ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1130 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 22581 - 22600 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22581 | มาตรการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) | อก | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรอบเป้าหมายวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small Medium Enterprises : SMEs) ที่จะให้การส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ โดยกำหนดเป้าหมายส่งเสริม SMEs ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๙๗,๕๐๓ ราย ใช้งบประมาณในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ วงเงินรวม ๕,๐๙๗.๘๕ ล้านบาท และรับทราบในหลักการการใช้งบประมาณดำเนินการในส่วนที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จากงบประมาณของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑,๔๓๗.๑๗ ล้านบาท และมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการบูรณาการการดำเนินงานในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมติดตามประเมินผลการดำเนินงานต่อไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน รวมทั้งรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงาน โดยเฉพาะเมื่อ SMEs ได้รับการวินิจฉัยสถานประกอบการแล้ว ควรสร้างระบบที่มีประสิทธิภาพในการส่งต่อลูกค้า/ผู้ประกอบการไปยังหน่วยงานที่มีความสามารถเฉพาะที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การสนับสนุน SMEs ได้อย่างครบวงจรทุกด้าน และในการดำเนินโครงการเงินทุนพลิกฟื้นวิสาหกิจขนาดย่อม โดยการให้กู้ยืมแก่วิสาหกิจขนาดย่อม และธุรกิจเกษตร ควรมีระบบพี่เลี้ยงเพื่อให้คำแนะนำทั้งด้านธุรกิจและเทคโนโลยี รวมทั้งควรมีการเสริมในด้านการสร้างตลาดสินค้าสำหรับ Start-up เช่น การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในประเทศกลุ่ม AEC เพื่อขยายตลาด และควรมีการประชาสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้ SMEs รับทราบอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะเรื่องระบบการส่งต่อเพื่อประสานความร่วมมือในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างครบวงจร นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อให้มีความรัดกุม รอบคอบ และเป็นเกณฑ์เดียวกัน และมีการติดตามและประเมินผลโครงการอย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินผลสำเร็จของโครงการนำร่องสำหรับการดำเนินโครงการในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22582 | รายงานผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน | กค | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผลการพิจารณาการขอจัดตั้งทุนหมุนเวียนของคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียนที่เห็นควรให้มีการจัดตั้งทุนหมุนเวียนใหม่ จำนวน ๒ ทุน ได้แก่ กองทุนเพื่อการศึกษา และกองทุนส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยสุขภาพ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อคิดเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ในส่วนของกองทุนส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยสุขภาพ โดยไม่ควรกำหนดให้รัฐบาลต้องพึงจัดสรรเงินอุดหนุนรายปีให้แก่สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยสุขภาพโดยตรง และควรกำหนดเป้าหมายและระยะเวลาในการดำเนินงานกองทุนฯ ทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพให้ชัดเจน รวมทั้งแสดงรายละเอียดที่มาของการประมาณการรายรับ-รายจ่าย และกำหนดเกี่ยวกับการตรวจสอบภายในและระยะเวลาในการจัดทำงบการเงินส่งผู้สอบบัญชี ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกองทุนเพื่อการศึกษาและกองทุนส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยสุขภาพ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อคิดเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ไปพิจารณาปรับปรุงและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง สำหรับทุนหมุนเวียนที่คณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติไม่เห็นชอบให้มีการจัดตั้งทุนหมุนเวียนนั้น เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๘ ที่ให้กระทรวงการคลังรายงานผลการพิจารณาทุนหมุนเวียนตามข้อเสนอของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินในส่วนที่เหลือให้ครบถ้วน และเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๕๘ และวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ที่ให้กระทรวงการคลังเสนอวิธีการนำเงินทุนหมุนเวียนที่มีสภาพคล่องส่วนที่เกินความจำเป็นไปใช้ประโยชน์ในการสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในช่วง ๑ ปี ต่อคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดการนำเงินทุนหมุนเวียนส่วนเกินในส่วนที่เหลือส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินให้ครบถ้วนโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22583 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการประกอบกิจการของลูกหนี้ พ.