ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1309 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26161 - 26180 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26161 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2557 - 31 มกราคม 2558 | กค | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗-๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ และอนุมัติงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทาง ในวงเงินไม่เกิน ๒,๑๓๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงคมนาคม (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย) ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
26162 | รายงานความก้าวหน้าการช่วยเหลือเกษตรกรตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2557 | สลธ.คสช. | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานความก้าวหน้าการช่วยเหลือเกษตรกรตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ [เรื่อง การขออนุมัติงบประมาณการแก้ไขปัญหายางพาราทั้งระบบ ปี ๒๕๕๗ มาตรการระยะสั้น (เพิ่มเติม) และเรื่อง ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๗] ตามที่รองหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เสนอ ๒. เพื่อเป็นการเผยแพร่ข้อมูลและสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินงานและการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในเรื่องต่าง ๆ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายเศรษฐกิจ ฝ่ายสังคมจิตวิทยา ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ฝ่ายกิจการพิเศษ และส่วนงานขึ้นตรง รวบรวมผลการดำเนินงานในความรับผิดชอบของแต่ละฝ่ายให้ครบถ้วนถูกต้องและจัดทำในรูปแบบของวีดิทัศน์ ความยาวประมาณ ๑๐ นาที เพื่อเผยแพร่ทางโทรทัศน์ให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป ทั้งนี้ ให้ระบุช่องทางการติดต่อสอบถามกรณีประชาชนมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย
|
|||||||||||||||||||||
26163 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้ทุกฝ่ายประสานงานกระทรวงและหน่วยงานในกำกับเพื่อรวบรวมผลการดำเนินงานของกองทุนต่าง ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ และส่งให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) วิเคราะห์และเสนอแนวทางการปรับปรุง พัฒนา หรือยุบเลิกกองทุน เพื่อเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติภายในวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑.๒ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบและแก้ไขปัญหากรณีการปลอมแปลงธนบัตร โดยเฉพาะธนบัตรฉบับละ ๑,๐๐๐ บาท รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบสถานการณ์และวิธีการตรวจสอบธนบัตรด้วย ๑.๓ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากำหนดแนวทางผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางด้านการค้า การเงิน และการลงทุน ของประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะการกำหนดมาตรการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้ภาคเอกชนทั้งจากในและต่างประเทศดำเนินกิจกรรมด้านเศรษฐกิจดังกล่าวในกรุงเทพมหานคร ๑.๔ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงคมนาคมประสานกับกระทรวงกลาโหม (กองทัพเรือ) เพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ ๓ และกำหนดแนวทางการปรับปรุงท่าอากาศยานดอนเมือง รวมทั้งแนวทางการเชื่อมโยงทางรถไฟ (Airport Link) ระหว่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา กับกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับการขยายตัวของการคมนาคมขนส่งทางอากาศในอนาคต นอกจากนั้น ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐทบทวนแผนการดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารภายในประเทศของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยพิจารณากำหนดพื้นที่ก่อสร้างใหม่ เนื่องจากรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมระบุว่าพื้นที่เดิมไม่เหมาะสม ๑.๕ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังพิจารณากลไกสนับสนุนการออมของประชาชนให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพและกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ซึ่งสามารถใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ โดยให้พิจารณาถึงความเหมาะสมและเท่าเทียมกันในการได้รับสิทธิดังกล่าวของประชาชนด้วย ๑.