ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1127 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 22521 - 22540 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22521 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการโอนภารกิจของสำนักงานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ จากสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปยังกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทยเสนอ ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
22522 | การลงนามร่างความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านสุขภาพสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน (ASEAN Coordinating Centre for Animal Health and Zoonoses: ACCAHZ) | กษ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานงานอาเซียนด้านสุขภาพสัตว์และโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน (ASEAN Coordinating Centre for Animal Health and Zoonoses : ACCAHZ) ที่จัดทำขึ้นระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน มีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกและจัดหากรอบความร่วมมือและการประสานความร่วมมือในหมู่รัฐสมาชิกอาเซียน กับคู่เจรจาของอาเซียน หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาของอาเซียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ในการป้องกัน ควบคุมและกำจัดโรคสัตว์ข้ามแดนและโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคนในอาเซียน รวมทั้งเพื่อสนับสนุนให้เกิดความมั่นคงและปลอดภัยด้านอาหาร ด้านสุขภาพสัตว์และมนุษย์ การบรรเทาความยากจน และความเป็นอยู่ที่ดีและการดำรงชีวิตของประชาชนแห่งอาเซียน สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการเป็นประเทศสมาชิกหรือประเทศเจ้าภาพจัดตั้งสำนักงาน ACCAHZ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ทั้งนี้ หากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงดังกล่าวในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) และเมื่อลงนามแล้ว ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอความตกลงในเรื่องนี้ และร่างพระราชบัญญัติเพื่อกำหนดสถานะทางกฎหมายและคุ้มครองการดำเนินงานให้แก่ ACCAHZ รวมทั้งให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ ACCAHZ กรรมการบริหาร และบุคลากรของ ACCAHZ เพื่อขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Power) ให้แก่ผู้ลงนาม |
||||||||||||||||||
22523 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ 14 (14th ASEAN Socio-Cultural Community Council Meeting : ASCC) | พม | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบต่อร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๑๔ (14th ASEAN Socio-Cultural Community Council Meeting : ASCC) จำนวน ๕ ฉบับ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างแผนงานประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๖๘ (ค.ศ. ๒๐๒๕) (ASEAN Socio-Cultural Community 2025 Blueprint) ๑.๒ ร่างปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยเรื่องผู้สูงอายุ การเพิ่มขีดความสามารถผู้สูงอายุในอาเซียน (Kuala Lumpur Declaration on Ageing : Empowering Older Persons in ASEAN) ๑.๓ กรอบการทำงานในระดับภูมิภาคและแผนการดำเนินการตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางมาตรการคุ้มครองทางสังคม (Regional Framework and Action Plan to implement the ASEAN Declaration on Strengthening Social Protection) ๑.๔ ร่างนโยบายและแผนปฏิบัติการว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อเด็กของอาเซียน (ASEAN Regional Plan of Action on Elimination of Violence against Children) ๑.๕ ร่างนโยบายและแผนปฏิบัติการว่าด้วยการขจัดความรุนแรงต่อสตรีของอาเซียน (ASEAN Regional Plan of Action on Elimination of Violence against Women) ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๔. ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับร่างปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยเรื่องผู้สูงอายุ การเพิ่มขีดความสามารถผู้สูงอายุในอาเซียนยังไม่ได้มีการปรับแก้ตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขไทยในฐานะประธานคณะทำงานด้านการพัฒนาสุขภาพ (Senior Officials Meeting on Health Development : SOMHD) จึงขอให้นำข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณาและหารือในที่ประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๑๔ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22524 | กรอบการเจรจาของประเทศไทย และองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ 12 | กษ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบท่าทีการเจรจาสำหรับเป็นกรอบการเจรจาในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ ๑๒ ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนาความร่วมมือและการดำเนินการตามอนุสัญญาฯ ให้มีประสิทธิภาพและมีความก้าวหน้าเพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์คือ ความสำเร็จในการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย ความเสื่อมโทรมของที่ดิน การบรรเทาผลกระทบจากภัยแล้ง และการแก้ไขปัญหาความยากจน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มเติมเนื้อหาในสาระสำคัญท่าทีการเจรจาของไทยที่ระบุเกี่ยวกับการสนับสนุนการใช้และพัฒนาตัวชี้วัด Land-based indicator ในประเด็นการพัฒนาความสามารถในการจัดทำข้อมูลให้กับประเทศกำลังพัฒนา โดยการนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศและระบบดาวเทียมสนับสนุนการเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำของการจัดทำข้อมูล และพิจารณาบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับบทบาทของไทยในด้านการจัดการดินที่ยั่งยืนลงในถ้อยแถลงของไทย พร้อมทั้งผลักดันแนวทางการจัดการดินอันเป็นเลิศของไทยในเวทีย่อยต่าง ๆ โดยเฉพาะพระราชกรณียกิจและพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในด้านการอนุรักษ์ดิน รวมทั้งควรเสนอให้มีการประเมินศักยภาพของแต่ละประเทศโดยความช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญและกองทุนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการกำหนดเป้าหมาย Land Degradation Neutrality : LDN ที่เหมาะสมของแต่ละประเทศ รวมถึงขอความช่วยเหลือในการปฏิบัติให้บรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ ควรมีการจัดให้ภาคประชาชนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีโอกาสในการรับทราบข้อมูล และกำหนดท่าทีของประเทศไทย เพื่อให้การดำเนินการในขั้นการปฏิบัติได้รับความร่วมมือและประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการแปรสภาพเป็นทะเลทราย สมัยที่ ๑๒ ณ กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี ระหว่างวันที่ ๑๐-๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ ประกอบด้วยรองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ผู้แทนกรมพัฒนาที่ดิน ๒ คน ผู้แทนกรมชลประทาน ๑ คน ผู้แทนกรมป่าไม้ ๒ คน และผู้แทนกรมองค์การระหว่างประเทศ ๑ คน ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดให้มีกลไกการดำเนินการตามพันธกรณีที่มีต่ออนุสัญญาฯ โดยการตั้งคณะกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงกับคณะกรรมการระดับชาติที่ดำเนินการภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และอนุสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||
22525 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 33 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ ๓๓ ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน+๓ (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ครั้งที่ ๑๒ ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๙ และร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนกับทบวงพลังงานระหว่างประเทศ ครั้งที่ ๕ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นผู้ให้การรับรองในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ร่วมกับรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มประเทศสมาชิกดังกล่าวได้ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ ๓๓ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงพลังงาน และคณะผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่าร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้ง ๔ ฉบับ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการสร้างความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างประเทศทั้งด้านการส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน การพัฒนาพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการพัฒนาประสิทธิภาพในการแข่งขันของตลาดพลังงานในอาเซียน รวมทั้งความร่วมมือเชิงวิชาการและการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านพลังงาน ซึ่งมีความสอดคล้องกับการดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙) จึงควรประสานกับกระทรวงการต่างประเทศในการพิจารณาถ้อยแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้ง ๔ ฉบับ ในประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22526 | ขอความเห็นชอบยุติการดำเนินการคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและรับจ้างดำเนินกิจการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง - บางแค และช่วงเตาปูน - ท่าพระ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2553 | คค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ยุติการดำเนินการคัดเลือกเอกชนลงทุนงานระบบรถไฟฟ้าและรับจ้างดำเนินกิจการโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง การดำเนินการของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ) ในส่วนที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้งนี้ ในชั้นการพิจารณาการดำเนินโครงการเห็นควรให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐคำนึงถึงหลักการที่เน้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดของประชาชนผู้ใช้บริการ และการแบ่งปันผลประโยชน์ของรัฐอย่างเป็นธรรมตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การดำเนินการของคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนลงทุนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงเตาปูน-ท่าพระ) อย่างเคร่งครัด และเมื่อได้ข้อสรุปแนวทางการดำเนินการแล้ว ให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการต่อคณะรัฐมนตรีด้วย |
