ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1310 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26181 - 26200 จากข้อมูลทั้งหมด 124011 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26181 | ขอกำหนดตำแหน่งเพิ่มใหม่ (เพื่อบรรจุพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 - 2558) | สธ | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติจัดสรรตำแหน่งข้าราชการเพิ่มใหม่ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ สำหรับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน ๙,๐๗๔ อัตรา ดังนี้ ๑.๑ เพื่อบรรจุพยาบาลและบุคลากรทางสาธารณสุข จำนวน ๗,๕๔๗ อัตรา ๑.๒ เพื่อบรรจุนักศึกษาแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ และเภสัชกร ที่สำเร็จการศึกษาและได้รายงานตัวเข้าปฏิบัติราชการชดใช้ทุนแล้ว ในวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๗ จำนวน ๑,๕๒๗ อัตรา ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการดำเนินการตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐกำหนดไว้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง แนวทางการจัดอัตรากำลังและการบริหารจัดการในภารกิจบริการด้านสุขภาพ) รวมทั้งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง มาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑)] ให้ครบถ้วน ก่อนขอรับการจัดสรรตำแหน่งข้าราชการเพิ่มใหม่เพื่อบรรจุพยาบาลและบุคลากรทางสาธารณสุข ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อไป ๓. มอบหมายให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยานำเรื่องการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการระบบบริการสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขในภาพรวม เสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมที่จะจัดตั้งขึ้นตามแนวทางการปฏิรูปประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในระยะที่ ๒ เพื่อพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
26182 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี (กรณีพิเศษ) แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด | ยธ | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบในหลักการการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นในอัตราไม่เกิน ๑๐,๖๓๖ คน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น ไม่เกินร้อยละ ๒.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๓๕๐,๙๑๐ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๘,๗๗๒ คน ๑.๒ ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีผลการปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่น ไม่เกินร้อยละ ๐.๕ ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๓๗๒,๘๗๒ คน คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๑,๘๖๔ คน ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทาง มาตรการ และหลักเกณฑ์ในการวัดผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้สะท้อนถึงผลสัมฤทธิ์ของการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านยาเสพติดที่มีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมชัดเจน เพื่อใช้สำหรับการพิจารณาบำเหน็จความชอบประจำปี (กรณีพิเศษ) ในปีต่อ ๆ ไป เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ของปัญหายาเสพติดในหลายพื้นที่ยังคงมีความรุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง |
|||||||||||||||||||||||||||
26183 | ขออนุมัติปรับกรอบวงเงินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ สำหรับเป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแหล่งเงินกู้จากต่างประเทศ เป็นเงินกู้ในประเทศของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติขยายกรอบวงเงินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สำหรับเป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากการเปลี่ยนแหล่งเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan International Cooperation Agency : JICA) เป็นเงินกู้ในประเทศสำหรับค่าก่อสร้างงานโยธา จำนวน ๖๖๙,๒๘๗,๕๙๗ บาท มีผลทำให้กรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เปลี่ยนแปลง จากเดิม ๓๖,๐๕๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพิ่มเป็นจำนวน ๓๖,๖๗๑,๒๘๗,๕๙๗ บาท ๑.๒ อนุมัติวงเงินสำหรับเป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มของค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ จำนวน ๑๗,๘๕๔,๗๘๖.๘๘๐ บาท ซึ่งวงเงินที่เพิ่มขึ้นยังอยู่ภายในกรอบวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ๑.๓ เห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กู้เงินในส่วนของวงเงินภาษีมูลค่าเพิ่มที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๔๓ มาตรา ๗๕ (๓) โดยกระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมและค้ำประกันเงินกู้ และสำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้จ่ายเงินจริง ๑.๔ อนุมัติในหลักการให้ขยายกรอบวงเงินโครงการสำหรับค่าภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราที่ประมวลรัษฎากรเรียกเก็บ กรณีกรมสรรพากรเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากที่ประกาศไว้ในประมวลรัษฎากร โดยมิต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก ๒. ให้ รฟม. ดำเนินการตามประกาศและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. เร่งรัดการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ให้แล้วเสร็จและสามารถเปิดให้บริการแก่ประชาชนได้โดยเร็วภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
