ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1304 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26061 - 26080 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26061 | การแต่งตั้งข้าราชการ (นายรังสรรค์ มณีเล็ก) | ศธ | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนายรังสรรค์ มณีเล็ก ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผน (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
26062 | ขอความเห็นชอบการกู้เงินในประเทศเพื่อเป็นเงินลงทุนสำหรับงานที่ทำเป็นโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกู้เงินในประเทศ เพื่อเป็นเงินลงทุนในโครงการต่าง ๆ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๗ โครงการ วงเงิน ๘,๘๓๙.๒๑๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้
๑. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๗ ส่วนที่ ๑ วงเงิน ๓.๒๗๕ ล้านบาท ๒. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๗ ส่วนที่ ๒ วงเงิน ๖๗.๔๘๙ ล้านบาท ๓. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๘ ส่วนที่ ๒ วงเงิน ๒๖๕.๔๔๘ ล้านบาท ๔. โครงการก่อสร้างและปรับปรุงเสริมระบบจำหน่าย ระยะที่ ๗ วงเงิน ๑,๔๖๔.๐๔๘ ล้านบาท ๕. โครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะมะพร้าว เกาะนาคาใหญ่ จ. ภูเก็ต และเกาะพระทอง จ. พังงา) วงเงิน ๒๒.๗๙๐ ล้านบาท ๖. โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพระบบจำหน่าย วงเงิน ๑,๙๔๑.๐๐๐ ล้านบาท ๗. โครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ ๑๑๕ เควี (วงจรที่ ๓) ไปยังเกาะสมุย จ. สุราษฎร์ธานี วงเงิน ๗๙.๓๗๖ ล้านบาท ๘. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๑ วงเงิน ๖๙๙.๓๖๒ ล้านบาท ๙. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๒ วงเงิน ๒๓๓.๐๒๒ ล้านบาท ๑๐. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๓ วงเงิน ๕๙๐.๐๐๖ ล้านบาท ๑๑. โครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ ๙ ส่วนที่ ๔ วงเงิน ๕๗๘.๕๘๑ ล้านบาท ๑๒. โครงการเพิ่มความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า ระยะที่ ๓ วงเงิน ๑,๖๘๖.๗๑๐ ล้านบาท ๑๓. โครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ (เกาะกูด, เกาะหมาก จ. ตราด) (ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๘) วงเงิน ๖๑๙.๐๒๔ ล้านบาท ๑๔. โครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะพงัน จ. สุราษฎร์ธานี วงเงิน ๑๗๔.๔๕๐ ล้านบาท ๑๕. โครงการพัฒนาการอ่านหน่วยด้วยระบบอัตโนมัติ (Automatic Meter Reading : AMR) ระยะที่ ๒ วงเงิน ๒๑๔.๖๓๔ ล้านบาท ๑๖. โครงการขยายเขตไฟฟ้าให้บ้านเรือนราษฎรรายใหม่ วงเงิน ๑๐๐.๐๐๐ ล้านบาท ๑๗. โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ วงเงิน ๑๐๐.๐๐๐ ล้านบาท |
||||||||||||||||||||||||
26063 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาวพิมพ์พรรณ ไพบูลย์หวังเจริญ) | วธ | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวพิมพ์พรรณ ไพบูลย์หวังเจริญ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอักษรศาสตร์ (ภาษา เอกสาร และหนังสือ) (นักอักษรศาสตร์ทรงคุณวุฒิ) กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ทั้งนี้ เมื่อมีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว ให้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่ง เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||
26064 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน รวม 3 ฉบับ | กษ | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน รวม ๓ ฉบับ ที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแก้ไขแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลชะไว ตำบลหลักฟ้า ตำบลตรีณรงค์ และตำบลจรเข้ร้อง อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลชะไว ตำบลหลักฟ้า ตำบลตรีณรงค์ และตำบลจรเข้ร้อง อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก ตำบลวังยาง อำเภอวังยาง และตำบลหนองสังข์ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก ตำบลวังยาง อำเภอวังยาง และตำบลหนองสังข์ อำเภอนาแก จังหวัดนครพนม ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโพธิ์สัย อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลโพธิ์สัย อำเภอศรีสมเด็จ จังหวัดร้อยเอ็ด ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน |
||||||||||||||||||||||||
26065 | เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตุลาการศาลปกครอง | ศป | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดอัตราเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้แก่ตุลาการศาลปกครอง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามร่างระเบียบคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวตุลาการศาลปกครอง พ.ศ. .... ที่กำหนดให้ตุลาการศาลปกครองชั้น ๑ ถึงชั้น ๔ ได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวเป็นรายเดือน ตามที่สำนักงานศาลปกครองเสนอ ๒. ค่าใช้จ่ายสำหรับเป็นเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้แก่ตุลาการศาลปกครอง ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้ ๒.๑ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เห็นควรให้สำนักงานศาลปกครองปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ หรือใช้เงินเหลือจ่ายของหน่วยงานเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวก่อน หากไม่เพียงพอ จึงขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นอีกครั้งหนึ่ง ๒.๒ การกำหนดให้มีหรือปรับปรุงเงินเพิ่มค่าครองชีพลักษณะดังกล่าวในอนาคตควรมีการพิจารณา โดยยึดโยงกับหน่วยงานอื่นทั้งในกระบวนการยุติธรรม องค์กรอิสระ ฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร จึงเห็นสมควรที่สำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องกำหนดกลไกในการพิจารณาค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐในภาพรวม รวมทั้งประเภทหน่วยงานของศาล องค์กรอิสระ ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรมและหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม และบุคลากรมีรายได้ที่เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ สอดคล้องกับความรับผิดชอบ สถานะขององค์กร และเป็นมาตรฐานต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
