ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1302 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26021 - 26040 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26021 | ร่างพระราชบัญญัติที่ต้องเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาวินิจฉัยประเด็นนโยบาย รวม 3 ฉบับ | สลธ.คสช. | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติที่ต้องเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาวินิจฉัยประเด็นนโยบาย รวม ๓ ฉบับ) มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติสภาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ ไปหารือร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติ แล้วให้เสนอฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป นั้น ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วเห็นว่า เพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๓ ฉบับดังกล่าวสามารถเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาได้อย่างรวดเร็วสอดคล้องกับนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติรวม ๓ ฉบับดังกล่าวให้ได้ข้อยุติและจัดทำร่างพระราชบัญญัติที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อใช้เป็นร่างพระราชบัญญัติหลักในการเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
26022 | ร่างพิธีสาร 7 ระบบศุลกากรผ่านแดน และภาคผนวกทางเทคนิค : กฎเกณฑ์และพีธีการว่าด้วยศุลกากรผ่านแดนอาเซียน ภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน (ASEAN Framework Agreement on the Facilitation of Goods in Transit : AFAFGT) | กค | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างพิธีสาร ๗ ระบบศุลกากรผ่านแดน และภาคผนวกทางเทคนิค : กฎเกณฑ์และพิธีการว่าด้วยศุลกากรผ่านแดนอาเซียน ภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน (ASEAN Framework Agreement on the Facilitation of Goods in Transit : AFAFGT) ๑.๒ เห็นชอบในการรับรองความถูกต้องของเนื้อหาร่างพิธีสาร ๗ ระบบศุลกากรผ่านแดน และภาคผนวกทางเทคนิค : กฎเกณฑ์และพิธีการว่าด้วยศุลกากรผ่านแดนอาเซียน ภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมศุลกากรมีหนังสือถึงสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อแจ้งการรับรองความถูกต้องของเนื้อหาของร่างพิธีสารดังกล่าว ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามร่างพิธีสาร ๗ ระบบศุลกากรผ่านแดน และภาคผนวกทางเทคนิค : กฎเกณฑ์และพิธีการว่าด้วยศุลกากรผ่านแดนอาเซียน ภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดนและอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ในการลงนามร่างพิธีสารดังกล่าว ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างพิธีสาร ๗ ระบบศุลกากรผ่านแดน และภาคผนวกทางเทคนิค : กฎเกณฑ์และพิธีการว่าด้วยศุลกากรผ่านแดนอาเซียน ภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดน ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยก่อนมีการลงนาม ให้กระทรวงการคลังสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามในพิธีสาร ๗ ระบบศุลกากรผ่านแดน และภาคผนวกทางเทคนิค : กฎเกณฑ์และพิธีการว่าด้วยศุลกากรผ่านแดนอาเซียน ภายใต้กรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าผ่านแดนแล้ว ให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ มาตรา ๒๓ วรรคสอง ก่อนให้สัตยาบันต่อไป |
|||||||||||||||||||||
26023 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการ แก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอย ในท้องที่จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และ จังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | สลธ.คสช. | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาเห็นว่า ปัจจุบันการจัดการขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นปัญหาสำคัญของทุกพื้นที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน จึงสมควรกำหนดระเบียบการปฏิบัติราชการเพื่อจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศในภาพรวม อย่างไรก็ดี ในระยะเร่งด่วนเฉพาะหน้ามีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่ที่มีปัญหาขั้นวิกฤตก่อนรวม ๖ จังหวัด (จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระบุรี) จึงสมควรออกระเบียบเพื่อแก้ไขปัญหาเดือดร้อนในพื้นที่ ๖ จังหวัดดังกล่าวไว้เป็นการเฉพาะ โดยลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. .... และร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอย ในท้องที่จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการงบประมาณตามร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอย ในท้องที่จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระบุรี พ.ศ. .... โดยร่างระเบียบฯ ข้อ ๔ วรรคสอง ที่กำหนดให้การจัดสรรงบประมาณตามแผนปฏิบัติการผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด เห็นสมควรให้ปรับถ้อยคำเป็น “โดยการขอรับการจัดสรรงบประมาณให้ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน” และร่างระเบียบฯ ข้อ ๕ ที่กำหนดให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณหรือเงินอื่นใดเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ สมควรให้ตัดข้อความ “หรือเงินอื่นใด” ออก เนื่องจากสำนักงบประมาณไม่มีอำนาจในการสนับสนุนเงินอื่นใดที่นอกเหนือจากเงินงบประมาณ ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนการจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยในภาพรวมของประเทศ ตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง การดำเนินการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา) โดยให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับแนวทางการบูรณาการ การบริหารจัดการเกี่ยวกับขยะมูลฝอยอย่างครบวงจร เช่น การวางผังเมือง การบริหารจัดการรายได้ เป็นต้น และให้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