||||||||||||||||||
22527 | ขอความเห็นชอบโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ของกรมการบินพลเรือน | คค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ของกรมการบินพลเรือน ในกรอบวงเงินทั้งสิ้น ๑,๙๐๐ ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ๓ ปี ระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับรายละเอียดงบประมาณในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้กรมการบินพลเรือนพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้สอดคล้องกับการปฏิบัติงานจริงมาดำเนินการโครงการในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๓๑๐ ล้านบาท โดยให้จัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง สำหรับวงเงินส่วนที่เหลือให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงบประมาณ คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กรมการบินพลเรือนประสานงานกับกรมอุตุนิยมวิทยาเพื่อพิจารณารายละเอียดและอำนวยความสะดวกในการตรวจอากาศการบินและรายงานข่าวอากาศเพื่อการบิน (METAR) ให้กับท่าอากาศยานเบตง ให้สอดคล้องตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ เกี่ยวกับมาตรการต่าง ๆ ได้แก่ การย้ายถิ่นของนกในพื้นที่ผลกระทบทางเสียง การปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันและแก้ไข มาตรการการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตลอดจนประสานกับหน่วยงานที่จะสนับสนุนการเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตงให้เรียบร้อยก่อน และหลังการก่อสร้างท่าอากาศยานแล้วเสร็จ รวมทั้งหน่วยงานรับผิดชอบควรประสานงาน ปรึกษาหารือกับสายการบินแห่งชาติและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันกำหนดแผนการดำเนินงานในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22528 | มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกองทุนการออมแห่งชาติ | กค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบหลักการของมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกองทุนการออมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ผู้มีเงินได้สามารถหักลดหย่อนเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) ในการคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนที่จ่ายจริง ในลักษณะการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เท่าที่สมาชิกของ กอช. จ่ายเป็นเงินสะสมเข้า กอช. ทั้งนี้ เมื่อรวมกับเงินสะสมในลักษณะทำนองเดียวกันแล้วต้องไม่เกินกว่าจำนวนตามที่ประมวลรัษฎากรกำหนด ๑.๒ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิกของ กอช. หรือบุคคลซึ่งสมาชิกของ กอช. ได้แสดงเจตนาไว้แก่ กอช. หรือทายาทของสมาชิก กอช. ได้รับจาก กอช. ในกรณีที่สมาชิกของ กอช. สิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ หรือมีกฎหมายกำหนดให้การสิ้นสมาชิกภาพเพราะเหตุอื่นถือว่าเป็นการสิ้นสมาชิกภาพเพราะอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ หรือสิ้นสมาชิกภาพเพราะตาย ๑.๓ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใด ๆ ที่สมาชิก กอช. ได้รับจาก กอช. ในกรณีที่ทุพพลภาพก่อนอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ ทั้งนี้ การยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามข้อ ๑.๑-๑.๓ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกำหนด ๑.๔ ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับกิจการของ กอช. ๑.๕ ยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับการกระทำตราสารของ กอช. สำหรับผลประโยชน์ของเงินสะสมที่สมาชิกของ กอช. ได้รับจาก กอช. ในกรณีที่สิ้นสมาชิกภาพเพราะลาออกจากกองทุน เห็นควรให้รวมคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเช่นเดียวกับการลาออกจากกองทุนอื่น ๆ ในลักษณะเดียวกัน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับเหตุผลความจำเป็นที่จะต้องกำหนดให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีมีผลย้อนหลังไปจนถึงวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เนื่องจาก กอช. ได้เริ่มรับสมาชิกในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยรับโอนสมาชิกส่วนหนึ่งจากกองทุนประกันสังคมตามพระราชบัญญัติการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้สมัครเป็นสมาชิกของกองทุนการออมแห่งชาติบางกรณีและการโอนเงินจากกองทุนประกันสังคมในกรณีชราภาพไปยังกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ ดังนั้น โดยข้อเท็จจริงจึงไม่มีสมาชิกที่อาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรการที่กระทรวงการคลังเสนอก่อนปี พ.