ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1131 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 22601 - 22620 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22601 | ร่างพระราชบัญญัติการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
22602 | ร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
22603 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2558 | ทส | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ มีมติให้การรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวนทั้งสิ้น ๑๒ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. โครงการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา (ส่วนขยาย) ของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ๒. โครงการศูนย์การแพทย์มหิดล นครสวรรค์ ของมหาวิทยาลัยมหิดล ๓. โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก นครราชสีมา ระยะที่ ๒ (เพื่อขยายโอกาสใช้พลังงานสะอาดและลดมลภาวะในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ๔. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู จังหวัดสตูล ของกรมทางหลวงชนบท ๕. การกำหนดประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice : CoP) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ที่ใช้ขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิง ที่มีกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่ ๑๐ เมกะวัตต์ ขึ้นไป ๖. ขอทบทวนมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม ๗. การขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ และประกาศกระทรวงฯ ในบริเวณพื้นที่จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ รวม ๔ ฉบับ ออกไปอีก ๑ ปี ๘. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ๙. ขอปรับปรุงร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน กรุงเทพมหานคร ๑๐. โครงการระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ ระยะเร่งด่วน ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๑๑. การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๑๒. รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ภายหลังเปิดดำเนินการโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มเติม (สืบเนื่องจากการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารในปีเปิดดำเนินการ) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
|
||||||||||||||||||||||||
22604 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และร่างพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารสาธารณะ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. ....) | สผ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอเรื่อง การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และร่างพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารสาธารณะ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์สาธารณะส่วนรวม พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เกี่ยวกับการออกแบบพิมพ์เขียวการป้องกันและปราบปรามการทุจริตให้เป็นระบบ มีประสิทธิภาพ ยั่งยืน เป็นรูปธรรมและปฏิบัติได้ โดยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและบริบทสังคมไทย ซึ่งมีหลักยุทธศาสตร์สำคัญ ๓ ด้าน ได้แก่ (๑) ยุทธศาสตร์การปลูกฝัง "คนไทยไม่โกง" เพื่อปฏิรูป "คน" ให้มีจิตสำนึก และสร้างพลังร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน (๒) ยุทธศาสตร์การป้องกันด้วยการเสริมสร้างสังคมธรรมภิบาล เพื่อปฏิรูประบบและองค์กร เพื่อสร้างธรรมาภิบาลในทุกภาคส่วน และ (๓) ยุทธศาสตร์การปราบปรามเพื่อปฏิรูประบบและกระบวนการจัดการต่อกรณีการทุจริตคอร์รัปชันให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งการปฏิรูปดังกล่าวจะต้องประกาศใช้กฎหมายที่จำเป็น ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารสาธารณะ พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม พ.ศ. .... ๒. แจ้งข้อเสนอเรื่อง การป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบฯ ดังกล่าว ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22605 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ปฏิรูปการแรงงาน) | สผ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูปแรงงาน ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การพัฒนาฝีมือแรงงานแห่งชาติเพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของแรงงานไทย การมีงานทำที่ยั่งยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า และการยกร่างกฎหมาย “ร่างพระราชบัญญัติบูรณาการการพัฒนากำลังคนและฝีมือแรงงานแห่งชาติ พ.ศ. .... ๒. การปฏิรูปการบริหารจัดการการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติ ๓. การจัดตั้งธนาคารแรงงานและการจัดทำฐานข้อมูล
|
