ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1307 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26121 - 26140 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26121 | ขอลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปีภาษี 2556 | คค | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้
๑. เห็นควรลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปีภาษี ๒๕๕๖ และในปีต่อ ๆ ไป โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล ประกอบด้วย ๑.๑ ทรัพย์สินที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินกิจการเอง ได้แก่ อาคารจอดรถ พื้นที่ต่อเนื่อง ลานจอดรถ (เก็บค่าจอดรถ) และสถานรับเลี้ยงเด็ก เห็นควรให้คิดค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินตามหลักการประเมินของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นการประเมินโดยเทียบเคียงกับค่าเช่า ตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ ๑.๒ ทรัพย์สินที่ผู้ร่วมลงทุนบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) [Bangkok Metro Company Limited (BMCL) ได้รับสิทธิดำเนินการตามสัญญา] ดำเนินกิจการเชิงพาณิชย์ ได้แก่ ร้านค้า ร้ายขายของชำ ตู้โทรศัพท์สาธารณะ ตู้เติมเงินโทรศัพท์ และตู้เอทีเอ็ม ตู้ PUM เห็นควรคิดค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินตามหลักการประเมินของ กทม. ซึ่งเป็นการประเมินโดยเทียบเคียงกับค่าเช่า ตามมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ ๑.๓ ทรัพย์สินที่ BMCL ดำเนินกิจการรถไฟฟ้า ได้แก่ อาคารสำนักงาน และอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟฟ้า เห็นควรลดหย่อนค่ารายปีลงเหลือเท่ากับสัดส่วนรายได้ค่าโดยสารที่ รฟม. ได้รับจาก BMCL ตามสัญญา (เฉพาะกรณีที่ค่ารายปีที่ กทม. ประเมินไว้สูงกว่าสัดส่วนรายได้ค่าโดยสารที่ รฟม. ได้รับจาก BMCL) ๒. อย่างไรก็ดี เนื่องจาก รฟม. ได้รับใบแจ้งคำชี้ขาดจาก กทม. เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ และตามมาตรา ๓๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ รฟม. จะต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ แต่กระทรวงคมนาคมได้เสนอเรื่องดังกล่าวให้หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาเมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และนำเสนอเรื่องให้เลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ดังนั้น ในเบื้องต้นกระทรวงการคลังจึงได้ประสานสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับระยะเวลาการดำเนินการเพื่อขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดิน ประจำปีภาษี ๒๕๕๖ โครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคลของ รฟม. ว่า เกินระยะเวลา ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำชี้ขาดตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้แจ้งให้กระทรวงการคลังทราบว่า ได้หารือกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในเบื้องต้นแล้ว เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวถือว่าอยู่ในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ อย่างไรก็ดี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะมีหนังสือตอบข้อหารือดังกล่าวอย่างเป็นทางการต่อไป |
||||||||||||||||||
26122 | ขออนุมัติชำระเงินค่าบำรุงประจำปีแก่สำนักเลขาธิการถาวรความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอล สำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ | กต | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติการชำระเงินค่าบำรุงประจำปี ๒๕๕๗ (สำหรับเดือนมิถุนายน-ธันวาคม ๒๕๕๗) จำนวน ๗๐,๐๘๖.๗๕ ดอลลาร์สหรัฐ ให้กับสำนักเลขาธิการถาวรความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (Bay of Bengal Initiative for Multi-Sectoral Technical and Economic Cooperation-BIMSTEC) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบเงินอุดหนุน รายการเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกซึ่งได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายรองรับไว้แล้ว และได้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เงินอุดหนุนสำหรับรายการดังกล่าวไว้แล้ว จำนวน ๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
|
||||||||||||||||||
26123 | ขอความเห็นชอบการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อการจัดตั้งสมาคมการรถไฟของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง | คค | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อการจัดตั้งสมาคมการรถไฟของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (MOU for the Establishment of the Greater Mekong Railway Association : GMRA) เพื่อให้สามารถลงนามได้ในการประชุมเวทีหารือเพื่อพัฒนาแนวระเบียงเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๖ (6th Economic Corridor Forum : ECF-6) ระหว่างวันที่ ๗-๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และมอบหมายให้ปลัดกระทรวงคมนาคมปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full powers) ให้แก่ปลัดกระทรวงคมนาคม ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||