26066 | การยุติการดำเนินคดีแพ่งของส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง | อส | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมพิจารณาตัดสินชี้ขาดการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กับเอกชน และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง รวม ๖๖ เรื่อง โดยเป็นการดำเนินคดีระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจ กับเอกชน ได้พิจารณาคดีเสร็จสิ้น จำนวน ๓ เรื่อง และข้อพิพาทระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจด้วยกันเอง ได้พิจารณาคดีเสร็จสิ้น จำนวน ๖๓ เรื่อง ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ และให้สำนักงานอัยการสูงสุดส่งคำตัดสินชี้ขาดและมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติในเรื่องนี้แจ้งให้คู่กรณีทราบและถือปฏิบัติต่อไป ๒. ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ รับไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการรับว่าต่างหรือแก้ต่างคดีแพ่ง คดีปกครอง หรือคดีอาญา ของพนักงานอัยการให้เหมาะสม โดยให้คำนึงถึงการรักษาประโยชน์ของรัฐและให้การคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
26067 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ พ.ศ. .... | กค | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ พ.ศ. .... ของกระทรวงการคลัง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายกลางเพื่อใช้บังคับกับทุกหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน และโลจิสติกส์ โดยหน่วยงานทุกแห่งจะต้องจัดทำระบบงานเป็นอิเล็กทรอนิกส์ และปรับปรุงแก้ไขกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้วยระบบ National Single Window (NSW) ซึ่งเป็นมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นการดำเนินการเพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี ๒๕๕๘ รวมทั้งเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีในความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกด้านศุลกากรด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ของอาเซียน ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เห็นชอบในหลักการให้สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินโครงการบูรณาการงานบริการภาครัฐให้มีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ให้รัฐสามารถให้บริการประชาชนและภาคธุรกิจเอกชนได้อย่างเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว และมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๙๑/๒๕๕๗ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ลงวันที่ ๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้การดำเนินการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูล และหน่วยงานของรัฐและการค้าและบริการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม จึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ เสนอคณะกรรมการพัฒนาระบบบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศเร่งดำเนินการจัดทำแผนงานและมาตรการ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน โดยให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพภายในเดือนกันยายน ๒๕๕๗ |
||||||||||||||||||||||||
26068 | ร่างพระราชบัญญัติที่ต้องเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติเพื่อพิจารณาวินิจฉัยประเด็นนโยบาย รวม 3 ฉบับ | สลธ.คสช. | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการให้มีองค์กรในการปฏิรูปการบริหารจัดการเรื่องยางพาราทั้งระบบ ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าภาคการเกษตรของประเทศอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ไปหารือร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ องค์การสวนยาง และสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางให้ได้ข้อยุติ แล้วให้เสนอฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒. เห็นชอบหลักการในการกำหนดมาตรการในการคุ้มครอง บำรุงรักษา และอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... ไปหารือร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นความซ้ำซ้อนกับกฎหมายว่าด้วยการประมงในเรื่องขอบเขตความหมายทรัพยากรทางทะเลและความซ้ำซ้อนของอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัติฯ และกฎหมายว่าด้วยการประมงให้ได้ข้อยุติ แล้วให้เสนอฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๓. เห็นชอบหลักการให้มีองค์กรที่สนับสนุนและสร้างกลไกในการประสานการดำเนินการระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเกี่ยวกับงานในสาขาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างเป็นรูปธรรม และช่วยส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติสภาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. .... ไปหารือร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในประเด็นความจำเป็นในการตรากฎหมายจัดตั้งสภาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศไทยขึ้นเป็นนิติบุคคลในภาคเอกชนให้ได้ข้อยุติ แล้วให้เสนอฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26069 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันเกินวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 และขออนุมัติงบประมาณรายจ่าย งบกลาง เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อชำระหนี้ค่าวัสดุอาหาร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 และ พ.