๖ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศึกษาและจัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ของพืชเกษตรชนิดต่าง ๆ เช่น ข้าว อ้อย ปาล์มน้ำมัน ยางพารา โดยส่งเสริมให้มีการเพาะปลูกในพื้นที่เกษตรกรรมเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยเฉพาะพื้นที่เพาะปลูกข้าวที่ประสบปัญหาภัยแล้งหรืออุทกภัยเป็นประจำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม ๑.๗ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมาธิการร่วมระหว่างไทย-จีน (Joint Committee) เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานจากผลการเจรจาและความตกลงด้านเศรษฐกิจร่วมกันของทั้ง ๒ ประเทศ ๒. ด้านการต่างประเทศ ๒.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในการกำหนดท่าทีของไทยในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระดับพหุภาคี โดยให้ยึดหลักท่าทีของอาเซียนเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันให้ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศด้วย ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒.๒ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศเร่งดำเนินการช่วยเหลือและอพยพคนไทยออกจากประเทศลิเบีย โดยเฉพาะในกรณีของแรงงานให้เร่งประสานนายจ้างของแรงงานไทยเพื่อให้สามารถอพยพแรงงานไทยไปยังสถานที่ปลอดภัยได้โดยเร็วก่อนดำเนินการอพยพกลับประเทศไทย ๓. ด้านสังคมและการศึกษา ๓.๑ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา) ตรวจสอบระบบการประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาสถาบันการอุดมศึกษาของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) ตามที่มีข้อร้องเรียนว่าการประเมินไม่สะท้อนผลงานที่แท้จริง ทั้งนี้ หากตรวจสอบแล้วพบว่าการประเมินไม่เหมาะสม อาจระงับการประเมินไว้ก่อนจนกว่าจะได้กำหนดวิธีการที่เหมาะสมต่อไป ๓.๒ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการพิจารณาทบทวนความเหมาะสมในการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการที่ปัจจุบันให้บริษัทจากภาคเอกชนเป็นผู้ประเมิน ซึ่งภาคเอกชนอาจขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของส่วนราชการ ๔. ด้านอื่น ๆ ๔.๑ ให้ทุกฝ่ายสรุปผลการดำเนินการในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาและจัดทำแผนการดำเนินการระยะ ๑ ปีต่อจากนี้ ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ โดยให้กำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ที่ชัดเจนในรอบ ๓ เดือน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการของรัฐบาลต่อไป รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสำนักงบประมาณนำข้อมูลจากแผนข้างต้นไปใช้ประกอบในการจัดทำคำแถลงนโยบายรัฐบาลและคำชี้แจงงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ตามมติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับการจัดทำคำแถลงนโยบายรัฐบาลและคำชี้แจงงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ด้วย ๔.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) เร่งรัดดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องและเตรียมความพร้อมเพื่อให้ความช่วยเหลือได้ทันการณ์ ทั้งนี้ ในการใช้จ่ายเงินทดรองราชการให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบของราชการอย่างเคร่งครัด และให้ฝ่ายความมั่นคงกำหนดกลไกในการตรวจสอบการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติให้มีความถูกต้องตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงด้วย
|
|||||||||||||||||||||
26164 | รายงานผลการตรวจสอบรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 และ 2554 ของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร | กค | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ๑.๑ ฐานะการเงินของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ โดย ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ กองทุนฯ มีสินทรัพย์ลดลงเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๘๔๑,๖๗๔,๙๓๐.๕๔ บาท หรือร้อยละ ๘.๑๖ ส่วนใหญ่เป็นผลจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดที่ลดลง ในขณะที่หนี้สินเพิ่มขึ้น จำนวน ๒๗๑,๗๕๕.๐๒ บาท จากการจัดซื้อครุภัณฑ์สำนักงาน ดังนั้น สินทรัพย์สุทธิลดลง จำนวน ๘๔๑,๙๔๖,๖๘๕.๕๖ บาท ๑.