26024 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน พ.ศ. .... | อก | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง ข้อเสนอแผนงาน/โครงการภายใต้มาตรการบรรเทาผลกระทบจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำและเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (ฉบับปรับปรุง)] ในส่วนที่เกี่ยวกับการขยายเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๒ และจำพวกที่ ๓ ตามพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ จากเดิม “ที่สิ้นสุดในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ออกไปอีก ๓ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ไปจนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙” เป็น “ให้ขยายเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ ๒ และจำพวกที่ ๓ ออกไปอีก ๓ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐” ๑.๒ อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานเป็นเวลาสามปี และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและการเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยกระทรวงอุตสาหกรรมควรพิจารณาสนับสนุนที่ปรึกษาผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ตามภารกิจของหน่วยงานในสังกัดเพื่อเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาแนะนำผู้ประกอบการในการปรับปรุงเทคโนโลยี กระบวนการผลิต และการบริหารจัดการทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตได้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||
26025 | วาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร05 | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า โดยที่การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ จำนวน ๑๐ ฉบับ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ และวันศุกร์ที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ นี้ ซึ่งได้หารือฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติแล้ว ว่า เพื่อให้การเสนอร่างพระราชบัญญัติต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เห็นควรมอบหมายให้ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรี และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกานำเสนอร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
|
|||||||||||||||||||||
26026 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (จำนวน 13 ราย) | สธ | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ จำนวน ๑๓ ราย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ดังนี้
๑. นายกฤษณพงศ์ มโนธรรม ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๖ ๒. นางพัชรา ศิริวงศ์รังสรร ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๖ ๓. นายกิติศักดิ์ ด่านวิบูลย์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม) กลุ่มงานเวชกรรมสังคม โรงพยาบาลหนองคาย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองคาย สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๖ ๔. นายวิชัย สติมัย ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ๕. นายสมเกียรติ ศิริรัตนพฤกษ์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเวชกรรมป้องกัน) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ๖. นายบรรพจน์ สุวรรณชาติ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาสูติ-นรีเวชกรรม) กลุ่มงานสูติ-นรี เวชกรรม โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๗. นางประนอม คำเที่ยง ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๘. นายพิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๖ ๙. นางบุษบง เจาฑานนท์ ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัย) กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ๑๐. นางศันสณี รัชชกูล ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านทันตสาธารณสุข) กรมอนามัย ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ๑๑. นายนฤทธิ์ อ้นพร้อม ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมาร เวชกรรม โรงพยาบาลระยอง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ๑๒. นายจรัญ จักรวาลชัยศรี ดำรงตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขทรงคุณวุฒิ (ด้านส่งเสริมสุขภาพ) กรมอนามัย ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๗ ๑๓. นายมนัส กนกศิลป์ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมาร เวชกรรม โรงพยาบาลอุดรธานี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗ |
|||||||||||||||||||||
26027 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 2 ราย 1. นายการุณ สกุลประดิษฐ์ฯ) | ศธ | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ซึ่งได้ยืนยันว่าดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนตามที่ ก.พ. กำหนดทุกประการแล้ว ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการลำดับที่ ๑ พ้นจากตำแหน่งเดิม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ทั้ง ๒ ราย เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ดังนี้
๑. นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษา ตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายวิวัฒน์ แหวนหล่อ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง |
|||||||||||||||||||||