ศ. 2557 | ยธ | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่ให้กรมราชทัณฑ์ก่อหนี้ผูกพันก่อนได้รับอนุมัติเงินประจำงวด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายชำระหนี้ค่าวัสดุอาหารของผู้ต้องขังและผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๓,๔๑๗,๔๔๑,๓๑๐ บาท เพื่อชำระเป็นค่าวัสดุอาหารของผู้ต้องขังและผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ตามรายจ่ายจริงในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๘๙๐,๔๐๒,๕๐๐ บาท และปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๒,๕๒๗,๐๓๘,๘๑๐ บาท ทั้งนี้ ให้กรมราชทัณฑ์ดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของทางราชการโดยขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์) รับไปพิจารณาแนวทางการดำเนินการเพื่อลดภาระงบประมาณที่ต้องจัดสรรเป็นค่าวัสดุอาหาร โดยให้กรมราชทัณฑ์พิจารณานำเงินรายได้ของกรมราชทัณฑ์ที่ได้รับจากการดำเนินกิจกรรม หรือจากผลผลิตของผู้ต้องขังมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อการนี้ รวมทั้งให้ประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อจัดหาข้าวสารจากสต็อก (Stock) ของรัฐบาล เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ และพิจารณานำผลผลิตทางการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ที่ผู้ต้องขังได้ดำเนินการภายในเรือนจำต่าง ๆ มาใช้เป็นวัสดุอาหารของผู้ต้องขังเอง ทดแทนการจัดซื้อจัดหาจากภายนอกด้วย นอกจากนี้ ให้กรมราชทัณฑ์พิจารณาแนวทางการลดจำนวนผู้ต้องขัง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของกรมราชทัณฑ์ เช่น การเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังซึ่งใกล้พ้นโทษไปฝึกงานกับหน่วยงานภายนอก การสร้างความรู้ความเข้าใจ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้ต้องขังและฝึกอาชีพผู้ต้องขังให้สามารถออกไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้โดยไม่กลับมากระทำความผิดซ้ำอีก |
||||||||||||||||||||||||
26070 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา | มท | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. โดยที่การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของประเทศเป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีมติอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการโครงการกำจัดขยะในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในลักษณะโครงการนำร่องเพื่อเป็นรูปแบบของการดำเนินการกำจัดขยะที่รักษาสิ่งแวดล้อมของชุมชน โดยให้ใช้ที่ราชพัสดุ จำนวน ๓๗๒ ไร่ ๒ งาน ๒๙ ตารางวา ที่ตำบลมหาพราหมณ์ อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ในความครอบครองขององค์การสุรา กรมสรรพสามิต สำหรับดำเนินโครงการดังกล่าว และให้ดำเนินการขอใช้ที่ราชพัสดุตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ในส่วนของงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ แผนงานพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน ผลผลิตส่วนราชการมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ ภายในกรอบวงเงิน ๓๗๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รายการดังกล่าวข้างต้นตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโครงการฯ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบเบื้องต้นก่อนดำเนินการก่อสร้าง การควบคุมการกำกับการดำเนินงานกำจัดขยะมูลฝอยให้เป็นไปตามสุขลักษณะการจัดการขยะมูลฝอยทั่วไป การควบคุมกำกับการขนส่งเพื่อป้องกันการลักลอบทิ้งและปัญหาขยะมูลฝอยตกหล่นระหว่างทาง การติดตามตรวจสอบ กำกับดูแลการดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยทั้งระบบตั้งแต่การเก็บ ขน กำจัด และการเฝ้าระวังติดตามตรวจสอบเป็นระยะ การจัดเวทีประชาคม ชี้แจงประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการดูแลและควบคุมมลพิษในพื้นที่โครงการ ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการลดปริมาณขยะและแก้ไขปัญหาขยะอย่างถูกวิธี การจัดตั้งคณะกรรมการในการติดตาม ตรวจสอบ เฝ้าระวังการดำเนินงาน ที่มีองค์ประกอบจากทุกภาคส่วน การพิจารณาความจำเป็นในการขอยกเว้นมิให้นำบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับในการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่ออาศัยอำนาจคณะรักษาความสงบแห่งชาติออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามความจำเป็นต่อไป การควบคุม กำกับ ดูแลและตรวจสอบการดำเนินงานในการขนย้ายขยะเก่าและก่อสร้างสถานที่กำจัดขยะแห่งใหม่ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ การพิจารณาออกกฎระเบียบรองรับเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และมาตรฐานการคัดแยก การเก็บรวบรวม ขนส่ง และวิธีการกำจัดที่ถูกต้อง ทั้งขยะมูลฝอยของชุมชน