26184 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อนำไปชำระค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อมปีงบประมาณ 2558 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | คค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กู้เงินนำไปชำระค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและค่าเหมาซ่อมปีงบประมาณ ๒๕๕๘ จำนวน ๔,๔๐๑.๙๙๘ ล้านบาท (ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง จำนวน ๒,๘๗๐.๘๖๓ ล้านบาท และค่าเหมาซ่อม จำนวน ๑,๕๓๑.๑๓๕ ล้านบาท) เพื่อแก้ปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน และให้เกิดการประหยัดดอกเบี้ยจ่ายกรณีผิดนัดชำระหนี้ ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ในการกู้เงิน ตามที่ ขสมก. เสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไปดำเนินการด้วย ๓. ให้หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจรับไปประสานงานกับกระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการดำเนินการจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติให้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๕๘ โดยควรแบ่งการดำเนินการจัดซื้อเป็นระยะ ๆ สำหรับระยะแรกควรเป็นการจัดซื้อรถโดยสารที่ประกอบสำเร็จและพร้อมใช้งาน เพื่อให้สามารถนำมาให้บริการประชาชนทดแทนรถโดยสารเดิมได้ทันทีและจะช่วยให้ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินรถของ ขสมก. ลงจากเดิมได้ด้วย ส่วนการจัดซื้อรถโดยสารในระยะต่อไปสามารถจัดซื้อรถโดยสารที่ประกอบภายในประเทศได้ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐติดตามตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อดังกล่าวให้มีความถูกต้อง โปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน รวมตลอดถึงการกำหนดคุณลักษณะของรถโดยสาร (specification) ให้เหมาะสมด้วย ๔. ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. พิจารณาปรับเส้นทางเดินรถโดยสารทั้งระบบให้เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงในด้านปริมาณผู้โดยสาร ลดความซ้ำซ้อนของรถโดยสารบนถนนสายหลักสามารถปฏิรูประบบรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้ รวมทั้งมีความเชื่อมโยงกับระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนสายต่าง ๆ ด้วย ๕. ให้กระทรวงคมนาคม โดย ขสมก. รับไปประสานงานกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องสถานีเติมก๊าซธรรมชาติให้เพียงพอต่อความต้องการของ ขสมก. เพื่อให้ ขสมก. สามารถให้บริการเดินรถได้อย่างต่อเนื่องและคล่องตัว |
|||||||||||||||||||||||||||
26185 | การแจ้งบทบัญญัติที่ไทยพร้อมปฏิบัติภายใต้ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้าขององค์การการค้าโลก | พณ | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบบทบัญญัติที่พร้อมปฏิบัติได้ทันทีที่ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Facilitation Agreement : TFA) มีผลใช้บังคับ (Category A) และการแจ้งบทบัญญัติ Category A ดังกล่าว ต่อองค์การการค้าโลก ภายในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการประสานงานอย่างต่อเนื่องกับหน่วยงานที่ต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับบทบัญญัติที่พร้อมปฏิบัติได้ทันทีที่ความตกลงฯ มีผลใช้บังคับ (Category A) เพื่อให้หน่วยงานสามารถเตรียมความพร้อมเสร็จได้ทันตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด รวมทั้งการเตรียมการที่ต่อเนื่องในการปฏิบัติตามบทบัญญัติที่ต้องการระยะเวลาปรับตัวก่อนการปฏิบัติ (Category B) และบทบัญญัติที่ต้องการความช่วยเหลือเพื่อสร้างความพร้อมในการปฏิบัติ (Category C) และควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการไทยทราบถึงแนวปฏิบัติซึ่งมีข้อผูกพันภายใต้บทบัญญัติฯ เพื่อให้สามารถใช้เป็นแนวทางในการปรับตัวให้สอดคล้องกับเงื่อนไข ระเบียบข้อปฏิบัติ และมาตรฐานในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และข้อสังเกตของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับ Article 6 เรื่องระเบียบในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า-ส่งออก ข้อ ๓ บทลงโทษ ข้อย่อย ๓.๔ ประเทศจะต้องแน่ใจว่าคงไว้ และ Article 10 เรื่องพิธีการศุลกากร การนำเข้า ส่งออก และการผ่านแดน ข้อ ๘ การคืนสินค้า (Rejected Goods) รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุขที่ไม่ควรกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ยาสูบและการดำเนินธุรกิจยาสูบอยู่ในรายการสินค้าและบริการของข้อตกลงหรือกรอบการเจรจาการค้าฯ ใด ๆ ในทุกมิติ และหากผลิตภัณฑ์ยาสูบอยู่ในรายการสินค้าที่ต้องเจรจา ประเทศไทยไม่ควรยอมรับการกำหนดภาษีนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบให้เป็นร้อยละศูนย์ หรือลดอัตราภาษีพิเศษ ให้น้อยกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