26124 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันตามมาตรา 23 วรรคสี่ สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 (เช่าอาคารที่ทำการสำนักงานการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสาขาต่างประเทศและเช่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพื่อใช้ประจำสำนักงาน) | กก | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันเกินกว่า ๑ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ก่อนได้รับเงินประจำงวด เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารสำนักงาน จำนวน ๘ แห่ง และค่าเช่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพื่อใช้ประจำสำนักงาน จำนวน ๕ คัน และให้ดำเนินการภายในกรอบวงเงิน ๑๓๘,๗๙๑,๒๐๐ บาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ในส่วนของการเช่าอาคารสำนักงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยนำแนวทางตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง โครงการบูรณาการงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ) ที่ให้ดำเนินการบูรณาการงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ และสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว รวมทั้งนโยบายการใช้พื้นที่ร่วมกัน (One Roof Policy) ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ นครนิวยอร์ก) ไปพิจารณาด้วย ๓. สำหรับการเช่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพื่อใช้ประจำสำนักงาน ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยรับไปประสานงานกับกระทรวงการคลังและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เพื่อให้มีการตรวจสอบอัตราค่าเช่ารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเพื่อใช้ประจำสำนักงาน จำนวน ๕ คัน ให้ถูกต้อง เหมาะสม โดยให้คำนึงถึงความคุ้มค่าของงบประมาณ ความจำเป็นและประหยัด เพื่อประโยชน์ของทางราชการเป็นสำคัญ ก่อนที่จะดำเนินการทำสัญญาเช่าต่อไป |
||||||||||||||||||
26125 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 05/08/2557 | |||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านกฎหมาย ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมายที่จะเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยนำร่างกฎหมายที่ค้างการดำเนินการมาเสนอในลำดับต้น ขณะที่ร่างกฎหมายใดเอื้อต่อการแก้ไขปัญหาประเทศและสังคมในระยะยาวก็ควรนำไปพิจารณาในสภาปฏิรูปแห่งชาติก่อน ทั้งนี้ ร่างกฎหมายที่เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติควรสอดคล้องกับหลักการ ๓ ประการ คือ ๑.๑ ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย โดยเป็นการแก้ไขข้อขัดข้องของทั้งผู้ปฏิบัติตามกฎหมายและผู้บังคับใช้กฎหมาย มีเนื้อหาครอบคลุมอย่างครบถ้วน ประชาชนสามารถปฏิบัติได้และเกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย ๑.๒ พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอาจจะเกิดความสุ่มเสี่ยงให้เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบและอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนได้ ๑.๓ ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลในการตรากฎหมายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๒. ด้านเศรษฐกิจ ๒.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศ (กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย) และสำนักงานอัยการสูงสุด ติดตามกรณีที่นักลงทุนสัญชาติมาเลเซียที่ลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยเสนอข้อพิพาทต่อรัฐบาลไทยโดยอาศัยความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน เพื่อเร่งกำหนดท่าทีในการเจรจาระงับข้อพิพาทให้ทันภายในกำหนดเวลาวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ซึ่งหากไม่สามารถระงับข้อพิพาทได้ จะต้องเตรียมการเพื่อเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาทบทวนความเหมาะสมของข้อตกลงดังกล่าวว่า มีประโยชน์หรือทำให้ไทยเสียประโยชน์ในระยะยาวหรือไม่ อย่างไร ๒.๒ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศเร่งดำเนินการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราสำหรับนักท่องเที่ยวจีนเป็นเวลา ๓ เดือนในช่วงสิงหาคม-ตุลาคม ๒๕๕๗ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ อนุมัติตามมติที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ ๒.๓ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาทบทวนมาตรการสร้างแรงจูงใจทั้งมาตรการทางภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-tax) เพื่อจูงใจให้ภาคเอกชนทั้งจากในและต่างประเทศทำการลงทุนและส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคหรือสำนักงานใหญ่ในประเทศไทย (Regional Operation Headquarters : ROH) เพื่อให้กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางด้านการค้า การเงิน และการลงทุนของประชาคมอาเซียนตามแนวทางที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ๒.๔ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ในเขตที่ภาครัฐจัดเป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยให้จัดเตรียมสาธารณูปโภคให้พร้อมและเริ่มดำเนินการให้เกิดการสร้างโรงงานแห่งใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียงโรงงานเดิมที่ตั้งอยู่แล้ว และพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดเล็กในระยะต่อไป ๒.