ขยะอันตราย และขยะติดเชื้อ รวมทั้งมาตรฐานสัญญาจ้างเอกชนในการดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอย เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานให้ถูกต้องเหมาะสม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดทำแผนการจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยในภาพรวมของประเทศเพื่อให้มีโรงกำจัดขยะมูลฝอยเพียงพอที่จะรองรับปริมาณขยะมูลฝอยของทุกจังหวัด และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ อาจพิจารณาแบ่งประเภทและขนาดของโรงกำจัดขยะมูลฝอยตามความจำเป็นและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ด้วย ๔. ให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาแนวทางการบูรณาการการบริหารจัดการเกี่ยวกับขยะมูลฝอยอย่างครบวงจรให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล รวมตลอดถึงการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำเสนอต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
26071 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช 2479 รวม 3 ฉบับ | สลธ.คสช. | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ รวม ๓ ฉบับ ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ (กำหนดหลักเกณฑ์ให้ขยายระยะเวลาการพักการลงโทษ) ๑.๒ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ (การกำหนดเจ้าพนักงานเรือนจำและการกำหนดผลประโยชน์ตอบแทนเป็นรางวัลให้แก่ผู้ต้องขัง) ๑.๓ ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙ (ขยายขอบเขตคำว่า “งานสาธารณะ”) ๒. ให้รับข้อสังเกตของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงข้อ ๑.๒ และร่างกฎกระทรวงข้อ ๑.๓ ว่าควรกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสัดส่วนการให้รางวัลที่เป็นธรรมแก่ผู้ต้องขัง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยกระทรวงยุติธรรมรับไปหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกำหนดประเภทความผิดที่ไม่สมควรได้รับการพักการลงโทษ เช่น คดียาเสพติด คดีฆ่าข่มขืนที่กระทำต่อเด็กและเยาวชน และคดีอุกฉกรรจ์อื่น เป็นต้น แล้วเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
26072 | โครงการโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4 - 7 | พน | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ ๔-๗ ในวงเงินลงทุนรวม ๓๖,๘๑๑ ล้านบาท ๑.๒ อนุมัติการเบิกจ่ายงบประมาณลงทุนประจำปี ๒๕๕๗ สำหรับโครงการฯ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๔,๐๕๙ ล้านบาท ๒. กฟผ. จะสามารถดำเนินการโครงการฯ ได้เมื่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (Environmental and Health Impact Assessment : EHIA) แล้ว และให้ กฟผ. ดำเนินกิจกรรมเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (Corporate Social Responsibility-CSR) รวมทั้งให้ กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้ กฟผ. พิจารณาการกู้เงิน โดยกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินกู้ เนื่องจากเป็นโครงการลงทุนในเชิงพาณิชย์ที่มีผลตอบแทนทางการเงินค่อนข้างสูง โดยพิจารณาใช้แหล่งเงินกู้ในประเทศเป็นลำดับแรก การให้ความสำคัญกับการวางแผนทางการเงินขององค์กรระยะยาวเพื่อตอบสนองการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยพิจารณาผสมผสานรูปแบบ วิธีการ และเครื่องมือทางการเงินสำหรับการระดมทุนเพื่อให้มีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม ควรมีการติดตามการระบายมลพิษทางอากาศจากปล่องอย่างต่อเนื่อง การติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้ครอบคลุมพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าฯ และปรับปรุงระบบการรายงานผลการติดตามตรวจสอบให้สาธารณชนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว การทำประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Currency Hedge) โดยอาจกำหนดอัตราซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ กฟผ. สามารถประหยัดวงเงินลงทุนโครงการได้ การคัดเลือกอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ในโครงการฯ ควรพิจารณาให้ครอบคลุมในทุกมิติทั้งด้านต้นทุน ด้านเทคนิค ด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านความคงทนและอายุการใช้งาน ด้านความเชี่ยวชาญในการซ่อมบำรุง และด้านการบริหารจัดการอะไหล่สำรอง การให้ความสำคัญกับระบบตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อชุมชนอย่างเคร่งครัด การกำหนดให้มีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมในภาพรวมของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การดำเนินกิจกรรมชุมชนสัมพันธ์ที่เน้นกิจกรรมการสร้างอาชีพและการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับชุมชนอย่างต่อเนื่องควบคู่กับการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26073 | ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ | สลธ.คสช. | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้ทุกฝ่ายประสานงานกระทรวงและหน่วยงานในกำกับเพื่อรวบรวมผลการดำเนินงานของกองทุนที่อยู่ในความรับผิดชอบ แล้วส่งให้กระทรวงการคลังเพื่อวิเคราะห์และเสนอแนวทางการปรับปรุง พัฒนา หรือยุบเลิกกองทุน นั้น ๑.๑.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลังเร่งดำเนินการตามมติดังกล่าว โดยเสนอต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติภายในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗ ๑.๑.