คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวเสาวณี มุสิแดง ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงาน
ปลัดกระทรวง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553  เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราช
การ ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ

               คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างเอกสารคำประกาศแห่งเมืองนารา (Nara Declaration) ในการประชุม
รัฐมนตรีท่องเที่ยวเอเปค ครั้งที่ 6 (6th APEC Tourism Ministerial  Meeting-TMM) ระหว่างวันที่ 22-23 กันยา
ยน 2553 โดยร่างเอกสารคำประกาศฉบับนี้มีสาระเป็นการแสดงเจตนารมณ์ระหว่างเขตเศรษฐกิจสมาชิกเอเปค
ที่จะร่วมมือกันในด้านการท่องเที่ยว  ผ่านการส่งเสริมความร่วมมือในรูปแบบต่าง  ๆ   และการแลกเปลี่ยนข้อมูล
ระหว่างกัน  ทั้งนี้  หากจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญก่อนมีการรับรอง
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ตามที่
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ

               คณะรัฐมนตรีเห็นว่าเรื่อง การเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ และลูกจ้างที่ได้รับผล
กระทบเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ชุมนุม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอนี้  เป็นรายละเอียดในทางปฏิบัติที่กระทรวง
แรงงานควรจะต้องประสานและหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป  ทั้งนี้  ในส่วนของการขออนุมัติ
กันเงินงบประมาณที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้แล้วเสร็จทันภายในวันที่  30  กันยายน  2553    ไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปี
เฉพาะส่วนที่เหลือนั้น ให้กระทรวงแรงงานเสนอต่อกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาอนุมัติตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

            คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ขณะนี้โรคไข้หวัดใหญ่ได้แพร่ระบาด
อย่างมาก โดยเฉพาะในสถานศึกษา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วจำนวนหนึ่ง  จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวง
ศึกษาธิการรับไปประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับวิธีการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่และวิธีการดูแลรักษาตัว
เองให้ห่างไกลจากโรคดังกล่าว โดยด่วนต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอและมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้
               1. กรณีการแต่งตั้งนายมงคล สุระสัจจะ อธิบดีกรมการปกครอง ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ซึ่งระหว่างที่เรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการเพื่อให้ข้าราชการดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งเดิม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ ได้มีผู้ถวายฎีกาคัดค้านการแต่งตั้งข้าราชการในครั้งนี้ จึงขอให้กระทรวงมหาดไทยจัดทำคำชี้แจงตามประเด็นต่าง ๆ ในฎีกา และกระทรวงมหาดไทยก็ได้ดำเนินการแล้ว
               2. กรณีการดำเนินโครงการจัดทำระบบให้บริการประชาชนทางด้านการทะเบียนและบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่ของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอธิบดีกรมการปกครองได้ดำเนินการจัดทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างโครงการดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2553 และชี้แจงว่าได้ดำเนินการจัดทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างไปโดยไม่ทราบว่าสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินมีหนังสือทักท้วง ขณะนี้เรื่องอยู่ที่กระทรวงมหาดไทยแล้ว และอยู่ระหว่างการจัดทำคำชี้แจงของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอาจมีผลกระทบเกี่ยวข้องกับอธิบดีกรมการปกครองโดยตรง จึงเป็นการสมควรที่กระทรวงมหาดไทยจะได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและความถูกต้องของการดำเนินโครงการดังกล่าวให้เกิดความชัดเจนและครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้แจ้งข้อทักท้วงไว้ โดยให้เร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
               3. สำหรับการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานกับสำนักราชเลขาธิการเพื่อขอรับเรื่องคืน และให้ชะลอเรื่องนี้ไว้ก่อนจนกว่าจะทราบผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว

              คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
              1. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์รายงานว่า จากการเดินทางไปตรวจราช
การในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับการร้องเรียนจากบุคลากรภาครัฐของหน่วยงานต่าง  ๆ  ที่ปฏิบัติงานใน
พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกี่ยวกับการพิจารณาสิทธิประโยชน์ต่าง  ๆ  ให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาตาม
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2553 เกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ครูและบุคลา
กรทางการศึกษา) ควรพิจารณาให้ครอบคลุมไปถึงบุคลากรภาครัฐของหน่วยงานอื่น ๆ ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ภาค
ใต้ด้วย เนื่องจากได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนเช่นเดียวกัน
              2. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  (นายสาทิตย์  วงศ์หนองเตย)  ในฐานะประธาน
กรรมการนโยบายและอำนวยการการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัด
ชายแดนภาคใต้รับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดต่อไป

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรายงานผลการฝึกซ้อมการบริหาร
วิกฤตการณ์ระดับชาติ  ประจำปี 2553  (Crisis Management Exercise : C-MEX-10)  โดยสำนักงานสภาความ
มั่นคงแห่งชาติ  (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)  ร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
กระทรวงสาธารณสุข  กระทรวงคมนาคม  สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กระทรวงกลาโหม   กองทัพไทย   และกรม
ประชาสัมพันธ์ ได้จัดการฝึกซ้อมฯ เพื่อทดสอบระบบการบริหารจัดการสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่งที่จำเป็นต้อง
ระดมสรรพกำลังจากหน่วยงานของรัฐและทุกภาคส่วนในการจัดการกับสาธารณภัยที่เกิดขึ้นในกรอบนโยบาย
การเตรียมพร้อมแห่งชาติ แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กรอบแผนปฏิบัติการการป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภัยแบบบูรณาการระดับกระทรวง  17  ด้าน  และแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของ
จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด โดยมีรูปแบบการฝึก  2  รูปแบบ คือ รูปแบบที่หนึ่ง เป็นการฝึกซ้อมฝ่ายอำนวย
การ โดยให้ผู้เข้ารับการฝึกซ้อมฯ ได้ตรวจสอบความชัดเจนของนโยบาย แผน กฎหมาย ระเบียบ  แผนปฏิบัติการ
ฉุกเฉินของแต่ละหน่วยงาน เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนการฝึกภาคสนาม  และรูปแบบที่สอง เป็นการฝึก
ซ้อมภาคสนาม  ทั้งนี้  ในการฝึกซ้อมฯ  ได้มีการจำลองสถานการณ์ภัยพิบัติจากพายุไต้ฝุ่นในพื้นที่ภาคตะวันออก
โดยเฉพาะในเขตพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราดมีระดับความเสียหายรุนแรงถึงขั้นวิกฤตและส่งผลกระทบต่อ
ความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอย่างใหญ่หลวง

             คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอแผนพัฒนาสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อกำหนด
นโยบายและทิศทางการพัฒนาสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น   โดยมีหลักการและสาระสำคัญของ
ร่างแผนฯ ดังนี้
             ๑. หลักการของแผนฯ เพื่อให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจมีนโยบายและทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจนเป็นระบบ
มีประสิทธิภาพ  และเพื่อเป็นการวางรากฐานและสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถาบันเงินเฉพาะกิจ  อันจะนำไปสู่การ
ส่งเสริมบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจให้สามารถทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญของรัฐในการฟื้นฟู และช่วยเหลือ
กลุ่มประชาชนและธุรกิจเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
             ๒. สาระสำคัญของแผนฯ ประกอบด้วย ๓ ยุทธศาสตร์ ดังนี้
                 ๒.๑ ยุทธศาสตร์ที่  ๑  :  การพัฒนาบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อเติมเต็มช่องว่างในระบบ
การเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นการพัฒนาบทบาทและบูรณาการการดำเนินงานของสถาบันการเงินเฉพาะ
กิจในการให้บริการทางการเงินแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง
                 ๒.๒ ยุทธศาสตร์ที่  ๒  :  การพัฒนาการกำกับดูแลและการประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ โ ดยเน้นการ
พัฒนาการกำกับดูแลและการประเมินผลสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาระบบกำกับดู
แล การพัฒนาระบบตรวจสอบ ติดตามและประเมินผล รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพของหน่วยงานกำกับดูแลสถาบัน
การเงินเฉพาะกิจ
                 ๒.๓ ยุทธศาสตร์ที่ ๓ : การพัฒนาศักยภาพของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยเน้นการพัฒนาศักยภาพ
ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านระบบข้อมูลเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านการบริหารความเสี่ยง ด้านบุคลากร  ด้านกฎหมาย
ด้านการประชาสัมพันธ์ช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย   และด้านการพัฒนาศักยภาพของกลุ่มเป้าหมายให้เป็นมาตรฐาน
เดียวกัน