26028 | รายงานสถานการณ์การส่งออกยางพาราไทย พร้อมข้อเสนอแนะกิจกรรมส่งเสริมการขายไปตลาดต่างประเทศ | พณ | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบรายงานสถานการณ์การส่งออกยางพาราไทย พร้อมข้อเสนอแนะกิจกรรมส่งเสริมการขายไปตลาดต่างประเทศ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ภาพรวมการส่งออกยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ยางของประเทศไทย ๑.๑.๑ มูลค่าส่งออกยางธรรมชาติ ปี ๒๕๕๗ (เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม) คิดเป็น ๒,๙๐๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ จีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา อินเดีย และอื่น ๆ สัดส่วนร้อยละ ๔๑, ๑๓, ๑๑, ๗, ๗, ๓ และ ๑๘ ตามลำดับ โดยชนิดยางธรรมชาติที่ส่งออก ประกอบด้วย ยางแท่ง STR ยางแผ่นรมควัน น้ำยางข้น และอื่น ๆ สัดส่วนร้อยละ ๔๘, ๒๘, ๒๒ และ ๓ ตามลำดับ สำหรับการส่งออกยางธรรมชาติไทย มีมูลค่าการส่งออกลดลงตั้งแต่ปี ๒๕๕๕ มูลค่า ๘,๗๐๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี ๒๕๕๖ มูลค่า ๘,๑๒๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ปริมาณการส่งออกมากขึ้นจากปี ๒๕๕๕ คิดเป็น ๒.๙๙ ล้านตัน และปี ๒๕๕๖ คิดเป็น ๓.๔๓ ล้านตัน เนื่องจากราคาเฉลี่ยต่อหน่วยลดลงอย่างมาก ในช่วงปี ๒๕๕๕ ราคา ๓,๒๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ในปี ๒๕๕๖ ราคาลดลงเป็น ๒,๖๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ และปี ๒๕๕๗ ในช่วง ๖ เดือนแรก ราคาเฉลี่ยลดลงไปอีกถึง ๑,๙๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๑.๒ มูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง ปี ๒๕๕๗ (เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคม) คิดเป็น ๓,๒๖๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกหลักของไทย ได้แก่ จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มาเลเซีย เวียดนาม ออสเตรเลีย และอื่น ๆ สัดส่วนร้อยละ ๒๒, ๑๙, ๖, ๕, ๓, ๓ และ ๔๒ ตามลำดับ ๑.๑.๓ สินค้าผลิตภัณฑ์ยางที่สำคัญ ได้แก่ ยางรถยนต์ ถุงมือยาง ยางผสมวัลคัลไนท์ หลอดและท่อ ผลิตภัณฑ์ยางเภสัชกรรม สายพานลำเลียง ยางรัดของ ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ใช้ในงานก่อสร้าง เช่น ยางปูพื้น สัดส่วนร้อยละ ๔๖, ๑๓, ๓.๗, ๓.๔, ๑.๘, ๑.๕, ๑ และ ๓๐ ตามลำดับ ๑.๒ ข้อเสนอแนะกิจกรรมส่งเสริมการขายยางพาราไปต่างประเทศ ๑.๒.๑ ระยะสั้น ได้แก่ การแสวงหาความต้องการของตลาดใหม่ ๆ ในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Countries) การใช้เวที Platform ตลาดซื้อขายสินค้ายางพารา Rubber Valley ณ เมืองชิงเต่า มณฑลซานตง การเร่งเจรจาสรุปโครงการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง (Rubber City) ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างแท้จริง และการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม Global Rubber Conference ๑.๒.๒ ระยะกลาง-ยาว ได้แก่ การปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ยางพาราแห่งชาติ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมกลางน้ำ และปลายน้ำ การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา (R&D) และการเสริมสร้างความร่วมมือในกลุ่มประเทศผู้ผลิตยางพาราในอาเซียนให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับยุทธศาสตร์ยางพาราแห่งชาติให้สนับสนุนอุตสาหกรรมกลางน้ำและปลายน้ำมากขึ้น ควรทำให้เกิดได้จริงเป็นรูปธรรม การส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านยางพาราให้มากขึ้นและอย่างจริงจัง ควรต้องมีการปฏิรูปวิธีการส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาด้านยางพาราของประเทศ การสนับสนุนให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยางพารามีศักยภาพในการแข่งขันในการผลิตผลิตภัณฑ์ยางสำเร็จรูปมากขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับยางพาราในการส่งออก การประชาสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมยางพาราของไทยในเวทีต่างประเทศและสนับสนุนการตลาดด้านผลิตภัณฑ์ยางพาราในตลาดโลกให้มีการซื้อขายให้มากขึ้น การดำเนินการเจรจาหาข้อสรุปโครงการ Rubber City/Rubber Corridor ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยอย่างแท้จริง รวมถึงพื้นที่เป้าหมายในการจัดตั้งโครงการในภาคใต้ของประเทศไทยเพื่อพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางแปรรูปยางพาราอย่างครบวงจรในระดับโลก การกำหนดประเภทกลุ่มอุตสาหกรรมยางที่มีโอกาสทางการตลาดและมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น การสร้างห่วงโซ่มูลค่า (Value Chain) อย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพาราและการพัฒนาตลาดให้สามารถขับเคลื่อนได้โดยมีเป้าหมายการพัฒนาที่ชัดเจนในอนาคต การพัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์ยางพาราใหม่ ซึ่งเน้นการพัฒนาสู่นวัตกรรมวัสดุที่สามารถใช้ทดแทนวัสดุสังเคราะห์อื่น ๆ เพื่อต่อยอดนำไปสู่การผลิตเป็นวัสดุเครื่องใช้จากยางพารา และการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยางพาราในเชิงวิทยาศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
26029 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. เร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ทุกฝ่ายสรุปผลการดำเนินการในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาและจัดทำแผนการดำเนินการระยะ ๑ ปีเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการของรัฐบาลต่อไป รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสำนักงบประมาณนำข้อมูลจากแผนข้างต้นไปใช้ประกอบในการจัดทำคำแถลงนโยบายรัฐบาลและคำชี้แจงงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ด้วยนั้น ให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการตามมติดังกล่าว และส่งข้อมูลไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งจัดทำสรุปผลการดำเนินงานในห้วง ๓ เดือนที่ผ่านมา และแนวนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับโครงการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน ฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะเฉพาะหน้า และการวางยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาประเทศ เช่น การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ การกำจัดขยะอย่างเป็นระบบ โดยให้พร้อมส่งมอบรัฐบาลเพื่อความต่อเนื่องในการบริหารประเทศ ๑.