26186 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์ไว้ใช้ในราชการ | นร51 | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรอนุมัติในหลักการให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๒ รายการค่าเช่ารถยนต์ไว้ใช้ในราชการ จำนวน ๒๙๕ คัน ประกอบด้วย รถยนต์โดยสาร ๑๒ ที่นั่ง (ดีเซล) จำนวน ๘๗ คัน และรถยนต์บรรทุก ๑ ตัน (๔ ประตู, ดีเซล) จำนวน ๒๐๘ คัน ภายในกรอบวงเงินทั้งสิ้น ๓๔๖,๘๙๓,๕๘๐ บาท เป็นกรณีเฉพาะรายตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้ กอ.รมน. ใช้จ่ายจากการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ภายใต้แผนงานรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ ผลผลิตการรักษาความมั่นคงของรัฐ งบดำเนินงาน รายการค่าเช่าบ้าน จำนวน ๕,๖๘๖,๗๘๐ บาท มาดำเนินการ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป สำหรับส่วนที่เหลือให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๒ และพิจารณาตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีรองรับตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ทั้งนี้ สำหรับอัตราค่าเช่ารถยนต์ที่สูงกว่าเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด เห็นสมควรให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้ กอ.รมน. ขอทำความตกลงอัตราค่าเช่ารถยนต์กับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ก่อนดำเนินการทำสัญญาเช่ารถยนต์ต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
26187 | การขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ | พณ | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเพิ่มวงเงินค่าเช่าอาคารสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น จากเดิมปีละ ๑๕,๙๗๔,๙๐๔ เยน หรือเท่ากับ ๕,๑๑๒,๐๐๐ บาท เป็นปีละ ๑๖,๕๐๐,๐๐๐ เยน หรือเท่ากับ ๕,๒๘๐,๐๐๐ บาท คิดอัตราแลกเปลี่ยน ๑ เยน เท่ากับ ๐.๓๒ บาท หรือไม่เกินวงเงินตามสกุลเงินท้องถิ่นกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ให้พิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบดำเนินงาน รายการค่าเช่าสำนักงานในต่างประเทศ ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแนวทางตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง โครงการบูรณาการงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ) ที่ให้ดำเนินการบูรณาการงานบริหารภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ และสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว รวมทั้งนโยบายการใช้พื้นที่ร่วมกัน (One Roof Policy) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครนิวยอร์ก) ไปพิจารณาดำเนินการในโอกาสต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26188 | ขอความเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการขยายผลการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม | ศธ | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการขยายผลการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม และอนุมัติกรอบวงเงินสำหรับการดำเนินโครงการฯ รวม ๑,๓๐๐,๖๒๔,๗๖๐ บาท ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยมีรายการงบประมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินการ ประกอบด้วย ๑.๑ การจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน ๑,๑๙๙,๖๒๒,๐๐๐ บาท ๑.๒ การจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จำนวน ๒,๐๘๐,๐๐๐ บาท ๑.๓ การอบรมผู้บริหารและครูปลายทาง จำนวน ๖๑,๒๔๒,๗๖๐ บาท ๑.๔ การประชาสัมพันธ์ จำนวน ๖,๖๘๐,๐๐๐ บาท ๑.๕ การกำกับ นิเทศติดตาม และประเมินผล จำนวน ๓๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการฯ โดยยึดหลักความพร้อมและความจำเป็นในการปฏิบัติงานจริง โดยในส่วนของการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องมีความครบถ้วนให้สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มศักยภาพ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอบรมผู้บริหารและครูปลายทาง การประชาสัมพันธ์ และการกำกับนิเทศติดตามและประเมินผล ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ได้จัดสรรงบประมาณไว้แล้วไปดำเนินการตามความจำเป็นและเหมาะสมในโอกาสแรกก่อน ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของครูโรงเรียนปลายทาง ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจในกระบวนการจัดการศึกษาด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล มีศักยภาพในการปรับใช้ในการจัดการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา การสร้างแรงจูงใจการเรียนรู้ของผู้เรียน การเป็นผู้ช่วยเหลือแนะแนวทางหรืออธิบายเพิ่มเติมประกอบการเรียนทางไกล รวมทั้งการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้แก่ผู้เรียนถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเองในการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
26189 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้นิติบุคคลอื่นเป็นลูกหนี้ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และกำหนดหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการลูกหนี้ พ.ศ. .... | สลธ.คสช. | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้นิติบุคคลอื่นเป็นลูกหนี้ในกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และกำหนดหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการของลูกหนี้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎกระทรวงกำหนดให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเป็นลูกหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย และให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแล และติดตามตรวจสอบการดำเนินกิจการของสหกรณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สหกรณ์ดำเนินการโดยถูกต้อง เป็นไปตามข้อกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่ถูกต้อง และไม่เกิดปัญหาในการดำเนินกิจการอันจะส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้เป็นสมาชิกของสหกรณ์นั้น ๆ |
