต พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองเพชรบุรี พ.ศ. .... และร่างพระราช บัญญัติจัดตั้งศาลปกครองนครสวรรค์ พ.ศ. .... โดยร่างพระราชบัญญัติทั้ง 3 ฉบับ ให้ส่งสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุ ระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23 ปีที่ 3 ครั้งที่ 10 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน 2553 และครั้งที่ 11 (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันศุกร์ที่ 17 กันยายน 2553
|
|||||||||||||||||||||
35167 | ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองภูเก็ต พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองเพชรบุรี พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองนครสวรรค์ พ.ศ. .... | นร | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่
13 กันยายน 2553 ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองภูเก็ต พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาล ปกครองเพชรบุรี พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองนครสวรรค์ พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ ต่อสภาผู้ แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
35168 | ขอให้ตรวจสอบและแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรม โครงการ หรือการก่อสร้างในความรับผิดชอบที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1.70 - 1.999 ล้านบาท | นร | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และ
หน่วยงานอื่นของรัฐที่อยู่ในสังกัด การบังคับบัญชา หรือกำกับดูแลของฝ่ายบริหาร (ไม่รวมถึงองค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น) ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรม โครงการ หรือการก่อสร้างในความรับผิดชอบที่มีมูลค่าตั้ง แต่ 1.70-1.9999 ล้านบาท ทั้งในส่วนที่เบิกจ่ายจากงบประมาณโครงการตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ซึ่งยังไม่ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และที่จะเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 แล้ว รายงานข้อมูลดังกล่าวไปยังสำนักงบประมาณโดยด่วนที่สุด เพื่อให้สำนักงบประมาณรวบรวม แล้วนำเสนอคณะ รัฐมนตรีต่อไปภายใน 2 สัปดาห์
|
|||||||||||||||||||||
35169 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเพื่อชดเชยรายได้จากการดำเนินการตามมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชน ระยะที่ 3 (1 มกราคม - 31 มีนาคม 2553) | มท | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการกู้เงินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ตามค่าไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจริง ภายในกรอบวงเงิน 3,305,833,000 บาท โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้ และรัฐบาลเป็นผู้รับภาระในการชำระคืนเงินต้น ดอก เบี้ยและค่าใช้จ่ายใด ๆ อันเกิดจากการกู้เงินดังกล่าวเพื่อชดเชยรายได้ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินมาตรการลดค่าครอง ชีพของประชาชน ระยะที่ 3 (1 มกราคม-31 มีนาคม 2553) 2. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาสนับสนุนเงินชดเชยรายได้ให้แก่รัฐวิสาหกิจที่รับผิดชอบดำเนินการตาม มาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะต้นเงินกู้และดอกเบี้ย เพื่อไม่ให้กระทบต่อฐานะการเงินของรัฐวิสหากิจ ตามความเห็น ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
35170 | ขอความเห็นชอบให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยปรับปรุงสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงิน | อก | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยปรับปรุงสวัสดิการเกี่ยวกับเงินช่วย
เหลือในการรักษาพยาบาล กรณีที่ผู้ปฏิบัติงานหรือบุคคลในครอบครัวได้เข้ารับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วย นอก ณ คลินิกนอกเวลาในสถานพยาบาลของทางราชการให้เบิกค่าธรรมเนียมแพทย์ในการตรวจรักษาพิเศษนอก เวลาทำการได้ จากเดิม ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินครั้งละ 200 บาท และเมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 3,600 บาทต่อครอบครัวต่อปี เป็น ตามจำนวนที่จ่ายจริง และเมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 3,600 บาทต่อครอบครัวต่อปี ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ 5/2553 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 ตามที่กระทรวง อุตสาหกรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
