ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1302 จากทั้งหมด 6213 หน้า แสดงรายการที่ 26021 - 26040 จากข้อมูลทั้งหมด 124254 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26021 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ. (หม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล) | นร10 | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งหม่อมหลวงพัชรภากร เทวกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ. สำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคำสั่งให้ข้าราชการรักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าว เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26022 | รายงานการร้องเรียนของประชาชน | นร01 | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานการร้องเรียนของประชาชนที่เดินทางมาร้องเรียน ณ ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ จำนวน ๔ กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มผู้ประกอบการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตในประเทศไทย กลุ่มประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม กลุ่มชมรมผู้ค้าน้ำมันจังหวัดนนทบุรี และสถาบันการจัดการที่ดินชุมชนแนวใหม่ ๕ ภาค (สกทช.) ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ ๒. มอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ดังนี้ ๒.๑ กรณีกลุ่มผู้ประกอบการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตในประเทศไทย ขอความอนุเคราะห์ในการปกป้องผู้ประกอบการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการนำเข้าเหล็กเส้นจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (หม่อมราชวงศ์ปรีดิยาธร เทวกุล) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ๒.๒ กรณีกลุ่มประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ขอให้พิจารณาตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมในการบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ในคดีระหว่างบริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด กับ บริษัท ไทยประสิทธิผล จำกัด มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ๒.๓ กรณีกลุ่มชมรมผู้ค้าน้ำมันจังหวัดนนทบุรี ขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีน้ำมันขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี เนื่องจากมีการออกข้อบัญญัติเรียกเก็บภาษีดังกล่าวในอัตราที่สูงทำให้ผู้ค้าน้ำมันในจังหวัดนนทบุรีได้รับความเดือดร้อน มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับไปเร่งรัดให้กระทรวงมหาดไทย โดยจังหวัดนนทบุรีดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงกับกลุ่มผู้ร้องเรียนต่อไป ๒.๔ กรณีสถาบันการจัดการที่ดินชุมชนแนวใหม่ ๕ ภาค (สกทช.) ขอให้พิจารณาออกเอกสารสิทธิที่ดินให้แก่ราษฎรในพื้นที่ที่ไม่มีหน่วยงานใดรับผิดชอบและพื้นที่เขตป่าเขาฉกรรจ์โนนสาวเอ้ให้แก่ราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยในพื้นที่อำเภอวังสมบูรณ์ จังหวัดสระแก้ว มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||
26023 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมรายการค่าจ้างศึกษาออกแบบรายละเอียดระบบขนส่งมวลชนเมืองนครราชสีมาและการพัฒนาระบบเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารกับระบบรถไฟความเร็วสูงเขตพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นค่าจ้างศึกษาความเหมาะสมและออกแบบระบบรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย - เชียงใหม่ ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร | คค | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร จากเดิม รายการค่าจ้างศึกษาออกแบบรายละเอียดระบบขนส่งมวลชนเมืองนครราชสีมาและการพัฒนาระบบเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารกับระบบรถไฟความเร็วสูงเขตพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา กรอบวงเงิน ๑๑๗.๖๘๓๐ ล้านบาท เป็น ค่าจ้างศึกษาความเหมาะสมและออกแบบระบบรถไฟทางคู่ ขนาดทาง ๑.๐๐ เมตร (Meter Gauge) ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ งบประมาณทั้งสิ้น ๑๑๗.๖๘๓๐ ล้านบาท โดยปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ตั้งงบประมาณ ๒๓.๕๓๖๖ ล้านบาท ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ตั้งงบประมาณผูกพันจำนวน ๕๑.๐๖๘๘ ล้านบาท และปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ตั้งงบประมาณผูกพันจำนวน ๔๓.๐๗๗๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม (สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในประเด็นด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ การจ้างศึกษาและออกแบบเกี่ยวกับการขนส่งระบบรางดังกล่าว ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ที่กำหนดให้ทุกส่วนราชการที่จะมีการจัดซื้อจัดจ้างหรือดำเนินโครงการซึ่งต้องมีการจ้างที่ปรึกษาโครงการพิจารณาจ้างหรือเพิ่มสัดส่วนการจ้างที่ปรึกษาที่เป็นนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญชาวไทย เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และลดการจ้างที่ปรึกษาจากต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการประหยัดงบประมาณและส่งเสริมการจ้างงานภายในประเทศด้วย |
|||||||||||||||||||||