|||||||||||||||||||||||||||
26190 | ร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลใช้บังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (เพิ่มเติม) รวม 12 ฉบับ | สลธ.คสช. | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติที่ควรเร่งรัดให้มีผลใช้บังคับตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (เพิ่มเติม) รวม ๑๒ ฉบับ ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และเมื่อมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วให้เสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... (กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนในการดำเนินการผลิตการพัฒนาและการเผยแพร่สื่อที่มีคุณภาพ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพฤติกรรมที่ดีของเด็กและเยาวชน ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาสื่อ) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. .... (ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี พระรัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบรมวงศานุวงศ์ ผู้แทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ เพื่อบูรณาการการถวายความปลอดภัยของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กองทัพไทย กองทัพบก กองทัพอากาศ กองทัพเรือ และกำลังตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ให้มีความเป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น) ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ พ.ศ. .... (กำหนดหลักเกณฑ์การรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ การรับขนทางอากาศภายในประเทศ การรับขนร่วมกัน การรับขนทางอากาศโดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช้คู่สัญญา และการฟ้องเรียกค่าเสียหาย เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการรวบรวมกฎเกณฑ์บางประการเกี่ยวกับการรับขนทางอากาศระหว่างประเทศ ค.ศ. ๑๙๙๙) ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. .... (ปรับปรุงพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. ๒๕๒๕ โดยเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการออกใบรับรองระบบการประกันคุณภาพอาหารสัตว์ และใบรับรองอื่นที่เกี่ยวข้องกับอาหารสัตว์ การเลิกกิจการและการโอนกิจการ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมในเรื่องการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การออกใบรับรอง และการขึ้นทะเบียนอาหารสัตว์เพื่อประโยชน์ด้านคุณภาพอาหารสัตว์และคุ้มครองผู้บริโภค) ๑.๕ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... (กำหนดมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยห้ามผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเปิดเผยข้อมูลที่อยู่ในความครอบครองหรือความดูแลของตน เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน เพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากข้อมูลส่วนบุคคล) ๑.๖ ร่างพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. .... (ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยลดขั้นตอนการจัดรูปที่ดินให้สามารถดำเนินการได้เร็ว และส่งเสริมให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการดำเนินการ รวมทั้งนำหลักการของกฎหมายว่าด้วยคันและคูน้ำมากำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัตินี้และยกเลิกกฎหมายดังกล่าว) ๑.๗ ร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขโครงสร้างผู้ถือหุ้นเพื่อแก้ไขปัญหากรณีบริษัทประกันชีวิตให้สามารถหาผู้ถือหุ้นที่เป็นนิติบุคคลและมีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนดได้ และกำหนดให้กองทุนชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ผู้เอาประกันภัยแทนบริษัทประกันชีวิตที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันภัย) ๑.๘ ร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [สาระสำคัญทำนองเดียวกับร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ๑.๙ ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ยกฐานะสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ขึ้นเป็นกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โดยให้เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลรับผิดชอบงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ) ๑.๑๐ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามสิ่งยั่วยุพฤติกรรมอันตราย พ.ศ. .... (กำหนดมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับวัตถุลามก เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก) ๑.๑๑ ร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับมาตราชั่งตวงวัด ให้เหมาะสมและปรับปรุงให้ทันสมัย เหมาะสมกับสภาวการณ์และความจำเป็นทางเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น) ๑.๑๒ ร่างพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... (กำหนดการกำกับดูแลและส่งเสริมการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย ให้สอดคล้องกับหลักจรรยาบรรณและมาตรฐานของสากล เพื่อคุ้มครองชีวิตและสวัสดิภาพของสัตว์ ส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิชาการของประเทศ ตลอดจนส่งเสริมนักวิจัยให้มีผลงานอันเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศต่อไป) ๒. ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. .... ควรระบุสถานะกองทุนเป็นทุนหมุนเวียนและใช้จ่ายในการสนับสนุนการผลิตสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ร่างพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. .... ควรเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อให้เกิดการยอมรับและเกิดความยั่งยืนในการปฏิบัติงาน ร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เนื่องจากธุรกิจประกันภัย อยู่ในบัญชีสาม ท้ายพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ กระทรวงการคลังควรประสานกระทรวงพาณิชย์ให้ทราบเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปในทางเดียวกัน ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ควรบูรณาการความร่วมมือระหว่างประเทศของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนของประเทศไทย โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือการพัฒนาระหว่างประเทศทั้งในระดับทวิภาคี พหุภาคี และกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ เพื่อมุ่งเน้นบทบาทของประเทศไทยในการเป็นประเทศผู้ร่วมพัฒนา (Development Partner) ในการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาและจะต้องสอดคล้องกับผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับด้วย และร่างพระราชบัญญัติมาตราชั่งตวงวัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ควรให้ความสำคัญกับเรื่องประสิทธิภาพและมาตรฐานของเครื่องชั่งตวงวัดเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรม และเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการทราบถึงการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายในประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับหน่วยงานและผู้ประกอบการทั้งในเรื่องหลักเกณฑ์ ค่าธรรมเนียม การกำกับดูแลการประกอบธุรกิจชั่งตวงวัด การควบคุมเครื่องชั่งตวงวัด และสินค้าหีบห่อ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ มีระยะเวลาในการเตรียมการ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ถึงโทษทางการปกครองและอาญาเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
26191 | การขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แก่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย | ศธ | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่อนุมัติในหลักการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๑๑๙,๑๕๓,๐๐๐ บาท ในลักษณะงบเงินอุดหนุน ให้แก่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology : AIT) เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระดับบัณฑิตศึกษาให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินการและการบริหารจัดการของ AIT ตามแผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗) โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดค่าใช้จ่ายของนักศึกษาทุนรุ่นปีการศึกษา ๒๕๕๖ และ ๒๕๕๗ ตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสำนักงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. สำหรับการสนับสนุนงบประมาณให้แก่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้กระทรวงศึกษาธิการเสนอขอแปรญัตติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามขั้นตอน ตามความจำเป็นและเหมาะสม และหากไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ก็ให้กระทรวงศึกษาธิการเสนอขอใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
26192 | การก่อสร้างสนามฟุตบอล สนามกีฬาภาคตะวันออก เมืองพัทยา ระยะที่ 2 | มท | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติและให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. ให้ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการก่อสร้างสนามฟุตบอล สนามกีฬาภาคตะวันออก เมืองพัทยา ระยะที่ ๒ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้สอดคล้องกับระยะเวลาในการดำเนินโครงการฯ ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานก่อสร้างสนามฟุตบอล สนามกีฬาภาคตะวันออก เมืองพัทยา ระยะที่ ๒ ระหว่างเมืองพัทยากับกองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๗ โดยขอทำความตกลงรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓-พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้แล้ว จำนวน ๖๘,๓๔๖,๓๐๐ บาท และได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไว้แล้ว จำนวน ๙๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๓๗๘,๙๕๓,๗๐๐ บาท ให้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