ศ. .... | ยธ | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการประกอบกิจการของลูกหนี้ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มีอำนาจยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และมีอำนาจให้ความยินยอมให้ลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22584 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - อิสราเอล | คค | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-อิสราเอล และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและอิสราเอล มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสิทธิการบินต่าง ๆ ได้แก่ ใบพิกัดเส้นทางบิน ความจุความถี่ สิทธิในการทำการบินเชื่อมจุด สิทธิรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ และข้อบทการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||
22585 | ขอความเห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ 21 | คค | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยแผนยุทธศาสตร์ด้านความปลอดภัยทางถนน (๒) ร่างปฏิญญาความร่วมมือด้านการขนส่งของอาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘ และ (๓) แผนยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งอาเซียน ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๘ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ให้การรับรองเอกสารดังกล่าว ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน ครั้งที่ ๒๑ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงคมนาคมสามารถดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมการพัฒนาระบบขนส่งอัจฉริยะและผลักดันให้เกิดการพัฒนาเชื่อมโยงระบบข้อมูลการจราจรอัจฉริยะของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการภายใต้แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙ และประสานขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในการเข้าร่วมเป็นภาคีในการรณรงค์สร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างจริงจัง การยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมขนส่งทางอากาศทั้งระบบ โดยเร่งปรับปรุงระบบการกำกับดูแลให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล พร้อมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการสร้างบุคลากรทางการบินให้มากขึ้น ตลอดจนการปรับปรุงกฎระเบียบและโครงสร้างกิจการด้านการพาณิชยนาวีเพื่อให้การกำกับดูแลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเตรียมความพร้อมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันผู้ประกอบการเดินเรือและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปรับปรุงระบบการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการรั่วไหลและการทิ้งของเสียจากเรือขนส่งผู้โดยสารและสินค้า ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22586 | แจ้งคำพิพากษาของศาลฎีกา (แจ้งคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีระหว่างนายดุสิต เจริญกุลทรัพย์ โจทก์ คณะรัฐมนตรี ที่ 1 กับพวกรวม 3 คน จำเลย เรื่องที่โจทก์ขอเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี คำสั่งรัฐมนตรีและขอรับสิทธิตามระเบียบของทางราชการภายหลังพ้นโทษจำคุก อันเนื่องมาจากคำสั่งตามมาตรา 17 แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช 2515) | อส | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาของศาลฎีกา ที่ ๑๘๐๓๒/๒๕๕๗ คดีระหว่างนายดุสิต เจริญกุลทรัพย์ โจทก์ คณะรัฐมนตรี ที่ ๑ กับพวกรวม ๓ คน จำเลย เรื่องที่โจทก์ขอเพิกถอนมติคณะรัฐมนตรี คำสั่งรัฐมนตรีและขอรับสิทธิตามระเบียบของทางราชการภายหลังพ้นโทษจำคุก อันเนื่องมาจากคำสั่งตามมาตรา ๑๗ แห่งธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร พุทธศักราช ๒๕๑๕ ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22587 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ 2557 ขององค์การขนส่ง มวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งมีผลการขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๘๒๙.๒๘๖ ล้านบาท และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีผลการขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ จำนวน ๒,๔๖๙.๕๔๒ ล้านบาท ๒. ให้ ขสมก. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ งวดที่ ๒ จำนวน ๑๗๖.๑๕๘ ล้านบาท และ รฟท. เบิกจ่ายเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ งวดที่ ๒ จำนวน ๗๗๔.