๕ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกันศึกษาหาแนวทางและมาตรการในการลดภาระหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน เช่น ขยายโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของกองทุนต่าง ๆ การส่งเสริมระบบสหกรณ์เพื่อลดการกู้ยืมเงินนอกระบบ รวมถึงการสร้างวินัยทางการเงินของประชาชน นอกจากนี้ ให้ชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับดัชนีหนี้สินครัวเรือนว่าจะต้องพิจารณาระดับของหนี้ควบคู่ไปกับความสามารถในการสร้างรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย ๒.๖ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศึกษาและจัดทำแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ของพืชเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาการปลูกข้าวในพื้นที่ไม่เหมาะสม และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น นั้น เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมีความชัดเจน เป็นรูปธรรม และเป็นระบบทั้งในระยะสั้น ระยะปานกลาง และระยะยาว จึงมอบหมายเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๖.๑ ในระยะสั้น ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยดำเนินการส่งเสริมการปลูกพืชทดแทน ทั้งการปลูกพืชหมุนเวียนในนาข้าวเพื่อลดรอบการทำนา และการปลูกพืชอื่นทดแทนข้าว เช่น อ้อยโรงงาน โดยให้ความรู้และเตรียมความพร้อมให้เกษตรกรเข้าใจและสามารถปฏิบัติได้ ทั้งนี้ ในการส่งเสริมการปลูกอ้อยโรงงาน ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบให้โรงงานอ้อยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับระยะห่างของโรงงานที่กำหนดไว้ว่าไม่ต่ำกว่า ๘๐ กิโลเมตรอย่างเคร่งครัด ๒.๖.๒ ในระยะปานกลางและระยะยาว ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนดแผนการปลูกพืชอื่น ๆ ทดแทนในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว เช่น หญ้าเนเปียร์ และส่งเสริมในเรื่องเกษตรผสมผสานอย่างจริงจัง และให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์จัดเตรียมหาตลาดรองรับผลผลิตต่าง ๆ ที่จะมีการปลูกทดแทนในอนาคตด้วย ๒.๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์จัดทำข้อมูลสถานการณ์ยางพาราเกี่ยวกับปริมาณผลผลิตยางพาราทั้งประเทศ สต็อกยางพารา ความต้องการใช้ยางพาราในประเทศ และปริมาณการส่งออกยางพารา รวมทั้งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหายางพาราอย่างยั่งยืนที่มีอยู่ให้เกิดเป็นรูปธรรม เช่น การส่งเสริมการแปรรูปยางพารา การใช้ยางพาราผสมยางมะตอยในการทำพื้นถนน และรวมถึงการเตรียมการภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน โดยเฉพาะการเจรจากับประเทศมาเลเซียในโครงการ Rubber Corridor ด้วย ๒.๘ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้ให้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน แต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ ได้ เช่น พื้นที่ป่าไม้ที่หมดสภาพ พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ของราชการ เป็นต้น ๒.๙ ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรร่วมกับฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยร่วมดำเนินการกระจายผลผลิตลองกองในภาคใต้ซึ่งจะมีปริมาณมากในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ไปยังตลาดทั่วประเทศ โดยให้กำหนดพื้นที่จุดรวบรวมผลผลิตเพื่อการส่งต่อ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรผู้ผลิตทราบถึงจุดดังกล่าว และหาวิธีการขนย้ายผลผลิตไปยังตลาดต่าง ๆ โดยเร็วด้วย ๓. ด้านสังคม ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงสาธารณสุข และฝ่ายความมั่นคง โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลา (Ebola) อย่างใกล้ชิด และกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันมิให้ผู้ติดเชื้อหรือเข้าข่ายสงสัยว่าจะติดเชื้อเดินทางเข้าประเทศ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงวิธีการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้ออย่างทั่วถึง ๔. ด้านอื่น ๆ ๔.๑ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) ติดตามสถานการณ์และเร่งดูแลให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้โดยเร็ว ๔.๒ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจและฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยดำเนินการยกระดับศูนย์ดำรงธรรมให้เป็นศูนย์บริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ (One-Stop Service Centre) เพื่อทำหน้าที่ให้บริการข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับบริการภาครัฐแก่ประชาชน นั้น ให้ทุกหน่วยงานพิจารณาจัดทำข้อมูลการให้บริการประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบแล้วส่งให้กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ศูนย์ดังกล่าวสามารถให้บริการเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ในการให้บริการข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนของหน่วยงานรัฐ ให้หน่วยงานกำชับให้เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญต่อการบริการประชาชนด้วยทัศนคติและการแสดงออกอย่างเป็นมิตรด้วย ๔.