ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1755 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 35081 - 35100 จากข้อมูลทั้งหมด 124012 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
35081 | ร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมอัตราโทษ จำนวนเงินในการงดการเรียกเก็บ และจำนวนเงินเพิ่มที่เรียกเก็บ) | กค | 28/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่กระทรวงการคลังแก้ไขจาก
ร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยแก้ไขอัตราโทษปรับตามมาตรา 27 และมาตรา 27 ทวิ จาก “ปรับไม่เกินสี่เท่าราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรไว้ด้วยแล้ว” เป็น “ปรับไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งแต่ไม่เกินสี่เท่า ราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรไว้ด้วยแล้ว” โดยกำหนดอัตราขั้นต่ำไว้ และคงอัตราโทษจำคุกตามมาตรา 27 ไว้ตาม เดิม เป็น “จำคุกไม่เกินสิบปี” และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา แล้วเสนอสภาผู้ แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
35082 | การยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการจัดซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียนจากองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) | กค | 28/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ 3/2553 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2553 เกี่ยวกับการจัดซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียนจากองค์การส่งเสริมกิจการ โคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐทราบและถือปฏิบัติใน ส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1.1 ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 (เรื่อง การทบทวนระบบ บริหารจัดการนมโรงเรียน) ให้แก่กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บก.ตชด.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็น กรณีพิเศษเฉพาะราย 1.2 อนุมัติเป็นหลักการให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษฯ เป็นผู้มีอำนาจพิจารณายกเว้นผ่อนผัน การปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 และวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ ในประเด็นที่กำหนดให้ทุกหน่วยงานของรัฐที่มีงบประมาณซื้ออาหารเสริม (นม) โรงเรียน จัดซื้อจาก อ.ส.ค. โดยวิธี กรณีพิเศษ โดยให้กระทำได้เฉพาะกรณีมีความจำเป็นและไม่กระทบต่อผลสัมฤทธิ์ของแนวทางการบริหารจัดการนม ทั้งระบบ 2. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและติดตามดูแลการดำเนินการบริหาร จัดการนมโรงเรียนในช่วงรอยต่อของการบังคับใช้มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 (เรื่อง การทบทวน ระบบบริหารจัดการนมโรงเรียน) เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อราคานมทั้งระบบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
35083 | มาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราชประสงค์ และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง (ปรับปรุงเพิ่มเติม) | กค | 28/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมาตรการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ย่านราช
ประสงค์และพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง (ปรับปรุงเพิ่มเติม) ตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ 1. วงเงินดำเนินโครงการ เห็นควรแยกวงเงินให้ชัดเจนระหว่างสินเชื่อตามโครงการราชประสงค์ฯ ที่ยัง คงเหลืออยู่จำนวน 5,000 ล้านบาท เป็นดังนี้ 1.1 สินเชื่อแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกันตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 วันที่ 25 พฤษภาคม 2553 และวันที่ 8 มิถุนายน 2553 วงเงิน 3,000 ล้านบาท 1.2 สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทด แทนจากบริษัทประกันภัย วงเงิน 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้หรือเหตุเกี่ยวข้องกับเพลิงไหม้และมากรม ธรรม์ประกันภัย และอยู่ระหว่างดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีบริษัทประกันภัยต่อศาล ซึ่งต้องการจะขอสินเชื่อ เพิ่มเติมจากที่ได้รับสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน ไปแล้ว จะต้องเลือกขอสินเชื่อประเภทใดประเภทหนึ่ง 2. หลักเกณฑ์/เงื่อนไขของสินเชื่อแบบมีหลักประกันและไม่มีหลักประกันตามโครงการราชประสงค์เดิม วงเงิน 3,000 ล้านบาท เห็นควรแก้ไขเรื่องกลุ่มเป้าหมาย และระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อ ดังนี้ 2.1 กลุ่มเป้าหมาย แก้ไขเป็น ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมโดยยึดตาม กรอบพื้นที่ที่กรุงเทพมหานครประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ 7 เขต รวมไปถึงพื้นที่เขตดุสิตและพระนคร หรือ ยู่ในเขตพื้นที่ที่ถูกจำกัดการเข้าออก เช่น บริเวณกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ 2.2 ระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ให้แก้ไขเป็น