๙๔๖ ล้านบาท ๓. ให้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมรับข้อสังเกตเพิ่มเติมของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ ขสมก. ปรับปรุงการให้บริการตามผลการสำรวจความพึงพอใจ เช่น ลดความเร็วในการขับขี่ ปฏิบัติตามกฎจราจรโดยเคร่งครัด และนำผลการศึกษาต้นทุนต่อกิโลเมตรที่ทำการศึกษาโดยศูนย์วิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาประกอบการจัดทำข้อเสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ และให้ รฟท. เร่งปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและยกระดับคุณภาพการให้บริการ โดยเฉพาะด้านความสะอาด ความปลอดภัยและความตรงต่อเวลา การเร่งรัดการดำเนินโครงการและเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามแผนการลงทุน การจัดทำแนวทางการปรับปรุงผลการดำเนินงานการให้บริการสาธารณะสำหรับตัวชี้วัดที่ไม่ผ่านเกณฑ์ค่าเป้าหมาย รวมทั้งการศึกษาต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ในการให้บริการของรถไฟที่มีประสิทธิภาพเพื่อประกอบการพิจารณาข้อเสนอขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22588 | มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริจาคให้แก่งานวัฒนธรรมและพัฒนาการเรียนรู้ | กค | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบหลักการมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการบริจาคให้แก่งานวัฒนธรรมและพัฒนาการเรียนรู้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. กำหนดให้บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินให้แก่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ตามพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๘ กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. ๒๕๕๑ กองทุนส่งเสริมงานจดหมายเหตุ ตามพระราชบัญญัติจดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ และกองทุนโบราณคดี ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ สามารถหักเป็นค่าลดหย่อนได้ ๒ เท่าของจำนวนเงินที่จ่ายจริง แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว ๒. กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ตามพระราชบัญญัติกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๘ กองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๓ กองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย พ.ศ. ๒๕๕๑ กองทุนส่งเสริมงานจดหมายเหตุ ตามพระราชบัญญัติจดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ และกองทุนโบราณคดี ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ สามารถนำมูลค่าของเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคมาหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่าของจำนวนที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบและรายจ่ายในการจัดสร้างและบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของราชการหรือของเอกชนที่เปิดให้ใช้เป็นการทั่วไปโดยไม่เก็บค่าบริการใด ๆ แล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา ตามมาตรา ๖๕ ตรี (๓) แห่งประมวลรัษฎากร |
|||||||||||||||||||||
22589 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดยกฟ้อง คดีหมายเลขแดงที่ ฟ. 35/2558 ระหว่าง นางจริยา ทองอยู่มาก กับพวกรวม 17 คน ฟ้องอธิบดีกรมทางหลวงชนบท กับพวกรวม 3 คนต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ ตำบลท่าล้อ อำเภอท่าม่วง และตำบลปากแพรก ตำบลบ้านใต้ ตำบลบ้านเหนือ ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. 2555 | นร | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ ฟ. ๓๕/๒๕๕๘ ระหว่าง นางจริยา ทองอยู่มาก กับพวกรวม ๑๗ คน ฟ้องอธิบดีกรมทางหลวงชนบท กับพวกรวม ๓ คนต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าล้อ อำเภอท่าม่วง และตำบลปากแพรก ตำบลบ้านใต้ ตำบลบ้านเหนือ ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายกฟ้อง ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22590 | ขออนุมัติการลงนาม Implementing Arrangement (IA) ระหว่างกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและกรมประมงและทรัพยากรสัตว์น้ำ กระทรวงเกษตร รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ | กษ | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามใน Implementing Arrangement (IA) ระหว่างกรมประมง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และกรมประมงและทรัพยากรสัตว์น้ำ กระทรวงเกษตร รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดรายละเอียดและแนวทางในการดำเนินความร่วมมือด้านการป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเรือประมงและการทำประมงของเรือฟิลิปปินส์ที่ส่งออกสัตว์น้ำมายังประเทศไทย และความร่วมมือทางวิชาการด้านประมงอื่น ๆ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการทำความตกลงแบบทวิภาคีในคู่ฉบับของฝ่ายไทย ให้ระบุชื่อหน่วยงานฝ่ายไทยขึ้นก่อนหน่วยงานฝ่ายฟิลิปปินส์ ทั้งในส่วนชื่อความตกลง อารัมภบทวรรคที่ ๑ และชื่อผู้ลงนามและพยาน และตามที่นายกรัฐมนตรีได้เยือนฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๘ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้เร่งรัดหาข้อสรุปข้อตกลงที่คั่งค้างระหว่างกัน รวมถึง Implementing Arrangement on Specific Areas of Cooperation ระหว่างกรมประมงของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการความร่วมมือทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โดยเฉพาะประเด็นความมั่นคงทางอาหาร เศรษฐกิจ และผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประมงของประเทศบนพื้นฐานของการทำการประมงอย่างมีความรับผิดชอบ รวมทั้งพิจารณาขยายความร่วมมือและข้อตกลงในทางปฏิบัติกับประเทศและกลุ่มประเทศซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบและเส้นทางขนส่งของสินค้าและผลิตภัณฑ์ประมงให้ครอบคลุมทั้งระบบ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