35171 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ว่าด้วยการอนุวัติการตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (The GMS Agreement)] และร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติการให้เป็นไปตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982) รวม 2 ฉบับ | กค | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [ว่าด้วยการอนุวัติการตามความตกลงว่าด้วย การอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดนภายในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงตอนบน (The GMS Agreement)] ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณา แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยเสนอขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาพร้อมกับร่างพระ ราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการขนส่งข้ามพรมแดน พ.ศ. .... ซึ่งมีหลักการอนุวัติการตามอนุสัญญาฉบับ เดียวกัน เพื่อให้มีเนื้อหาไปในแนวทางเดียวกัน ตามความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 3) 2. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 6) เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติ ศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ว่าด้วยการอนุวัติการให้เป็นไปตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ. 1982) ไปพิจารณาดำเนินการ และให้กระทรวงการต่างประเทศเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีอนุ สัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทางทะเล ค.ศ. 1982 ต่อไป โดยความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะ ที่ 6) ต่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีดังนี้ 2.1 ในขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการเข้าเป็นภาคีตามอนุสัญญาฯ ซึ่งการเสนออนุสัญญาต่อรัฐสภาเพื่อ ขอความเห็นชอบตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญฯ เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศโดยตรง 2.2 แนวทางปฏิบัติที่ผ่านมามีการนำอนุสัญญาเสนอรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบแล้วจึงมีการตรากฎ หมายเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีในภายหลัง ดังนั้น การตรากฎหมายขึ้นใหม่หรือการแก้ไขกฎหมายควรพิจารณา เมื่อประเทศไทยเป็นภาคีอนุสัญญาฯ แล้ว จึงยังไม่ควรตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติศุลกากรฯ ตามที่กระทรวง การคลังเสนอในขณะนี้ 2.3 ควรมีการหารือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเนื่องจากการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติศุล กากรฯ โดยประสงค์ที่จะใช้สิทธิของรัฐในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ เขตไหล่ทวีป และเขตทะเลหลวง รวมถึงการใช้บังคับ เหนือเกาะเทียมโดยอนุโลม มีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานไม่จำกัดเฉพาะกรมศุลกากรเท่านั้น ซึ่งอาจจำเป็น ต้องมีหรือแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายหลายเรื่องเพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ ต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
35172 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. .... | กค | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. .... มีสาระ สำคัญคือ ปรับปรุงการบริหารทรัพยากรบุคคลของลูกจ้างประจำ ระบบวินัย อุทธรณ์และร้องทุกข์ให้มีความเข้มแข็ง และเป็นธรรม ตลอดจนสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ของลูกจ้างประจำเพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลของลูกจ้างประจำ เป็นไปอย่างคล่องตัว และสอดคล้องกับแนวทางการบริหารทรัพยากรบุคคลของข้าราชการพลเรือน เกิดผลสัมฤทธิ์ ต่อภารกิจของรัฐ เพิ่มพูนประสิทธิภาพและสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติราชการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และ ให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา 2. ให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความหมายของคำว่า "ลูกจ้างประจำ" ที่กำหนดไว้ใน ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. .... ไม่สอดคล้องกับความหมายของคำว่า "ลูก จ้างประจำ" ในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยบำเหน็จลูกจ้างประจำ พ.