กรณีการกู้แบบไม่มีหลักประกัน ธนาคาร พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ต้องดำเนินการปล่อยสินเชื่อให้แล้วเสร็จภาย ใน 7 วัน สำหรับกรณีการกู้แบบมีหลักประกัน ให้ ธพว. พิจารณาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เนื่องจากกรณีการกู้แบบมี หลักประกันอาจต้องมีการประเมินราคาหลักประกัน และต้องมีการสำรวจกิจการของผู้ขอกู้และผู้ค้ำประกัน จึง อาจไม่สามารถพิจารณาสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันได้ 3. หลักเกณฑ์/เงื่อนไขของสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีกรมธรรม์ประกันภัยซึ่งได้รับผลกระทบ จากการชุมนุมที่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย วงเงิน 2,000 ล้านบาท ดังนี้ 3.1 กลุ่มเป้าหมาย ผู้ประกอบการ SMEs ในเขตพื้นที่ที่กรุงเทพมหานครประกาศเป็นพื้นที่ประสบ ภัยพิบัติ 7 เขต รวมไปถึงพื้นที่เขตดุสิตและพระนครที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยได้รับความ เสียหายจากเพลิงไหม้หรือเหตุเกี่ยวเนื่องกับเพลิงไหม้ และมีกรมธรรม์ประกันภัย แต่ยังไม่ได้รับค่าสินไหมทดแทน จากบริษัทประกันภัยและอยู่ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดีบริษัทประกันภัยกับศาล และจะต้องไม่เป็นผู้ที่ขอกู้ยืมแบบ มีหลักประกันตามข้อ 2 3.2 วงเงินสินเชื่อต่อราย ไม่เกินร้อยละ 60 ของมูลค่าความเสียหายที่ประเมินโดยบริษัทประกันภัย หรือหน่วยงานอื่นที่เชื่อถือได้ หรือจำนวนเงินที่เอาประกันภัยตามกรมธรรม์ แล้วแต่จำนวนใดจะต่ำกว่า ทั้งนี้ ต้อง ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อราย ระยะเวลาการกู้ยืม ไม่เกิน 6 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MLR ลบ 3 ต่อปี โดยให้สำนัก งานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ชดเชยดอกเบี้ยให้ ธพว. ร้อยละ 2 ต่อปี ตลอดอายุโครง การ ทั้งนี้ ไม่ต้องมีหลักประกัน 3.3 ระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ธพว. ต้องดำเนินการปล่อยสินเชื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็ว (เนื่องจาก ธพว. ต้องตรวจสอบมูลค่าความเสียหาย และมูลค่าการก่อสร้างเพื่อกำหนดเงื่อนไขการเบิกจ่ายตาม ความคืบหน้าของการก่อสร้าง จึงไม่สามารถพิจารณาสินเชื่อให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันได้)
|
||||||||||||||||||||||||
35084 | การจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหาร กระทรวงยุติธรรม | ยธ | 28/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
1. ยกเลิกข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการหุงหาอาหาร กระทรวงยุติธรรม ข้อ 1 กรณีขอยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 ในส่วน ของกรมราชทัณฑ์ในการจัดซื้ออาหารสดประเภทสัตว์น้ำ (ปลา ฯลฯ) จากองค์การสะพานปลา เพื่อการประกอบ เลี้ยงนักโทษและผู้ต้องขังในเรือนจำ ทัณฑสถาน และสถานกักขัง โดยวิธีกรณีพิเศษเป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วัน ที่ 1 ตุลาคม 2553-30 มีนาคม 2554 ตามหนังสือกระทรวงยุติธรรม ที่ ยธ 0100/3955 ลงวันที่ 28 กันยายน 2553 2. ขยายระยะเวลาการยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2552 (เรื่อง ขอให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการจัดระบบการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภค และวัสดุเพื่อการ หุงหาอาหาร) ในส่วนของการจัดซื้ออาหารสด (ปลา เนื้อสัตว์ พืชผัก) และวัสดุปรุงอาหารต่อไปเป็นเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 ถึงวันที่ 30 มีนาคม 2554 โดยในระหว่างระยะเวลาดังกล่าวให้ใช้วิธีการจัด ซื้อที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและตามที่ได้รับยกเว้นอยู่ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
35085 | กรอบการเจรจาเพื่อให้ความเห็นชอบในหลักการต่อร่างพิธีสารเสริมว่าด้วยการรับผิดและการชดใช้ของพิธีสารคาร์ตาเฮนาว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ | ทส | 28/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบกรอบการเจรจาร่างพิธีสารเสริมว่าด้วยการรับผิดและการชดใช้ของพิธีสารคาร์ตาเฮนา ว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ ตามความเห็นของคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลาย ทางชีวภาพแห่งชาติ (กอช.) ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2553 2. เห็นชอบในหลักการต่อร่างพิธีสารเสริมว่าด้วยการรับผิดและการชดใช้ของพิธีสารคาร์ตาเฮนา ว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ ซึ่งจะมีการพิจารณาในการประชุมสมัชชาภาคีพิธีสารคาร์ตาเฮนาว่าด้วย ความปลอดภัยทางชีวภาพ สมัยที่ 5 ในระหว่างวันที่ 11-15 ตุลาคม 2553 ณ เมืองนาโงยา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพสามารถนำร่างพิธีสารเสริมฯ ดังกล่าว เปิดให้ภาคีพิธีสารคาร์ตาเฮนาฯ พิจารณาลงนามรับรอง (adoption) ได้ตามกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ คือ ใน ช่วงระหว่างวันที่ 7 มีนาคม 2554-6 มีนาคม 2555
|
||||||||||||||||||||||||