๒ ผลการดำเนินงานของกองทุนฯ สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ กองทุนฯ มีรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๘๘๙,๑๖๒,๒๖๖.๕๙ บาท หรือร้อยละ ๘๒.๒๙ เนื่องจากรายได้จากงบประมาณซึ่งเป็นรายได้หลักไม่ได้รับการจัดสรรเงินงบประมาณเข้ากองทุนฯ ส่วนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จำนวน ๓๑๐,๘๗๕,๒๓๘.๒๔ บาท หรือร้อยละ ๔๓.๐๖ ส่วนใหญ่เป็นผลจากการอนุมัติเงินกองทุนฯ เป็นค่าใช้จ่ายโครงการ (เงินจ่ายขาด) เพิ่มขึ้น ดังนั้น กองทุนฯ จึงมีรายได้สูง (ต่ำ) กว่าค่าใช้จ่ายสุทธิลดลง จำนวน ๑,๒๐๐,๐๓๗,๕๐๔.๘๓ บาท ๒. สรุปข้อมูลลูกหนี้ของกองทุนฯ ๒.๑ ลูกหนี้ของกองทุนฯ ประกอบด้วย ลูกหนี้โครงการต่าง ๆ และเงินทดรองจ่าย ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ กองทุนฯ มีลูกหนี้ จำนวน ๗,๔๗๑,๓๑๘,๘๗๒.๐๘ บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน ๙๔๖,๓๓๖,๑๐๒.๒๑ บาท (โดยเป็นยอดอนุมัติให้ยืม จำนวน ๑,๗๑๑,๒๐๐,๐๐๐.๐๐ บาท ชำระเงินคืน จำนวน ๗๖๔,๘๖๓,๘๙๗.๗๙ บาท) ๒.๒ ลูกหนี้โครงการต่าง ๆ ประกอบด้วย ลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างดำเนินโครงการและลูกหนี้ที่สิ้นสุดโครงการแล้วแต่ยังไม่นำเงินส่งคืนและปิดบัญชีโครงการ โดยลูกหนี้ที่สิ้นสุดโครงการแล้วแต่ยังไม่นำเงินส่งคืนและปิดบัญชีโครงการ ณ วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๔๑ โครงการ เป็นเงิน ๑,๕๒๑,๖๐๕,๙๐๒.๕๐ บาท คณะอนุกรรมการเร่งรัดติดตามการชำระหนี้กองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้จัดทำแผนเร่งรัดติดตามการชำระหนี้คืนกองทุนฯ ขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ พบปัญหาที่หน่วยงานไม่สามารถชำระหนี้คืนกองทุนฯ ได้ มาจากเกษตรกรประสบภัยธรรมชาติน้ำท่วม ผลผลิตตกต่ำ และมีหนี้สินอื่นร่วมด้วย ส่วนการติดตามหนี้คืนกองทุนฯ อยู่ในกระบวนการฟ้องร้องดำเนินคดีและบังคับคดี
|
|||||||||||||||||||||
26165 | สรุปผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ 17 | กต | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ครั้งที่ ๑๗ (17th NAM Ministerial Conference) ณ กรุงแอลเจียร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดยมีนายนรชิต สิงหเสนี เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยและผู้แทนพิเศษเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ บทบาทของไทย ผู้แทนพิเศษได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมฯ โดยกล่าวถึงบทบาทของไทยในการส่งเสริมสันติภาพไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งยังมีบทบาทนำในความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา รวมทั้งกล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เข้าควบคุมอำนาจภายหลังจากการชุมนุมประท้วงตลอดระยะเวลา ๖ เดือนที่ผ่านมา จึงมีความจำเป็นที่จะต้องนำประเทศชาติกลับมาสู่สถานการณ์ปกติ ความปรองดอง และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนไทย เพื่อให้สามารถก้าวเดินต่อไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่ยั่งยืน และยังยืนยันถึงพันธกรณีที่มีกับกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (Non-Aligned Movement-NAM) และประเทศต่าง ๆ ๑.๒ ประเด็นการประชุมที่สำคัญ ได้แก่ ประเด็นปัญหาทะเลจีนใต้ ประเด็นปัญหาซีเรีย ประเด็นปาเลสไตน์ และการรับรองเอกสารสุดท้าย (Algiers Final Document) ซึ่งมีเนื้อหาสะท้อนท่าทีของ NAM ต่อปัญหาและความเคลื่อนไหวในเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ รวมทั้งการรับรองรายงาน ปฏิญญาและข้อตัดสินใจต่าง ๆ ๕ ฉบับ ได้แก่ ร่างปฏิญญาแอลเจียร์ (Algiers Declaration) ปฏิญญาคณะกรรมการกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเกี่ยวกับปาเลสไตน์ ปฏิญญาว่าด้วยการลดอาวุธนิวเคลียร์ ปฏิญญาว่าด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และข้อตัดสินใจเกี่ยวกับความทรงจำขององค์กร ทั้งนี้ เอกสารทั้งหมดไม่มีข้อผูกมัดกับไทยเนื่องจากเป็นเอกสารสรุปท่าทีในประเด็นระหว่างประเทศต่าง ๆ และไทยจะได้มีหนังสือถึงประธานกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดเพื่อแจ้งข้อสงวนอย่างกว้าง ๆ ดังเช่นที่เคยปฏิบัติมาต่อไป ๒. ในการแสดงความคิดเห็นหรือเสนอท่าทีของผู้แทนไทยในเวทีระหว่างประเทศหรือในที่ประชุมพหุภาคีนั้น ให้ยึดท่าทีของอาเซียนเป็นหลักและคงไว้ซึ่งผลประโยชน์และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