||||||||||||||||||||||||
22606 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง แนวทางการปฏิรูปการกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น) | สผ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง แนวทางการปฏิรูปการกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่น ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การปฏิรูปการกระจายอำนาจ ๒. การปฏิรูปโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ของการปกครองท้องถิ่น ๓. การปฏิรูปการกำกับ ตรวจสอบ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการปกครองท้องถิ่น ๔. การปฏิรูปการเงินการคลังท้องถิ่น ๕. การปฏิรูปการบริหารงานบุคคลท้องถิ่น
|
||||||||||||||||||||||||
22607 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแรงงาน พ.ศ. ....) | สผ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอเรื่อง ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแรงงาน พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอปฏิรูปเกี่ยวกับการจัดตั้งธนาคารแรงงานในรูปแบบของธนาคารเฉพาะกิจหรือธนาคารพิเศษ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินของผู้ใช้แรงงาน โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ ผู้ใช้แรงงานได้รับการส่งเสริมการออมเงินในรูปแบบของเงินฝากและเป็นเจ้าของหุ้นธนาคาร ผู้ใช้แรงงานได้รับการสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิต สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเป็นธรรม ทำให้ลดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำของคนในชาติ และผู้ใช้แรงงานได้รับสวัสดิการทางการเงินและครอบครัว ๒. มอบหมายให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงแรงงานเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22608 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การจัดทำแผนปฏิรูปกิจการตำรวจ) | สผ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การจัดทำแผนปฏิรูปกิจการตำรวจ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงบประมาณ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. ความเป็นอิสระในการบริหารงานของหน่วยงานตำรวจจากการแทรกแซงทางการเมือง ๒. การวางแนวทางมาตรฐานการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ป้องกันปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่ง เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ๓. การปฏิรูปงานสอบสวน ๔. การถ่ายโอนภารกิจให้หน่วยงานที่มีภารกิจหน้าที่โดยตรงไปดำเนินการ เพื่อแบ่งเบาภาระของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ๕. เรื่องอื่น ๆ ได้แก่ การสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในกิจการของตำรวจ การจัดระบบนิติวิทยาศาสตร์ การป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน ระบบงบประมาณของตำรวจ จัดรูปแบบให้สำนักงานจเรตำรวจให้มีความเป็นอิสระสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างกลไกการตรวจสอบ ถ่วงดุลการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรณีประชาชนร้องขอความเป็นธรรม
|
||||||||||||||||||||||||
22609 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (แผนปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม)] | สผ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานเรื่อง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (แผนปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญเพื่อให้การปฏิรูปกฎหมายและการจัดทำกฎหมายสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพเป็นไปตามเจตนารมณ์ มีความยุติธรรม และเป็นที่ยอมรับ การทำงานขององค์กรที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมสามารถดำเนินการอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนได้อย่างมาตรฐานสากล นโยบายของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีความสอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบัน กระบวนการบำบัด ฟื้นฟู ผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ตลอดจนกฎหมายที่เกี่ยวข้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการบำบัดฟื้นฟูอย่างแท้จริง และการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเป็นไปอย่างเด็ดขาดและมีประสิทธิภาพ ๒. มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๓. แจ้งข้อเสนอแนะตามรายงานเรื่อง การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (แผนปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม) ดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและสำนักงานอัยการสูงสุดทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22610 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ข้อเสนอการปฏิรูปพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553) | สผ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง การปฏิรูปพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เกี่ยวกับการปฏิรูปกฎหมายกำกับดูแลสื่อ (พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓) โดยเน้นปฏิรูปการกำกับดูแลให้สอดคล้องกับพัฒนาการของเทคโนโลยีและภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมุ่งเปลี่ยนแปลงองค์กรกำกับที่มีอยู่เดิมในลักษณะปฏิรูปตัวองค์กรเชิงโครงสร้าง และเปลี่ยนแปลงวิธีใช้กฎหมายและการทำงานขององค์กร โดยยึดประโยชน์สาธารณะและประชาชนเป็นศูนย์กลาง และมอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22611 | งบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 | รง | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบงบดุลและรายงานการรับจ่ายเงินกองทุนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบแสดงผลการดำเนินงานทางการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๖ และวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบรับรองแล้ว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22612 | สรุปผลการประชุมความร่วมมือเชิงวิชาการด้านแรงงานระดับรัฐมนตรีกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน | รง | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมความร่วมมือเชิงวิชาการด้านแรงงานระดับรัฐมนตรีกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน [กัมพูชา ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม (Cambodia Laos Myanmar Thailand Vietnam : CLMTV)] เมื่อวันที่ ๒-๔ กันยายน ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านแรงงาน วันที่ ๒-๓ กันยายน ๒๕๕๘ ที่ประชุมเห็นพ้องว่า (๑) การโยกย้ายถิ่นฐานด้านแรงงาน จำเป็นต้องส่งเสริมการโยกย้ายถิ่นฐานที่ปลอดภัยและถูกกฎหมายและมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ (๒) ส่งเสริมให้มีความร่วมมือด้านแรงงานในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การจ้างงาน การพัฒนาฝีมือแรงงาน การคุ้มครองแรงงาน และการบริหารจัดการด้านการโยกย้ายถิ่นฐาน เช่น ขั้นตอนและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกแรงงาน การอบรมก่อนเดินทาง การประกันสังคม เป็นต้น รวมทั้งการสร้างกลไกเพื่อป้องกันการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์และการเสริมสร้างสมรรถนะของหน่วยงานของรัฐ (๓) ให้ความสำคัญกับการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านแรงงานและการประชุมความร่วมมือเชิงวิชาการด้านแรงงานระดับรัฐมนตรี และควรจัดให้มีการประชุมอย่างต่อเนื่อง และ (๔) ให้แต่ละประเทศแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประสานงานหลักเพื่อเป็นคณะทำงานสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเพื่อร่างแผนงานปฏิบัติงานร่วมนำเสนอต่อที่ประชุมในครั้งต่อไป ๒. การประชุมระดับรัฐมนตรีแรงงาน วันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๘ (๑) นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในพิธีเปิดการประชุม โดยมีประเด็นสำคัญที่ได้ถูกหยิบยกขึ้น ๔ เรื่อง ได้แก่ การเพิ่มศักยภาพของกำลังแรงงานในภูมิภาค การจัดส่ง-นำเข้าแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นธรรม ความร่วมมือด้านแรงงานในกลุ่มประเทศ CLMTV และความต่อเนื่องในการประชุมร่วมกัน (๒) การถ้อยแถลง (Statements) ของรัฐมนตรีทั้งห้าประเทศ และ (๓) การนำเสนอสรุปรายงานของประธานการประชุม (Chairman Summary) โดยพลเอก ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน |
||||||||||||||||||||||||
22613 | รายงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปีงบประมาณ 2557 (1 ตุลาคม 2556 - 30 กันยายน 2557) | อื่นๆ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๗ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๖-๓๐ กันยายน ๒๕๕๗) ของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีประเด็นสำคัญประกอบด้วย การเพิ่มความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสุขภาพ การมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ การคุ้มครองสิทธิ การลดภาระรายจ่ายค่ารักษาพยาบาลของครัวเรือนซึ่งจะช่วยปกป้องครัวเรือนจากการล้มละลายหรือยากจนอันเนื่องมาจากภาระค่ารักษาพยาบาล การบริหารงบกองทุนและงบบริหาร ความพึงพอใจของประชาชนและผู้ให้บริการ รวมทั้งปัญหาอุปสรรค ความท้าทายและข้อเสนอเพื่อการพัฒนา ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22614 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 47 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | พณ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ ๔๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (นายธวัชชัย โสภาเสถียรพงศ์) ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว โดยสาระสำคัญของการประชุมได้มีการพิจารณาเกี่ยวกับ (๑) การดำเนินการตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Blueprint) (๒) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘ และ (๓) ความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา รวมทั้งการหารือทวิภาคีระหว่างผู้แทนของไทยกับผู้แทนของบริษัท Wal-Mart ซึ่งต้องการให้ไทยดำเนินการแก้ไขปัญหาประมงของไทยอย่างโปร่งใส และบริษัท Deutsche Post DHL Group ที่แสดงความกังวลต่อร่างพระราชบัญญัตินำเข้า-ส่งออก ว่าอาจเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งสินค้าผ่านแดน
