ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1123 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 22441 - 22460 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22441 | การพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ร่วมชายแดน ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ | นร11 | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ [เรื่อง แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ร่วมชายแดน (Joint Economic Development Areas)] ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวแล้ว โดยที่ประชุมมีข้อสังเกต ๓ ประการ คือ (๑) การพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจชายแดนร่วมกันภายใต้แผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความก้าวหน้า (๒) ประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านควรเตรียมความพร้อมและยกระดับการพัฒนาพื้นที่ชายแดนในประเทศตนเองให้สามารถรับมือกับประเด็นที่มีความอ่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อน และ (๓) การที่ไทยจะเร่งผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ร่วมชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านในช่วงเวลานี้เป็นเรื่องที่น่าจะมีความอ่อนไหวค่อนข้างสูง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22442 | สรุปผลการประเมินการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 - 2557 | นร12 | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประเมินการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติงานขององค์การมหาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ กลุ่มที่ ๑ ดีเด่น ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้แก่ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้แก่ โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) ๑.๒ กลุ่มที่ ๒ ทั่วไป ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้แก่ องค์การมหาชน จำนวน ๒๗ แห่ง ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้แก่ องค์การมหาชน จำนวน ๒๙ แห่ง ๑.๓ กลุ่มที่ ๓ ควรพัฒนา ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้แก่ สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (องค์การมหาชน) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้แก่ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณากำหนดตัวชี้วัดการปฏิบัติงานขององค์การมหาชนให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งองค์การมหาชนและผลสัมฤทธิ์ในการบรรลุภารกิจขององค์การมหาชนแต่ละแห่งประกอบการประเมินการปฏิบัติงานขององค์การมหาชนในครั้งต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22443 | รายงานผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ ครั้งที่ 37 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กษ | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (ASEAN Ministers on Agriculture and Forestry : AMAF) ครั้งที่ ๓๗ การประชุมที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๑๐-๑๑ กันยายน ๒๕๕๘ ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้ (AMAF) ครั้งที่ ๓๗ ในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๘ ที่ประชุมรับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ ความก้าวหน้าในการดำเนินการตาม Roadmap for an ASEAN Community (2009-2015) ความก้าวหน้าของความร่วมมือด้านอาหาร การเกษตร และป่าไม้ ความคืบหน้าในการปรับปรุงโครงสร้างและกลไก (Streamline) ภายใต้ SOM-AMAF/AMAF รวมทั้งรับทราบการที่ไทยให้การสนับสนุน in-kind แก่ ASEAN-WEN Project Coordination Unit (PCU) และเห็นชอบในหลักการให้ไทยดำเนินการตามขั้นตอนภายในประเทศเพื่อให้สถานะทางกฎหมายแก่ ASEAN-WEN PCU สำหรับการประชุม AMAF ครั้งที่ ๓๘ จะจัดขึ้น ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ในเดือนกันยายน ๒๕๕๙ ๒. การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านการเกษตรและป่าไม้กับรัฐมนตรีของญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี (AMAF Plus Three) ครั้งที่ ๑๕ ในวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๘ ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินกิจกรรมภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมืออาเซียนบวกสาม [ASEAN Plus Three Cooperation Strategy (APTCS) Framework] ๓. การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-อินเดียด้านการเกษตรและป่าไม้ (AIMMAF) ครั้งที่ ๔ ในวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๘ ที่ประชุมยกเลิกการประชุมเนื่องจากฝ่ายอินเดียไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้