35086 | กรอบการเจรจาในการรับรองพิธีสารนาโงยาว่าด้วยการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรม และการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการใช้ประโยชน์ทรัพยากรพันธุกรรมอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม | ทส | 28/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
1. ให้รับรองพิธีสารนาโงยาว่าด้วยการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมและการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น จากการใช้ประโยชน์ทรัพยากรพันธุกรรมอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม ในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วย ความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 10 โดยให้ดำเนินการตามกรอบการเจรจาในการรับรองพิธีสารนาโงยาว่า ด้วยการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมฯ 2. ให้นำเสนอกรอบการเจรจาดังกล่าว เพื่อขอรับความเห็นชอบจากรัฐสภา ตามมาตรา 190 ของรัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
35087 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค | 28/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์
ที่ 27 กันยายน 2553 และให้กระทรวงการคลังนำร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบทวนเพิ่ม เติมสาระสำคัญเกี่ยวกับการคิดสูตรการคำนวณบำนาญ และการบริหารจัดการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราช การที่น่าจะนำมารวมไว้ในฉบับเดียวกัน
|
||||||||||||||||||||||||
35088 | ร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... | นร | 28/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์
ที่ 27 กันยายน 2553 ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... ไปยังสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
35089 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร | 28/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่
27 กันยายน 2553 ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. .... ไปยังสภาผู้แทนราษฎรเพื่อ บรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป และให้กระทรวงการคลังนำร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบ ทวนเพิ่มเติมสาระสำคัญเกี่ยวกับการคิดสูตรการคำนวณบำนาญและการบริหารจัดการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้า ราชการที่น่าจะนำมารวมไว้ในฉบับเดียวกัน
|
||||||||||||||||||||||||
35090 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของสภาผู้แทนราษฎร และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ของวุฒิสภา | สว | 28/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของสภาผู้แทนราษฎร ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และให้ทุกหน่วยงานของรัฐรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยให้สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๑.๑ นโยบายและภาพรวมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ ได้แก่ ยุทธศาสตร์การสร้างความเชื่อมั่นของประเทศ ยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงของรัฐ ยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคม คุณภาพชีวิต และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ยุทธศาสตร์การจัดการเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศโลก ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัย และนวัตกรรม ยุทธศาสตร์การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์การบริหารจัดการบ้านเมืองที่ดี ๑.๒ การบริหารจัดการงบประมาณ เช่น การเบิกจ่ายงบประมาณ การโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ฯลฯ โดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นต้องให้ความสำคัญกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ โดยนำไปปรับปรุงพัฒนาให้เป็นไปตามแนวทางดังกล่าว และในการนำเสนองบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไปต่อคณะกรรมาธิการฯ ทุกหน่วยงานต้องนำผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องของปีที่ผ่านมาเสนอต่อคณะกรรมาธิการฯ ในปีต่อไปด้วย ๑.๓ การจัดสรรงบประมาณรายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ รวม ๒๐ กระทรวง และส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง หน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล หน่วยงานขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ และจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของวุฒิสภา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ และให้ทุกหน่วยงานของรัฐรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยให้สำนักงบประมาณเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมผลการดำเนินการ แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒.๑ นโยบายและภาพรวมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ เช่น ควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการจัดเก็บภาษี รัฐบาลควรปรับปรุงโครงสร้างสัมปทานหรือค่าภาคหลวงจากทรัพยากรธรรมชาติในอัตราที่เหมาะสม การจัดสรรงบประมาณของรัฐควรกำหนดยุทธศาสตร์ที่มุ่งเน้นสู่ประชาชนระดับรากหญ้าเป็นหลัก โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบการจัดสรรงบประมาณและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคมบูรณาการร่วมกับจังหวัดและท้องถิ่นและจัดทำแผนการอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นระบบ เป็นต้น ๒.๒ การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำแนกตามกระทรวงและหน่วยงานต่าง ๆ รวม ๒๐ กระทรวง ส่วนราชการไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง หน่วยงานของรัฐสภา หน่วยงานของศาล หน่วยงานขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด และสภากาชาดไทย |
||||||||||||||||||||||||
35091 | เหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร | นร | 28/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและคณะรายงานสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น ในพื้นที่กรุงเทพมหานครนับตั้งแต่ช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน สรุปได้ ว่า สาเหตุสำคัญของการเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเชื่อว่ าเป็นเพราะมีกลุ่มการเมืองที่ไม่ต้องการให้เกิดความปรอง ดองของคนในชาติ ส่วนเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครในช่วงนี้ในหลายแห่ง จากการตรวจพิสูจน์ หลักฐานต่างๆ ที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ สันนิษฐานว่าเป็นการดำเนินการของกลุ่มผู้ก่อเหตุเดียวกัน และจากการ รวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุสามารถจัดกลุ่มคดีตามลักษณะของระเบิดที่ใช้แยกออกได้ 3 ประเภท คือ 1.1 ประเภทที่ใช้ระเบิดสำเร็จรูป เช่น เครื่องยิง M 79 ระเบิด M 67 เป็นต้น ซึ่งหลายเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นพบว่าระเบิดที่ใช้มาจากแหล่งเดียวกัน แต่ยังไม่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 1.2 ประเภทที่ใช้ระเบิดแสวงเครื่อง โดยใช้การประกอบระเบิดในท่อ PVC ใช้ดินดำ หรือใช้อุปกรณ์ ประกอบวงจรระเบิดชนิดเดียวกันซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานให้ชัดเจนมากขึ้นเพื่อจับกุมผู้กระทำ ผิดต่อไป 1.3 ประเภทที่คาดว่าเป็นคนร้ายอีกกลุ่มหนึ่งต่างจาก 2 ประเภทแรก ซึ่งจากการสอบสวนพยาน แวดล้อมและจากกล้องวงจรปิดเพื่อตรวจสอบรูปพรรณสัณฐาน ยานพาหนะและการแต่งกาย เชื่อว่ากลุ่มนี้ได้ก่อ เหตุอย่างน้อย 4 คดี โดยยังจับกุมไม่ได้ 2. เห็นชอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นเพิ่มเติมของนายกรัฐมนตรีที่ให้สำนักงานตำรวจ แห่งชาติชี้แจงข้อเท็จจริงและความคืบหน้าในการดำเนินการเกี่ยวกับคดีวางระเบิดที่เกิดขึ้นให้ประชาชนทราบเป็น ระยะ ๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และมีความเชื่อมั่นในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และความเห็นของ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายองอาจ คล้ามไพบูลย์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสน เทศและการสื่อสาร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่เห็นควรให้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในมุมสูง ณ จุดเสี่ยงอันตรายหรือมีความล่อแหลมบริเวณรอบ ๆ ทางด่วน รวมทั้งจุดเสี่ยงอื่น ๆ ตามความเหมาะสม และเห็น ควรดำเนินมาตรการกดดันเชิงรุกกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุระเบิดทั้งหลาย อย่างจริงจังต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
35092 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ การติดตามคืน และการส่งคืนซึ่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรม โบราณคดี ศิลปะ และประวัติศาสตร์ ที่ถูกปล้นโจรกรรม ส่งออก หรือถ่ายโอนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย | วธ | 21/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
1. รับทราบว่าบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันวัฒนธรรมแห่งชาติ แห่งสาธารณรัฐเปรู และกรมศิลปากร แห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ การติดตามคืนและการส่งคืนซึ่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรม โบราณคดี ศิลปะ และประวัติศาสตร์ ที่ถูกปล้น โจรกรรม ส่งออก หรือถ่ายโอนโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2. อนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างสถาบันวัฒนธรรมแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐเปรู และกรมศิลปากร แห่งราชอาณาจักรไทย โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมศิลปากรเป็นผู้มีอำนาจลงนามในความตกลงฯ 3. อนุมัติให้อธิบดีกรมศิลปากรเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ฝ่ายไทย และให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็มให้แก่อธิบดีกรมศิลปากรสำหรับการลงนามดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
