ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1303 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 26041 - 26060 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26041 | การคัดเลือกผู้แทนไทยด้านสิทธิเด็กเพื่อทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก | พม | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบการแต่งตั้งให้นางสายสุรี จุติกุล ดำรงตำแหน่งผู้แทนไทยด้านสิทธิเด็กในคณะกรรมาธิการอาเซียนว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิสตรีและสิทธิเด็ก (ASEAN Commission on the Promotion and Protection of the Rights of Women and Children : ACWC) อีก ๑ วาระ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติ (๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26042 | แผนการลงทุนหลัก โครงการเพื่อการพัฒนา ปี 2557 (เพิ่มเติม) ของการประปาส่วนภูมิภาค | มท | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติแผนการลงทุนหลัก โครงการเพื่อการพัฒนา ปี ๒๕๕๗ (เพิ่มเติม) ของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) จำนวน ๔ โครงการ ได้แก่ โครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขารังสิต โครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาเกาะสมุย โครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาหาดใหญ่-สงขลา และโครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขาปทุมธานี วงเงินลงทุนรวม ๑๐,๘๓๑.๒๑๘ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๗ โดยให้ กปภ. รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการจัดการน้ำประปาอย่างมีระบบเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพเป็นมาตรฐานเดียวกันอย่างทั่วถึงและเพียงพอ การเร่งจัดทำแผนแม่บทการจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำดิบให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการเพื่อรองรับการขาดแคลนน้ำดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำประปาอย่างยั่งยืน การเร่งจัดทำแผนแม่บทการลดน้ำสูญเสียให้สอดคล้องกับการบริหารจัดการแรงดันน้ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการประปาและการบริหารต้นทุนการผลิต การจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination : IEE ) การเสนอแผนการใช้น้ำล่วงหน้าทั้งระยะสั้นและระยะยาวให้กรมชลประทานเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาวางแผนการจัดสรรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด การพิจารณาหาแหล่งน้ำดิบที่มีปริมาณน้ำเพียงพอตลอดปี การจัดหาแหล่งเก็บกักน้ำสำรองไว้เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหาความเค็มและน้ำเสียในแผนการลงทุนโครงการปรับปรุงขยาย กปภ. สาขารังสิต และสาขาปทุมธานี การประสานในเรื่องน้ำต้นทุนและการจัดสรรน้ำกับกรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เกาะสมุย รวมทั้งการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ได้กำหนดตามแผนการลงทุนหลักฯ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การดำเนินโครงการส่งผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่น้อยที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. เนื่องจากผลประกอบการของ กปภ. ยังมีความไม่แน่นอนด้านรายได้ รวมทั้งการขึ้นราคาค่าน้ำประปาจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนผู้บริโภค ดังนั้น จึงให้ กปภ. เร่งดำเนินการปรับปรุงการบริหารจัดการของ กปภ. ทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่ดีขึ้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบการผลิต ระบบท่อส่งน้ำ และระบบการจ่ายน้ำ เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ รวมตลอดถึงการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญหาอัตราน้ำสูญเสียสูง ปัญหาน้ำประปากร่อยในบางพื้นที่ ซึ่งควรพิจารณานำเอาระบบหมุนเวียนน้ำ (Recycle) มาใช้ ปัญหาการจ่ายน้ำให้กับผู้ขอใช้น้ำที่มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามกฎหมายและเป็นผู้บุกรุกปลูกสร้างที่อยู่อาศัยทำให้เรียกเก็บค่าน้ำประปาจากผู้ใช้ไม่ได้ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ กปภ. จัดทำเป็นแผนปฏิบัติงานประจำปีให้ชัดเจนเพื่อดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