26024 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากเดิมรายการค่าจ้างศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นระบบเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารกับระบบรถไฟความเร็วสูงเขตพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นค่าจ้างศึกษาและออกแบบกรอบรายละเอียด (Definitive Design) รถไฟทางคู่ขนาดทางมาตรฐาน ช่วงนครราชสีมา - แหลมฉบัง - มาบตาพุด และช่วงแก่งคอย - บ้านภาชี - บางซื่อ ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร | คค | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการการเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร จากเดิม รายการค่าจ้างศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นระบบเชื่อมต่อการเดินทางของผู้โดยสารกับระบบรถไฟความเร็วสูงเขตพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก กรอบวงเงิน ๔๙.๓๐๔๐ ล้านบาท เป็น ค่าจ้างศึกษาและออกแบบกรอบรายละเอียด (Definitive Design) รถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน ช่วงนครราชสีมา-แหลมฉบัง-มาบตาพุด และช่วงแก่งคอย-บ้านภาชี-บางซื่อ งบประมาณทั้งสิ้น ๔๙.๓๐๔๐ ล้านบาท โดยปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ตั้งงบประมาณ ๙.๘๖๐๘ ล้านบาท ปีงบประมาณ ๒๕๕๘ ตั้งงบประมาณผูกพันจำนวน ๓๔.๕๑๒๘ ล้านบาท และปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ตั้งงบประมาณผูกพันจำนวน ๔.๙๓๐๔ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้กระทรวงคมนาคม (สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร) ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับประเด็นด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ ฯ หากโครงการรถไฟฟ้าทางคู่ขนาดมาตรฐาน ช่วงนครราชสีมา-แหลมฉบัง-มาบตาพุด และช่วงแก่งคอย-บ้านภาชี-บางซื่อ ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เข้าข่ายต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดโครงการ หรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ กระทรวงคมนาคมต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการดังกล่าว ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป และให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อนำผลการศึกษาโครงการรถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกมาใช้ประกอบในการพิจารณาศึกษาแนวเส้นทางที่เหมาะสมของโครงการ ช่วงนครราชสีมา-แหลมฉบัง-มาบตาพุด รวมทั้งพิจารณาปรับเพิ่มขอบเขตงานการศึกษาในด้านการวิเคราะห์ทางเลือกของการพัฒนา รูปแบบการลงทุน และการเปรียบเทียบความเหมาะสมของโครงการฯ ระหว่างการพัฒนารถไฟขนาดทางมาตรฐานความเร็ว ๑๖๐-๑๘๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง และรถไฟความเร็วสูง เพื่อให้การพัฒนาระบบรถไฟขนาดทางมาตรฐานของประเทศสามารถตอบสนองต่อพฤติกรรมและความต้องการเดินทางและขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. สำหรับการจ้างศึกษาและออกแบบเกี่ยวกับการขนส่งระบบรางดังกล่าว ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ที่กำหนดให้ทุกส่วนราชการที่จะมีการจัดซื้อจัดจ้างหรือดำเนินโครงการซึ่งต้องมีการจ้างที่ปรึกษาโครงการ พิจารณาจ้างหรือเพิ่มสัดส่วนการจ้างที่ปรึกษาที่เป็นนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญชาวไทย เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้และลดการจ้างที่ปรึกษาจากต่างประเทศซึ่งจะเป็นการประหยัดงบประมาณและส่งเสริมการจ้างงานภายในประเทศด้วย |
|||||||||||||||||||||
26025 | การรายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง | กค | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรายงาน ดังนี้
๑. ได้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยไปร่วมการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี ๒๕๕๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๙-๑๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ สำนักงานใหญ่ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยได้ชี้แจงถึงนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นผ่านการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และนโยบายในการเตรียมวางรากฐานให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ยั่งยืนในระยะยาว เช่น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การปฏิรูปภาษีให้มีความเป็นธรรมมากขึ้น การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจให้มีความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล แม้เศรษฐกิจไทยจะเผชิญความเสี่ยงหลายด้านแต่ยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะทุนสำรองระหว่างประเทศที่อยู่ในระดับสูง และฐานะการคลังของไทยที่เข้มแข็ง ทั้งนี้ พบว่าผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นชาวต่างชาติมีความเข้าใจในสถานการณ์ทางการเมืองของไทยมากขึ้น เนื่องจากพัฒนาการต่าง ๆ ของไทยเป็นไปตาม Roadmap ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติกำหนดไว้ โดยมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ เป็นต้น ๒. ได้ร่วมในพิธีลงนามในความตกลงเพื่อการจัดตั้งสำนักงานวิจัยเศรษฐกิจมหภาคของภูมิภาคอาเซียน+๓ (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) (ASEAN+3 Macroeconomic Research Office : AMRO) มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับ AMRO จากสถานะบริษัทจำกัดขึ้นเป็นองค์การระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในการเป็นหน่วยงานติดตาม ประเมินและเฝ้าระวังทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน+๓ และสนับสนุนการดำเนินงานของมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี (Chiang Mai Initiative Multilateralisation : CMIM) ซึ่งเป็นกลไกทางการเงินที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน+๓ ในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กันและกันในกรณีที่ประเทศสมาชิกประสบวิกฤตหรือกำลังจะประสบวิกฤตเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความช่วยเหลือที่เสริมเพิ่มเติมจากความช่วยเหลือทางการเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF)