๒ ให้ทุกฝ่ายประสานงานกระทรวงและหน่วยงานในกำกับให้จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคณะกรรมการที่กำกับดูแลหรือบริหารจัดการกองทุน ประกอบด้วยกฎและระเบียบที่กำหนดโครงสร้างและการบริหารของคณะกรรมการ แล้วส่งให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมพิจารณาเพื่อบูรณาการการทำงานในภาพรวมเพื่อลดความซ้ำซ้อนและปรับปรุงกฎระเบียบ เพื่อให้การทำงานของคณะกรรมการกองทุนเกิดผลสัมฤทธิ์ในการใช้กองทุนเป็นปัจจัยหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ๑.๒ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ไปแล้ว นั้น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ ๑.๒.๑ ให้ทุกหน่วยงานนำข้อสังเกตจากการอภิปรายไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยจัดลำดับความสำคัญโครงการที่มีความพร้อมในการดำเนินการ และเริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ให้สงวนสิทธิ์การลงนามในสัญญาจนกว่าจะได้รับการอนุมัติเงินงวดจากสำนักงบประมาณ ๑.๒.๒ ในการจัดทำมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ให้สำนักงบประมาณเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกหน่วยงานเกี่ยวกับการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณว่าสามารถกระทำได้เฉพาะในยุทธศาสตร์เดียวกัน และในการรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายไตรมาสนั้น นอกจากให้รายงานความคืบหน้าเป็นร้อยละของการเบิกจ่ายแล้ว ให้รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการของแผนงาน/โครงการที่เป็นรูปธรรมด้วย ๑.๓ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงการคลัง ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรวบรวมผลกระทบทั้งทางด้านเศรษฐกิจมหภาคและภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการดำเนินนโยบายรถคันแรก เพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขในระยะต่อไป เช่น การดำเนินการเพื่อเรียกคืนเงินภาษีกรณีผู้ใช้สิทธิตามนโยบายจำนวนมากขอสละสิทธิ์หรือไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการถือครองครบ ๕ ปี ๑.๔ ให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์จัดให้มีการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูกในทุกจังหวัด เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพประชาชน รวมทั้งเป็นการเร่งรัดให้เกิดการใช้จ่ายในภาคประชาชนอันจะส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวมต่อไป ๑.๕ ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการผลิตภาพยนตร์เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ภาพลักษณ์ วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทย ทั้งนี้ อาจเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอแนวคิดสำหรับภาพยนตร์ โดยใช้ต้นทุนการผลิตไม่เกิน ๑๐ ล้านบาท ๑.๖ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินมาตรการดูแลราคาผลิตผลทางการเกษตร นั้น ๑.๖.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์เร่งดำเนินมาตรการดูแลราคาผลิตผลทางการเกษตรให้เป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการระบายสินค้าในสต็อก เช่น การระบายสินค้าเกษตรให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีความต้องการใช้หรือบริโภคเป็นจำนวนมาก อาทิ การขายข้าวให้แก่กรมราชทัณฑ์เพื่อใช้เป็นอาหารให้แก่ผู้ต้องขัง การยกระดับราคาผลิตผลทางการเกษตร รวมทั้งขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น พ่อค้าคนกลาง ผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่รับซื้อสินค้าเกษตรในราคาที่เป็นธรรม และกำกับดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้มีรายได้น้อยในช่วงที่เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ๑.๖.๒ ให้คณะอนุกรรมการร่วมจัดทำยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชเศรษฐกิจ ๔ สินค้า (Roadmap) คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และอ้อย คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรและแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการทุกประเภทอย่างเป็นระบบ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตและยกระดับรายได้ให้กับเกษตรกรด้วย ๑.๗ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงมหาดไทยส่งเสริมการปลูกพืชทดแทนตามแผนการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) ของพืชเกษตร นั้น ให้ทั้งสองหน่วยงานเร่งดำเนินโครงการต้นแบบเพื่อสร้างความรู้ให้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการปลูกพืชทดแทน พืชหมุนเวียน และเกษตรผสมผสาน โดยนำองค์ความรู้จากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทฤษฎีใหม่ และปราชญ์ชาวบ้านมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ๑.๘ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง และฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางในการจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้ให้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน นั้น เพื่อให้การจัดที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรมีความเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น ให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณากำหนดแนวทางการจัดพื้นที่ทำกินในลักษณะป่าเศรษฐกิจตามแนวทางของโครงการธนาคารอาหารชุมชนตามพระราชดำริ (Food Bank) โดยปรับปรุงพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ถูกบุกรุกและเสื่อมสภาพแล้วให้เกษตรกรใช้ทำประโยชน์ในที่ดินโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ เพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกร รวมทั้งใช้เป็นแนวป่ากันชนป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมด้วย ๑.