26166 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) (จำนวน 3 ราย 1. นางอาภรณ์ แก่นวงศ์ ฯลฯ) | ศธ | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งเดิม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ดังนี้
๑. นางสาวอาภรณ์ แก่นวงศ์ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ๒. นางรัตนา ศรีเหรัญ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๓. นายประเสริฐ บุญเรือง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||
26167 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (จำนวน 8 คน 1. รองศาสตราจารย์สมเจตน์ ทิณพงษ์ ฯลฯ) | วท | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ จำนวน ๘ คน แทนคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้ดำรงตำแหน่งมาครบสี่ปีตามวาระแล้ว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์สมเจตน์ ทิณพงษ์ ๒. นายชาตรี สุวรรณิน ๓. รองศาสตราจารย์นเรศร์ จันทน์ขาว ๔. รองศาสตราจารย์ธวัช ชิตตระการ ๕. รองศาสตราจารย์วีระพงษ์ แพสุวรรณ ๖. นายชวินทร์ ธัมมนันท์กุล ๗. พลตรี ชัยณรงค์ เชิดชู ๘. นางสิรินาฏ เลาหะโรจนพันธ์
|
|||||||||||||||||||||
26168 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (จำนวน 7 คน 1. นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ ฯลฯ) | วท | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร จำนวน ๗ คน แทนคณะกรรมการชุดเดิมที่ได้ดำรงตำแหน่งมาครบสี่ปีตามวาระแล้ว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
๑. นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ ประธานกรรมการ ๒. นายศิวะพร ทรรทรานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๓. นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๔. นายวีระ วงศ์แสงนาค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๕. นายวิชัย อัศรัสกร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๖. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ๗. พลโท สถาพร สีมาสุรรักษ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||
26169 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) | กค | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลที่มีปริมาณกำมะถันไม่เกินร้อยละ ๐.๐๐๕ โดยน้ำหนัก ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔ ในอัตราภาษี ๐.๐๐๕ บาทต่อลิตร ออกไปอีก ๑ เดือน คือ ตั้งแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
26170 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมจำนวน 6 ฉบับ ต่อไปอีกหนึ่งปี) | มท | 29/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดการขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวม พ.ศ. ๒๕๔๙ เพื่อขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมต่อไปอีกหนึ่งปีเพิ่มขึ้น จำนวน ๖ ฉบับ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยยกเว้นในส่วนของการขยายระยะเวลาการใช้บังคับกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๕๒ เนื่องจากสิ้นสุดการใช้บังคับแล้ว จึงไม่อาจขยายระยะเวลาบังคับใช้ได้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ติดตาม เร่งรัด สนับสนุนท้องถิ่นในการวางและจัดทำผังเมืองรวมให้แล้วเสร็จ ก่อนที่ผังจะหมดอายุการบังคับใช้ลง เพื่อให้ผังเมืองรวม จำนวน ๖ ฉบับดังกล่าว มีการใช้บังคับอย่างต่อเนื่อง ไม่เกิดช่องว่างให้มีการอนุญาตใช้ประโยชน์ที่ดินที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดทำผังเมืองรวมได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแนวทางการดำเนินการกรณีการขอขยายระยะเวลาการใช้บังคับผังเมืองรวมไม่ทันภายในกำหนดเวลา (รวมถึงกรณีกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๕๕๒) ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ กฎหมาย ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาในระหว่างที่ยังไม่มีกฎกระทรวงใช้บังคับ แล้วเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบกรณีที่ดินหรือที่อยู่อาศัยของประชาชนที่ถูกใช้บังคับผังเมืองรวมและการปรับปรุงแก้ไขผังเมืองรวม ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินที่มีอยู่เพื่อการอยู่อาศัย ทำมาหากิน หรือประกอบธุรกิจต่อไปได้ และให้ชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบโดยทั่วกันด้วย |
|||||||||||||||||||||