๓ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงกลาโหมประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสภาปฏิรูปและกระบวนการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูป เพื่อสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนและผู้ที่สนใจ รวมทั้งให้ทุกส่วนราชการเชิญชวนทุกภาคส่วนจากทุกสาขาอาชีพให้ส่งผู้แทนเข้ารับการสรรหาด้วย ๔.๔ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับข่าวการปรับค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาหาแนวทางการปรับปรุงในภาพรวมเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อมูลซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระดับราคาสินค้าอุปโภคและบริโภค ดังนั้น ให้กระทรวงพาณิชย์ติดตามและดูแลระดับราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคอย่างใกล้ชิดด้วย
|
||||||||||||||||||
26126 | ร่างถ้อยแถลงการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา ครั้งที่ 7 | กต | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงของการประชุมรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือแม่น้ำโขง-คงคา ครั้งที่ ๗ โดยมีสาระสำคัญเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกในการริเริ่มการรวมตัวของอาเซียน การลดช่องว่าง การพัฒนา ความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน และการจัดตั้งประชาคมอาเซียนภายในปี ๒๕๕๘ ๑.๒ มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ร่วมรับรองถ้อยแถลงฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างถ้อยแถลงฯ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการต่อไปได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติอีก ๒. ในการร่วมประชุมเจรจาให้กระทรวงการต่างประเทศถือปฏิบัติตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ร่างถ้อยแถลงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น การประชุมรัฐมนตรีข้อริเริ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง และการประชุมรัฐมนตรีมิตรประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่าง) เกี่ยวกับความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำโขง และมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เกี่ยวกับการเจรจาและการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศด้วย |
||||||||||||||||||
26127 | ขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กต | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๘-๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาอีก โดยร่างเอกสารดังกล่าว ประกอบด้วย ๑.๑ ร่างแถลงการณ์ที่ประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เรื่องการเสริมสร้างการประสานงานและความร่วมมือด้านการค้นหาและกู้ภัยทางทะเลและทางอากาศ (ASEAN Regional Forum Statement on Strengthening Coordination and Cooperation on Maritime and Aeronautical Search and Rescue) ๑.๒ ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งที่ประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เรื่องความร่วมมือในการป้องกัน การเตรียมความพร้อม การตอบสนองและการฟื้นฟูจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลนอกฝั่ง (ASEAN Regional Forum Statement by the Ministers of Foreign Affairs on Cooperation in Prevention, Preparedness, Response and Restoration from Offshore Oil Spill Incidents) ๒. ให้ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว |
||||||||||||||||||
26128 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนมิถุนายน 2557 | อก | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ๒๕๕๗ ร้อยละ ๑๐.๐ แต่ลดลงร้อยละ ๔.๑ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน การผลิตลดลงในหลายอุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ ยานยนต์ เครื่องประดับเพชรพลอย เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเรือน อาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็ง รถจักรยานยนต์ ๒. อัตราการใช้กำลังการผลิต ในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ อยู่ที่ระดับร้อยละ ๖๑.๔ เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ๒๕๕๗ (ร้อยละ ๕๖.๔) แต่ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ (ร้อยละ ๖๖.๙) อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายน ๒๕๕๗ ได้แก่ ยานยนต์ Hard Disk Drive อาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็ง เคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน ผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นต้น สำหรับอุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เส้นใยสิ่งทอ เคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน อุปกรณ์ที่ใช้ทางทัศนศาสตร์ เป็นต้น ๓. ประเด็นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ ๓.๑ อุตสาหกรรมอาหาร การผลิตและส่งออก คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน เนื่องจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง และค่าเงินบาทที่ทรงตัวในระดับเดียวกันกับเดือนก่อน สำหรับการจำหน่ายสินค้าในประเทศ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากปัญหาการชุมนุมทางการเมืองสิ้นสุดลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นและประชาชนกลับมาจับจ่ายเพิ่มขึ้น ๓.๒ อุตสาหกรรมรถยนต์ ภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม ส่วนการผลิตรถยนต์ในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ ประมาณการว่าจะมีการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศร้อยละ ๓๙ และส่งออกร้อยละ ๖๑