๙ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและมาตรการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว นั้น เพื่อให้การสร้างความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวมีความชัดเจนเป็นรูปธรรม จึงให้ฝ่ายสังคมจิตวิทยา โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณากำหนดรูปแบบการประกันภัยให้แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติผ่านกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับความคุ้มครองในทุกกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่บริษัทประกันภัยเอกชนไม่รับประกัน ๒. ด้านโครงสร้างพื้นฐานและพลังงาน ๒.๑ ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงพลังงานเร่งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของในทรัพย์สินที่เกิดจากการลงทุนด้านพลังงาน โดยเฉพาะกรณีท่อส่งก๊าซของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้ ปตท. แยกกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติออกมาเป็นบริษัทใหม่เพื่อให้ธุรกิจท่อส่งก๊าซมีการแข่งขันที่เป็นธรรมในอนาคต ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังอาจเข้าไปถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวเพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชนในฐานะผู้บริโภคด้วย ๒.๒ ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ให้กระทรวงคมนาคมจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อเผยแพร่ผ่านสื่อ ซึ่งได้มีการดำเนินการไปแล้ว นั้น เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการลงทุนด้านการขนส่งสาธารณะ ทั้งในส่วนของการปรับปรุงเส้นทางรถไฟเดิม การสร้างทางรถไฟทางคู่ และการสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ให้ฝ่ายเศรษฐกิจ โดยกระทรวงคมนาคมดำเนินการประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้ โดยเฉพาะเส้นทางที่จะดำเนินการทั้งหมดและกรอบระยะเวลาในการดำเนินการของแต่ละเส้นทางที่ชัดเจน ๓. ด้านความมั่นคง ๓.๑ ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พิจารณาทบทวนแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมฮาลาลในพื้นที่ภาคใต้ โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเร่งดำเนินการตามแนวทางที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติมอบหมายไว้เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ ในการกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุน โดยเริ่มต้นจากพื้นที่ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงจัดเป็นพื้นที่ปลอดภัย เพื่อสร้างอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขยายไปสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่องและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในระยะต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26074 | โครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช | นร05 | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นว่า ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ เห็นชอบในหลักการโครงการลานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช โดยในระยะแรกมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับไปประสานงานกับกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงพื้นที่แปลงที่ดินที่ตั้งสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (เดิม) ณ ถนนราชดำเนินกลาง เนื้อที่ ๕-๑-๓๔ ไร่ ให้เป็นสวนสาธารณะที่เหมาะสมสวยงามก่อน และหาพื้นที่อื่นที่มีความเหมาะสมและมีศักยภาพที่จะสามารถนำมาดำเนินโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ ได้อย่างสมพระเกียรติและเป็นประโยชน์สูงสุด และให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาต่อไป นั้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาทบทวนแล้วเห็นว่า เนื่องจากโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ เป็นโครงการสำคัญตามแผนผังแม่บทการพัฒนาพื้นที่ถนนราชดำเนินและบริเวณต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการพัฒนาพื้นที่ถนนราชดำเนินเป็นไปตามแผนผังแม่บทดังกล่าว จึงเห็นชอบและอนุมัติการดำเนินโครงการลานเฉลิมพระเกียรติฯ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้คำนึงถึงความสอดคล้องกับภูมิทัศน์และสถาปัตยกรรมของอาคารโดยรอบพื้นที่โครงการด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
26075 | โครงการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก (ระยะที่ 2) | นร04 | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบการดำเนินการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก (ระยะที่ ๒) และงบประมาณเพื่อการดำเนินการดังกล่าว วงเงินรวม ๑๘๒,๐๐๐,๐๐๐ บาท ตามมติคณะกรรมการอำนวยการพัฒนาปรับปรุงทำเนียบรัฐบาลและบ้านพิษณุโลก เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๗ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ โดยให้ขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น การจัดซื้อจัดจ้างและการตรวจรับให้ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