ศ. 2519 ที่ระบุให้รวมถึงลูกจ้างประจำที่ ได้รับค่าจ้างจากเงินทุนไปรษณีย์ด้วย และไม่รวมถึงลูกจ้างประจำที่มีสัญญาจ้าง และลูกจ้างที่จ้างให้ปฏิบัติงานของ ส่วนราชการในต่างประเทศ จึงควรกำหนดความหมายให้ชัดเจนและควรมีความหมายเดียวเพื่อการพิจารณาให้เกิด ความเป็นธรรมแก่ลูกจ้างประจำของทุกหน่วยงาน ประกอบกับการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลัง คนภาครัฐและแนวทางการจ้างงานภาครัฐแนวใหม่จะส่งผลให้ลูกจ้างประจำของส่วนราชการมีจำนวนลดลงอย่างต่อ เนื่องทุกปี ดังนั้น การดำเนินการตามร่างระเบียบฯ ในหมวด 9 เรื่องการอุทธรณ์และการร้องทุกข์ที่กำหนดให้มีคณะ กรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์ เพื่อทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการกลางในการพิจารณาวินิจฉัยเรื่องอุทธรณ์ร้องทุกข์ ของลูกจ้างประจำ ซึ่งจำเป็นจะต้องมีคณะเจ้าหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ และมีการจัดตั้งสำนักงานเพื่อดำเนินการดัง กล่าว อาจก่อให้เกิดความไม่คุ้มค่า รวมทั้งเป็นภาระผูกพันของงบประมาณค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นด้วย ไปประกอบการ พิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
35173 | การขอแลกเปลี่ยนที่ราชพัสดุ (กรณีคุณหญิงอรพรรณ ศศิประภา และคุณหญิงศุภนภา อัตตะนันทน์) | กค | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินราชพัสดุ จำนวน 3 แปลง ได้แก่ โฉนดเลขที่ 492 เนื้อที่
1-2-45 ไร่ และโฉนดเลขที่ 2939 เนื้อที่ 0-1-72 ไร่ ตั้งอยู่ที่แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร และโฉนดเลข ที่ 11370 เนื้อที่ 0-3-08 ไร่ ตั้งอยู่ที่แขวงสามเสน ในเขตพญาไท กรุงเทพมหานคร พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ทั้ง 3 แปลง รวม 7 รายการ ให้กับคุณหญิงอรพรรณ ศศิประภา และคุณหญิงศุภนภา อัตตะนันทน์ (ผู้ร้อง) เพื่อ แลกเปลี่ยนกับที่ดินโฉนดเลขที่ 12196 เนื้อที่ 3-0-3.5 ไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลสีกัน อำเภอบางเขต (ตลาดขวัญ) กรุง เทพมหานคร ในส่วนของผู้ร้อง โดยผู้ร้องจะต้องเป็นผู้รับภาระค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม โอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุทั้ง 3 แปลงดังกล่าว พร้อมสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน และที่ดินโฉนดเลขที่ 12196 ในส่วน ของผู้ร้องขอในการแลกเปลี่ยน ตลอดจนอากรแสตมป์ ภาษีเงินได้ ภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามที่กฎ หมายกำหนดแต่เพียงฝ่ายเดียว รวมทั้งผู้ร้องจะต้องดำเนินการให้บริวารรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่เป็นของบริวารออก จากที่ดินโฉนดเลขที่ 12196 ให้เรียบร้อยก่อนการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์แลกเปลี่ยน ตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
35174 | แต่งตั้งข้าราชการตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี) (นายสมชาย พฤฒิกัลป์) | นร | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมชาย พฤฒิกัลป์ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2553 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
35175 | การดำเนินการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2553/54 รอบที่ 1 | พณ | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบการดำเนินการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2553/54 รอบที่ 1 ตามมติคณะกรรม การนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในการประชุมครั้งที่ 9/2553 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2553 และครั้งที่ 10/2553 เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2553 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ 2. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องรับ ความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการประชา สัมพันธ์หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ อย่างต่อเนื่องและทั่วถึง และควรใช้ประโยชน์ ฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรที่มีอยู่แล้วให้เป็นประโยชน์โดยปรับปรุงฐานข้อมูลให้ถูกต้องกับความเป็นจริง และจัด ให้มีระบบตรวจสอบทะเบียน การทำสัญญา และการทำประชาคมอย่างเคร่งครัด รวมทั้งควรเตรียมมาตรการรักษา เสถียรภาพราคาข้าวควบคู่ไปกับโครงการฯ เช่น รัฐควรมีแผนการระบายข้าวที่จะเข้าสู่ตลาดในช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยว ให้มีการส่งออกมากขึ้น เพื่อช่วยพยุงราคาข้าวไม่ให้ตกต่ำ พัฒนาระบบตลาดกลางสินค้าเกษตรให้เป็นศูนย์กลางใน การซื้อขายสินค้าเกษตรอย่างจริงจัง ส่งเสริมการซื้อขายข้าวในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า และติดตามตรวจสอบ การรับซื้อผลผลิตของผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการกดราคารับซื้อข้าวจากเกษตรกร และความเห็น ของคณะกรรมการติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานโครงการประกันรายได้เกษตรกร ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับ กระบวนการทำประชาคมและการสุ่มตรวจสอบพื้นที่ของคณะกรรมการตรวจสอบระดับตำบลให้มีมาตรฐานและ กระบวนการที่ชัดเจน และมีการนำฐานข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรในปีที่ผ่านมาร่วมกับข้อมูลแผนที่ภาพถ่าย ดาวเทียมของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้สอบทานข้อมูลการแจ้งพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร ไป พิจารณาดำเนินการด้วย 3. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไข ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรเกี่ยวกับการขึ้นราคาค่าเช่านาของผู้ให้เช่าอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งกำกับดูแล ให้มีการปฏิบัติให้ถูกต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ด้วย |
|||||||||||||||||||||
35176 | ร่างพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะ
กรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภา ผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญคือ แก้ไข เพิ่มเติมพระราชบัญญัติจดทะเบียนเครื่องจักร พ.ศ. 2514 ดังต่อไปนี้ 1. กำหนดให้เอกชนเป็นผู้ตรวจสอบเครื่องจักรที่จะจดทะเบียนกรรมสิทธิ์แทนพนักงานเจ้าหน้าที่ได้โดยมี มาตรการควบคุม เพื่อให้การตรวจสอบมีมาตรฐาน (เพิ่มมาตรา 8/1 มาตรา 8/2 มาตรา 8/3 มาตรา 8/4 มาตรา 8/5 มาตรา 8/6 มาตรา 8/7 มาตรา 8/8 และมาตรา 8/9) 2. ยกเลิกการแจ้งย้ายเครื่องจักรภายในบริเวณสถานที่ประกอบกิจการอุตสาหกรรมและแก้ไขเพิ่มเติมบท กำหนดโทษ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 11 มาตรา 15 มาตรา 15 ทวิ และมาตรา 16 และเพิ่มมาตรา 14/1 และมาตรา 16/1) 3. ให้อำนาจรัฐมนตรีออกกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมได้ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 17) 4. ปรับปรุงบัญชีอัตราค่าธรรมเนียมท้ายพระราชบัญญัติ
|
|||||||||||||||||||||
35177 | รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของ กกพ. และ สกพ. | พน | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอรายงานประจำปี พ.ศ. 2551 ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สกพ.) และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป และให้กระทรวงพลังงานเปิดเผยรายงานในเรื่องนี้ต่อสาธารณชนเมื่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภารับทราบรายงานดังกล่าว โดยรายงานประจำปี พ.ศ. 2551 ของ กกพ. และ สกพ. สรุปได้ดังนี้
1. ผลการดำเนินงาน อาทิ 1.1 การออกประกาศและระเบียบเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานก่อนมีระเบียบและประกาศตามมาตรา 47 และมาตรา 50 1.2 การออกใบอนุญาต การประกอบกิจการพลังงานและการอนุญาตผลิตพลังงานควบคุม 1.3 การปรับค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) 1.4 ออกระเบียบ ข้อบังคับหรือประกาศเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การบริหารงานบุคคล การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน และการดำเนินการอื่นของ สกพ. 1.5 การสรรหา คัดเลือกและแต่งตั้งเลขาธิการ สกพ. ซี่งได้ดำเนินการคัดเลือกเลขาธิการ สกพ. เรียบร้อยแล้ว คือ นายกวิน ทังสุพานิช โดยมีวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 2. แผนการดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 มีดังนี้ 2.1 แผนยุทธศาสตร์การกำกับกิจการพลังงาน พ.ศ.2551-2555 กกพ. ได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงานที่จะต้องมุ่งเน้นและนำไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง รวมทั้งสิ้น 6 ยุทธศาสตร์ โดยมีการกำหนดเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ตลอดจนตัวชี้วัด ผลการดำเนินงาน กลยุทธ์หลัก/กิจกรรมสำคัญที่ควรดำเนินการในการกำกับดูแลการประกอบกิจการพลังงานตามยุทธศาสตร์ที่กำหนด เพื่อนำไปสู่การจัดลำดับความสำคัญ รวมทั้งการกำหนดแผนงานและโครงการต่าง ๆ อย่างชัดเจนเป็นรายปี เพื่อนำไปสู่การจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรสนับสนุนที่จำเป็น 2.2 แผนการดำเนินงานของ สกพ. ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ประกอบด้วย 2.2.1 ยุทธศาสตร์ที่ 1 การออกใบอนุญาต กำกับดูแลและปกป้องผลประโยชน์ของผู้ใช้พลังงาน ชุมชน และประเทศชาติ 2.2.2 ยุทธศาสตร์ที่ 2 การส่งเสริมการประกอบกิจการและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ 2.2.3 ยุทธศาสตร์ที่ 3 การส่งเสริมการบริหารจัดการที่ดีและการแข่งขันในกิจการพลังงาน 2.2.4 ยุทธศาสตร์ที่ 4 การส่งเสริมโครงสร้างพลังงานของประเทศให้มีความมั่นคง เชื่อถือได้และปลอดภัย 2.2.5 ยุทธศาสตร์ที่ 5 การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบพลังงาน 2.2.6 ยุทธศาสตร์ที่ 6 การพัฒนาองค์กรสู่การเป็นองค์กรสมรรถนะสูง และมีภาพลักษณ์ที่ดีเป็นองค์กรชั้นนำในระดับประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
35178 | ร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับการบันทึกภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ พ.ศ. .... | พณ | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับการบันทึก
ภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับฐานความผิดในการบันทึก ภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์โดยมิชอบให้เป็นความผิด ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปพิจารณา และให้สำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาพิจารณาประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง คือ 1. ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาที่เกิดจากตัวกฎหมายเองหรือเกิดจากการบังคับใช้ กฎหมาย ในการพิจารณาประเด็นนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรเสนอแนวทางการบังคับใช้กฎหมายให้มี ประสิทธิภาพมากขึ้นไปประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และในประเด็นนี้ให้ พิจารณาความเห็นของสำนักงานศาลยุติธรรมเกี่ยวกับอำนาจในการตรวจค้นหรือตรวจสอบสิ่งของ เอกสาร หรือหลักฐานด้วย 2. การบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์กรณีนี้สมควรจะ ตราเป็นกฎหมายเฉพาะ หรือควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลิขสิทธิ์ 3. การดำเนินการให้มีกฎหมายเฉพาะหรือแก้ไขกฎหมายลิขสิทธิ์ไม่ควรเกินกว่าความตกลงที่รัฐต่าง ประเทศให้ความคุ้มครองประเทศต่าง ๆ (TRIPs Agreement) 4. ควรบัญญัติให้เป็นความผิดต่ออาญาแผ่นดิน หรือควรให้เป็นความผิดอันยอมความได้ |
|||||||||||||||||||||
35179 | ร่างพระราชบัญญัติการติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม พ.ศ. .... | กค | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ มีกฎหมายว่าด้วยการติดตามทวงถามหนี้อย่างเป็นธรรม เพื่อเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาและสร้างมาตรฐานในการติด ตามทวงถามหนี้ที่เหมาะสมและเป็นธรรมอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ ลูกหนี้หรือผู้บริโภค และบุคคล อื่นใดที่เกี่ยวข้องโดยรวม ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 2. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของกระทรวงยุติธรรม สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการสิทธิ มนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สภาทนายความ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทน ราษฎร โดยมีประเด็นข้อสังเกตดังนี้ 2.1 ร่างมาตรา 23 (4) ที่กำหนดให้สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังมีอำนาจดำเนินคดีเกี่ยวกับการ ละเมิดสิทธิของผู้บริโภค อาจมีความซ้ำซ้อนกับอำนาจของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคตามมาตรา 39 แห่งพระ ราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ที่กำหนดให้คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคมีอำนาจดำเนินดคีการละเมิด สิทธิของผู้บริโภค 2.2 ร่างมาตรา 23 กรณีที่มีการกระทำผิดอย่างใดอย่างหนึ่งตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ให้ถือว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา นั้น อาจมี ความไม่ชัดเจนในการปฏิบัติหน้าที่ตามร่างพระราชบัญญัติฯ เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติฯ กำหนดให้มีคณะกรรม การกำกับติดตามทวงถามหนี้ทำหน้าที่กำกับดูแลการติดตามทวงถามหนี้ของผู้ติดตามหนี้ รวมทั้งให้สำนักงานปลัด กระทรวงการคลังมีอำนาจและหน้าที่ดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคด้วย 2.3 ร่างมาตรา 8 (3) กรณีติดต่อโดยโทรศัพท์ โทรสาร หรือบุคคล ให้ติดต่อในเวลา 08.00 นาฬิกา ถึง 20.00 นาฬิกา ยกเว้นวันหยุดราชการให้ติดต่อได้ในเวลา 08.00 นาฬิกา ถึง 18.00 นาฬิกา เว้นแต่ผู้บริโภค และผู้ติดตามหนี้ได้ตกลงไว้เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างอื่นระหว่างการผิดนัดชำระหนี้ การกำหนดข้อยกเว้นดังกล่าว อาจะเป็นการยกเว้นหลักการที่กำหนดไว้ และการกำหนดข้อยกเว้นดังกล่าวอาจถูกตกลงขึ้นโดยไม่เป็นธรรม ปราศ จากการตรวจสอบที่เหมาะสม 2.4 ร่างมาตรา 22 วรรคแรก ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติฯ คณะกรรมการ หรือคณะอนุ กรรมการต้องให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหา หรือสงสัยว่ากระทำการอันเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคเพื่อชี้แจงถึงข้อ เท็จจริงและแสดงความคิดเห็นตามสมควรเว้นแต่กรณีจำเป็นเร่งด่วน เป็นการลิดรอนสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นการไม่ให้ความเป็นธรรมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 2.5 ร่างมาตรา 15 วรรคสาม ที่บัญญัติให้คณะกรรมการกำกับติดตามทวงถามหนี้ มีอำนาจแต่งตั้ง เจ้าหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวงการคลังตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการสำนัก หรือเทียบเท่าขึ้นไปคนหนึ่งเป็นเลขา นุการคณะกรรมการไว้แล้ว จึงไม่น่าจะบัญญัติไว้ในมาตรา 16 (6) อีก |
|||||||||||||||||||||
35180 | ร่างนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2553 - 2557) | สธ | 14/09/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 1 (พ.ศ. 2553-2557) โดยประกาศเป็นนโยบายรัฐบาล และมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สำหรับร่างนโยบายฯ ประกอบด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนางานอนามัยการเจริญพันธุ์ 6 ยุทธศาสตร์ ดังต่อไปนี้
1. ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างครอบครัวใหม่และเด็กรุ่นใหม่ให้เข้มแข็ง และมีคุณภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวเข้มแข็ง สร้างครอบครัวใหม่ที่มีคุณภาพโดยการมีส่วนร่วมของสังคม และเพื่อให้การตั้งครรภ์และการคลอดทุกรายมีความพร้อม ทารกและเด็กได้รับการเลี้ยงดูอย่างมีคุณภาพ โดยคำนึงถึงด้านกาย จิต สังคม และสติปัญญา 2. ยุทธศาสตร์ส่งเสริมให้คนทุกเพศทุกวัยมีพฤติกรรมอนามัยการเจริญพันธุ์ และสุขภาพทางเพศที่เหมาะสมและปลอดภัย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มวัยได้เรียนรู้ มีเจตคติพฤติกรรมอนามัยการเจริญพันธุ์และสุขภาพทางเพศที่เหมาะสมและรับผิดชอบ 3. ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบบริการอนามัยการเจริญพันธุ์และสุขภาพทางเพศที่มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้โรงพยาบาล โรงเรียน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีขีดความสามารถในการจัดบริการ และเพื่อพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้สามารถจัดบริการที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ 4. ยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบบริหารจัดการงานอนามัยการเจริญพันธุ์และสุขภาพทางเพศแบบบูรณาการ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การดำเนินงานอนามัยการเจริญพันธุ์ และสุขภาพทางเพศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีการบูรณาการ และเกิดการผสมผสานการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผล 5. ยุทธศาสตร์การพัฒนากฎหมาย กฎ และระเบียบเกี่ยวกับงานอนามัยการเจริญพันธุ์และสุขภาพทางเพศ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากฎหมาย กฎ และระเบียบเพื่อคุ้มครองสิทธิการเจริญพันธุ์และสุขภาพทางเพศ 6. ยุทธศาสตร์การพัฒนาและการจัดการองค์ความรู้ เทคโนโลยีอนามัยการเจริญพันธุ์และสุขภาพทางเพศ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีระบบเฝ้าระวังสถานการณ์อนามัยการเจริญพันธุ์และสุขภาพทางเพศระดับชุมชน จัดทำฐานข้อมูลสารสนเทศด้านอนามัยการเจริญพันธุ์และสุขภาพทางเพศระดับจังหวัดและส่วนกลาง และพัฒนานวัตกรรมและการจัดการองค์ความรู้ด้านอนามัยการเจริญพันธุ์และสุขภาพทางเพศ
|
.....