35093 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ 17 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย | นร | 21/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เสนอดังนี้
1. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งที่ 17 เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2553 และการประชุมระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ 7 ของแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT) เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1.1 ผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 17 ที่ประชุมฯ ได้ติดตามการดำเนินการที่สำคัญ ได้แก่ การทบทวนกลางรอบแผนที่นำทางปี 2550-2554 ซึ่งได้เสนอการปรับยุทธศาสตร์ความร่วมมือรายสาขา และได้คัดเลือก จัดลำดับความสำคัญและแผนการดำเนินโครงการใน 6 สาขาความร่วมมือ ประกอบด้วย โครงสร้างพื้นฐาน การค้าการลงทุน การท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตร และสิ่งแวดล้อม ที่จะดำเนินการในปี พ.ศ. 2553-2554 จำนวน 12 แผนงาน (Flagship Programmes) พร้อมทั้งโครงการสำคัญด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเร่งรัดการเชื่อมโยงแนวพื้นที่เศรษฐกิจ IMT-GT จำนวน 10 โครงการ โดยมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย 2 โครงการ ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าเรือไทยด้านฝั่งทะเลอันดามัน และโครงการพัฒนาทางพิเศษสะเดา-หาดใหญ่ รวมทั้งการปรับปรุงเสริมสร้างกระบวนการและองค์กรในกรอบ IMT-GT ซึ่ง ADB และ IMT-GT Eminent Persons ได้ยกร่างขึ้น นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้ให้ความสำคัญระดับสูงกับประเด็นความร่วมมือระหว่าง IMT-GT และญี่ปุ่นในด้านความมั่นคงด้านอาหารและการเกษตรที่มีมูลค่าสูง ตลอดจนรับทราบความเห็นของผู้แทนสำนักงานเลขาธิการอาเซียน (ASEC) ต่อโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนา CIQ และอื่น ๆ ในกรอบการทบทวนกลางรอบพร้อมทั้งโครงการเชื่อมโยงแนวพื้นที่เศรษฐกิจในกรอบ IMT-GT ว่าจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตามวิสัยทัศน์ของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2015 และเป็นโอกาสในการเปิดกว้างสู่ตลาดและการบูรณาการระบบเศรษฐกิจภูมิภาค 1.2 ผลการประชุมระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด ครั้งที่ 7 ที่ประชุมฯ ได้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการที่สำคัญใน 9 โครงการ ได้แก่ (1) โครงการเชื่อมโยงแนวพื้นที่เศรษฐกิจ IMT-GT (2) การพัฒนาโครงข่ายการค้าชายฝั่ง IMT-GT (3) การพัฒนาธุรกิจที่บูเก๊ะตา จังหวัดนราธิวาส-บูติกบุหงา รัฐกลันตัน (4) การจัดตั้ง IMT-GT Plaza เพิ่มเติมที่พอร์ทกลางและมะละกา (5) การปรับลดกฎระเบียบเพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนบริเวณชายแดน โดยสามประเทศร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจด้าน CIQ (6) การจัดทำคู่มือธุรกิจ IMT-GT (7) การจัดงานแสดงสินค้า (Trade Fair) ที่หาดใหญ่ เมดาน ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ด่านนอก/สะเดา ปัตตานี (8) การพัฒนาท่าอากาศยานเป็นประตูการค้าที่มะละกา และ (9) การเพิ่มการบินเชื่อมโยงในพื้นที่ในเส้นทางภูเก็ต-มะละกา กับประเด็นที่ที่ประชุมฯ รับทราบข้อเสนอจากสภาธุรกิจ IMT-GT ให้จัดตั้งคณะทำงานพิเศษ (Special Working Committee) ในระดับรัฐ/จังหวัด เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการโครงการในพื้นที่กับการจัดตั้งศูนย์ IMT-GT เพื่อสนับสนุนและกลั่นกรองแผนงานในระดับรัฐ/จังหวัด 2. มอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
35094 | การประเมินความคุ้มค่าการปฏิบัติภารกิจของภาครัฐ | นร | 21/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการรับเรื่อง การประเมินความคุ้มค่าการปฏิบัติภารกิจของภาครัฐ ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำตัวชี้วัดการประเมินความคุ้มค่าการปฏิบัติภารกิจของภาครัฐ และใช้เป็นตัวชี้วัดในคำรับรองการปฏิบัติราชการของแต่ละหน่วยงาน โดยให้ยกเลิกตัวชี้วัดเดิมที่ไม่จำเป็น และให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 60 วัน แล้วแจ้งผลให้สำนักงบประมาณทราบเพื่อดำเนินการให้หน่วยงานต่าง ๆ ถือปฏิบัติและใช้เป็นตัวชี้วัดประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 ต่อไป ทั้งนี้ ให้นำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบในขั้นการดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
35095 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตเก็บ จัดหา หรือรวบรวมพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปหรือพันธุ์พืชป่า เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัยเพื่อประโยชน์ในทางการค้า และการทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ พ.ศ. .... | กษ | 21/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตเก็บ จัดหา หรือรวบรวมพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปหรือพันธุ์พืชป่า เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัยเพื่อประโยชน์ในทางการค้า และการทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตเก็บ จัดหา หรือรวบรวมพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปหรือพันธุ์พืชป่า เพื่อการปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัยเพื่อประโยชน์ในทางการค้า และการทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