๒ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทย (กรุงเทพมหานคร) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการกำหนดมาตรการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด นั้น ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยาและฝ่ายความมั่นคงเร่งดำเนินการตามมติดังกล่าวโดยเร็ว โดยในระยะแรกให้พิจารณาดำเนินการในพื้นที่ว่างเปล่าชานเมือง เช่น ที่ราชพัสดุ เพื่อจัดเป็นที่พักอาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยอย่างเป็นระเบียบ ทั้งนี้ ในการดำเนินการให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับการจัดผังเมืองด้วย ๑.๓ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๗ และวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา นั้น เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมีความชัดเจน เป็นรูปธรรม จึงให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเร่งทำความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดสรรโควตาและการทำสัญญาสำหรับตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและครอบคลุมทุกพื้นที่และทุกกลุ่ม รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงสถานที่จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคา ๘๐ บาท ด้วย ๑.๔ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการผลิตภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ภาพลักษณ์ วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวของประเทศ โดยอาจเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอแนวคิดสำหรับภาพยนตร์ นั้น เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้เกิดผลเป็นรูปธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนร่วมประกวดบทภาพยนตร์สั้น โดยให้เน้นเกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ แหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกและโบราณสถาน รวมทั้งให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์ในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่สวยงามของประเทศไทย ทั้งนี้ ให้เร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวเพื่อให้มีภาพยนตร์ที่จะได้นำไปเผยแพร่สู่สายตาชาวต่างชาติภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ๑.๕ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางการดำเนินการเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะจะต้องมีระบบติดตามมิให้ขับขี่เกินระยะเวลาที่กำหนด และมีระบบตรวจสอบว่าผู้ขับขี่มีความพร้อม ไม่เมาสุรา ไม่เสพยาเสพติด และมีการพักผ่อนที่เพียงพอ และมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้กระทรวงคมนาคม (กรมการขนส่งทางบก) เร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการนำระบบ GPS และระบบการติดตามผู้ขับขี่มาใช้ในรถยนต์โดยสารสาธารณะมิให้ขับขี่เกินระยะเวลาที่กำหนดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถโดยสารสาธารณะให้แล้วเสร็จและมีผลเป็นรูปธรรม นั้น ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการตามมติดังกล่าวให้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้พิจารณาหามาตรการลดมลภาวะจากท่อไอเสียของรถโดยสารสาธารณะด้วย ๑.๖ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ และวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้ชะลอการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นออกไปก่อน และให้กระทรวงมหาดไทยชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๕/๒๕๕๗ เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว นั้น ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบและกำกับดูแลการคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติดังกล่าวให้มีความถูกต้องและโปร่งใส หากตรวจสอบพบความผิดปกติให้มีการดำเนินการให้ถูกต้องต่อไป ๑.๗ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณากำหนดรูปแบบการประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผ่านกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับความคุ้มครองในทุกกรณี นั้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวและส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในฤดูกาลท่องเที่ยว (High season) ที่ใกล้จะถึง ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเร่งรัดการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๗ ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม โดยกระทรวงยุติธรรม (กรมคุมประพฤติ) ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทย ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พิจารณาหาแนวทางการแก้ปัญหาสังคมต่าง ๆ เช่น ยาเสพติด การแข่งมอเตอร์ไซค์ตามถนน (เด็กแว้น) โดยพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนนอกเหนือจากการจับกุมและบังคับใช้กฎหมาย เช่น การให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทำกิจกรรมบริการสาธารณะในงานที่ถนัด การควบคุมความประพฤติและฝึกอาชีพเพื่อให้สามารถมีอาชีพเมื่อได้รับการปล่อยตัว ๒.๒ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุขร่วมกันพิจารณาหาแนวทางการส่งเสริมพัฒนาการของเยาวชนไทยให้มีความเหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ทั้งด้านร่างกาย ด้านสติปัญญา ด้านอารมณ์ และด้านสังคม โดยเฉพาะการส่งเสริมด้านโภชนาการให้เยาวชนบริโภคอาหารที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตและลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคอ้วน ๒.๓ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงศึกษาธิการพิจารณาปรับโครงสร้างทางการศึกษา วิธีการจัดการศึกษาให้มีมาตรฐานและให้เด็กไทยสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ รวมทั้งพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพ เน้นการศึกษาในห้องเรียน ปรับหลักสูตรให้ครอบคลุมวิชาพื้นฐาน เช่น ประวัติศาสตร์ชาติไทย หน้าที่พลเมือง สิทธิและหน้าที่ เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนไทยมีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ไทย ทั้งนี้ ให้ปรับปรุงเนื้อหาของหนังสือชุด “พระมหากษัตริย์ไทย ๙ รัชกาล” จาก ๙ เล่มให้เหลือเพียงเล่มเดียวเพื่อให้มีเนื้อหาที่กระชับและน่าสนใจสำหรับใช้เป็นหนังสือพื้นฐานในการศึกษาของเยาวชนด้วย ๓. ด้านเศรษฐกิจ ให้คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.) พิจารณาทบทวนผลการดำเนินงานและการบริหารจัดการรายได้ของรัฐวิสาหกิจ และจัดทำแนวทางการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจในภาพรวม โดยพิจารณาถึงการบริหารรายรับและรายจ่ายเพื่อลดภาระการอุดหนุนงบประมาณจากภาครัฐด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๔. ด้านอื่น ๆ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพิจารณาความเหมาะสมและความเพียงพอของหมายเลขโทรศัพท์พิเศษ ๔ หลักที่มีในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงการบูรณาการงานร่วมกันของหน่วยงานที่มีภารกิจใกล้เคียงกัน เพื่อให้ประชาชนมีช่องทางในการขอรับบริการได้อย่างสะดวกและเหมาะสมเพียงพอยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
26030 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2557 | กค | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี ๒๕๕๗ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ทำความตกลงร่วมกับคณะกรรมการนโยบายการเงินแล้ว โดยกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี ๒๕๕๗ ไว้ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาสระหว่างร้อยละ ๐.๕-๓.๐ ต่อปี เช่นเดียวกับเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26031 | การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และการแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสมในพื้นที่วิกฤต | ทส | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบ Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤตที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสม (ระยะเร่งด่วน ๖ เดือน) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ประกอบด้วย ๔ ขั้นตอน คือ การกำจัดขยะมูลฝอยตกค้างสะสมในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่วิกฤติ (ขยะมูลฝอยเก่า) การสร้างรูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายที่เหมาะสม (ขยะมูลฝอยใหม่) การวางระเบียบมาตรการการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และการสร้างวินัยของคนในชาติมุ่งสู่การจัดการที่ยั่งยืน มีแนวทางการขับเคลื่อนในระยะเร่งด่วน (๖ เดือน) ระยะปานกลาง (๑ ปี) และระยะยาว (๑ ปีขึ้นไป) พื้นที่เป้าหมายระยะเร่งด่วน ๑๑ จังหวัด ระยะปานกลาง ๒๐ จังหวัด และระยะยาว ๔๖ จังหวัด ๑.๒ แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤตที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสม มีค่าใช้จ่ายรวม ๕๒๖.๙๔ ล้านบาท แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ๑.๑.๑ ดำเนินการใน ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี นครปฐม และสระบุรี เพื่อกำจัดขยะมูลฝอยตกค้างสะสมในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑.๑.๒ ดำเนินการใน ๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปทุมธานี และสมุทรปราการ เนื่องจากสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยเป็นของเอกชน ในเบื้องต้นจะให้ราชการส่วนท้องถิ่นบังคับใช้กฎหมายให้เอกชนรับผิดชอบดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยที่ตกค้างสะสมด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่ถูกต้อง ในกรณีที่ไม่เป็นผลจะได้ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เสนอแนะแนวทางปฏิบัติต่อไป ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี นครปฐม และสระบุรี เนื่องจากไม่ได้เสนอตั้งงบประมาณและเพื่อให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ เห็นควรอนุมัติในหลักการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๕๒๖.๙๔ ล้านบาท โดยให้จังหวัดที่เกี่ยวข้องเป็นหน่วยงานดำเนินการ รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย โดยคำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วนและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่จัดทำแผนแม่บทและบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายในภาพรวมของจังหวัด ควรให้มีผู้แทนจากภาคประชาสังคมอยู่ในองค์ประกอบของคณะกรรมการดังกล่าว การกำหนดมาตรการควบคุมในเชิงปริมาณให้มีความถูกต้องและตรวจสอบได้ รวมทั้งการกำจัดขยะมูลฝอยในกรณีที่ก่อให้เกิดมูลค่าจากการใช้เทคโนโลยีแปลงขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel : RDF) ให้ระมัดระวังในเรื่องประโยชน์ต่างตอบแทนหรือประโยชน์ทับซ้อนเพื่อให้การดำเนินงานมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