26193 | ขออนุมัติโครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล และบ้านพิษณุโลก และขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมและตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 และขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | นร04 | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และอนุมัติค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการ ในกรอบวงเงิน ๒๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ภายใต้แผนงานพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน ผลผลิตการบริหารจัดการของรัฐบาล จากงบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของรัฐบาล จำนวน ๒๕๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ไปตั้งจ่ายในงบลงทุน รายการปรับปรุงอาคารสถานที่ต่าง ๆ และสภาพแวดล้อมภายในทำเนียบรัฐบาล และให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการดังกล่าว ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีดำเนินการบันทึกภาพอาคาร สถานที่ สภาพพื้นที่ ตลอดจนพัสดุ สิ่งของสำคัญต่าง ๆ ทั้งในช่วงก่อนดำเนินการ ระหว่างดำเนินการ และเมื่อดำเนินการพัฒนาปรับปรุงแล้วเสร็จ ไว้ให้ชัดเจน ครบถ้วน เพื่อเป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์และเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบอ้างอิงต่อไปด้วย ๒. สำหรับกรณีการพิจารณายกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม กับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นกรณีพิเศษ นั้น เป็นอำนาจของคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุหรือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้วแต่กรณี ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุและคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้วแต่กรณี เพื่อพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เร่งดำเนินการจัดประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยเร็วด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
26194 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ 1/2557 | นร08 | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กนพ. เสนอ ดังนี้
๑. เรื่องเสนอเพื่อทราบ ๑.๑ รับทราบนโยบายของประธานกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ที่มุ่งหมายให้การจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ในฐานะส่วนหนึ่งของ Road Map ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีส่วนสนับสนุนการนำประเทศเข้าสู่ประชาคมอาเซียน กระตุ้นเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และช่วยรักษาความมั่นคงของประเทศ ๑.๒ รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในช่วงปีที่ผ่านมา ได้แก่ (๑) การศึกษาเพื่อวางยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในระดับประเทศและระดับพื้นที่ (๒) การหารือร่วมกับหน่วยงานในเรื่องการให้สิทธิประโยชน์ การให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ และมาตรการสนับสนุนการใช้แรงงานต่างด้าว (๓) การเตรียมความพร้อม สร้างความเข้าใจและการรับฟังความคิดเห็นของภาคส่วนการพัฒนาในพื้นที่ชายแดน (๔) การศึกษาตัวอย่างรูปแบบการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในต่างประเทศ (๕) การสำรวจพื้นที่ชายแดนที่มีศักยภาพและโอกาสการเชื่อมโยงไปยังประเทศในภูมิภาค และ (๖) การประสานความร่วมมือในระดับทวิภาคีกับราชอาณาจักรกัมพูชาและมาเลเซียในการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษร่วมกัน ๒. เรื่องเสนอเพื่อพิจารณา ๒.๑ ให้ความเห็นชอบพื้นที่ที่มีศักยภาพเหมาะสมในการจัดตั้งเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะแรกของไทยใน ๔ พื้นที่ชายแดน ได้แก่ (๑) อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก (๒) อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว (๓) พื้นที่ชายแดนจังหวัดตราด (๔) พื้นที่ชายแดนจังหวัดมุกดาหาร และ (๕) อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา (ด่านศุลกากรสะเดา และด่านศุลกากรปาดังเบซาร์) ๒.๒ เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการสนับสนุนการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) สิทธิประโยชน์สำหรับการลงทุน (๒) การให้บริการจุดเดียวแบบเบ็ดเสร็จ (๓) มาตรการสนับสนุนการใช้แรงงานต่างด้าว และ (๔) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรในพื้นที่เพื่อให้สามารถรองรับกิจกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจและเชื่อมโยงประเทศในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๒.๓ เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการ ๓ ชุด เพื่อจัดทำแนวทางการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง และเสนอให้ กนพ. พิจารณาภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ ได้แก่ (๑) คณะอนุกรรมการด้านสิทธิประโยชน์ ขอบเขตพื้นที่ และศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน (๒) คณะอนุกรรมการศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงาน สาธารณสุข และความมั่นคง และ (๓) คณะอนุกรรมการด้านโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากร ๒.๔ อนุมัติแต่งตั้งกรรมการใน กนพ. เพิ่มเติม ประกอบด้วย (๑) พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และ (๒) พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