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขา
วิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
โดยร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีสาระสำคัญดังนี้
              1. กำหนดปริญญาในสาขาวิชา และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาการบัญชี และสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์
เพิ่มขึ้น
              2. กำหนดสีประจำสาขาวิชาการบัญชี และสาขาวิชาสาธารณสุขศาสตร์เพิ่มขึ้น

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราช
การสำนักราชเลขาธิการ พ.ศ. .... ที่ตรวจพิจารณาแล้ว โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญดังนี้
              1. กำหนดให้สำนักราชเลขาธิการมีภารกิจเกี่ยวกับการถวายงานและสนองงานด้านเลขานุการในพระ
องค์แด่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์  รวมทั้งกำหนดอำนาจหน้าที่ของสำนักงาน เช่น ปฏิบัติงานเลขา
นุการในพระองค์พระมหากษัตริย์ทั้งในราชการแผ่นดินและส่วนพระองค์  และงานเลขานุการในพระองค์พระบรม
วงศานุวงศ์ ตลอดจนงานเลขานุการของคณะองคมนตรี  และประสานราชการระหว่างพระมหากษัตริย์กับรัฐบาล
รัฐสภา  องคมนตรี  พระบรมวงศานุวงศ์  และประชาชนให้เป็นไปโดยเรียบร้อย  และปฏิบัติการอื่นใดตามที่ได้รับ
พระราชกระแส หรือตามที่กฎหมายกำหนด
              2. กำหนดให้แบ่งส่วนราชการสำนักราชเลขาธิการประกอบด้วย  15  หน่วยงาน  และกำหนดอำนาจ
หน้าที่ของหน่วยงานดังกล่าว
              3. กำหนดให้มีกลุ่มตรวจสอบภายใน และกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร และกำหนดอำนาจหน้าที่ของกลุ่ม
ดังกล่าว

               คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนพัฒนาการประกันภัย  ฉบับที่ 2  (พ.ศ. 2553-2557)  มีสาระสำคัญ
เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาธุรกิจประกันภัยร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องด้านการประกันภัย  โดยมุ่งเน้น
การสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบประกันภัยไทย  พัฒนาให้มีคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล  ตามที่กระทรวง
การคลังเสนอ โดยแผนพัฒนาการประกันภัยฯ ประกอบด้วย 4 มาตรการหลัก และ 18 มาตรการสำคัญ คือ
               1. มาตรการที่ 1 : การเสริมสร้างความเชื่อมั่น ตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยและการเข้า
ถึงระบบประกันภัยของประชาชน
                   1.1 การเสริมสร้างความรู้ด้านประกันภัยให้กับประชาชน
                   1.2 การส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงของประชาชนที่เปลี่ยน
                         แปลงไปตามสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย และเทคโนโลยีสารสนเทศ
                   1.3 การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายและการให้บริการแบบครบวงจร
                   1.4 การกำหนดข้อพึงปฏิบัติในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัย
                   1.5 การเสริมสร้างให้ระบบประกันภัยมีบทบาทในการรับผิดชอบต่อสังคมไทย (Corporate Social
                         Responsibility : CSR)
               2. มาตรการที่ 2 : การเสริมสร้างเสถียรภาพของระบบประกันภัย
                   2.1 การเสริมสร้างความเข้มแข็งต่อระบบประกันภัย
                   2.2 การส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทประกันภัย
               3. มาตรการที่ 3 : การเพิ่มมาตรฐานให้บริการและการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการ
ประกันภัย
                   3.1 การปฏิรูปกฎหมายด้านการคุ้มครองสิทธิประโยชน์
                   3.2 การกำหนดมาตรฐานกรอบแนวทางปฏิบัติในการให้บริการด้านการประกันภัย
                   3.3 การพัฒนาคุณภาพการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัย
                   3.4 โครงการจัดตั้งกองทุนมหันตภัย
               4. มาตรการที่ 4 : การส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านการประกันภัย

              คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (รองศาสตราจารย์
ประกอบ จิรกิติ) คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่อีกหนึ่งวาระ ตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 3 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
              1. นายปรารพ เหล่าวานิช              ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
              2. นางโสมสุดา ลียะวณิช                ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร
              3. นายอภินันท์ โปษยานนท์           ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ
                                                               สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการกรุงเทพมหานคร ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 8 ราย
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงมหาดไทย
เสนอ ดังนี้
               1. เรืออากาศโทอิราวัสส์ ปัทมะสุคนธ์   ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร
               2. นางประพิม บริสุทธิ์                      ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก สำนักสิ่งแวดล้อม
               3. นายมานิต เตชอภิโชค                    ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก สำนักยุทธศาสตร์และ
                                                                    ประเมินผล
               4. นางสาวสุทิพย์ ทิพย์สุวรรณ์             ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก สำนักงบประมาณ
                                                                    กรุงเทพมหานคร 
               5. นายกฤษณา กลันทานนท์               ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนัก สำนักการคลัง
               6. นายสมพงษ์  วงศ์ปัญญาถาวร          ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร
               7. นางสาวพรรณี รัตนลาโภ                ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร
               8. นายสมพร หวังวงศ์วิโรจน์                ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปผลการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบใน
ภารกิจของกระทรวงมหาดไทย ดังนี้
              1. ผลการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อของธนาคารในภาพรวม  ณ  วันที่ 31 สิงหาคม 2553 ธนาคารได้นำ
ข้อมูลของลูกหนี้นอกระบบเข้าสู่กระบวนการพิจารณา จำนวน 393,813 ราย คิดเป็นร้อยละ 76.60 ของจำนวน
ลูกหนี้ประสงค์ขอสินเชื่อกับธนาคาร แยกเป็นอนุมัติสินเชื่อและโอนเงินหนี้เข้าสู่ระบบธนาคารจำนวน 223,990
ราย ธนาคารอนุมัติสินเชื่อแต่ลูกหนี้หาหลักประกันไม่ได้ จำนวน 49,348 ราย  ธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อ จำนวน
83,244 ราย และลูกหนี้ขอถอนเรื่องกับธนาคาร จำนวน 37,231 ราย  ทั้งนี้  ยังคงเหลือลูกหนี้ที่ธนาคารยังไม่
ได้นำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาอีกจำนวน  120,322  ราย  คิดเป็นร้อยละ  23.40  ของจำนวนลูกหนี้ประสงค์
ขอสินเชื่อกับธนาคาร
              2. ผลการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในภารกิจของกระทรวงมหาดไทยในขั้นตอนของการเจรจาประนี
ประนอมหนี้นอกระบบดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ทั้งนี้ ยังมีนโยบายให้จังหวัด และอำเภอให้ความช่วยเหลือ
สนับสนุน  เร่งรัด  และอำนวยความสะดวกเพื่อให้ธนาคารดำเนินการพิจารณาการขอสินเชื่อของลูกหนี้อย่างต่อ
เนื่อง

คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
               1. รับทราบข้อมูลข้อเท็จจริง รวมทั้งข้อเสนอของสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และแนวทางการแก้ไขปัญหา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
               2. มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการและผู้ที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้
                   2.1 การดูแลความปลอดภัยให้แก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) จัดประชุมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายถาวร เสนเนียม) กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานทางการศึกษาที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแผนงานและมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เป็นรูปธรรมและมีผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน รวมทั้งให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นระยะ ๆ ด้วย
                   2.2 กรณีครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เสียชีวิต
                         2.2.1 การจัดงานพระราชทานเพลิงศพ มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปประสานงาน เพื่อให้นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพตามความเหมาะสม
                         2.2.2 การให้ทายาทของผู้เสียชีวิตได้รับการบรรจุเข้ารับราชการทุกคน มอบให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป
                         2.2.3 การให้บำเหน็จความชอบ มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป
                   2.3 กรณีครูและบุคลากรทางการศึกษาที่บาดเจ็บและทุพพลภาพ
                         2.3.1 การให้สิทธิเข้ารับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ถือเป็นวันลา มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปประสานงานกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ไขระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว
                         2.3.2 การจัดให้มีกองทุนช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือเดินทางไปรักษาที่ไม่สามารถเบิกจ่ายจากทางราชการได้ มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปประสานงานกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
                   2.4 กรณีครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน
                         2.4.1 การเพิ่มค่าตอบแทนเสี่ยงภัยจากเดิมคนละ 2,500 บาทต่อเดือน เป็นคนละ 3,500 บาทต่อเดือน การลดภาษีเงินได้ และการให้ความช่วยเหลือเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ของครูและบุคลากรทางการศึกษา มอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
                         2.4.2 การให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ปฏิบัติงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง 5 ปีขึ้นไปมีสิทธิได้รับเงินเพิ่มพิเศษเพื่อการสู้รบ (พ.ส.ร.) และการปรับเปลี่ยนวิธีการประเมินวิทยฐานะจากการประเมินผลงานทางวิชาการเป็นการประเมินผลการปฏิบัติงานเชิงประจักษ์ มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้เหมาะสมกับข้อเท็จจริงและบริบทของการจัดการศึกษาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็วต่อไป

               คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ  สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ให้ดำรง
ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทน
ผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
               1. นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ           ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและ
                                                           อาหารแห่งชาติ
               2. นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล              ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง  สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตร
                                                           และสหกรณ์
               3. นายทฤษดี ชาวสวนเจริญ       ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  สำนัก
                                                           งานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
               4. นายฉลอง เทพวิทักษ์กิจ         ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  สำนัก
                                                           งานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
               5. นางจิราวรรณ แย้มประยูร      ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  สำนัก
                                                           งานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
               6. นายอนันต์ สุวรรณรัตน์         ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  สำนัก
                                                           งานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการอำนวยการศูนย์รวมน้ำใจชายไทยช่วยผู้ประสบภัยเฮติ รายงานผลการดำเนินการกับเงินและสิ่งของบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในสาธารณรัฐเฮติ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์รวมน้ำใจชาวไทยฯ ครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2553 ดังนี้
               1. เห็นชอบให้นำเงินบริจาคของศูนย์รวมน้ำใจชาวไทยฯ ของสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 90,266,769.89 บาท รวมกับยอดเงินบริจาคของศูนย์รวบรวมเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยเฮติ ของกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 8.1 ล้านบาท รวมเป็นเงินจำนวน 98,366,769.89 บาท นำไปบริหารจัดการโดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ร้อยละ 70 ของยอดเงินรวมซึ่งรวมดอกเบี้ย ณ วันปิดบัญชี ประมาณ 68.835 ล้านบาท หรือประมาณ 2.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้บริจาคสมทบแก่กองทุนฟื้นฟูสาธารณรัฐเฮติ (Haiti Reconstruction Fund : HRF) ตามคำเชิญของธนาคารโลก และส่วนที่ 2 ร้อยละ 30 ของยอดเงินรวมซึ่งรวมดอกเบี้ย ณ วันปิดบัญชี ประมาณ 29.501 ล้านบาท หรือประมาณ 9 แสนดอลลาร์สหรัฐ ให้บริจาคแก่สาธารณรัฐเฮติ 
               2. เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ร่วมกันบริหารจัดการเรื่องการจัดส่งข้าวสารส่วนที่เหลือให้แก่สาธารณรัฐเฮติ จนครบจำนวน 20,000 ตัน และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศประสานงานกับโครงการอาหารโลก (World Food Programme : WFP) หาเงินสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการขนส่งข้าว โดยให้กระทรวงพาณิชย์จัดเตรียมข้าว ทั้งนี้ ให้ทยอยส่งเมื่อมีความพร้อมและไม่มีภาระงบประมาณในด้านค่าขนส่ง สำหรับข้าวสารที่รับบริจาคจากประชาชน จำนวน 31 กระสอบ และ 79 ถุง มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า กระทรวงพาณิชย์ นำไปปรับปรุงและนำไปรวมกับข้าวสารที่จะต้องส่งไปสาธารณรัฐเฮติ ในเดือนตุลาคม 2553 ภายในจำนวน 3,832 ตัน
               3. เห็นชอบให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีบริหารจัดการกับสิ่งของบริจาค โดยเวชภัณฑ์สิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค รวม 3,563 ลัง มูลค่า 29,049,355 บาท ส่วนที่จำกัดอายุการใช้งานให้ประสานผู้บริจาคเพื่อนำไปจำหน่ายเป็นเงินแล้วมอบให้กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อนำไปบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยภายในประเทศ สำหรับเวชภัณฑ์ สิ่งของ และเครื่องอุปโภคบริโภค ที่เก็บรักษาไว้ได้ ให้ประสานผู้บริจาคเพื่อนำไปแจกจ่ายผู้ประสบสาธารณภัยภายในประเทศ หรือช่วยเหลือผู้ยากจน ผู้ด้อยโอกาสตามที่เห็นสมควร และในส่วนของไม้เท้าและไม้ค้ำยันสำหรับคนพิการ จำนวน 305 อัน ให้ประสานผู้บริจาคเพื่อนำไปมอบให้สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย หรือดำเนินการตามที่ผู้บริจาคเห็นสมควร

              คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ดำรงตำแหน่ง
ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน  4  ราย  ตั้งแต่วันที่  1  ตุลาคม  2553  เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่
กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
              1. นายชัยยง กฤตผลชัย          ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
              2. นายยงยุทธ ทองสุข            ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
              3. นายพสุ โลหารชุน              ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
              4. นายเสน่ห์ นิยมไทย            ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม

              คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (ราย
โครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 10 กันยายน 2553 สรุปได้ดังนี้
              1. อนุมัติแล้ว จำนวน 42,249 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท
              2. การจัดสรร
                  2.1 รอจัดสรร จำนวน 3,787 โครงการ วงเงิน 36,468.35 ล้านบาท
                  2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 38,462 โครงการ วงเงิน 313,492.09 ล้านบาท
              3. การจัดซื้อจัดจ้าง
                  3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ
                        3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 4,009 โครงการ วงเงิน 16,555.95 ล้านบาท
                        3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 204 โครงการ วงเงิน 6,877.80 ล้านบาท
                        3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 3,805 โครงการ วงเงิน 9,678.15 ล้านบาท
              4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 34,453 โครงการ วงเงิน 296,936.14 ล้านบาท
              5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 34,453 โครงการ วงเงิน 284,580.25 ล้านบาท
              6. การดำเนินการ
                  6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 1,593 โครงการ วงเงิน 62,514.40 ล้านบาท
                  6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) 31,323 โครงการ วงเงิน 190,576.09 ล้านบาท
                  6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 1,537 โครงการ วงเงิน 31,489.76 ล้านบาท
                  6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 32,860 โครงการ วงเงิน 222,065.85 ล้านบาท