26043 | แผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยชุดที่ 1 ปี 2557 - 2560 ภายใต้แผนพลิกฟื้นองค์กรของการเคหะแห่งชาติ | พม | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการกรอบแผนการลงทุนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๗-๒๕๖๐ ภายใต้แผนพลิกฟื้นองค์กรของการเคหะแห่งชาติ กรอบวงเงินลงทุนรวม ๓๔,๑๙๘.๔๗๕ ล้านบาท และอนุมัติโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย ชุดที่ ๑ ปี ๒๕๕๗ จำนวน ๓๘ โครงการ จำนวน ๑๖,๑๔๖ หน่วย กรอบวงเงินลงทุนรวม ๙,๕๗๗.๗๕๒ ล้านบาท ประกอบด้วย เงินอุดหนุนรวม จำนวน ๑,๒๔๙.๙๕๘ ล้านบาท เงินกู้ภายในประเทศ จำนวน ๗,๑๑๓.๕๗๐ ล้านบาท และเงินรายได้ของการเคหะแห่งชาติ จำนวน ๑,๒๑๔.๒๒๔ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้จัดหาและค้ำประกันเงินกู้ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยกรอบวงเงินอุดหนุนจากรัฐบาล จำนวน ๑,๒๔๙.๙๕๘ ล้านบาท สำหรับดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณ งบเงินอุดหนุน ที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว และหมดความจำเป็นเนื่องจากยกเลิกการดำเนินการรายการเดิมในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และ ๒๕๕๕ ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีจนถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๗ แล้ว โดยให้การเคหะแห่งชาติขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการดำเนินการโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยของการเคหะแห่งชาติดังกล่าว ให้การเคหะแห่งชาติมุ่งเน้นให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง และให้มีมาตรการป้องกันผู้มีรายได้สูงเข้ามาแสวงหาประโยชน์และผลกำไรจากการเข้าครอบครองและถือกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (การเคหะแห่งชาติ) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๗ ที่ให้กำหนดมาตรการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหาชุมชนแออัดและการสร้างที่อยู่อาศัยรุกล้ำแนวลำคลองและทางระบายน้ำ ทั้งนี้ ให้พิจารณากำหนดมาตรการดำเนินการทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองอย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น ขีดความสามารถในการผ่อนชำระ ความสะดวกในการเดินทาง โอกาสและความเป็นไปได้ในการประกอบอาชีพของผู้อยู่อาศัย เป็นต้น โดยอาจพิจารณาดำเนินโครงการในพื้นที่รอบนอกของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นลำดับแรกก่อน และให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
26044 | การขอรับเงินชดเชยจากรัฐ จำนวน 23.68 ล้านบาท สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทร กรณีได้รับผลกระทบจากการขยายเวลาก่อสร้าง ตามมติคณะรัฐมนตรี 2 ครั้ง | พม | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติในหลักการการขอรับเงินชดเชยจากรัฐ จำนวน ๒๓.๖๘ ล้านบาท สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทร กรณีได้รับผลกระทบจากการขยายเวลาก่อสร้าง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๕ และวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สำหรับแหล่งเงินชดเชยจากรัฐ เห็นควรให้การเคหะแห่งชาติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จากแผนงานดูแลผู้สูงอายุ เด็ก สตรี คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสโครงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยผู้มีรายได้น้อย โครงการบ้านเอื้ออาทร งบรายจ่ายอื่น รายการชดเชยดอกเบี้ยที่เกิดจากเงินเบิกเกินบัญชี (OD) ที่การเคหะแห่งชาติได้รับจัดสรรและมีงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานที่บรรลุวัตถุประสงค์แล้วมาดำเนินการ ทั้งนี้ ขอให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยการเคหะแห่งชาติดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
26045 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการเช่าสถานที่ทำการหน่วยงานในต่างประเทศ | กษ | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ รายการเช่าสถานที่ทำการของฝ่ายการเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เช่าสถานที่ทำการของฝ่ายการเกษตร ประจำสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในวงเงิน ๗๘,๘๖๑.๘๗ หยวน หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ ๔๒๒,๗๐๐ บาท เมื่อคิดอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๑ หยวน เท่ากับ ๕.๓๖ บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ตามนัยมาตรา ๒๓ วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่นกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ รายการค่าเช่าทรัพย์สิน จำนวน ๔๗,๐๐๐ บาท ที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๓๗๕,๗๐๐ บาท ได้เสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รองรับไว้แล้ว ทั้งนี้ การเช่าสถานที่ทำการหน่วยงานในต่างประเทศดังกล่าว สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