26195 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินมาตรการดูแลราคาผลิตผลทางการเกษตรที่จะทยอยออกตามฤดูกาล เช่น ลำไย อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน รวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ให้ความสำคัญในการดูแลราคาผลิตผลทางการเกษตรทุกชนิดอย่างทั่วถึง มิใช่ดูแลเฉพาะข้าวเท่านั้น ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยาแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานระบบประกันสุขภาพ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เกี่ยวกับระบบสวัสดิการข้าราชการ ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และระบบประกันสังคม เพื่อพิจารณาหาแนวทางบูรณาการทั้ง ๓ ระบบให้เกิดประสิทธิภาพและสามารถให้บริการสุขภาพแก่ข้าราชการและประชาชนทุกกลุ่มอย่างเหมาะสม ทั่วถึง และเป็นธรรม ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการข้างต้น รวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับการบริการสาธารณสุขของรัฐภายใต้นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าว่าประชาชนทุกคนสามารถได้รับบริการตามปกติเช่นเดิม และไม่มีการปรับลดเงินงบประมาณหรือปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การเข้ารับบริการใด ๆ ตามแนวทางของมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒.๒ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยารับไปพิจารณาความเหมาะสม ผลดี ผลเสียในกรณีที่มหาวิทยาลัยออกนอกระบบราชการโดยปรับเปลี่ยนสถานภาพจากมหาวิทยาลัยของรัฐไปเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินการและความเป็นเลิศทางวิชาการ แต่ในทางปฏิบัติที่ผ่านมาได้เกิดปัญหา เช่น เพิ่มภาระงบประมาณแผ่นดิน ค่าธรรมเนียมทางการศึกษาที่สูงขึ้น เป็นต้น ๓. ด้านแรงงาน ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีนโยบายให้เปิดศูนย์การบริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จตามจังหวัดต่าง ๆ นั้น พบว่าการดำเนินการดังกล่าวได้ช่วยบรรเทาผลกระทบทั้งต่อนายจ้างและแรงงานต่างด้าวเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการดำเนินการขอใบอนุญาตทำงานมีขั้นตอนดำเนินการต่าง ๆ ที่ใช้ระยะเวลามาก เช่น การขอหนังสือเดินทางจากประเทศต้นทางเพื่อนำมาขอใบอนุญาตทำงาน จึงให้ฝ่ายความมั่นคงร่วมกับกระทรวงแรงงานพิจารณาแนวทางการผ่อนปรนเพื่อให้ขั้นตอนการออกใบอนุญาตทำงานแก่แรงงานต่างด้าวมีระยะเวลาที่เหมาะสมสามารถตอบสนองความต้องการใช้แรงงานในประเทศได้ ๔. ด้านอื่น ๆ ๔.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) กระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานทุกภาคส่วนในการเตรียมความพร้อมมาตรการดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชนกรณีเกิดภัยธรรมชาติต่าง ๆ ในแต่ละพื้นที่ซึ่งอาจประสบภัยธรรมชาติที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา เช่น ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคมมีรายงานว่าจะมีพายุหลายลูกพัดผ่านประเทศไทย ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดอุทกภัย และในขณะนี้มีข้อมูลว่าปริมาณน้ำในเขื่อนสำคัญ เช่น เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ อยู่ในระดับต่ำ อาจนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตรและภัยแล้งในระยะต่อไป จึงขอให้ติดตามสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอย่างต่อเนื่องเพื่อสามารถดำเนินมาตรการต่าง ๆ ได้ทันการณ์ นอกจากนี้ ให้ทุกหน่วยงานที่มีแผนงาน/โครงการที่เกี่ยวกับมาตรการรองรับแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนโดยเร็วด้วย ๔.๒ ให้หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงพิจารณาปรับปรุงพื้นที่ควบคุมผู้ลี้ภัยให้มีความเหมาะสม และให้สำนักงบประมาณประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) เพื่อจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับการดูแลผู้ลี้ภัยในประเทศด้วย ๔.๓ ให้ฝ่ายความมั่นคงพิจารณาถึงความจำเป็นและความเหมาะสมในการแต่งตั้งคณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนภายใต้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อดูแลการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนเป็นการเฉพาะด้วย ๔.๔ ให้กระทรวงมหาดไทยชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๘๕/๒๕๕๗ เรื่อง การได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นแนวทางชั่วคราวที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นเพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถบริหารงานและให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง ๔.๕ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสำนักงบประมาณเตรียมจัดทำคำชี้แจงงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ต่อรัฐสภา โดยให้เน้นในเรื่องการจัดสรรงบประมาณให้แต่ละภูมิภาคตามยุทธศาสตร์การพัฒนาภูมิภาค รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณแบบบูรณาการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศด้วย ๔.๖ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจัดทำร่างนโยบายรัฐบาล โดยประสานงานคณะกรรมการต่าง ๆ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติแต่งตั้ง เพื่อนำยุทธศาสตร์ของคณะกรรมการมาประกอบในร่างนโยบายรัฐบาล โดยให้มีสาระครอบคลุมการดำเนินการในทุกด้าน เช่น เศรษฐกิจ (โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้าการลงทุน การปรับปรุงและพัฒนารัฐวิสาหกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน) แรงงาน การศึกษา สาธารณสุข พลังงาน โดยให้ครอบคลุมมิติของส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นด้วย ๔.