26171 | รายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2556 | คค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบรายงานผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบและรับรองแล้ว มีความเห็นว่า งบการเงินของ รฟม. แสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันของ รฟม. ถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานทางการรายงานทางการเงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26172 | รายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 และ 2553 | กค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และเมื่อมีสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว ให้กระทรวงการคลังนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบตามขั้นตอนต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ รายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๑.๑.๑ งบรายได้และค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวมทั้งสิ้น จำนวน ๑,๖๘๗,๔๗๐.๓๒ ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น จำนวน ๑,๘๙๒,๕๘๑.๗๐ ล้านบาท ๑.๑.๒ งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๒ รัฐบาลมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น จำนวน ๕,๕๐๖,๒๐๒.๒๗ ล้านบาท มีหนี้สินและภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น จำนวน ๒,๘๓๙,๘๓๒.๙๗ ล้านบาท มีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน จำนวน ๒,๖๖๖,๓๖๙.๓๐ ล้านบาท ๑.๒ รายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๒.๑ งบรายได้และค่าใช้จ่าย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ รัฐบาลมีรายได้สุทธิรวมทั้งสิ้น จำนวน ๑,๘๙๙,๔๐๒.๓๘ ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น จำนวน ๒,๐๑๔,๔๕๕.๙๕ ล้านบาท ๑.๒.๒ งบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๓ รัฐบาลมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น จำนวน ๕,๕๘๐,๑๕๘.๕๕ ล้านบาท มีหนี้สินและภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น จำนวน ๓,๑๗๙,๓๒๑.๒๙ ล้านบาท มีสินทรัพย์สุทธิหรือส่วนทุน จำนวน ๒,๔๐๐,๘๓๗.๒๖ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการเพื่อนำเสนอรายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖ ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยเร็วด้วย
|
|||||||||||||||||||||
26173 | การแก้ไขปัญหาเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 | พณ | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบขั้นตอนและระบบการรายงานผลการเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปี ๒๕๕๕/๕๖ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ (เรื่อง การแก้ไขปัญหาเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖) และผลการจ่ายเงินตามโครงการฯ ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ให้เกษตรกรที่ค้างจ่าย จำนวน ๓,๔๙๒ ราย ปริมาณ ๔๒,๐๘๓.๖๒๙ ตัน จำนวนเงิน ๖๒๑.๗๔๘ ล้านบาท ซึ่งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้จ่ายเงินเสร็จสิ้นแล้ว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลเกี่ยวกับเกษตรกรให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลและดำเนินการแก้ไขปัญหาความคลาดเคลื่อนในการออกเอกสารต่าง ๆ แก่เกษตรกรให้ถูกต้อง และให้เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำระบบฐานข้อมูลให้มีความเชื่อมโยงกันเพื่อให้สามารถตรวจสอบข้อมูลในโครงการฯ ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น และนำผลการตรวจสอบขั้นตอนและระบบการรายงานผลมาปรับใช้ในการดำเนินแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต ๒๕๕๗/๕๘ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่มีมติเห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ โดยให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยในการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ เชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลของแต่ละหน่วยงานได้อย่างรวดเร็ว ตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับได้ รวมทั้งลดขั้นตอนการรับข้อมูลนำเข้าในรูปแบบเอกสาร ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||