|
|||||||||||||||||||||
26026 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 | อก | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขกฎกระทรวงประเภทหรือชนิดของโรงงานเพื่อกำหนดให้กิจการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติหลัก ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง และกิจการพลังงานอื่น ๆ เช่น การประกอบกิจการโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ การประกอบกิจการโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานลม ตามกฎหมายที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน ไม่ใช่การประกอบกิจการโรงงานที่ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.๔) ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบหลังจากการปรับแก้ไขกฎกระทรวงฉบับนี้ ได้แก่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และคณะกรรมการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง เร่งหามาตรการควบคุมพื้นที่ให้อนุญาตสำหรับการประกอบกิจการตามความเหมาะสม โดยให้ความสำคัญต่อผลกระทบที่อาจมีต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม และความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนบริเวณใกล้เคียง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งหรือข้อร้องเรียนระหว่างประชาชนและผู้ประกอบการในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
26027 | การสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม | มท | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ทุกกระทรวงสั่งการให้ส่วนราชการในสังกัดทั้งส่วนราชการส่วนกลางที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัด อำเภอ ส่วนราชการส่วนภูมิภาค รัฐวิสาหกิจในสังกัด ให้การสนับสนุนด้านบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ ข้อมูลงานบริการประชาชนด้านต่าง ๆ หรือด้านงบประมาณ ในการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ตามความเหมาะสมและจำเป็น ๑.๒ ให้ทุกกระทรวงสั่งการให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในสังกัด สนับสนุนการจัดทำข้อมูล งานบริการประชาชน ข้อมูลข่าวสารสำคัญที่ประชาชนควรทราบ ข้อมูล กฎ ระเบียบ เงื่อนไข ขั้นตอน การพิจารณาอนุมัติ/อนุญาต ในอำนาจหน้าที่ของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ข้อมูลรายชื่อเจ้าหน้าที่พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อขอทราบข้อมูล หรือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนตลอด ๒๔ ชั่วโมง และช่องทางการส่งเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ หรืองานบริการอื่น ๆ ๒. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้กระทรวงมหาดไทยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี รายการที่หมดความจำเป็นหรือรายการที่มีเงินเหลือจ่ายในการดำเนินการในโอกาสแรกก่อน โดยให้กระทรวงมหาดไทย ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินให้ชัดเจน แล้วขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ หากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไม่เพียงพอ ก็ให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปดำเนินการ ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงมหาดไทยเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ขอความร่วมมือให้ฝ่ายต่าง ๆ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้แก่ ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายสังคมจิตวิทยา ฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และฝ่ายกิจการพิเศษ สนับสนุนข้อมูลต่าง ๆ ในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน หรือที่ประชาชนควรทราบให้แก่ศูนย์ดำรงธรรมด้วย ๔. ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งจัดทำกรอบภารกิจและแนวทางการปฏิบัติงานในเรื่องต่าง ๆ ของศูนย์ดำรงธรรมให้ชัดเจน รวมทั้งให้จัดทำแผนการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรมในระยะต่อไป (ระยะที่ ๒) ให้เหมาะสมชัดเจน โดยควรพิจารณากำหนดให้ศูนย์ดำรงธรรมมีอัตรากำลังรองรับการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบภารกิจที่กำหนดขึ้นเป็นการเฉพาะ และให้มีเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) ที่ชัดเจนด้วย |
|||||||||||||||||||||