๗ ให้ฝ่ายความมั่นคงโดยกระทรวงการต่างประเทศจัดทำสรุปผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามแผนการจัดตั้งประชาคมอาเซียนว่าได้ดำเนินการเรื่องใดไปแล้วทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และจะต้องดำเนินการในเรื่องใดต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามกรอบเวลาของการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และรายงานให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26196 | การเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษา 12 สิงหาคม 2557 | นร01 | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบการเตรียมการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๒ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๒ พรรษา ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ เสนอ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการจัดงานดังกล่าวระหว่างวันที่ ๙-๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๒. ในการจัดงานครั้งนี้ มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพิ่มเติมด้วย โดยให้แสดงถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ตามช่วงเวลาตั้งแต่เริ่มแรกที่ทรงได้รับการสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี และเริ่มทรงงานจนถึงช่วงเวลาปัจจุบัน และให้แบ่งเนื้อหาของนิทรรศการออกเป็นหมวดหมู่ ต่าง ๆ เช่น การให้ความช่วยเหลือดูแลพสกนิกร งานด้านการเกษตรและชลประทาน โครงการส่งเสริมศิลปาชีพ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และการสาธารณสุข เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ทราบและตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย ๓. ในส่วนของการจัดฉายภาพยนตร์สารคดีและภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ นั้น มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการ ดังนี้ ๓.๑ ให้ดำเนินการจัดฉายภาพยนตร์ฯ เพิ่มเติม บริเวณลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสรับชมและชื่นชมพระบารมีได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น ๓.๒ ให้ประสานงานกับกระทรวงมหาดไทยเพื่อให้ทุกจังหวัดจัดฉายภาพยนตร์ดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ ควรจัดฉายก่อนพิธีการจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคลในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๓.๓ ให้ประสานงานกับกรมประชาสัมพันธ์ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำภาพยนตร์ดังกล่าวไปออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ๔. ในส่วนของการจัดงานพิธีการจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ บริเวณท้องสนามหลวง ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพดำเนินการดังกล่าว โดยให้เชิญมูลนิธิ ๕ ธันวามหาราช รวมทั้งเชิญชวนภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่าเข้าร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณและแสดงความจงรักภักดีด้วย ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการให้สมพระเกียรติ และถูกต้องตามขั้นตอนของระเบียบ หลักเกณฑ์ และพระราชประเพณีที่เกี่ยวข้องด้วย ๕. มอบหมายให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) รับไปจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อเผยแพร่โครงการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ดำเนินการเพื่อถวายพระเกียรติ ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า โดยให้นำไม้มีค่าชนิดต่าง ๆ มาจัดแสดงด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26197 | องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกขอสิทธิพิเศษในการรับจ้างพัฒนาหรือก่อสร้างปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ งานขุดลอกคูคลอง ลำรางสาธารณะ งานสร้างฝายกั้นน้ำ และงานลอกท่อระบายน้ำ | กค | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่ให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ได้รับสิทธิพิเศษประเภทไม่บังคับในการรับจ้างพัฒนาหรือก่อสร้างปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ งานขุดลอกคูคลอง ลำรางสาธารณะ งานสร้างฝายกั้นน้ำ และงานลอกท่อระบายน้ำ ให้แก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้ อผศ. ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามระเบียบ หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเงื่อนไขที่คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจกำหนด ตลอดจนขีดความสามารถและความพร้อมของ อผศ. เองด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26198 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) (กระทรวงแรงงาน) (นายสุรเดช วลีอิทธิกุล) | รง | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุรเดช วลีอิทธิกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ (นักวิชาการแรงงานทรงคุณวุฒิ) สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||
26199 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (จำนวน 3 ราย 1. นายมานิต นิธิประทีป ฯลฯ) | กค | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ดังนี้
๑. นายมานิต นิธิประทีป ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๖ ๒. นายทวี ไอศูรย์พิศาลศิริ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ๓. นางสาวบัณฑรโฉม แก้วสอาด ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง (เศรษฐกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
26200 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงมหาดไทย) (นายอัครเดช เจิมศิริ) | มท | 15/07/2557 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนายอัครเดช เจิมศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่วันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
|
.....