26046 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนกรกฎาคม 2557 | อก | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ มีค่า ๑๖๙.๐ ลดลงจากเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ (๑๗๒.๐) ร้อยละ ๑.๗ และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนคือ เดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ (๑๘๐.๙) ร้อยละ ๖.๖ อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงเมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ ได้แก่ Hard Disk Drive น้ำตาล เครื่องปรับอากาศ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เบียร์ เป็นต้น ส่วนอุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ยานยนต์ Hard Disk Drive เสื้อผ้าสำเร็จรูป เครื่องประดับและเพชรพลอย เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ๒. อัตราการใช้กำลังการผลิตในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ อยู่ที่ระดับร้อยละ ๖๐.๖ ลดลงจากเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ (ร้อยละ ๖๑.๖) และลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนคือ เดือนมิถุนายน ๒๕๕๖ (ร้อยละ ๖๔.๙) อุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม เคมีภัณฑ์ขั้นพื้นฐาน เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ โทรทัศน์สี เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ส่วนอุตสาหกรรมที่ส่งผลสำคัญให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เม็ดพลาสติก เสื้อผ้าสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ขั้นมูลฐาน เป็นต้น ๓. ประเด็นเศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๗ ๓.๑ อุตสาหกรรมอาหาร การผลิตและส่งออก คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อน เนื่องจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่เริ่มกระเตื้องขึ้นบ้าง และค่าเงินบาทที่ทรงตัวในระดับเดียวกันกับเดือนก่อน ส่วนการจำหน่ายสินค้าในประเทศ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากความเชื่อมั่นเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นและประชาชนกลับมาจับจ่ายเพิ่มขึ้นจากการจัดกิจกรรมกระตุ้นการจำหน่ายสินค้าที่มีราคาต่ำกว่าท้องตลาด ๓.๒ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประมาณการแนวโน้มการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๙๘ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖.๑๙ จากกลุ่ม Semiconductor และ IC ที่เริ่มมีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสหภาพยุโรปและอาเซียน และ HDD จะเริ่มกลับมาผลิตในประเทศมากขึ้น หลังจากมีการย้ายคำสั่งซื้อไปฐานการผลิตที่อื่นแทน ในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในไทย ส่วนอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะลดลงร้อยละ ๖.๔๖ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีสัญญาณการชะลอตัวจากการส่งออกเครื่องปรับอากาศไปตลาดหลักลดลง โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางและอาเซียน
|
||||||||||||||||||||||||
26047 | ขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงชื่อรายการ แบบรูปรายการ และสถานที่ก่อสร้างอาคารสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (อาคารเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ) | ศธ | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณ เป็น รายการเงินอุดหนุนค่าก่อสร้างอาคารสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ (อาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๔ พรรษา ประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ) และอาคารประกอบพร้อมครุภัณฑ์ ๑ รายการ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ภายในวงเงิน จำนวน ๒๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๐๓,๔๐๔,๐๐๐ บาท ซึ่งกระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินที่กันไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๔๖,๕๙๖,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความจำเป็นและเหมาะสมให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป และเมื่อดำเนินการจัดจ้างจนได้ข้อยุติแล้ว ให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของราคาก่อนทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ) รับความเห็นของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการใช้ชื่ออาคาร เห็นสมควรดำเนินการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต และในการดำเนินโครงการฯ จะดำเนินการได้ต่อเมื่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น ได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว และให้สำนักงานลูกเสือแห่งชาติดำเนินการตามมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ไปดำเนินการด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง การเสนอขอตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี และการดำเนินโครงการเกี่ยวกับความมั่นคงหรือความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน) ที่กำหนดให้ในการเสนอขอจัดตั้งและอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อดำเนินการโครงการใด ๆ ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและสำนักงบประมาณตรวจสอบข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความพร้อมของการดำเนินโครงการให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อมิให้เกิดปัญหาการไม่สามารถดำเนินโครงการได้จริงในภายหลังอย่างเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26048 | รายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 และ 2554 | กค | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ โดยกรมบัญชีกลางได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ แบ่งการตรวจสอบเป็น ๒ ลักษณะ คือ การตรวจสอบทางการเงิน และการตรวจสอบพัสดุ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การตรวจสอบทางการเงิน ผลการตรวจสอบงบการเงินแสดงฐานะการเงินของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๕ และ ๒๕๕๔ ผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันโดยถูกต้องตามที่ควร มีสาระสำคัญตามมาตรฐานรายงานการเงินสำหรับหน่วยงานภาครัฐ และมีข้อตรวจพบที่มีสาระสำคัญคือ การบันทึกรายได้ค่าธรรมเนียมตรวจสอบบัญชีไม่สอดคล้องตามระเบียบคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินว่าด้วยการรับ การจ่าย และการเก็บรักษาเงิน พ.ศ. ๒๕๔๓ หมวด ๑ ส่วนที่ ๑ ข้อ ๑๒ และขาดการควบคุมภายในที่เหมาะสมเกี่ยวกับลูกหนี้ค่าธรรมเนียมตรวจสอบบัญชี ๑.๒ การตรวจสอบพัสดุ ผลการตรวจสอบ มีการปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีข้อตรวจพบที่มีสาระสำคัญคือ ๑.๒.๑ การจัดจ้างออกแบบ จำนวน ๒ สัญญา ราคารวม ๓๘.๐๗๕ ล้านบาท มีการดำเนินการที่อาจทำให้ไม่ได้ผู้รับจ้างออกแบบที่เหมาะสมที่สุด โดยมีการปฏิบัติไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๑๐๖ (๓) ๑.๒.๒ การดำเนินการควบคุมพัสดุ ยังไม่ถูกต้องรัดกุม รอบคอบ และหรือเหมาะสมเท่าที่ควร โดยมีการขายทอดตลาดรถยนต์ประจำตำแหน่ง จำนวน ๘ คัน เนื่องจากมีสภาพเสียหายไม่คุ้มค่าซ่อมแซม โดยขาดข้อมูลที่ชัดเจนเชื่อถือได้เกี่ยวกับสภาพรถยนต์ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับไปประสานสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินเพื่อเร่งรัดการนำเสนอรายงานการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และปีต่อ ๆ ไปให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ๓. ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินพัฒนาระบบการตรวจสอบให้มีความครอบคลุมถึงการตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง และจัดหาพัสดุที่ไม่มีการจำหน่ายในช่องทางการตลาดปกติ ให้มีมาตรฐานที่ชัดเจน เช่น วัสดุและยุทโธปกรณ์ทางด้านความมั่นคง เป็นต้น รวมทั้งควรมีการพัฒนาบุคลากรของสำนักงานให้มีความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวเป็นการเฉพาะเพื่อดำเนินการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานเจ้าของเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26049 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพิ่มเติม | กห | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เพิ่มเติม จากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗๙๕,๓๔๓,๓๒๗.๙๑ บาท ให้กองทัพบก เพื่อชดใช้เงินทดรองราชการที่ได้ทดรองจ่ายในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน เมื่อปี ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26050 | การจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพสำหรับการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเพื่อหารือแนวทางและวิธีการในการป้องกัน สืบสวน สอบสวน ดำเนินคดี และลงโทษการฆ่าผู้หญิงและเด็กผู้หญิงอันเนื่องมาจากความเป็นเพศหญิง | ยธ | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบการจัดทำความตกลงประเทศเจ้าภาพสำหรับการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเพื่อหารือแนวทางและวิธีการในการป้องกัน สืบสวน สอบสวน ดำเนินคดี และลงโทษการฆ่าผู้หญิงและเด็กผู้หญิงอันเนื่องมาจากความเป็นเพศหญิง ระหว่างรัฐบาลไทยและสำนักงานสหประชาชาติว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรม (United Nations Office on Drugs and Crime-UNODC) ทั้งนี้ จะมีการประชุมดังกล่าวระหว่างวันที่ ๑๑-๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26051 | ร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. .... | พศ | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาในประเด็นบทกำหนดโทษทางอาญาสำหรับพระภิกษุสามเณรที่กระทำการล่วงละเมิดพระธรรมวินัยให้สอดคล้องกับกฎหมายอาญาบนพื้นฐานของความเท่าเทียมกันของบุคคลในสังคม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง การจัดตั้งทุนหมุนเวียนของหน่วยงานของรัฐ) ซึ่งให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะจัดตั้งทุนหมุนเวียนต้องเสนอเรื่องให้คณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียนพิจารณาด้วย แล้วแจ้งผลไปที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