|
||||||||||||||||||
26129 | การเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการดำเนินโครงการเกี่ยวกับความมั่นคงหรือความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน (ขอความเห็นชอบให้ดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 รายการผูกพันงบประมาณ จำนวน 9 รายการ) | มท | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้พิจารณาเกี่ยวกับการเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการดำเนินโครงการเกี่ยวกับความมั่นคงหรือความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ลงมติว่า
๑. ในการเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อการดำเนินโครงการใด ๆ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องและสำนักงบประมาณตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความพร้อมของการดำเนินโครงการให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อมิให้เกิดปัญหาการไม่สามารถดำเนินโครงการได้จริงในภายหลังด้วย ๒. ในกรณีที่หน่วยงานเจ้าของเรื่องมีแผนงาน/โครงการหรือได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการใด ๆ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความมั่นคงหรือเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคงและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง (เช่น คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-พม่า คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-ลาว คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย ของฝ่ายไทย เป็นต้น) ทราบโดยเร็วในโอกาสแรกเพื่อใช้ประโยชน์ในการประสานงานและการเจรจาในเวทีการเจรจาที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป |
||||||||||||||||||
26130 | ผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันโดยไม่มีรายการในปีงบประมาณ (ของกระทรวงศึกษาธิการ) | สลธ.คสช. | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันโดยไม่มีรายการในปีงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งคณะกรรมการประสานงานระหว่างหน่วยราชการทางการเงินมีมติผ่อนผันให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการก่อหนี้ผูกพันโดยไม่มีรายการในปีงบประมาณ โดยยกเว้นมิให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการต้องขอโอนจากรายการงบประมาณรายจ่ายปีปัจจุบัน ตามจำนวนที่เบิกจ่ายผิดพลาดไปตั้งจ่ายเพื่อเบิกหักผลักส่งเป็นรายได้แผ่นดิน เป็นเงินรวม ๑๒,๙๕๐,๐๐๐ บาท เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการได้ตั้งเงินงบประมาณค้างจ่ายผูกพันไว้แล้ว จำนวน ๑๒,๙๕๐,๐๐๐ บาท จึงไม่มีผลกระทบและผูกพันต่อเงินงบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติเกี่ยวกับการขออนุมัติและใช้จ่ายงบประมาณให้รอบคอบ ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอนของข้อกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้เกิดปัญหาดังเช่นกรณีของกระทรวงศึกษาธิการดังกล่าวข้างต้นขึ้นอีก |
||||||||||||||||||
26131 | แผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ 10 (พ.ศ. 2558 - 2562) | ศธ | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบแผนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ระยะที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒) ซึ่งประกอบด้วยแผนงานหลัก ๒ ส่วน คือ แผนงานต่อเนื่อง เป็นการให้ทุนการศึกษาประเภทต่าง ๆ เพื่อพัฒนาทรัพยากรบุคคลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับภูมิภาคเอเชีย และแผนงานใหม่ เน้นยุทธศาสตร์การพัฒนาศูนย์ความร่วมมือแห่งความเป็นเลิศ (Hub of Excellence) โดยการผนึกกำลังร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน เน้นการทำวิจัยร่วมในระดับนำ (cutting edge) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. สำหรับงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบแผนความร่วมมือฯ ในยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรบุคคล ภายในกรอบวงเงิน ๘๐๐,๖๗๐,๐๐๐ บาท ในลักษณะงบเงินอุดหนุน เพื่อสนับสนุนเป็นทุนการศึกษาและวิจัยแก่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินการของสถาบันฯ โดยที่ไม่ได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไว้ จึงขอให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาเสนอขอเพิ่มงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อ ๆ ไป ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งศูนย์แห่งความเป็นเลิศ (Hub of Excellence) ตามยุทธศาสตร์นำไทยสู่ความเป็นเลิศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน วงเงินทั้งสิ้น ๒๓๖,๙๑๓,๓๐๐ บาท เห็นสมควรให้สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียพิจารณาทบทวนและหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งได้มีการดำเนินการอยู่แล้ว เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในลักษณะบูรณาการ ลดค่าใช้จ่ายและไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนอันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทางราชการ ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา) ขอความร่วมมือสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียให้รายงานผลการดำเนินงานประจำปีให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาทราบเพื่อประกอบการจัดทำคำขอรับการจัดสรรงบประมาณในแต่ละปีต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
26132 | การขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง การขยายระยะเวลาและการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการก่อสร้างศูนย์กีฬา พร้อมรายการประกอบ (ส่วนที่เหลือ) | ศธ | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี) เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันรายการศูนย์กีฬาพร้อมรายการประกอบ ๑ รายการ จากเดิมวงเงิน ๑๗๘,๕๐๐,๐๐๐ บาท ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เป็นวงเงิน ๒๔๐,๑๘๒,๐๘๐ บาท ซึ่งได้ดำเนินการและเบิกจ่ายไปแล้ว จำนวน ๑๘,๙๘๒,๐๘๐ บาท สำหรับค่าก่อสร้างส่วนที่เหลือ จำนวน ๒๒๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท ให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๑๙๙,๐๘๐,๐๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๒๒,๑๒๐,๐๐๐ บาท โดยในส่วนของเงินงบประมาณให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๒๔,๐๙๑,๗๑๔ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๓๐,๙๑๔,๓๔๖ บาท ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๘,๓๘๐,๕๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๒๕,๖๙๓,๔๔๐ บาท ให้มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๑.๒ สำหรับการขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๖ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๙ นั้น เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติอนุมัติให้เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันดังกล่าวแล้ว ให้มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดก่อนลงนามในสัญญาจ้าง ตามนัยข้อ ๗ (๒) ของระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ๒. ในส่วนของวงเงินที่เพิ่มขึ้นให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี) ดำเนินการใช้สิทธิ์ของผู้ว่าจ้างภายหลังบอกเลิกสัญญาเพื่อบังคับเอาจากผู้รับจ้างรายเดิม ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง รวมทั้งให้ดำเนินการเกี่ยวกับความรับผิดชอบในทางละเมิดด้วย |
||||||||||||||||||
26133 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นแก่สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) | ศธ | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ดำเนินการแก้ไขปัญหาทุนการศึกษาของผู้รับทุนที่กำลังศึกษาในต่างประเทศเพิ่มเติม อันเนื่องมาจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศในส่วนของค่าเงินบาทตกต่ำและการปรับขึ้นค่าเล่าเรียนของมหาวิทยาลัย ภายในกรอบวงเงิน ๑๔๐,๖๐๑,๒๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายการเงินอุดหนุนสำหรับทุนการศึกษาซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเพื่อเป็นทุนการศึกษาทั้งในประเทศและต่างประเทศ จำนวน ๑,๐๒๗,๒๑๗,๘๐๐ บาท เป็นลำดับแรกก่อน และหากไม่เพียงพอ ให้ใช้จ่ายจากเงินทุนการศึกษาที่มีเงินเหลือเพียงพอและสะสมในกองทุนส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตามข้อบังคับสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่าด้วยการเงินและการบัญชี พ.ศ. ๒๕๔๓ มาสมทบในส่วนที่ขาดต่อไป ๒. ให้สำนักงาน ก.พ. รับไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาทั้งหมด ทั้งในส่วนของกองทุนและของหน่วยงานต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เช่น กองทุนกาญจนาภิเษกของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ทุนโครงการพัฒนาและส่งเสริมผู้มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (พสวท.) และทุนโอลิมปิกวิชาการของสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ ทุนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทุนการศึกษาของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และทุนรัฐบาลของสำนักงาน ก.พ. เป็นต้น และนำเสนอฝ่ายสังคมจิตวิทยาเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการในการจัดสรรทุนการศึกษาทั้งหมดในภาพรวมให้เป็นระบบ เหมาะสมสอดคล้องกับมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ และความต้องการในการพัฒนาประเทศและไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนในการจัดสรรทุนและเป็นภาระงบประมาณเกินควร รวมทั้งให้มีการกระจายตัวของการจัดสรรทุนอย่างเหมาะสมและเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้รับรู้และเข้าถึงการรับทุนอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม และให้นำเรื่องนี้เสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติด้านการศึกษาที่จะจัดตั้งขึ้นตามแนวทางปฏิรูปประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในระยะที่ ๒ เพื่อพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||