26028 | มาตรการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2557/2558 | กษ | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสถานการณ์น้ำ ซึ่งเป็นการสรุปปริมาณฝนในช่วงฤดูฝนปี ๒๕๕๗ สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลุ่มน้ำแม่กลอง และลุ่มน้ำอื่น ๆ และเห็นชอบการงดส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง โดยให้มีการออกประกาศทางราชการแจ้งพื้นที่ที่ให้งดการส่งน้ำและงดการทำนาปรังในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ รวม ๒๖ จังหวัด ทั้งนี้ การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยในพื้นที่งดส่งน้ำและงดทำนาปรัง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานตามมาตรการแก้ปัญหาผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ในกรอบวงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๓๗๗,๗๙๐,๐๐๐ บาท และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณโดยตรงต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในระยะ ๓ เดือนแรก) โดยให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกกับการดำเนินโครงการเพื่อการปรับปรุง/ซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่เดิมมากกว่าการก่อสร้างใหม่ รวมทั้งให้พิจารณาใช้แรงงานจากประชาชนในพื้นที่เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่นั้น ๆ ด้วย ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยติดตามสถานการณ์ที่มีเกษตรกรบางส่วนยังคงปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลองที่ให้งดการส่งน้ำเพื่อการเพาะปลูก และอาจได้รับความเสียหายจากการไม่มีน้ำเพียงพอได้ ๔. ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศให้เหมาะสมสอดคล้องกับปริมาณน้ำที่กักเก็บได้ และความต้องการใช้น้ำในพื้นที่เกษตรกรรมทั้งที่อยู่ในเขตและนอกเขตชลประทาน รวมทั้งความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนการใช้พื้นที่การเพาะปลูกให้เหมาะสม (Zoning) และประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เกษตรกรและสาธารณชนผู้สนใจได้รับทราบโดยทั่วถึงกันด้วย |
|||||||||||||||||||||
26029 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ลาออก | วท | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ แทนนายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ลาออก โดยให้ดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26030 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร10 | 14/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๕๒ เพื่อจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมจริยธรรมขึ้นในสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทำหน้าที่ส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมให้แก่ข้าราชการพลเรือน และแก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของศูนย์นักบริหารระดับสูง เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพของงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามอำนาจหน้าที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26031 | ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน ในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 12 และร่างปฏิญญากังวอนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน | ทส | 07/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๒ โดยร่างแถลงการณ์ฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันในระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ๑.๒ เห็นชอบในการรับรองร่างปฏิญญากังวอนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีการลงนาม และมอบหมายให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้ร่วมรับรองปฏิญญาฯ ๑.๓ เห็นชอบประเด็นนำเสนอแลกเปลี่ยนสำหรับหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย การบูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและวาระหลังปี ๒๐๑๕ การบูรณาการแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติสู่การพัฒนาในระดับประเทศและท้องถิ่น การวางแผนพัฒนาและกลยุทธ์ขจัดความยากจน การใช้ระบบนิเวศที่สมบูรณ์เพื่อบรรเทาผลกระทบ/แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ท้าทายในระดับโลก และความหลากหลายทางชีวภาพและเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ฯ และร่างปฏิญญาฯ ที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) เกี่ยวกับด้านต่างประเทศด้วย |
|||||||||||||||||||||
26032 | การปรับปรุงคำสั่งมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค | นร04 | 07/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการปรับปรุงคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๒๑/๒๕๕๗ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับและติดตามการปฏิรูปราชการในภูมิภาค เพื่อให้การตรวจราชการตามคำสั่งดังกล่าวครอบคลุมถึงการตรวจสอบความถูกต้องในการดำเนินโครงการและการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ และให้คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดมีส่วนร่วมในการตรวจสอบด้วย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26033 | ร่างกฎบัตรสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย | กต | 07/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างกฎบัตรสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association : IORA) ซึ่งระบุวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกรอบความร่วมมือสาขาความร่วมมือหลัก ประกอบด้วย ความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การจัดการด้านการประมง การจัดการความเสี่ยงของภัยพิบัติ ความร่วมมือด้านวิชาการ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม โดยยึดหลักฉันทามติการปรับตัวเปลี่ยนแปลง และการไม่แทรกแซงในการดำเนินงาน การเปิดกว้างสมาชิกภาพให้กับรัฐอธิปไตยในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย การให้สถานะคู่เจรจาหรือผู้สังเกตการณ์แก่รัฐหรือองค์กรอื่น กลไกการทำงาน (สภารัฐมนตรี คณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโส เวทีภาคธุรกิจ คณะทำงานด้านวิชาการ คณะทำงานด้านการค้าและการลงทุน ฯลฯ) บทบาทและหน้าที่ของสำนักเลขาธิการและเลขาธิการสมาคม การแต่งตั้งและวาระการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการสมาคม การจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะทางเพื่อส่งเสริมกิจกรรมความร่วมมือ แหล่งที่มาและการบริหารจัดการงบประมาณและกองทุนพิเศษ และการรับรองและแก้ไขกฎบัตร ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมลงนามและให้การรับรองร่างกฎบัตรดังกล่าว (ในกรณีนี้มอบหมายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ) ๑.๓ ในกรณีที่ร่างกฎบัตรดังกล่าวเป็นหนังสือสัญญา มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างกฎบัตรดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่องข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) เกี่ยวกับด้านต่างประเทศด้วย |