22591 | กำหนดวันประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 900 MHz | อื่นๆ | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนแปลงวันประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz จากเดิมวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ เป็นวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารประสานการดำเนินงานกับ สำนักงาน กสทช. เพื่อให้การประมูลคลื่นความถี่ฯ เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยคำนึงถึงประโยชน์ของรัฐและผู้ใช้บริการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22592 | ขอลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) | คค | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. โดยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้เคยมีมติ (๑๙ สิงหาคม และ ๒ กันยายน ๒๕๕๗) มอบให้กระทรวงการคลังเป็นเจ้าภาพรับไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจให้มีมาตรฐานเดียวกัน เป็นธรรม และมีผลบังคับใช้ทั่วไปกับทุกรัฐวิสาหกิจ และให้นำเสนอฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติพิจารณาก่อนนำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยเร็วต่อไป แต่จนถึงบัดนี้กระทรวงการคลังยังมิได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด ดังนั้น จึงเห็นควร ๑.๑ ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ๑.๒ ในระหว่างที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างดำเนินการตามข้อ ๑.๑ เมื่อสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้รับเรื่องเกี่ยวกับการขอลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินของรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๓๑ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พุทธศักราช ๒๔๗๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบและมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นต้น และให้กระทรวงการคลังนำผลการหารือที่ได้ข้อยุติแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งเรื่อง ขอลดหย่อนค่ารายปีภาษีโรงเรือนและที่ดินในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ของกระทรวงคมนาคม ให้กระทรวงการคลังดำเนินการตามข้อ ๑.๒ ต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22593 | การจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 | พม | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ ๑๐๐ คนขึ้นไปรับคนพิการที่สามารถทำงานได้เข้าทำงานตามมาตรา ๓๓ หรือให้สัมปทานตามมาตรา ๓๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้ครบตามอัตราส่วนที่กฎหมายกำหนด ภายในปีงบประมาณ ๒๕๖๑ ๑.๒ ให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีผู้ปฏิบัติงานตั้งแต่ ๑๐๐ คนขึ้นไปรายงานผลการปฏิบัติหรือนำเสนอแผนการดำเนินงานทุก ๑ ปี โดยให้กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้รวบรวมรายงานผลการดำเนินงานเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณามาตรการรองรับและดำเนินการให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรมภายในปี ๒๕๕๙ และให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดอัตราส่วนการจ้างคนพิการเฉพาะกลุ่ม เพื่อผลักดันให้เกิดการช่วยเหลือและจ้างงานคนพิการในระดับรุนแรง และสามารถบังคับใช้กฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ในการส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ การทบทวนกำหนดอัตราส่วนการกำหนดจำนวนคนพิการใหม่ สำหรับส่วนราชการที่มีลักษณะงานที่มีความเสี่ยงภัยที่ไม่น่าอภิรมย์ หรือมีการกำหนดคุณลักษณะของบุคคลไว้เป็นการเฉพาะ การรวบรวมและจัดทำระบบข้อมูลคนพิการที่มีความพร้อมจะทำงาน รวมทั้งศึกษาปัญหาอุปสรรคจากการดำเนินงานที่ผ่านมาเพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำมาใช้เป็นประโยชน์ในการกำหนดแนวทางการรับคนพิการเข้าทำงานตามลักษณะงานที่เหมาะสม การให้สัมปทาน หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมทั้งติดตามผลการดำเนินงานการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ ควรเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐได้มีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น และควรพิจารณาขยายระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายออกไปอย่างน้อย ๕-๑๐ ปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22594 | มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ (New Start-up) [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น รัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิเป็นเวลาห้ารอบระยะเวลาบัญชีให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ โดยมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินห้าล้านบาทบางกรณี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่ากระทรวงการคลังควรมีการประเมินและรายงานผลการดำเนินมาตรการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22595 