26174 | ร่างยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมแห่งชาติ | นร08 | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบร่างยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมแห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) ประกอบด้วย การเตรียมความพร้อมของประเทศให้พร้อมเผชิญกับภาวะไม่ปกติ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและศักยภาพให้คน ชุมชน และสังคม การเสริมสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศ การผนึกกำลังและบูรณาการแผนในทุกระดับ และการบริหารจัดการที่มีเอกภาพและประสิทธิภาพ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางการดำเนินงานบรรจุในแผนปฏิบัติราชการ ประจำปี ๒๕๕๘ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดมาตรการในการดำเนินการและจัดลำดับความสำคัญของมาตรการและกิจกรรมต่าง ๆ ให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถดำเนินการให้เกิดผลในทางปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งให้มีการติดตามการประเมินผลในแต่ละกิจกรรมอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพด้วย
|
|||||||||||||||||||||
26175 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต (จำนวน 5 คน 1.นางสุดา วิศรุตพิชญ์ ฯลฯ) | กค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิต จำนวน ๕ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระเมื่อวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ แล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป ดังนี้
๑. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค ๑.๑ นางสุดา วิศรุตพิชญ์ ๑.๒ นายลวรณ แสงสนิท ๒. ด้านการเงินและการธนาคาร นายสรสิทธิ์ สุนทรเกศ ๓. ด้านคอมพิวเตอร์ นายเกียรติณรงค์ วงศ์น้อย ๔. ผู้ประกอบการด้านธุรกิจภาคเอกชน นายพรชัย ประเสริฐสินธนา
|
|||||||||||||||||||||
26176 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุุณวุฒิด้านการบริหารจัดการในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (นายอัชพร จารุจินดา) | กษ | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบแต่งตั้งนายอัชพร จารุจินดา เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการในคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง แทนนายเชาว์ อรรถมานะ ที่อายุครบ ๗๐ ปีบริบูรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||
26177 | ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้วันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นวันรัฐพิธีที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | นร05 | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. คณะรักษาความสงบแห่งชาติสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้วันที่ ๑ ตุลาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นวันรัฐพิธีที่ระลึกพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และให้มีหมายกำหนดการเป็นประจำทุกปี เช่นเดียวกับวันที่ระลึกพระมหากษัตริย์รัชกาลอื่น และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีผู้แทนพระองค์ไปวางพวงมาลาถวายราชสักการะในการดังกล่าว ๒. อนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ๒.๑ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเชิญพระราชกระแสในเรื่องนี้ แจ้งให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทราบ ๒.๒ กำหนดให้มีการวางพวงมาลาถวายราชสักการะในวันรัฐพิธีดังกล่าว ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชวังสราญรมย์ กรุงเทพมหานคร โดยไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ ๒.๓ ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การกำหนดให้มีวันพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นวันรัฐพิธี)
|
|||||||||||||||||||||
26178 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางรัชนี สุดจิตร์) | พม | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนางรัชนี สุดจิตร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชการดังกล่าวพ้นจากตำแหน่งเดิม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งใหม่ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||
26179 | การบริหารโครงการลงทุนภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 | กค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการขยายระยะเวลาการดำเนินงานและการเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. ๒๕๕๒ (พ.ร.ก.) ภายหลังปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ของกระทรวงยุติธรรม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงคมนาคม และสำนักงานศาลยุติธรรม จนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จแต่ต้องไม่เกินปีงบประมาณ ๒๕๕๗ จำนวน ๓๒ โครงการ วงเงินรวม ๒,๓๐๔,๙๒๘,๐๙๐.๘๒ บาท ๑.๒ อนุมัติแนวทางเบิกจ่ายเงินกู้ พ.ร.ก. สำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายเงินได้ภายในปีงบประมาณ ๒๕๕๖ โดยให้สามารถดำเนินการเบิกจ่ายเงิน พ.ร.ก. ได้จนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ แต่ต้องไม่เกินปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ทั้งนี้ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการที่ไม่สามารถดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ ๒๕๕๖ ชี้แจงเหตุผล ความจำเป็น และประมาณการเบิกจ่ายรายเดือน เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ต่อคณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ๒๕๕๕ เพื่อพิจารณาอนุมัติและรายงานผลการพิจารณาต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ ๑.๓ อนุมัติการยกเลิกโครงการเงินกู้ พ.ร.ก. ของกระทรวงศึกษาธิการ และ ก.น.จ. รวม ๔ โครงการ วงเงินรวม ๕๐,๑๗๑,๓๕๘ บาท และนำวงเงินกู้ดังกล่าวรวมเป็นวงเงินเหลือจ่ายในสาขาเศรษฐกิจนั้น ๑.๔ อนุมัติการจัดสรรเงินสำรองจ่าย วงเงินรวม ๑๔,๔๔๓,๙๘๙.๕๒ บาท ให้แก่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการประปาส่วนภูมิภาค ๒. ในส่วนของโครงการจัดหาเครื่องมือป้องกันการติดต่อสื่อสารที่ใช้กระทำความผิดภายในเรือนจำ ของกระทรวงยุติธรรม มอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณโครงการดังกล่าวด้วย เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีวงเงินลงทุนของโครงการเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ๓. ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐไปกำกับติดตามร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเพื่อเร่งรัดให้ส่วนราชการดำเนินการเบิกจ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ ๒๕๕๗ โดยให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณรวบรวมวงเงินเหลือจ่ายทั้งหมด ทั้งในส่วนของเงินงบประมาณ และเงินกู้โครงการภายใต้ พ.ร.ก. เสนอต่อคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาว่าสมควรจะจัดสรรเงินเหลือจ่ายดังกล่าวไปใช้เพื่อสนับสนุนแผนงาน/โครงการที่มีความเร่งด่วนตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติอย่างไรต่อไป |
|||||||||||||||||||||
26180 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย | กค | 22/07/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการให้มีการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) เพื่อรักษาโอกาสให้ประเทศไทยสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดรายละเอียดการระดมเงินทุน การจัดสรรหุ้น สิทธิการออกเสียง โครงสร้างการบริหาร ธรรมาภิบาล ตลอดจนรายละเอียดสำคัญของบันทึกความเข้าใจและร่างความตกลงเพื่อการจัดตั้ง AIIB ๑.๒ มอบหมายกระทรวงการคลังเป็นผู้เจรจาจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจและความตกลงเพื่อการจัดตั้ง AIIB โดยให้คำนึงถึงประโยชน์โดยรวมต่อประเทศไทยเป็นสำคัญ ๑.๓ เมื่อการยกร่างบันทึกความเข้าใจ และ/หรือ ความตกลงเพื่อการจัดตั้ง AIIB ดำเนินการแล้วเสร็จ ให้กระทรวงการคลังนำเสนอหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่งก่อนการลงนาม ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงการคลังพิจารณาถึงความเหมาะสมของสัดส่วนการถือหุ้นและความพร้อมในการชำระค่าหุ้นของประเทศไทยให้รอบคอบ โดยคำนึงถึงการเป็นสมาชิกของประเทศไทยในกองทุนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Infrastructure Fund : AIF) ที่ได้จัดตั้งขึ้นแล้วที่ประเทศมาเลเซีย และเห็นควรพิจารณาถึงการเชื่อมโยงกันในเชิงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) และ AIIB ซึ่งต่างมีวิสัยทัศน์และเป้าประสงค์ที่คล้ายคลึงกัน คือ การสนับสนุนด้านการเงินการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแก่ประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ยังขาดแคลนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของประเทศไทย ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการ และให้กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไปด้วย |
.....