|
|||||||||||||||||||||
22444 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2558 | ทส | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ ได้มีมติรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยเป็นเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว จำนวนทั้งสิ้น ๘ เรื่อง ดังนี้
๑. โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ คำขอประทานบัตรที่ ๒๐/๒๕๕๔ ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับคำขอประทานบัตรที่ ๒๑/๒๕๕๔, ๒๒/๒๕๕๔, ๒๓/๒๕๕๔ และ ๒๔/๒๕๕๔ ของบริษัท ภูมิใจไทยซีเมนต์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลหินซ้อน อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ๒. โครงการเหมืองแร่แบไรต์ และหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๑/๒๕๔๗ (ประทานบัตรที่ ๑๕๖๐๓/๑๔๗๐๔) ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๑๐ ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ของบริษัท เชียงใหม่จำรัสขนส่ง จำกัด ๓. โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์) และแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) คำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๑/๒๕๕๓ (ประทานบัตรที่ ๒๘๐๓๕/๑๕๗๒๔) ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองแร่เดียวกันกับคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๒/๒๕๕๓ (ประทานบัตรที่ ๒๘๐๓๖/๑๕๖๒๕) คำขอต่ออายุประทานที่ ๓/๒๕๕๓ (ประทานบัตรที่ ๒๘๐๓๙/๑๕๖๒๖) และคำขอต่ออายุประทานบัตรที่ ๔/๒๕๕๓ (ประทานบัตรที่ ๒๘๐๔๐/๑๕๖๒๗) ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ ๕ และหมู่ที่ ๑๐ ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ๔. โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด คำขอประทานบัตรเลขที่ ๑๐-๒๒/๒๕๕๓ ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับประทานบัตรเลขที่ ๓๒๔๕๑/๑๕๖๘๗, ๓๒๔๕๔/๑๕๖๘๘, ๓๒๔๕๒/๑๕๖๘๙, ๑๙๙๑๗/๑๕๖๙๐, ๓๒๔๕๓/๑๕๖๙๑ และใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่เพื่อเก็บขังน้ำขุ่นข้นหรือมูลดินทรายนอกเขตเหมืองแร่ เลขที่ ๑/๒๕๔๘, ๒/๒๕๔๘, ๓/๒๕๔๘ ตั้งอยู่ที่ ตำบลเขาวงและตำบลพุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ๕. ร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๗ ๖. การเสนอขอควบคุมสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน (สาร POPs) ภายใต้อนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน ที่ยังไม่ได้กำหนดเป็นวัตถุอันตราย ๗. การกำหนดบังคับใช้มาตรฐานการระบายสารมลพิษจากรถจักรยานยนต์ใหม่ ระดับที่ ๗ ๘. การเข้าร่วมโครงการ The Ratification and Early Implementation of the Minamata Convention on Mercury
|
|||||||||||||||||||||
22445 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 4/2558 | นร11 | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ และเห็นชอบผลการพิจารณาและมติของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) หารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และภาคเอกชน เพื่อทบทวนค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าที่ดินและอัตราค่าเช่าที่ดินที่ราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และกำหนดแนวทางการให้เช่าที่ดินในระยะหลังจาก ๕๐ ปีแรก ๒. คณะอนุกรรมการด้านการจัดหาที่ดินและบริหารจัดการ จัดลำดับความสำคัญการจัดหาพื้นที่ของรัฐเพื่อใช้ประโยชน์ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ ๒ และพิจารณาทบทวนการจัดสรรที่ดินราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและเอกชนเช่า ๓. คณะอนุกรรมการด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ จัดทำข้อมูลเกี่ยวกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษที่มีเนื้อหาสั้น เข้าใจง่าย มีแผนภูมิ แผนผัง หรือแผนภาพประกอบ เพื่อใช้ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ๔. กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเจ้าภาพหารือกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อหาข้อสรุปสัดส่วนการลงทุนก่อสร้างสะพานข้ามคลองพรมโหด บ้านหนองเอี่ยน และร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนเรื่องการยกเว้นวีซ่าทั้งระบบ รวมทั้งการให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในจังหวัดเดียวหรือหลายจังหวัด โดยให้มีมาตรการควบคุมให้เข้าออกได้ตามกติกา และร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเจรจากับฝ่ายเมียนมาเพื่อหารือเรื่องการพัฒนาด่านพรมแดนทั้งสองฝั่งบริเวณพื้นที่ชายแดน จังหวัดกาญจนบุรี ๕. กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงชนบทขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๓๒ ล้านบาท เพื่อปรับปรุงแบบก่อสร้างพร้อมสำรวจอสังหาริมทรัพย์ ถนนสายแยก ทถ.