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดทำแบบจำลองด้านเครดิต) | กค | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การจัดทำแบบจำลองด้านเครดิต) มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการให้สมาชิกสามารถนำข้อมูลของลูกค้าตนที่ได้จากบริษัทข้อมูลเครดิตไปใช้ในการจัดทำแบบจำลองด้านเครดิตเพื่อใช้ประกอบการวิเคราะห์สินเชื่อ การออกบัตรเครดิต และการบริหารความเสี่ยงในกิจการของสมาชิก เพื่อแก้ไขบทบัญญัติในส่วนที่สันนิษฐานให้กรรมการผู้จัดการ หุ้นส่วนผู้จัดการ หรือผู้แทนของนิติบุคคล ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษทางอาญาร่วมกับการกระทำความผิดของนิติบุคคล โดยไม่ปรากฏว่ามีการกระทำหรือเจตนาประการใดอันเกี่ยวกับการกระทำความผิดของนิติบุคคลนั้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. มอบให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประธานกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการให้สมาชิกสามารถนำข้อมูลของลูกค้าตนที่ได้รับจากบริษัทข้อมูลเครดิตตามมาตรา ๒๐ ไปใช้ในการจัดทำแบบจำลองด้านเครดิตได้ โดยได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนนั้น ควรมีกระบวนการตรวจสอบการจัดทำแบบจำลองด้านเครดิตซึ่งสมาชิกได้ดำเนินการไปแล้วด้วย เพื่อป้องกันมิให้สมาชิกนำข้อมูลของลูกค้าไปใช้เกินกว่าหรือนอกขอบแห่งวัตถุประสงค์ รวมทั้งการนำข้อมูลมาใช้ในการจัดทำแบบจำลองด้านเครดิตนั้น สถาบันการเงินควรมีความระมัดระวังในการรักษาความลับของข้อมูลลูกค้าอย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22596 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ (โรงเรียนสตรีศรีน่าน จังหวัดน่าน) | ศธ | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างอาคารเรียนแบบ ๓๒๔ ล (ตอกเข็ม) จำนวน ๑ หลัง ให้แก่โรงเรียนสตรีศรีน่าน จังหวัดน่าน จากวงเงิน ๒๓,๓๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นวงเงิน ๒๓,๕๘๗,๑๗๔.๖๕ บาท ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๒๐,๑๐๐,๐๐๐ บาท ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี สำหรับส่วนที่ขาดอีกจำนวน ๓,๔๘๗,๑๗๔.๖๕ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการพิจารณาใช้สิทธิของผู้ว่าจ้างภายหลังบอกเลิกสัญญาเพื่อเรียกค่าเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากกรณีที่ผู้รับจ้างรายเดิมไม่สามารถก่อสร้างอาคารให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาตามสัญญาด้วย ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรมีการกำกับ ติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากอาคารเรียนได้ตามวัตถุประสงค์ ทั้งในการจัดการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการศึกษาและเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ควรเร่งรัดติดตามการเรียกค่าปรับหรือดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับจ้างรายเก่าที่ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญา และการดำเนินการควรกระทำด้วยความประหยัดเป็นไปตามกฎระเบียบของทางราชการ มีความโปร่งใส ถูกต้อง และพร้อมรับการตรวจสอบจากหน่วยงานและองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22597 | สรุปผลการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ 9 - 10 กันยายน 2558 | ยธ | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงยุติธรรมรายงานสรุปผลการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระหว่างวันที่ ๙-๑๐ กันยายน ๒๕๕๘ เพื่อหารือข้อราชการกับผู้บริหารระดับสูง ตลอดจนกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และความร่วมมือในกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ด้านกระบวนการยุติธรรม พัฒนาความร่วมมือในเรื่องการโอนตัวนักโทษและประสานความร่วมมือในการพัฒนาระบบกฎหมายของทั้งสองประเทศ โดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎหมายและประสบการณ์การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม ๒. ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พัฒนาความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงบริเวณชายแดนเพื่อสกัดกั้นยาเสพติด โดยการจัดตั้งหมู่บ้านสีขาว และให้มีการเปิดด่านชายแดนให้มากขึ้น ซึ่งกัมพูชาขอให้ไทยจัดอบรมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานชายแดนให้กับกัมพูชา ส่วนไทยได้เชิญให้กัมพูชาเข้าร่วมในโครงการแม่น้ำโขงปลอดภัย เนื่องจากไทยและกัมพูชาต่างก็เป็นทางผ่านและได้รับผลกระทบจากยาเสพติดซึ่งมาจากแหล่งผลิตนอกประเทศ จึงจำเป็นต้องร่วมมือกันปราบปรามเพื่อสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้ออกจากแหล่งผลิต และสกัดกั้นเคมีภัณฑ์และสารตั้งต้นที่จะผ่านเข้าไปยังแหล่งผลิตในบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งกัมพูชาได้ตอบรับเข้าร่วมโครงการดังกล่าวแล้ว และจะมีการทำแผนปฏิบัติการในระยะต่อไป โดยเป็นโครงการระยะยาว ๓ ปี และกำหนดที่จะประชุมทำแผนปฏิบัติการในช่วงกลางเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22598 | การกำหนดแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 | นร07 | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้