ศ. ๒๕๕๘ แต่อย่างใด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22529 | การขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินการตามโครงการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า | นร01 | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการดำเนินการตามโครงการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า ในส่วนของการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์และส่วนที่กองทัพบกได้รับผลกระทบภายในกรอบวงเงินทั้งสิ้น ๔,๗๔๖,๘๔๙,๑๕๘.๙๖ บาท ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๓ สำหรับรายละเอียดเรื่องของงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๘๑,๐๒๙,๒๐๐ บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๖๒๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๓,๙๔๑,๘๑๙,๙๕๘.๙๖ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๓ ตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยให้ถือปฏิบัติตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒. อนุญาตให้การก่อสร้างอาคารหอประชุมกองทัพบก ซึ่งมีความสูงเกินข้อกำหนดของกรุงเทพมหานครได้รับการยกเว้นการดำเนินการตามกฎกระทรวงว่าด้วยการยกเว้นผ่อนผันหรือกำหนดเงื่อนไขในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๕๐ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||
22530 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 (ครั้งที่ 3) | พน | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (Energy Efficiency Plan : EEP 2015) พร้อมมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาและให้การสนับสนุนการดำเนินงานของแผนฯ นี้ด้วย เช่น แนวทางการประหยัดพลังงานแบบ ESCO สำหรับภาคราชการ ซึ่งมอบให้กระทรวงพลังงานและสำนักงบประมาณรับไปพิจารณาเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว ๒. เห็นชอบให้ยกเลิกสิทธิพิเศษของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จำนวนตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และให้กระทรวงพลังงานแจ้งคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ เพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไป ทั้งนี้ ในกรณีเกิดสภาวะวิกฤติด้านพลังงานและสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ยังจะต้องเป็นผู้ดำเนินการจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยทันที และรายงานผลการดำเนินการดังกล่าวให้กระทรวงพลังงานทราบทุกครั้ง ๓. มอบหมายให้กระทรวงพลังงานประสานกับคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจเพื่อนำหลักการที่จะยกเลิกสิทธิพิเศษของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ในการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ตั้งแต่ ๑๐,๐๐๐ ลิตรขึ้นไป ให้แก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ เพื่อให้สอดคล้องพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้าฉบับปรับปรุงใหม่ต่อไป |
||||||||||||||||||
22531 | ขออนุมัติการจัดทำพิธีสารแก้ไขความตกลง ฉบับที่ 2 ระหว่างสำนักงานความร่วมมือในการพัฒนาแห่งประเทศนอร์เวย์ กับกรมประมงแห่งประเทศไทย | กษ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำพิธีสารแก้ไขความตกลง ฉบับที่ ๒ ระหว่างสำนักงานความร่วมมือในการพัฒนาแห่งประเทศนอร์เวย์ กับกรมประมงแห่งประเทศไทย เพื่อรองรับกิจกรรมที่ยังไม่สิ้นสุดและปรับปรุงงบประมาณให้เหมาะสม ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบร่วมกันแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างพิธีสารดังกล่าวในประเด็นที่ไม่ใช่หลักการสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้ ให้อยู่ในดุลยพินิจของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. อนุมัติให้อธิบดีกรมประมงเป็นผู้ลงนามพิธีสารดังกล่าว ๔. โดยที่การดำเนินการตามพิธีสารฯ เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมประมงที่จะดำเนินการได้ และเป็นการทำความตกลงในระดับหน่วยงานมิใช่ระดับรัฐ กรณีนี้จึงไม่เข้าข่ายลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จึงไม่ต้องให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ซึ่งเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ [เรื่อง หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers)] ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||