26134 | ขอเสนอแต่งตั้งรองประธานกรรมการคนที่สองและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ สสส. | สสส. | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติให้แต่งตั้งรองประธานกรรมการคนที่สองและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ รวม ๙ คน ตามที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ นายวิชัย โชควิวัฒน รองประธานกรรมการคนที่สองผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการสร้างเสริมสุขภาพและด้านการบริหาร ๑.๒ นายสงกรานต์ ภาคโชคดี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการสร้างเสริมสุขภาพ ๑.๓ นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการพัฒนาชุมชน ๑.๔ นายยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคราชการ ด้านการสื่อสารมวลชน ๑.๕ นางทิชา ณ นคร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการศึกษา ๑.๖ นายสมพร ใช้บางยาง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการกีฬา ๑.๗ รองศาสตราจารย์ประภาภัทร นิยม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านศิลปวัฒนธรรม ๑.๘ นายชำนาญ พิเชษฐพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านกฎหมาย ๑.๙ นายวิเชียร พงศธร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ด้านการบริหาร ๒. ให้คณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพเร่งรัด กำกับและติดตามการดำเนินงานของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพให้เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนด้วย |
||||||||||||||||||
26135 | ขออนุมัติโครงการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนการให้บริการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (กลุ่มแรงงานต่างด้าว) | มท | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่อนุมัติในหลักการให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนการให้บริการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (กลุ่มแรงงานต่างด้าว) ภายในกรอบวงเงิน ๑๔๕,๗๘๗,๒๒๐ บาท ตามที่ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ แผนงานรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ผลผลิตการเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน งบรายจ่ายอื่น จากรายการค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเมืองเศรษฐกิจชายแดน เป็นรายการโครงการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนการให้บริการจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (กลุ่มแรงงานต่างด้าว) ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยร่วมกับกรมการปกครองเป็นหน่วยรับผิดชอบโครงการ และกรมการปกครองเป็นหน่วยดำเนินการเบิกจ่ายแทนสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยและกรมการปกครองปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยถือประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||
26136 | การเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎร | กห | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติให้กองทัพบก/ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบกดำเนินการเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์เพื่อการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรกับสำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบประวัติ สืบค้นข้อมูลในการติดตามผู้ต้องสงสัยที่เป็นภัยต่อความมั่นคง รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อการคัดกรองข้าราชการ ลูกจ้าง หรือตามที่ได้รับมอบหมายในภารกิจต่าง ๆ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||
26137 | ขอความเห็นชอบให้ดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 รายการผูกพันงบประมาณ จำนวน 9 รายการ (การเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการดำเนินโครงการเกี่ยวกับความมั่นคงหรือความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน) | มท | 05/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติในหลักการให้ยกเลิกรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณเดิม ๙ รายการ วงเงิน ๔๘๑,๖๔๓,๐๐๐ บาท ตามเหตุผลและความจำเป็นที่ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ไปเป็นรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่ยังคงวัตถุประสงค์เดิมที่กำหนดไว้ จำนวน ๖ รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๒๓,๖๔๓,๐๐๐ บาท ประกอบด้วย งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓๓,๕๔๖,๕๐๐ บาท และผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๙๐,๐๙๖,๕๐๐ บาท และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการและขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒ สำหรับกรณีที่จะขออนุมัติโอนงบประมาณไปดำเนินรายการปีเดียวที่มีวัตถุประสงค์ต่างกันในรายการเครื่องทดสอบแรงดึงเหล็ก