26032 | ผลการประชุมคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 1/2557 | นร11 | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กพอ. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เรื่องเสนอเพื่อทราบ ที่ประชุมมีมติรับทราบความก้าวหน้าการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก และโครงการความร่วมมือของประเทศญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมและชุมชนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ๑.๒ เรื่องเสนอเพื่อพิจารณา ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการแผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจร (ฉบับปรับปรุง) และเห็นชอบการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ด้านสิ่งแวดล้อม และการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒. โครงการที่ กพอ. ให้ความเห็นชอบเพื่อขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ๘ โครงการ วงเงิน ๖๗๗.๖๒ ล้านบาท ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเป็นรายโครงการอีกครั้งหนึ่ง และสำหรับโครงการที่ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสียก่อน ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนและประชาสัมพันธ์ให้ทราบอย่างทั่วถึงกันด้วย ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำรายงานสรุปผลความคืบหน้าการดำเนินการและการใช้จ่ายงบประมาณตามแผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจร ๘ แผนงาน ๙๒ โครงการ ในกรอบวงเงินรวม ๔,๓๔๗ ล้านบาท ที่เคยได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบต่อไป ๔. ให้ กพอ. รับข้อสังเกตของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเส้นทางคมนาคมชำรุดเสียหาย โดยอาจพิจารณาจัดทำเส้นทางสำหรับรถบรรทุกสินค้าเป็นการเฉพาะแยกออกจากเส้นทางสำหรับการสัญจรปกติไปพิจารณาต่อไป ๕. ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรับไปเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกโดยการเชื่อมโยงแหล่งน้ำต่าง ๆ ในพื้นที่ เพื่อให้มีปริมาณน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคและสำหรับนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างเพียงพอ รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของคณะรักษาความสงบแห่งชาติไปพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการนำเทคนิคการฝังท่อลงไปในท้องน้ำเพื่อให้น้ำจากแหล่งน้ำระหว่างประเทศซึมไหลไปสู่แหล่งน้ำในประเทศที่มีระดับต่ำกว่าเพื่อนำน้ำไปใช้ประโยชน์ได้ เช่น กรณีแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาละวิน เป็นต้น ไปพิจารณาต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
26033 | การแก้ไขความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเอสโตเนียว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราซึ่งกันและกันสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต เพื่อให้ครอบคลุมถึงผู้ถือหนังสือเดินทางราชการของไทย | กต | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนสำหรับ “ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเอสโตเนียกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ” โดยสาระสำคัญของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ กำหนดให้ผู้ถือหนังสือเดินทางราชการของไทยสามารถเดินทางเข้าไปยัง ออกจาก เดินทางผ่าน และพำนักในสาธารณรัฐเอสโตเนีย โดยได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา โดยมีเงื่อนไขว่าในช่วงเวลา ๑๘๐ วัน นับจากวันที่เดินทางถึงสาธารณรัฐเอสโตเนีย จะสามารถเดินทางเข้าไปยัง ออกจาก เดินทางผ่าน และพำนักได้รวมแล้วไม่เกิน ๙๐ วัน ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำในส่วนที่ไม่กระทบต่อสาระสำคัญของร่างความตกลงฯ พร้อมทั้งกำหนดวันที่มีผลใช้บังคับของหนังสือแลกเปลี่ยน โดยไม่ต้องเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||
26034 | ขออนุมัติให้ดำเนินการตามแนวทางพัฒนายางพาราทั้งระบบ | กษ | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการแนวทางการพัฒนายางพาราทั้งระบบ ประกอบด้วย ๒ มาตรการ (มาตรการเร่งด่วน และมาตรการต่อเนื่อง) ๙ แนวทาง ๑๒ โครงการ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยในส่วนของงบประมาณสำหรับมาตรการเร่งด่วน จำนวน ๙๗๗.๗๕ ล้านบาท ให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณต่อไป ส่วนมาตรการต่อเนื่อง ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นปี ๆ ไปตามความเหมาะสม ในกรอบวงเงินรวมไม่เกิน ๕,๙๓๘.๒๕ ล้านบาท ๒. ให้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติรับไปพิจารณากำหนดแนวทางบูรณาการการดำเนินการของหน่วยงานด้านวิจัยและพัฒนายางของภาครัฐที่มีอยู่แล้ว เช่น สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย และศูนย์วิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมยางไทย รวมทั้งสถาบันในภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมมือกันศึกษาวิจัยเพื่อการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพยาง การแปรรูป และการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ยางพาราต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการดำเนินการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ประสบปัญหาราคายางตกต่ำและรายงานความคืบหน้าให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบด้วย ทั้งนี้ ในการพิจารณากำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหายางพารา ควรมีการหารือในทุกภาคส่วน และจัดทำเป็นแผนระยะสั้น-ระยะยาวให้ชัดเจน โดยรวมถึงการจัดเขตพื้นที่ (Zoning) เพาะปลูกยางพาราให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีและเกิดความสมดุลระหว่างอุปสงค์-อุปทานของยางพาราด้วย |
|||||||||||||||||||||