|
||||||||||||||||||||||||
22615 | การดำเนินการกรณีการปรับค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ตอน ดินแดง - ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ของกรมทางหลวง | คค | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการกรณีการปรับค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ตอนดินแดง-ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ของกรมทางหลวง สรุปได้ ดังนี้
๑. คณะทำงานศึกษาผลกระทบการปรับขึ้นค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๑ ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง-ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทานตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ได้นำแนวทางมาตรการลดผลกระทบกรณีการปรับค่าผ่านทางเมื่อปี ๒๕๕๒ ที่เห็นว่าสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งไม่กระทบต่อสัญญาสัมปทาน และเป็นมาตรการที่เหมาะสมในปัจจุบัน รวม ๕ มาตรการ มาดำเนินการในปี ๒๕๕๗ ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ค่าผ่านทางและเส้นทางเลือกเป็นการล่วงหน้า การบริหารจัดการจราจร การปรับปรุงดูแลสภาพผิวทางจราจรและการขจัดอุปสรรค การจัดให้มีหน่วยบริการฉุกเฉิน และการรายงานข้อมูลสภาพการจราจร ๒. กรมทางหลวงได้มีการพัฒนาปรับปรุงการประชาสัมพันธ์ผ่านทาง Social Network ต่าง ๆ รวมทั้งการรายงานสภาพการจราจรผ่าน CCTV และปริมาณจราจรแบบ Real-Time บนเว็บไซต์ของกรมทางหลวง และในระบบ Application บนโทรศัพท์ Smartphone มีการรายงานการจราจรผ่านรายการ Traffic 3 มีการบูรณาการเชื่อมต่อข้อมูลอื่น ๆ เช่น ข้อมูลอุบัติเหตุ ข้อมูลเส้นทางที่อยู่ในระหว่างงานก่อสร้าง การประชาสัมพันธ์และรับแจ้งเหตุต่าง ๆ ผ่าน Call center 1586 ๓. ภายหลังการปรับค่าผ่านทางเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ทำให้ปริมาณการจราจรบนถนนวิภาวดีรังสิตเพิ่มมากขึ้นในช่วงแรก และค่อยปรับลดลงสู่ภาวะปกติ ส่วนปริมาณจราจรบนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ได้เปลี่ยนแปลงเข้าสู่สภาวะปกติ แสดงให้เห็นว่ามาตรการลดผลกระทบจากการปรับค่าผ่านทางครั้งนี้ได้มีการพัฒนาปรับปรุงจากมาตรการเดิมให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ทำให้ประชาชนผู้ใช้ทางสามารถทราบข้อมูลเหตุการณ์ต่าง ๆ และหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางหรือเปลี่ยนแปลงการเดินทางได้ทันท่วงทีส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้เร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับการปรับขึ้นค่าผ่านทางครั้งที่ผ่านมา
|
||||||||||||||||||||||||
22616 | สรุปรายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 | นร12 | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอสรุปรายงานการประเมินผลองค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งได้รับรายงานการประเมินผล จำนวน ๑๓ แห่ง จำแนกเป็น ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มที่ ๑ องค์การมหาชนที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะที่อยู่ในระบบการประเมินทุนหมุนเวียนของกรมบัญชีกลาง จำนวน ๘ แห่ง และกลุ่มที่ ๒ องค์การมหาชนฯ ที่มีระบบการประเมินผลตนเอง จำนวน ๕ แห่ง โดยองค์การมหาชนฯ จำนวน ๑๓ แห่ง มีผลงานบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์การจัดตั้ง และพันธกิจที่ได้รับมอบหมาย ส่วนใหญ่ (๑๐ แห่ง) มีผลการประเมินการปฏิบัติงานในภาพรวมสูงกว่าเป้าหมาย (คะแนนมากกว่า ๓.๐๐๐๐ คะแนนขึ้นไป) คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ ๔.๒๗๕๖ จากคะแนนเต็ม ๕.๐๐๐๐ คะแนน โดยองค์การมหาชนฯ ที่มีผลคะแนนรวมสูงสุด คือ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (๔.๘๔๗๓ คะแนน) และสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติเป็นหน่วยงานเดียวที่มีผลการประเมินต่ำกว่าเป้าหมาย (๒.๖๙๔๒ คะแนน)
|
||||||||||||||||||||||||