26076 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อย ปี 2555 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี 2556 | กค | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และบริษัทย่อย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ และข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกประจำปี ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ กบข. มีสินทรัพย์รวม จำนวน ๕๘๐,๗๕๐.๑๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๔๕ จากปี ๒๕๕๔ หนี้สินรวม จำนวน ๓,๖๑๘.๕๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๑๘ จากปี ๒๕๕๔ สินทรัพย์สุทธิรวม จำนวน ๕๗๗,๑๓๑.๖๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๔๖ จากปี ๒๕๕๔ รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย จำนวน ๑๘,๗๑๐.๑๔ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๐.๗๙ ล้านบาท จากปี ๒๕๕๔ กำไรจากการดำเนินงาน จำนวน ๑๖,๗๐๕.๐๒ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑,๐๘๙.๔๕ จากปี ๒๕๕๔ และผลประโยชน์สุทธิรวม ๓๕,๔๐๗.๘๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑๓.๑๕ จากปี ๒๕๕๔ ๑.๒ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การจัดส่งรายงานประจำปีให้ผู้แทนสมาชิกก่อนวันประชุม การแสดงผลตอบแทนของแต่ละแผนการลงทุนในใบแจ้งยอดที่จัดส่งถึงสมาชิก การให้สิทธิสมาชิกที่เกษียณอายุราชการเข้าถึง website เพื่อคำนวณเงินโดยที่ไม่ต้องใส่ Password และการเตรียมความพร้อมสำหรับสมาชิกที่เลือก undo (การกลับไปใช้สิทธิในบำเหน็จบำนาญตามพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ. ๒๔๙๔) ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปประสานและเร่งรัดการรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของ กบข. และบริษัทย่อย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ และปีต่อ ๆ ไปให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||
26077 | การเบิกจ่ายเงินอุดหนุนกองทุนความร่วมมืออาเซียนบวกสาม | กต | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศเบิกจ่ายเงินเพื่ออุดหนุนกองทุนความร่วมมืออาเซียนบวกสาม (ASEAN Plus Three Cooperation Fund-APTCF) จำนวน ๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก ซึ่งได้ตั้งงบประมาณไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
26078 | ขอลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเขื่อนรัชชประภาประจำปี 2556 | พน | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเขื่อนรัชชประภา ประจำปี ๒๕๕๖ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ดังนี้ ๑.๑ การกำหนดค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของเขื่อนหลักและเขื่อนย่อย จำนวน ๕ เขื่อน ของเขื่อนรัชชประภา เห็นควรประเมินตามข้อเท็จจริง โดยใช้เกณฑ์การกำหนดพื้นที่ของเขื่อนหลักและเขื่อนย่อยที่เป็นข้อสรุปร่วมกันระหว่างเทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับการกำหนดค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินเขื่อนรัชชประภาประจำปี ๒๕๕๗ ซึ่งเทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลานได้ใช้เกณฑ์ดังกล่าว และคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้พิจารณาอนุมัติและได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว ๑.๒ การกำหนดค่ารายปีสนามกอล์ฟ เห็นควรใช้อัตราค่าเช่าตารางเมตรละ ๖ บาทต่อเดือน ตามแนวทางการประเมินของเทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลาน เนื่องจากอัตราดังกล่าวเป็นอัตราที่เทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลานประกาศใช้สำหรับปี ๒๕๕๖ ๑.๓ การกำหนดค่ารายปีเครื่องจักรที่เป็นส่วนควบ เห็นควรลดหย่อนค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินในส่วนของอาคารโรงไฟฟ้าและเครื่องจักรที่เป็นส่วนควบ โดย ๑.๓.๑ เห็นควรลดค่ารายปีลงเหลือ ๑ ใน ๓ ให้กับค่ารายปีของอาคารโรงไฟฟ้าและเครื่องจักรตามวิธีการคำนวณของ กฟผ. เนื่องจากเทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลานลดค่ารายปีลงเหลือ ๑ ใน ๓ ให้แก่เครื่องจักรโดยไม่รวมถึงค่ารายปีของอาคารโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องกับมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๕ ที่กำหนดให้ลดค่ารายปีลงเหลือ ๑ ใน ๓ ของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้น รวมทั้งเครื่องจักรที่เป็นส่วนควบด้วย ๑.๓.๒ เห็นควรใช้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ๑๒ เดือนของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ตามที่ กฟผ. เสนอ ในการคำนวณอัตราผลตอบแทนที่ใช้เทียบเคียงเพื่อประเมินค่ารายปีเครื่องจักรที่เป็นส่วนควบ เนื่องจากเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๓๓๗/๒๕๓๙ ที่พิพากษาว่า การใช้มูลค่าทรัพย์สินคูณด้วยอัตราผลตอบแทนที่เทียบเคียงมาจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร โดยที่ได้ลดมูลค่าของทรัพย์สินในส่วนที่เป็นเครื่องจักรลง และลดค่ารายปีลงเหลือ ๑ ใน ๓ ของค่ารายปีของทรัพย์สินนั้น รวมทั้งส่วนควบดังกล่าวแล้ว ย่อมเป็นการประเมินค่ารายปีด้วยกฎเกณฑ์อันสมควรและมีเหตุผล ซึ่งในกรณีของ กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจที่กระทรวงการคลังมีข้อกำหนดให้ต้องฝากเงินกับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจเท่านั้น ๒. เพื่อให้การประเมินค่ารายปีและค่าภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเป็นระบบและมีมาตรฐานเดียวกัน จึงมอบให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจให้มีมาตรฐานเดียวกัน เป็นธรรม และมีผลบังคับใช้ทั่วไปกับทุกรัฐวิสาหกิจ และให้นำเสนอฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยเร็วต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