22532 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ฟิลิปปินส์ | คค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ฟิลิปปินส์ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและฟิลิปปินส์ โดยบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญในการปรับปรุงความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ เส้นทางบิน สิทธิความจุความถี่ การทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และเรื่องที่คณะผู้แทนทั้งสองฝ่ายตกลงกันที่จะให้มีการเจรจาการบินรอบต่อไปภายในหนึ่งปี ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญนั้น |
||||||||||||||||||
22533 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิกของไทยในองค์กรความร่วมมือด้านไม้ไผ่และหวายระหว่างประเทศ (International Network for Bamboo and Rattan - INBAR) | ทส | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของไทยในองค์กรความร่วมมือด้านไม้ไผ่และหวายระหว่างประเทศ (International Network for Bamboo and Rattan-INBAR) โดยให้กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการตามกระบวนการภาคยานุวัติหลังจากที่ได้รับความเห็นชอบการเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงในการจัดตั้งองค์กรความร่วมมือด้านไม้ไผ่และหวายระหว่างประเทศ (Agreement on the Establishment of the International Network for Bamboo and Rattan-INBAR) จากคณะมนตรี (Council) ของ INBAR ๑.๓ เห็นชอบในหลักการการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุน/สนับสนุนรายปีให้แก่กรมป่าไม้ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกปีละ ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ ๘๒๕,๐๐๐ บาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน) ตลอดระยะเวลาที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกฯ โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ๒. ในส่วนของค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าสมาชิกรายปี ให้กรมป่าไม้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าหากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยืนยันได้ว่า ในชั้นการภาคยานุวัติความตกลงฯ ไม่มีความจำเป็นต้องให้สถานะทางกฎหมายหรือเอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ INBAR หรือเจ้าหน้าที่ของ INBAR กรณีจะไม่จำต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา อีกทั้งไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาประเภทอื่นตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จึงไม่ต้องได้รับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อย่างไรก็ดี เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมกับการจัดการทรัพยากรไม้ไผ่และหวายอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงประโยชน์ที่ทางราชการและภาคประชาชนจะได้รับจากการเป็นสมาชิกในองค์กรดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบุคคลผู้บริโภคและผู้ผลิตไผ่และหวายในประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้เกษตรกรมีการปลูกต้นไผ่และหวายในพื้นที่ป่าเศรษฐกิจและป่าชุมชนเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรมีรายได้และยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่นให้ดีขึ้นต่อไป |
||||||||||||||||||
22534 | ทบทวนหลักเกณฑ์การจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๓๕ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งมีหลักการในการจ่ายเงินปันผลในส่วนของกระทรวงการคลัง จากเดิมกำหนดให้จ่ายโดยการซื้อหุ้นเพิ่มทุน ธ.ก.ส. เป็น การจ่ายปันผลในลักษณะเงินนำส่งคลังเช่นเดียวกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในอนาคต หาก ธ.ก.ส. มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน กระทรวงการคลังควรกำหนดให้ ธ.ก.ส. จัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการและกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินการควบคู่กับการจัดทำรายงานวิเคราะห์ความอ่อนไหว (Sensitivity Analysis) เช่นเดียวกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจอื่น เพื่อพิจารณาผลกระทบต่ออัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) และใช้ประกอบการขอรับการเพิ่มทุนในแต่ละครั้ง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22535 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน เพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF1 และ FIDF3 | กค | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ) เข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (บัญชีสะสมฯ) ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ จำนวน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ ทั้งนี้ ในระหว่างปีงบประมาณ ๒๕๕๙ หากกองทุนฯ ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ เพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพื่อให้สามารถนำแหล่งเงินจากกำไรสุทธิ ร้อยละ ๙๐ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องนำส่งรัฐ และสินทรัพย์คงเหลือในบัญชีผลประโยชน์ประจำปีตามกฎหมายว่าด้วยเงินตราโดยไม่ต้องเข้าบัญชีสำรองพิเศษตามที่กำหนดไว้ในมาตรา ๗ ของพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๕ เข้าบัญชีสะสมฯ เพื่อให้สามารถชำระหนี้ FIDF 1 และ FIDF 3 ได้มากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22536 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้าง (โรงอาหาร/หอประชุมของโรงเรียนวรราชาทินัดดามาตุวิทยา จังหวัดปทุมธานี และโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม จังหวัดนครปฐม) | ศธ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง จำนวน ๒ รายการ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ดังนี้