๑. การกำหนดแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ สามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายเรื่องสำคัญเร่งด่วนของรัฐบาลได้อย่างต่อเนื่องและได้รับผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๒. การกำหนดปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นการกำหนดแผนและขั้นตอนการปฏิบัติงานในการจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ประกอบการดำเนินงาน
|
|||||||||||||||||||||
22599 | ผลการประชุมร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับภาคเอกชน วันที่ 7 ตุลาคม 2558 | นร11 | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมร่วมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับภาคเอกชน เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ เพื่อหารือเรื่องมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการติดตามความคืบหน้าของมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ รวมทั้งมาตรการการเงินการคลังเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ในระยะเร่งด่วน ๒. เห็นชอบตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ รวมทั้งรายงานผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒.๑ มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ ธนาคารแห่งประเทศไทย รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงานและโครงการเพื่อรณรงค์ให้ผู้ประกอบการ SMEs จัดทำระบบบัญชีเดียวและเข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้อง เพื่อให้ผู้ประกอบการมีองค์ความรู้และตระหนักถึงประโยชน์โดยให้มีการอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ด้านบัญชีได้โดยง่าย พร้อมทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่ดำเนินการอย่างถูกต้องให้สามารถเข้าถึงมาตรการและสิทธิประโยชน์จากความช่วยเหลือของภาครัฐและการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ๒.๒ มอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนงานและโครงการเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงประโยชน์และส่งเสริมการจัดทำบัญชีครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนมีความรู้ทางด้านการใช้จ่ายเงินอย่างพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัวเองตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๒.๓ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านคณะทำงานขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกจังหวัดตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ ๒.๔ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดให้มีการประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค (กรอ.) จังหวัดและกลุ่มจังหวัดอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อเร่งรัดดำเนินการตามมาตรการของรัฐบาล ทั้งนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแนวทางการปรับปรุงโครงสร้าง กรอ. จังหวัด โดยเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการซึ่งเป็นภาคการศึกษา ภาคประชาสังคม นักวิชาการ ปราชญ์ชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน และให้ กรอ. จังหวัด ร่วมกับเครือข่ายภาคีการพัฒนาจังหวัด และสถาบันการศึกษาเสนอแผนพัฒนาพื้นที่ให้เศรษฐกิจและสังคมในระดับท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น วิสาหกิจชุมชน การพัฒนาสินค้า OTOP การท่องเที่ยว การสร้างตลาดกลางชุมชน การพัฒนาสถานศึกษา สาธารณสุข คนพิการและคนสูงอายุ เป็นต้น และเสนอต่อกระทรวงมหาดไทย และ กรอ. ส่วนกลาง เพื่อรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒.๕ ขอความร่วมมือภาคเอกชนทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้ความร่วมมือในการประชาสัมพันธ์การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลตามแนวทาง “ประชารัฐ” หรือ การสร้างความเข้มแข็งไปพร้อมกัน (Stronger Together) รวมทั้งช่วยสนับสนุนการจัดทำระบบบัญชีเดียวของ SMEs และการจัดทำบัญชีครัวเรือนของประชาชน โดยมุ่งไปยังกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการ เกษตรกร และประชาชนไปยังสมาชิกและเครือข่ายทั่วประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
22600 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (จำนวน 6 ราย 1. นางวิมลพร ธิติศักดิ์ ฯลฯ) | กษ | 27/10/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นางวิมลพร ธิติศักดิ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสุดารัตน์ วัชรคุปต์ เหล่าวิชยา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสุรพล จารุพงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางกุลรัศมิ์ อนันต์พงษ์สุข ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางนฤมล พนาวงศ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๖. นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทาน
|
.....