๓๔๘-บ้านป่าไร่ ๖. กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับการก่อสร้างลานตรวจสินค้าด้วยระบบ X-ray วงเงิน ๑๑๕ ล้านบาท การปรับปรุงอาคารที่ทำการด่านพรมแดนบ้านคลองลึก วงเงิน๕๐ ล้านบาท การปรับปรุงด่านศุลกากรสะเดาเพิ่มเติม วงเงิน ๔๐ ล้านบาท ค่าครุภัณฑ์และค่าวางสาย Fiber Optic ด่านศุลกากรสะเดา วงเงิน ๑๐ ล้านบาท และกรมธนารักษ์ดำเนินการตามระเบียบการให้หน่วยงานของรัฐใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ เพื่อให้กรมทางหลวงใช้ประโยชน์พื้นที่พัฒนาในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตากเพื่อการก่อสร้างถนนและ CIQ ตามโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ ๒ ของกรมทางหลวง ๗. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดแนวทางในการกักเก็บน้ำบริเวณบ้านหนองเอี่ยนให้เกิดประโยชน์แก่ทั้งประเทศไทยและกัมพูชา ยกระดับศักยภาพสหกรณ์การเกษตรให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับท้องถิ่นโดยเชื่อมโยงกับวิสาหกิจชุมชน และพิจารณาส่งเสริมการอำนวยความสะดวกการนำเข้าผลผลิตสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะจากเกษตรกรรายย่อยเพื่อลดปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร ๘. กระทรวงมหาดไทย แต่งตั้งคณะทำงานระดับพื้นที่ทำหน้าที่อำนวยการหรือปฏิบัติการหรือแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาที่ดินและบริหารจัดการในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และมอบหมายจังหวัดที่มีเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสร้างความเข้าใจแก่ภาคส่วนในพื้นที่เรื่องกิจการเป้าหมายและการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอย่างต่อเนื่อง และให้ประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้าน ๙. กระทรวงแรงงาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาแก้ไขเรื่องผลกระทบจากแรงงานต่างด้าวที่นำครอบครัวเข้ามาในประเทศไทย ๑๐. สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ปรับปรุงร่างแผนบริหารจัดการชายแดนด้านความมั่นคง โดยให้จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมและพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องไม่ให้ขัดแย้งกัน ๑๑. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นำเสนอคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพิจารณาออกประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพิ่มเติมกิจการเป้าหมายที่จะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และจัดทำข้อมูลส่งเสริมการลงทุนในเรื่องการลงทุนตามยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนระยะ ๗ ปี (๒๕๕๘-๒๕๖๔) การลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบคลัสเตอร์ รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) พร้อมทั้งเผยแพร่ให้นักลงทุนรับทราบอย่างทั่วถึง |
|||||||||||||||||||||
22446 | การประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 21 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT-GT) และร่างแถลงข่าวร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 21 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย - มาเลเซีย - ไทย (IMT-GT) | นร11 | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และปฏิบัติหน้าที่เป็นรัฐมนตรีประจำแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT Minister) เพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานของประเทศไทยภายใต้แผนงาน IMT-GT รวมทั้งเพื่อปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๑ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ในวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ เมืองอลอร์สตาร์ รัฐเกดะห์ ประเทศมาเลเซีย และเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนระดับรัฐมนตรีของไทยในแผนงาน IMT-GT โดยต่อเนื่องต่อไป ๑.๒ เห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๒๑ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Draft Joint Media Statement of the Twenty First Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle Ministerial Meeting) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการชื่นชมการดำเนินงาน นโยบายความร่วมมือ และการตกลงในด้านเจตนารมณ์ทางการเมืองของประเทศสมาชิกในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นว่า เพื่อให้การดำเนินงานด้านเมืองสีเขียวเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งประเทศ เห็นควรดำเนินการให้สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการเชิงนโยบายด้านการจัดการพื้นที่สีเขียวชุมชนเมืองอย่างยั่งยืน ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติแล้ว รวมทั้งคู่มือการจัดการพื้นที่สีเขียวชุมชนเมืองอย่างยั่งยืน ซึ่งจัดทำขึ้นตามเจตนารมณ์ที่ระบุไว้ในแผนปฏิบัติการเชิงนโยบายดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำในแถลงข่าวร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการปรับเปลี่ยนได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