26052 | รายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ 12 เดือน ปี พ.ศ. 2556 | กค | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของระบบประกันภัยและพัฒนาการที่สำคัญ รอบ ๑๒ เดือน ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. ภาพรวมธุรกิจประกันภัยของไทย รอบ ๑๒ เดือน ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๐๔ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีเบี้ยประกันภัยรวมทั้งสิ้น ๖๔๔,๓๖๒ ล้านบาท ประกอบด้วย เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจากธุรกิจประกันชีวิต ๔๔๑,๓๔๙ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๐๒ และเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงจากธุรกิจประกันวินาศภัย ๒๐๓,๐๑๓ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๐๘ สำหรับอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันภัยของปี ๒๕๕๗ จะมีอัตราการเติบโตแต่ในอัตราที่ชะลอตัว ประมาณร้อยละ ๗.๔๐ โดยมีเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงรวม ๖๙๒,๐๖๘ ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP ร้อยละ ๕.๖๐ ๒. ผลการดำเนินการตามกรอบแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๕๗) ตามมาตรการหลักทั้ง ๔ ประการของแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ ๒ ๒.๑ มาตรการที่ ๑ เสริมสร้างความเชื่อมั่นและเข้าถึงระบบประกันภัย ได้แก่ การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการสร้างความรู้ความเข้าใจและสิทธิประโยชน์ด้านการประกันภัยแก่ประชาชน การจัดกิจกรรมส่งเสริมการประกันภัยทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค การจัดตั้งโครงการอาสาสมัครประกันภัย และโครงการยุวชนประกันภัยในสถานศึกษา การส่งเสริมภาพลักษณ์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย การปรับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในที่ไม่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล การปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและอัตราเบี้ยประกันภัยของกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น การพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายให้เข้าถึงประชาชนทุกระดับ รวมทั้งการส่งเสริมการประกันภัยรายย่อย (Micro Insurance) โดยจัดให้มีรูปแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยรายย่อยแบบพื้นฐาน ๒.๒ มาตรการที่ ๒ เสริมสร้างเสถียรภาพและขีดความสามารถในการแข่งขัน ได้แก่ การพัฒนาแนวทางการกำกับโดยการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ซึ่งเป็นเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงที่มีความจำเป็นต่อหน่วยงานกำกับดูแลและบริษัทประกันภัย การปรับปรุงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการลงทุนประกอบธุรกิจอื่นให้เหมาะสม สอดคล้องต่อธุรกิจหลักของบริษัทประกันภัย การปรับปรุงระบบสัญญาณเตือนภัย (Early Warning System : EWS) รวมทั้งการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ๒.๓ มาตรการที่ ๓ การพัฒนาการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัย ได้แก่ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทด้านประกันภัย การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์อุทกภัย การเพิ่มประสิทธิภาพการจ่ายค่าสินไหมทดแทนผ่านระบบสินไหมอัตโนมัติ (E-Claim) การจัดให้มีการประกันภัยรถผ่านระบบออนไลน์ (Online-Real Time) ๒.๔ มาตรการที่ ๔ ส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านการประกันภัย ได้แก่ การพัฒนากฎหมายแม่บทด้านการประกันภัยเพื่อเสนอแนะแนวทางการปรับปรุงกฎหมายแม่บทด้านการประกันชีวิตและวินาศภัยให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมทั้งผลักดันการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติประกันชีวิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว การจัดทำโครงสร้างฐานข้อมูลการประกันภัย (Insurance Bureau System) เพื่อเป็นศูนย์กลางข้อมูลด้านการประกันภัย การนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาใช้โดยเป็นไปตามกรอบแนวทางธรรมาภิบาลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย และการพัฒนายุทธศาสตร์ด้านการประกันภัย โดยจัดทำโครงการศึกษาสภาพแวดล้อม ศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจประกันภัยไทย การพัฒนาระบบทรัพยากรบุคคล การพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมและความรู้ให้กับบุคลากรประกันภัยทั้งภายนอกและภายในด้านการประกันภัย การเงินและการลงทุน การบริหารความเสี่ยง และสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