22617 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. .... | สธ | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. .... ที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมดำเนินการจัดให้มีการพิจารณาถึงความเสถียรของสารเคมีที่ใช้ในเครื่องสำอาง และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามบทบัญญัติต่าง ๆ เกี่ยวกับ “สารสำคัญ” มีตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียอยู่ในคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง มีการแจ้งกฎหมายพร้อมคำชี้แจงถึงผู้ประกอบการทุกราย และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งทางหนังสือเวียนและการเผยแพร่ทางสื่ออินเทอร์เน็ต รวมทั้งได้พัฒนาระบบการจดแจ้งให้สามารถเพิ่มการอำนวยความสะดวกต่อผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเพื่อขายมาตลอด และปัจจุบันกำลังดำเนินการพัฒนาระบบการจดแจ้งให้เป็นแบบจดแจ้งอัตโนมัติทั้งหมด นอกจากนี้ ร่างพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. .... ยังมีการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมให้ผู้ประกอบการสามารถผลิตเครื่องสำอางตามมาตรฐานของประเทศคู่ค้าได้ มีการจัดระบบการจดแจ้งสำหรับการส่งออก และขั้นตอนการพิจารณาออกคำสั่งหรือข้อกำหนดใด ๆ ของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ถือปฏิบัติตามวิธีปฏิบัติราชการปกครอง โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงพยานหลักฐานได้ตามสมควร และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22618 | รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนและรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย (เรื่อง สิทธิในการจัดการที่ดินและป่า กรณีประชาชนร้องเรียนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐอ้างคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 64/2557 และฉบับที่ 66/2557 ก่อให้เกิดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน) | สม | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนและรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการจัดการที่ดินและป่า กรณีประชาชนร้องเรียนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐอ้างคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๖๔/๒๕๕๗ และ ฉบับที่ ๖๖/๒๕๕๗ ก่อให้เกิดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอเกี่ยวกับแนวทางในการกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตลอดจนข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายโดยมุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงคุณค่าของศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22619 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าว ไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยคณะกรรมาธิการฯ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฯ เกี่ยวกับการออกกฎ ก.ตร. อื่นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งและโยกย้ายผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ดังนี้
๑. การกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งของผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจในกฎ ก.ตร. ควรมีวาระการดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่าสองปี เพื่อให้มีวาระการดำรงตำแหน่งที่ต่อเนื่อง ๒. สมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎ ก.ตร. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งและโยกย้ายผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยควรกำหนดหลักเกณฑ์ให้ในระหว่างวาระแรกของการดำรงตำแหน่ง ห้ามมิให้แต่งตั้งหรือโยกย้ายผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้นหรือในระดับเดียวกันก็ตาม เว้นแต่กรณีที่มีเหตุผลความจำเป็น เช่น ผู้บัญชากากรโรงเรียนนายร้อยตำรวจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวได้ หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจมีหลักประกันในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||
22620 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการอุทธรณ์ฎีกา) | นร07 | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมการอุทธรณ์ฎีกา) ที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยสำนักงบประมาณเห็นว่าการอำนวยความสะดวก และสนับสนุนการปฏิบัติงานในกระบวนการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรมให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ และมีประสิทธิภาพ เห็นสมควรสนับสนุนให้มีการจัดหาครุภัณฑ์ที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติงานตามขั้นตอนของการพิจารณาคดีอย่างเครื่องบันทึกภาพและเสียง ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และเพื่อให้การจัดหาครุภัณฑ์ระบบบันทึกภาพและเสียงมีประสิทธิภาพและเหมาะสมสำหรับใช้ในการปฏิบัติราชการของศาลยุติธรรม เห็นสมควรที่สำนักงานศาลยุติธรรมพิจารณาความเหมาะสมของระยะเวลาดำเนินงาน และจัดลำดับความสำคัญในการจัดหาครุภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความจำเป็นในการใช้งาน สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในโอกาสแรกนั้น ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาดำเนินการก่อน และขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
.....