35096 | การจัดตั้งศูนย์ดาราศาสตร์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสพระชนมายุ 84 พรรษา | ศธ | 21/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการโครงการศูนย์ดาราศาสตร์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้านวิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์ โดยกระจายความรู้ในเรื่องดังกล่าวไปสู่ทุกภูมิภาคของประเทศโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าไปในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนของประเทศหันมาให้ความสนใจและให้ความสำคัญของการศึกษาทางด้านดาราศาสตร์และอวกาศเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายสร้างศูนย์ดาราศาสตร์ ฯ จำนวน 1 แห่ง ณ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่ดินราชพัสดุ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมในเวลากลางคืน การเลือกสถานที่ตั้งต้องคำนึงถึงมลภาวะทางแสงและสภาพทางอุตุนิยมวิทยาด้วย รวมทั้งพัฒนาบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญเฉพาะทางเพื่อเป็นวิทยากรบรรยาย ฝึกอบรม หรือจัดกิจกรรมทางดาราศาสตร์ ส่วนกล้องโทรทรรศน์และอุปกรณ์รับสัญญาณสำหรับหอดูดาว ควรใช้อุปกรณ์ที่มีขีดความสามารถในการวิจัยขั้นพื้นฐานได้ด้วย ไปพิจารณา ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงศึกษาธิการขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
35097 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 | กค | 21/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบมาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ตามมติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2553 ตามที่รอง นายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเสนอ 2. ให้คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรนำเป้าหมายเชิงคุณภาพมาเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณา ร่วมด้วย เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และเกิดประสิทธิผล อย่างแท้จริง รวมทั้งควรมีแนวทางเร่งรัดและติดตามผลการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการ ใช้จ่ายเงินงบประมาณ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในท้องถิ่น ตามเป้าหมายที่กำหนด ไปพิจารณา ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
35098 | ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 4 ฉบับ | นร | 21/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ จำนวน 4 ฉบับ ตามที่ประธานรัฐสภาเสนอ และให้ส่งสำนักงาน คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน ดังนี้ 1.1 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎ หมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา โดยกำหนดให้ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาได้รับการจัดสรรงบ ประมาณเป็นเงินอุดหนุน และกำหนดให้คณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) มีอำนาจออกระเบียบรัฐ สภาหรือประกาศรัฐสภาเกี่ยวกับการบริหารงานทั่วไป การงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน และการดำเนิน การอื่นของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา 1.2 ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่า ด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายรัฐสภา โดยปรับปรุงระบบตำแหน่งของข้าราชการรัฐสภาให้จำแนกตามกลุ่มลักษณะ งาน กำหนดบัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการรัฐสภาไว้ท้ายพระราชบัญญัติ กำหนดให้ ข้าราชการรัฐสภาสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญหรือระดับทรงคุณวุฒิ หรือตำแหน่งประเภททั่ว ไประดับอาวุโสหรือระดับทักษะพิเศษ อาจรับราชการต่อไปได้ รวมทั้งปรับปรุงกระบวนการพิจารณาอุทธรณ์ร้อง ทุกข์ของข้าราชการรัฐสภาสามัญ และเพิ่มตำแหน่งที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร 1.3 ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งเพื่อยกเลิกอัตราเงินเดือนและอัตราเงินประจำตำแหน่ง ของข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง 1.4 ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่ม เติมกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เพื่อให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญตำแหน่งประเภทวิชาการระดับ เชี่ยวชาญหรือระดับทรงคุณวุฒิ หรือตำแหน่งประเภททั่วไประดับอาวุโสหรือระดับทักษะพิเศษอาจรับราชการต่อ ไปได้ 2. ให้รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐ สภา พ.ศ. .... มาตรา 12 ที่บัญญัติให้ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาเสนองบประมาณรายจ่ายต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อจัด สรรเป็นเงินอุดหนุนของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาไว้ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมแล้วแต่กรณีอาจทำให้การใช้จ่ายเงินงบประมาณไม่สอดคล้องกับเป้า หมายและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้โดยสำนักงบประมาณจะได้พิจารณาปรับปรุงเพิ่มเติมระเบียบว่าด้วยการ บริหารงบประมาณและหลักการจำแนกประเภทรายจ่าย เพื่อให้การบริหารงบประมาณเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ที่กำหนด ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อน เสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