26035 | ขออนุมัติยุบเลิกทุนหมุนเวียน | กค | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ (ร้อยเอก สุวิพันธุ์ ดิษยมณฑล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) ชี้แจงว่า ตามที่ได้มีลูกจ้างประจำเงินทุนหมุนเวียนข่าวสารการพาณิชย์ร้องเรียนต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติกรณีที่จะถูกเลิกจ้างเนื่องจากการยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนข่าวสารการพาณิชย์และมีความประสงค์จะขอโอนไปปฏิบัติงานในสังกัดกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นั้น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้สอบถามไปยังสำนักงาน ก.พ. แล้ว ได้รับการชี้แจงว่ากรณีดังกล่าวไม่สามารถกระทำได้ เนื่องจากเป็นลูกจ้างประจำที่จ้างโดยเงินนอกงบประมาณ แต่สามารถที่จะจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราวได้ และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ชี้แจงทำความเข้าใจแก่ลูกจ้างประจำทุกคนแล้ว ๒. อนุมัติให้ยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนโรงงานฟอกหนัง เงินทุนหมุนเวียนข่าวสารการพาณิชย์ และเงินทุนหมุนเวียนดำเนินการโครงการผลิตถ่านหินเป็นพลังงานทดแทน ภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และอนุมัติให้มีการช่วยเหลือเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่บุคลากรของเงินทุนหมุนเวียนที่ได้รับผลกระทบจากการยุบเลิกทุนหมุนเวียนดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษ ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตรา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๓. ให้กระทรวงกลาโหมรับไปพิจารณาการใช้ประโยชน์ของโรงงานฟอกหนังเมื่อได้มีการยุบเลิกเงินทุนหมุนเวียนแล้วให้เหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||
26036 | สรุปผลการลงพื้นที่จังหวัดระยองของประธานกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) วันที่ 31 กรกฎาคม 2557 | นร11 | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบสรุปผลการลงพื้นที่จังหวัดระยองของประธานกรรมการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลตะวันออก (กพอ.) เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ วัตถุประสงค์ของการดูงาน เพื่อสำรวจความพร้อมของพื้นที่มาบตาพุดในการพัฒนาให้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมเชิงนิเวศและสำรวจพื้นที่โครงการเร่งด่วนภายใต้แผนการแก้ไขปัญหามาบตาพุดอย่างครบวงจรปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ จำนวน ๘ โครงการ วงเงิน ๖๗๗.๖๒ ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการ กพอ. ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ได้ให้ความเห็นชอบในหลักการโครงการ โดยให้ขอรับการสนับสนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมทั้งได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่และส่วนกลางที่เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังสภาพปัญหาที่ยังค้างอยู่ ทั้งการใช้ที่ดิน การขนส่งและจราจร มลพิษจากอุตสาหกรรม ขยะมูลฝอย และการรักษาพยาบาล เพื่อให้สามารถดูแลประชาชนและผู้ประกอบการ รวมถึงแรงงานในพื้นที่อย่างทั่วถึง ๑.๒ การมอบหมายงานแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๒.๑ มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรมกำกับโรงงานอุตสาหกรรมให้ลดการปล่อยมลพิษ โดยเฉพาะสารอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile Organic Compounds : VOCs) สู่บรรยากาศ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานและให้ลดน้อยลง โดยกำกับตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง และดูแลเรื่องการกำจัดขยะอันตรายให้สามารถกำจัดในพื้นที่ให้ได้มากที่สุดก่อนเคลื่อนย้ายไปกำจัดนอกพื้นที่ รวมทั้งป้องกันการลักลอบทิ้งขยะอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด ๑.๒.๒ มอบหมายจังหวัดระยองและเทศบาลเมืองมาบตาพุดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการเชื่อมโยงข้อมูลจากศูนย์เฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (Environmental Monitoring and Control Center : EMCC) ของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด รวมทั้งจากหน่วยงานอื่น ๆ มายังศูนย์บัญชาการตอบโต้สถานการณ์ฉุกเฉินและกระจายข่าวของเทศบาลเมืองมาบตาพุด เพื่อแจ้งเตือนประชาชนและชุมชนได้อย่างทันท่วงทีและทั่วถึงมากขึ้น ๑.๒.๓ มอบหมายเทศบาลเมืองมาบตาพุดพิจารณาออกแบบก่อสร้างปรับปรุงถนนปกรณ์สงเคราะห์ราษฎร์ โดยคำนึงถึงการรองรับน้ำหนักของรถบรรทุกที่สัญจร เพื่อไม่ให้ถนนทรุดเร็วเกินไป และจัดระเบียบการจราจรให้มีความปลอดภัย ๑.๒.๔ มอบหมายการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพิจารณาการปลูกป่าเพิ่มเติมเพื่อเป็นแนวป้องกันระหว่างนิคมอุตสาหกรรมกับชุมชน และสำรวจที่พักอาศัยของคนที่เข้ามาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และวางมาตรการป้องกันสารอันตรายที่อาจติดตัวแรงงานออกไป และมีผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน ๑.๒.๕ มอบหมายจังหวัดระยองและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยพิจารณาโครงข่ายถนนการขนส่งเชื่อมโยงพื้นที่กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดให้มีความสะดวก ปลอดภัย เพื่อให้สามารถอพยพประชาชนได้รวดเร็วกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ๑.๒.๖ มอบหมายจังหวัดระยองเป็นเจ้าภาพหารือร่วมกันระหว่างกลุ่มบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง เพื่อจัดทำโครงการบริหารจัดการขยะครบวงจร โดยแปลงขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า ในพื้นที่ศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยรวมแบบครบวงจรจังหวัดระยอง เพื่อให้มีระบบการกำจัดขยะอย่างยั่งยืน รวมถึงรณรงค์ให้มีการแยกประเภทขยะจากต้นทางให้ชัดเจนระหว่างขยะอุตสาหกรรม ขยะอันตราย และขยะชุมชน ๑.๒.๗ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออกจัดส่งข้อมูลให้กับคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อพิจารณาต่อไป ๑.๒.๘ นอกจากนี้ในเรื่องผังเมืองรวมมาบตาพุด ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการดำเนินงาน ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงการจัดโซนนิ่งพื้นที่อุตสาหกรรม และให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวและแนวป้องกันมลพิษด้วย ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติประชาสัมพันธ์โครงการที่สามารถเริ่มต้นดำเนินการได้ก่อนให้ทราบโดยทั่วกันด้วย |