|
||||||||||||||||||||||||
26053 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมคณะรัฐมนตรีด้านพลังงานเอเปค ครั้งที่ 11 | พน | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีด้านพลังงานเอเปค ครั้งที่ ๑๑ (2014 APEC Energy Ministerial Meeting : Beijing Declaration) ซึ่งเป็นแถลงการณ์สรุปผลการประชุมฯ ประกอบด้วยการแสดงจุดยืนร่วมกันของสมาชิกเขตเศรษฐกิจเอเปคในการส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาค โดยเน้นการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การเสริมสร้างความมั่นคงของน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ความยั่งยืนและความปลอดภัยในการค้าก๊าซธรรมชาติเหลว ความร่วมมือและการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาความเชื่อมโยงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ สังคมคาร์บอนต่ำและชุมชนพลังงานอัจฉริยะ ความร่วมมือในการพัฒนาและการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลสะอาด การจัดหาพลังงานสะอาด โดยมีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนในการใช้พลังงานทั้งหมดเป็นสองเท่าจากปี ค.ศ. ๒๐๑๐ ถึง ค.ศ. ๒๐๓๐ การพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ในด้านความปลอดภัยและความมั่นคง และการจัดตั้งศูนย์พลังงานอย่างยั่งยืนของเอเปค ณ สาธารณรัฐประชาชนจีน ในปี ค.ศ. ๒๐๑๔ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นผู้ให้การรับรองในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ นี้ ร่วมกับรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มประเทศสมาชิกเอเปคได้ ๑.๓ เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานสามารถพิจารณาปรับปรุงถ้อยคำในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญได้ตามความเหมาะสมก่อนที่จะมีการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในที่ประชุมได้ ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถบังเกิดผลเป็นรูปธรรมสำหรับความร่วมมือด้านพลังงานในกรอบเอเปค ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีด้านพลังงานเอเปค ครั้งที่ ๑๑ ในวันที่ ๒-๓ กันยายน ๒๕๕๗ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ๒. ให้กระทรวงพลังงานปฏิบัติตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เกี่ยวกับการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการให้คำมั่นเรื่องการสร้างระบบใหม่เพื่อจัดการกับความมั่นคงด้านพลังงานในภูมิภาค ควรพิจารณาถึงแนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจนและควรเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับบริบทในการพัฒนาประเทศและแนวทางการปฏิรูปพลังงานของประเทศไทย การให้คำมั่นในการยกระดับความสามารถในการรองรับภาวะฉุกเฉินในการจัดหาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และการกำหนดราคาพลังงานที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานในภูมิภาค ควรคำนึงถึงขีดความสามารถ ต้นทุนทรัพยากร และผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนชาวไทยเป็นหลัก การขจัดข้อปกป้องทางการค้าและมาตรการข้อจำกัดซึ่งเป็นอุปสรรคต่อเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน ต้องมีการศึกษาและหารือถึงรูปแบบและแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของแต่ละเขตเศรษฐกิจ การให้คำมั่นในการกำหนดเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนของพลังงานหมุนเวียนในการใช้พลังงานทั้งหมดเป็นสองเท่าจากปี พ.ศ. ๒๕๕๓-๒๕๗๓ (ค.ศ. ๒๐๑๐-๒๐๓๐) ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและทรัพยากรน้ำ การพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ ต้องมีการศึกษาผลดีและผลเสียอย่างรอบคอบ และมีการให้ข้อมูลและความรู้ต่อสาธารณชนให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ก่อนการพิจารณาดำเนินการ การพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด ต้องคำนึงถึงนโยบายและระดับการพัฒนาของแต่ละเขตเศรษฐกิจ และการตั้งศูนย์พลังงานอย่างยั่งยืนของเอเปค ควรคำนึงถึงภาระผูกพันในอนาคตและความยั่งยืนของศูนย์พลังงานฯ ทั้งในแง่นโยบาย เทคนิค และภาระผูกพันทางการเงิน (หากมี) รวมทั้งควรกำหนดบทบาทของประเทศไทยในการมีส่วนร่วมกับศูนย์พลังงานฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26054 | การแต่งตั้งคณะทำงานระดับชาติเพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ 13 | ยธ | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานระดับชาติเพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา สมัยที่ ๑๓ (National Preparatory Committee-NPC) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานคณะทำงาน เพื่อเตรียมการด้านสารัตถะในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา (United Nations Congress on Crime Prevention and Criminal Justice-Criminal Congress) สมัยที่ ๑๓ โดยกราบทูลเชิญพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงดำรงตำแหน่งองค์ที่ปรึกษาคณะทำงาน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติ (๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
26055 | ขออนุมัติเงินงบกลางเพื่อเบิกจ่ายเป็นเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการอัยการ | อส | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการอัยการ ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ โดยให้ข้าราชการอัยการ ชั้น ๓ ขั้น ๖๖,๔๔๐ บาท ถึงชั้น ๘ และอัยการอาวุโสได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวเช่นเดียวกับที่ได้เห็นชอบในส่วนของผู้พิพากษาชั้น ๓-๕ และผู้พิพากษาอาวุโสแล้ว ภายในกรอบวงเงิน ๓๘๙,๑๐๙,๖๐๐ บาท โดยให้สำนักงานอัยการสูงสุดปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว จำนวน ๑๘๙,๑๐๙,๖๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ รับเรื่องนี้ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง สำหรับค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร รายการเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการตุลาการและดะโต๊ะยุติธรรม) ที่ให้พิจารณาร่วมกับสำนักงาน ก.พ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการปรับปรุงค่าตอบแทนหรือเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งองค์กรอิสระและองค์กรอื่น ๆ ตามรัฐธรรมนูญให้เกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม และมีการยึดโยงกันอย่างเหมาะสม เพื่อให้บุคลากรดังกล่าวมีรายได้ที่เพียงพอและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และให้นำเรื่องนี้เสนอสภาปฏิรูปแห่งชาติด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมที่จะจัดตั้งขึ้นตามแนวทางปฏิรูปประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติในระยะที่ ๒ เพื่อพิจารณาต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26056 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อโครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรณีโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola) | สธ | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๑๖,๘๐๒,๖๐๐ บาท เพื่อดำเนินโครงการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรณีติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola) ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในการดำเนินการเกี่ยวกับการเฝ้าระวังป้องกันโรคติดต่อกระทรวงสาธารณสุขจะต้องบูรณาการการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการคัดกรองผู้ติดเชื้อที่อาจเดินทางเข้ามาในประเทศ และต้องมีการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ให้สามารถคัดกรองและดูแลรักษาผู้ติดเชื้อได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะต้องจัดให้มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเพียงพอเพื่อเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์โรคติดต่อที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต โดยให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังโรคติดต่อในทุกภาคของประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางการดำเนินงานในระดับภาคด้วย ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขประชาสัมพันธ์กรณีที่มีชาวไทยซึ่งเดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาและได้แจ้งความประสงค์ขอให้แพทย์ตรวจสอบการติดเชื้อไวรัสอีโบลา เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของประชาชนในการร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตรายด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