๑. รายการโรงอาหาร/หอประชุม แบบ ๑๐๑ล/๒๗ (พิเศษ) (สำหรับโรงเรียนในโครงการพระราชดำริ) โรงเรียนวรราชาทินัดดามาตุวิทยา จังหวัดปทุมธานี จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๑๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน จำนวน ๑๒,๙๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๑,๙๖๘,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๙๓๒,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ๒. รายการโรงอาหาร/หอประชุม แบบ ๑๐๑ล/๒๗ (พิเศษ) (สำหรับโรงเรียนในโครงการพระราชดำริ) โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัยนครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๑๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน จำนวน ๑๒,๙๐๐,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๑,๙๖๘,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๙๓๒,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป |
||||||||||||||||||
22537 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้าง (อาคารเรียนของโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม จังหวัดนครปฐม และโรงเรียนสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว) | ศธ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ จำนวน ๒ รายการ โดยให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ดังนี้
๑. อาคารเรียนแบบ ๓๒๔ ล/๕๕-ก โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม จังหวัดนครปฐม จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๒๗,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๗,๘๕๖,๙๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๒๕,๖๙๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๒,๑๖๖,๙๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ๒. อาคารเรียนแบบ ๒๑๐ ล/๕๗-ก โรงเรียนสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๒๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๑,๘๐๙,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ วงเงิน ๒๐,๓๒๘,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๑,๔๘๑,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป |
||||||||||||||||||
22538 | การขอเพิ่มวงเงินงบประมาณในการจัดการประชุมสมัชชาใหญ่สมาคมสหพันธ์โอลิมปิกแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. 2557 (ANOC General Assembly 2014) | กก | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นชอบการขอเพิ่มวงเงินงบประมาณในการจัดการประชุมสมัชชาใหญ่สมาคมสหพันธ์โอลิมปิกแห่งชาติ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ (ANOC General Assembly 2014) จากวงเงิน ๔๓,๒๘๐,๒๐๐ บาท เป็น ๕๑,๖๑๑,๙๖๖.๑๕ บาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเพื่อการดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของการกีฬาแห่งประเทศไทย ทั้งนี้ การดำเนินงานจัดประชุมฯ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรควบคุมการบริหารจัดการในการเป็นเจ้าภาพจัดงานด้านการกีฬาให้มีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22539 | การขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับ NFA รัฐบาลฟิลิปปินส์ | พณ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) กับหน่วยงาน National Food Authority (NFA) รัฐบาลฟิลิปปินส์ โดยกรมการค้าต่างประเทศได้เข้าร่วมประมูลเสนอราคาขายข้าวแบบ G to G ตามหนังสือเชิญของ NFA ผลปรากฏว่า ประเทศไทยชนะการประมูลขายข้าวขาว ๒๕% Max ปริมาณ ๓๐๐,๐๐๐ ตัน ราคาตันละ ๔๒๖.๖๐ ดอลลาร์สหรัฐ รวมมูลค่า ๑๒๗,๙๘๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ ๔,๕๓๖.๘๙ ล้านบาท) (๑ ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๕.๔๕ บาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๘) และได้ทำสัญญาซื้อขายข้าวดังกล่าวตามปริมาณและราคาที่ชนะการประมูล รวมทั้งได้วางหนังสือค้ำประกันสัญญาร้อยละ ๕ ของมูลค่าตามสัญญาตามเงื่อนไขที่รัฐบาลฟิลิปปินส์กำหนด
|
||||||||||||||||||
22540 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นายสุรสิทธิ์ อินทรประชา) | กษ | 06/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสุรสิทธิ์ อินทรประชา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านสำรวจและหรือออกแบบ) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
.....