|||||||||||||||||||||
26037 | แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน | กค | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการและแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน โดยการให้ชุมชนเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของสมาชิกในชุมชนผ่านองค์กรการเงินชุมชนที่เข้มแข็งและมีศักยภาพควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ นอกจากนี้ แนวทางดังกล่าวจะสร้างกลไกในการเจรจาประนอมหนี้ระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง ๒ ฝ่าย ซึ่งรวมถึงการสร้างกลไกในการพัฒนาและฟื้นฟูศักยภาพลูกหนี้ เพื่อให้ลูกหนี้มีศักยภาพในการหารายได้และสามารถชำระหนี้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปเป็นหนี้นอกระบบอีก ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อกระทรวงการคลังจะได้ดำเนินการต่อไป ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืนในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๓ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ กรมสรรพากร กรมบัญชีกลาง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินงานตามแนวทางดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบสามารถดำเนินการได้อย่างบูรณาการและยั่งยืน ให้กระทรวงการคลังประสานการดำเนินงานโดยให้เชื่อมโยงกับศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทยที่จัดตั้งขึ้นในทุกจังหวัดทั่วประเทศ และให้กระทรวงมหาดไทยรวบรวมข้อมูลหนี้นอกระบบในพื้นที่จัดส่งให้กระทรวงการคลังด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังคัดเลือกสถาบันการเงินเฉพาะกิจและองค์กรการเงินชุมชนที่จะเข้าร่วมโครงการ โดยคำนึงถึงสถานะการเงิน ความสามารถในการบริหารจัดการหนี้สิน รวมทั้งความสามารถในการฟื้นฟูศักยภาพลูกหนี้ ของสถาบันการเงินฯ ดังกล่าว เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไป ๔. ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกำกับดูแลการให้บริการบัตรเครดิตของธนาคารพาณิชย์และการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในภาพรวมของประชาชนให้เหมาะสมเพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการใช้จ่ายเงินเกินความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุประการหนึ่งของการก่อหนี้นอกระบบ |
|||||||||||||||||||||
26038 | การลงนามในแนวทางปฏิบัติว่าด้วยความร่วมมือที่เกี่ยวกับการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยานพลเรือนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Code of Conduct on Cooperation Relating to Civil Aviation Accident/ Incident Investigation) ระหว่างประเทศไทยกับองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) | คค | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบแนวทางปฏิบัติว่าด้วยความร่วมมือที่เกี่ยวกับการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยานพลเรือนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Code of Conduct on Cooperation Relating to Civil Aviation Accident/Incident Investigation) ๒. อนุมัติให้อธิบดีกรมการบินพลเรือนเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขแนวทางปฏิบัติดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมการบินพลเรือนดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก |
|||||||||||||||||||||
26039 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ใน ก.ค.ศ. (จำนวน 9 คน 1. นายกิตติรัตน์ มังคละคีรี ฯลฯ) | ศธ | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน ๙ คน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติ (๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗) ดังนี้
๑. นายกิตติรัตน์ มังคละคีรี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษา ๒. นางเบญจวรรณ สร่างนิทร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารงานบุคคล ๓. ศาสตราจารย์กิตติคุณ วิษณุ เครืองาม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๔. นายสมบัติ สุวรรณพิทักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการภาครัฐ ๕. นายกิจสุวัฒน์ หงส์เจริญ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารองค์กร ๖. นายสุชาติ วงศ์สุวรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศึกษาพิเศษ ๗. นายมนัส แจ่มเวหา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารธุรกิจหรือด้านเศรษฐศาสตร์ ๘. นายพันธุ์ศักดิ์ โรจนากาศ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการผลิตและพัฒนาครู ๙. นายอาวุธ วรรณวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือด้านการบริหารจัดการความรู้ หรือด้านการวิจัยและประเมินผล
|
|||||||||||||||||||||
26040 | แต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (จำนวน 6 คน 1. นายสมพร ใช้บางยาง ฯลฯ) | พม | 26/08/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติให้แต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน จำนวน ๖ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติ (๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้
๑. นายสมพร ใช้บางยาง ประธานกรรมการ ๒. นายสมคิด สิริวัฒนากุล กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน ๓. นายเจษฎา มิ่งสมร กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน ๔. นางละออ ชาญกาญจน์ กรรมการผู้แทนองค์กรชุมชน ๕. นางสาวสมสุข บุญญะบัญชา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. ศาสตราจารย์สุริชัย หวันแก้ว กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
.....