26079 | การปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญา CITES และการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมาย | พณ | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการเชิญฝ่ายเลขานุการของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ซึ่งอาจรวมถึงประเทศ/องค์กรที่แสดงความกังวลต่อการดำเนินการที่ผ่านมาของไทย มาดูงานที่ประเทศไทย เพื่อรับทราบความก้าวหน้า พัฒนาการเชิงบวก และเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายควรถูกกำหนดเป็นวาระเร่งด่วนที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการและป้องกันไม่ให้มีการใช้มาตรการลงโทษทางการค้ากับไทยจากการไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามอนุสัญญา CITES และเสนอฝ่ายบริหารผลักดันการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายตามแผนงานและกรอบระยะเวลาที่ไทยได้ตกลงในที่ประชุม Standing Committee ของอนุสัญญา CITES ครั้งที่ ๖๕ เมื่อวันที่ ๗-๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ทั้งนี้ ให้ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพรับไปดำเนินการร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์เพื่อเร่งรัดการปรับปรุงแผนปฏิบัติการของประเทศในการป้องกันการค้างาช้าง (National Ivory Action Plan : NIAP) รวบรวมข้อมูลจัดทำรายงานความคืบหน้า (Progress Report) การปฏิบัติตาม NIAP ที่ประเทศไทยจะต้องรายงานภายในกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้นำรายงานเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยด่วน ก่อนถึงกรอบเวลาที่กำหนดดังกล่าวต่อไป ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการนำเข้างาช้างและการค้างาช้างผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเข้มงวด ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งดำเนินการพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายในประเทศไทยให้แล้วเสร็จตามแนวทางที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้สั่งการไว้ และนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
26080 | ขอความเห็นชอบการร่วมรับรองเอกสารด้านเศรษฐกิจและท่าทีไทยสำหรับประเด็นสำคัญในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 46 | พณ | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร ASEAN Public Private Partnership (PPP) Framework ร่างเอกสาร ASEAN Qualification Referencing Framework (AQRF) ร่างเอกสาร Elements Paper for the Upgrade of the ACFTA และท่าทีไทยในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ วิสัยทัศน์ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘ (Post 2015 vision) การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) และการเจรจาเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติมภายใต้กรอบความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ๑.๒ มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้ร่วมรับรองร่างเอกสารฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารฯ และท่าทีไทยในประเด็นสำคัญต่าง ๆ ที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการต่อไปได้โดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติอีก ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาประเด็นการเจรจาอย่างรอบคอบโดยเฉพาะมาตรการที่มิใช่ภาษีเพื่อให้ประเทศได้รับประโยชน์สูงสุด การจัดทำเป้าหมายและแผนการดำเนินการให้มีรายละเอียดที่ชัดเจนและสามารถปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพัฒนาร่วมกันได้อย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้ การแสดงความพร้อมร่วมมือกับประเทศสมาชิกในการหาข้อสรุปร่วมกัน การจัดลำดับความสำคัญในประเด็นที่ระบุไว้ในเอกสารว่าด้วยหลักการทั่วไป (RCEP Guiding Principles) เพื่อให้การเจรจามีความก้าวหน้าต่อไปและเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย รวมทั้งการพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างรอบด้านและประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการในประเทศรับทราบถึงผลดีและผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เห็นว่า การไปเจรจากับประเทศสมาชิกอาเซียนในครั้งนี้ ให้คำนึงถึงหลักความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และยึดหลักความเป็นธรรมและผลประโยชน์เท่าเทียมกัน รวมทั้งให้ดำเนินการตามข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗ และวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ที่เห็นว่า ในการเจรจาหรือการจัดทำความตกลงระหว่างประเทศให้พิจารณาดำเนินการโดยยึดถือผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของชาติในเวทีโลกเป็นหลัก และให้รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการดังกล่าวให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติทราบเป็นระยะ ๆ ด้วย ๔. มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคง โดยกระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อจัดตั้งคณะทำงานด้านอาเซียนขึ้น โดยให้คณะทำงานชุดดังกล่าวมีหน้าที่รวบรวมผลการประชุมและผลการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับอาเซียนทั้งหมด รวมทั้งจัดทำแผนเตรียมความพร้อมในส่วนของประเทศไทยที่จะเสนอต่อที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยให้ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ๓ ประการ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน และบทบาทของอาเซียนในเวทีโลก และให้นำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติก่อนดำเนินการต่อไป |
.....