|||||||||||||||||||||
26034 | เอกสารผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 14 | กต | 07/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์เพิร์ทสำหรับการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ ๑๔ (14th Meeting of Council of Minister of Indian Ocean Rim Association) และร่างปฏิญญาด้านเศรษฐกิจ IORA หรือปฏิญญาสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association : IORA) ว่าด้วยหลักการร่วมสำหรับการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน โดยร่างเอกสารทั้งสองฉบับเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ด้านนโยบายทางการเมืองร่วมกันของรัฐสมาชิก IORA โดยกำหนดแนวทางเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายร่วมกันเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย โดยมุ่งให้เกิดความร่วมมือและการตระหนักถึงประเด็นด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สตรีและเด็ก ความมั่นคง การจัดการความเสี่ยงของภัยพิบัติ และความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองร่างเอกสารทั้งสองฉบับ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารทั้งสองฉบับที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) เกี่ยวกับด้านต่างประเทศด้วย |
|||||||||||||||||||||
26035 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสุรเดช วลีอิทธิกุล) | รง | 07/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุรเดช วลีอิทธิกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26036 | การโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ( นักบริหารระดับสูง) (นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ) | นร04 | 07/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งนายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้กำหนดชื่อในสายงานตามตัวบุคคลผู้ได้รับการแต่งตั้ง โดยยังคงตำแหน่งในสายงานเดิมและให้ผู้ได้รับแต่งตั้งได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโยชน์อื่นที่ได้รับอยู่เดิม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26037 | การมอบหมายให้ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ และมอบอำนาจการบังคับบัญชาให้รัฐมนตรี | นร04 | 07/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๓๔/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ เรื่อง มอบหมายให้ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ และมอบอำนาจการบังคับบัญชาให้รัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26038 | การปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่างๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี | นร04 | 07/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๑๓๒/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามกฎหมาย และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการพิจารณาการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ และคณะกรรมการพิจารณาการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26039 | ขอความเห็นชอบหลักการให้ข้าราชการการเมืองตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีต้องไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ | นร | 07/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักการให้ข้าราชการการเมืองตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. ๒๕๓๕ และกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีต้องไม่กระทำการใด ๆ อันเป็นการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ดังนี้ ๑.๑ ต้องไม่ดำรงตำแหน่งกรรมการหรือที่ปรึกษาของรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือองค์กรอื่นของรัฐ เว้นแต่การเป็นกรรมการตามที่กฎหมายบัญญัติหรือได้รับแต่งตั้งในการบริหารราชการแผ่นดิน ๑.๒ ต้องไม่เป็นคู่สัญญาอันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอนหรือมีผลประโยชน์ใด ๆ ขัดหรือแย้งกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือองค์กรอื่นของรัฐ ทั้งนี้ โดยให้มีผลภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ๒. เห็นชอบในหลักการให้แก้ไขความในข้อ ๑๑ แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๖ ให้สอดคล้องตามหลักการในข้อ ๑ โดยมอบหมายให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ดังกล่าว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
26040 | แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | นร | 07/10/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพเภสัชกรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
.....