35099 | ร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และการปรับระบบบริหารงานบุคคลข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา | ศธ | 21/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและ บุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับผลการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) และความ เห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่ไม่เห็นด้วยกับการปรับเงินวิทยฐานะของตำแหน่งศึกษานิเทศน์ ตำแหน่งผู้บริหาร สถานศึกษา ตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และตำแหน่งครูที่เรียกชื่ออย่างอื่นตามที่ ก.ค.ศ. กำหนดให้มีวิทยฐานะที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จากอัตราสูงสุด 13,000 บาท เป็น 15,600 บาท ซี่ง จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำกับข้าราชการประเภทอื่น ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสาน งานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป 2. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับร่างพระราชกฤษฎีกาการได้รับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการและผู้ ดำรงตำแหน่งผู้บริหารซึ่งไม่เป็นข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปปรับปรุงแก้ไขให้ชัดเจน สอดคล้องกับข้าราช การพลเรือนสามัญ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง 3. อนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ.อ. ว่าด้วยการกำหนดบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือน ในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีบัญชีเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดม ศึกษา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับตำแหน่ง ผศ. รศ. และ ศ. ควรกำหนดเงินเดือนขั้นต่ำไว้ด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนิน การต่อไปได้ 4. อนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ.อ. ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับเงินเดือน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดการให้ได้รับเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา และให้ส่ง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรกำหนด ให้ตำแหน่งในสายงานใดที่อยู่ในประเภทและระดับเดียวกันมีลักษณะงานคล้ายกันการได้รับเงินเดือนจะต้องไม่แตก ต่างกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ 5. เห็นชอบให้นำหลักการระบบการเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนสามัญมาปรับใช้กับข้าราช การพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา 6. เห็นชอบการคงสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายให้แก่ข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งแตกต่างจากโครงสร้าง ตำแหน่งที่ ก.พ.อ. กำหนดจนกว่าจะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตามโครงสร้างตำแหน่งที่ ก.พ.อ. กำหนด ซึ่งได้ รับสิทธิประโยชน์ไม่น้อยกว่าเดิม 7. สำหรับงบประมาณเพื่อรองรับระบบบริหารงานบุคคลของข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา ให้กระทรวงศึกษาธิการทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม 8. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับผลการพิจารณาของ กงช. เกี่ยวกับการกำหนดค่าตอบแทนของข้าราช การครูและบุคลากรทางการศึกษา และข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาในภาพรวม โดยเฉพาะในระยะ ปานกลางและระยะยาวไปดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
35100 | การปรับอัตราการจ่ายค่าทดแทนกรณีพนักงานประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน | มท | 21/09/2553 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้านครหลวงปรับอัตราการจ่ายค่าทดแทนกรณีพนักงานประสบอัน
ตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน จากอัตราร้อยละหกสิบของเงินเดือน ไม่เกินเดือนละ 9,000 บาท เป็นอัตรา ร้อยละหกสิบของเงินเดือน โดยไม่กำหนดอัตราขั้นสูง และให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (21 กันยายน 2553) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมติของคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2553 ตามที่กระทรวง มหาดไทยเสนอ
|
.....