จำนวน ๗ เครื่อง วงเงิน ๒๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท และรายการค่าปรับปรุงต่อเติมห้องทดสอบแรงดึงเหล็ก จำนวน ๓ แห่ง วงเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒๕,๕๐๐,๐๐๐ บาท นั้น สำนักงบประมาณได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รองรับไว้แล้ว ซึ่งหากไม่เพียงพอ ก็เห็นสมควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ จากรายการที่มีงบประมาณเหลือจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่เป็นรายการปีเดียวมาดำเนินการตามรายการดังกล่าวก่อนเป็นอันดับแรก โดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ส่วนโครงการตรวจสอบและกำหนดวิธีการซ่อมแซมวัดที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว จังหวัดเชียงราย จำนวน ๙,๙๕๐,๐๐๐ บาท ขอให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณโดยใช้จ่ายจากกรณีการยกเลิกรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณดังกล่าวข้างต้นตามขั้นตอนต่อไป ๒. คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีความเห็นเพิ่มเติมว่า ๒.๑ ในการเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อการดำเนินโครงการใด ๆ ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องและสำนักงบประมาณตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความพร้อมของการดำเนินโครงการให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อมิให้เกิดปัญหาการไม่สามารถดำเนินโครงการได้จริงในภายหลังด้วย ๒.๒ ในกรณีที่หน่วยงานเจ้าของเรื่องมีแผนงาน/โครงการหรือได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการใด ๆ ที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับความมั่นคงหรือเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคงและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง (เช่น คณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-พม่า คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-ลาว คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-มาเลเซีย ของฝ่ายไทย เป็นต้น) ทราบโดยเร็วในโอกาสแรกเพื่อใช้ประโยชน์ในการประสานงานและการเจรจาในเวทีการเจรจาที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันต่อไป |
||||||||||||||||||
26138 | ขออนุมัติยกเว้นการจำกัดความสูงในการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพื้นที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า | กห | 04/08/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุญาตให้กระทรวงกลาโหม (กองทัพบก) ก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพื้นที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งมีความสูงเกินข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง ใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภทในท้องที่แขวงถนนนครไชยศรี แขวงวชิรพยาบาล แขวงดุสิต แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต แขวงทุ่งพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพญาไท แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และแขวงวัดสามพระยา แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พ.ศ. ๒๕๒๖ โดยยกเว้นการดำเนินการตามกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้น ผ่อนผัน หรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๕๐
|
||||||||||||||||||
26139 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อนระบบก๊าซเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 29/07/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อนระบบก๊าซเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... เพื่อเป็นมาตรการกำกับดูแลการนำเข้าสินค้าเครื่องทำน้ำอุ่นและเครื่องทำน้ำร้อนระบบก๊าซ ให้ได้คุณภาพและมาตรฐานด้านความปลอดภัยต่อชีวิตและสุขภาพของประชาชน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้รับประโยชน์และมีความปลอดภัยในการเลือกใช้สินค้าต่าง ๆ ที่วางจำหน่ายในท้องตลาด ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขปัญหาสินค้าชนิดต่าง ๆ ทั้งที่นำเข้าและที่ผลิตในประเทศที่ไม่ได้มาตรฐานอุตสาหกรรมและอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้บริโภค |
||||||||||||||||||
26140 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์อินทาลโยและเครื่องถ่ายเอกสารชนิดสอดสีเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 29/07/2557 | |||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เครื่องพิมพ์อินทาลโยและเครื่องถ่ายเอกสารชนิดสอดสีเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. .... (แก้ไขบทนิยามเครื่องพิมพ์อินทาลโยและเครื่องถ่ายเอกสารชนิดสอดสี โดยยกเลิกการควบคุมการนำเข้าเครื่องถ่ายเอกสารชนิดสอดสีประเภทมัลติฟังก์ชั่นซึ่งทำงานได้หลายหน้าที่) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับไปพิจารณาถึงความจำเป็นเหมาะสมในการออกประกาศควบคุมการนำเข้าสินค้าประเภทเครื่องพิมพ์สามมิติ เพื่อป้องกันการนำสินค้าดังกล่าวไปใช้ในการกระทำการในทางที่ไม่เหมาะสมและขัดต่อกฎหมาย |
.....