26057 | ผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง (กรส.) ไทย - เมียนมา ครั้งที่ 2 | สลธ.คสช. | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการระดับสูง (กรส.) ไทย-เมียนมา ครั้งที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดของฝ่ายไทยและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของฝ่ายเมียนมา เป็นประธานร่วม ตามที่ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การแลกเปลี่ยนการเยือน จะเพิ่มการเยือนของนายทหาร รวมทั้งกำลังพลและครอบครัว การแข่งขันกีฬาทหาร การฝึกศึกษาและการจัดประชุมสัมมนาของทุกเหล่าทัพในทุกระดับ โดยในห้วง ๓๑ สิงหาคม-๗ กันยายน ๒๕๕๗ จะมีกำลังพลเมียนมา จำนวน ๔๐ นาย มาอบรมเกี่ยวกับการเกษตรและปศุสัตว์ในไทย ๑.๒ ด้านความมั่นคง จะเพิ่มความร่วมมือในการฝึกทางทหาร การประชุม Navy to Navy Talks และการเยี่ยมเมืองท่าของกองทัพเรือ การประชุม Air Working Group Bilateral Meeting การฝึกบรรเทาสาธารณภัย การต่อต้านการก่อการร้าย การแลกเปลี่ยนข่าวกรองทางทหารในทุกระดับ รวมทั้งคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-เมียนมา (Regional Border Committee : RBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น ไทย-เมียนมา (Township Border Committee : TBC) ได้มีการประสานงานกันอย่างแน่นแฟ้น ๑.๓ ฝ่ายเมียนมาได้ชื่นชมผลสำเร็จของการจัดตั้งคณะกรรมการระดับสูง (High Level Committee : HLC) ซึ่งจะได้นำหลักการไปใช้กับประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ต่อไป ๒. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ (เรื่อง ขออนุมัติการจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไกคณะกรรมการร่วมไทย-เมียนมา เพื่อการพัฒนาที่ครอบคลุมในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง) เห็นชอบการจัดตั้งกลไกคณะกรรมการร่วมไทย-เมียนมา ว่าด้วยการพัฒนาที่ครอบคลุมในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้องเป็น ๓ ระดับ คือ (๑) คณะกรรมการร่วมระดับสูงไทย-เมียนมา (๒) คณะกรรมการประสานงานระหว่างไทย-เมียนมา และ (๓) คณะอนุกรรมการร่วมไทย-เมียนมา ใน ๖ สาขา นั้น กลไกที่จัดตั้งดังกล่าวข้างต้นประสบปัญหาหยุดชะงักไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ จึงมอบหมายให้ฝ่ายเศรษฐกิจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติรับไปพิจารณาทบทวนการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว โดยกำหนดให้ลดคณะกรรมการเหลือ ๒ ระดับ คือ ให้มีระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการ และให้นำเรื่องนี้เสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
26058 | ขออนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 57 ประจำปีการศึกษา 2557 - 2558 | กห | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอว่า เนื่องจากมีข้อผิดพลาดทางธุรการ ทำให้จำนวนรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ ๕๗ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗-๒๕๕๘ มีความคลาดเคลื่อน ซึ่งจำนวนรายชื่อที่ถูกต้องมีจำนวน ๒๘๙ คน คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาแล้วลงมติอนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ ๕๗ ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๗-๒๕๕๘ จำนวน ๒๘๙ คน ตามที่ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26059 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ปลาทูน่าบรรจุกระป๋องเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | พณ | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ปลาทูน่าบรรจุกระป๋องเป็นสินค้าที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... ของกระทรวงพาณิชย์ มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ ว่าด้วยการกำหนดมาตรการจัดระเบียบในการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๓๐) พ.ศ. ๒๕๒๘ และเพิ่มเติมคำนิยาม ปลาทูน่าบรรจุกระป๋อง และเพิ่มชื่อสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทยเพื่อให้สมาชิกของสมาคมสามารถส่งปลาทูน่าบรรจุกระป๋องออกไปนอกราชอาณาจักรได้ ตามที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนส่งเสริมการจัดทำความร่วมมือด้านการประมงระหว่างสมาคมทางด้านการประมงของไทยกับประเทศที่เป็นแหล่งจับปลา เช่น การให้ความช่วยเหลือทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับการประมง เพื่อประเทศไทยจะได้นำไปใช้ในการเจรจาต่อรองเพื่อผลประโยชน์ของชาติตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) |
||||||||||||||||||||||||
26060 | ขออนุมัติกู้เงินในประเทศเพื่อลงทุนในโครงการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | มท | 19/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบให้การไฟฟ้านครหลวงกู้เงินในประเทศเพื่อการลงทุนในโครงการ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๒ แผน วงเงิน ๓,๐๐๐ ล้านบาท ได้แก่ แผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ ๑๐ ปี ๒๕๕๑-๒๕๕๔ (ฉบับปรับปรุง) และแผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้า ฉบับที่ ๑๑ ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
.....