22447 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรีและส่วนราชการต่าง ๆ (จำนวน 9 ราย) | นร05 | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และส่วนราชการต่าง ๆ รวมจำนวน ๙ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายนพปฎล สุนทรนนท์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) ๒. พลโท นาวิน ดำริกาญจน์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ๓. นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๔. นายพงษ์ศักดิ์ สมใจ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงคมนาคม ๕. นายชวลิต พิชาลัย ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงพลังงาน ๖. นางสาววิไลลักษณ์ ชุลีวัฒนกุล ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๗. นายบุญเลิศ ธีระตระกูล ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงแรงงาน ๘. นายปณิธาน จินดาภู ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงอุตสาหกรรม ๙. นายมนตรี บุญพาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ |
|||||||||||||||||||||
22448 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 6) คดีระหว่างเด็กหญิงวานิษา วงศ์คำชิน โดยนายพชร หรือ เหมือน วงศ์คำชิน ผู้แทนโดยชอบธรรม ที่ 1 กับพวกรวม 17 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศ ยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาท เกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบ ด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ | อส | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดี ที่ ๖) คดีระหว่างเด็กหญิงวานิษา วงศ์คำชิน โดยนายพชร หรือ เหมือน วงศ์คำชิน ผู้แทนโดยชอบธรรมที่ ๑ กับพวกรวม ๑๗ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22449 | ขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 - 30 เมษายน 2559 | กค | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไปอีก ๖ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘-๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ วงเงินชดเชยรวมทั้งสิ้น ๒,๑๐๓ ล้านบาท โดยให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางออกไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางรถโดยสารประจำทาง ดำเนินการผ่านองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถโดยสารประจำทางธรรมดา จำนวน ๘๐๐ คันต่อวัน ใน ๗๓ เส้นทาง ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งได้ประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงิน จำนวน ๑,๕๙๙ ล้านบาท ๑.๒ มาตรการลดค่าใช้จ่ายเดินทางโดยรถไฟชั้น ๓ ดำเนินการผ่านการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยรัฐรับภาระค่าใช้จ่ายการจัดรถไฟชั้น ๓ เชิงสังคม จำนวน ๑๖๔ ขบวนต่อวัน และรถไฟชั้น ๓ ระยะทางไกลในขบวนรถเชิงพาณิชย์ จำนวน ๘ ขบวนต่อวัน ให้บริการแก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งได้ประมาณการค่าใช้จ่ายในวงเงิน จำนวน ๕๐๔ ล้านบาท ๒. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ และกระทรวงคมนาคมเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการดำเนินมาตรการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนด้านการเดินทางตามมาตรการใหม่) ให้แล้วเสร็จและนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาโดยเร็ว เพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินการตามมาตรการใหม่ได้ภายในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ |
|||||||||||||||||||||
22450 | ขออนุมัติโครงการอาคารปรีคลินิกและศูนย์วิจัย สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงาน | ศธ | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการโครงการอาคารปรีคลินิกและศูนย์วิจัย สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประเทศไทยมีสถาบันทางการแพทย์ที่มีศักยภาพในการแข่งขันกับนานาชาติ ทั้งด้านการศึกษา การวิจัย และการบริการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข มีผลงานวิจัยที่นำไปใช้ในการพัฒนาการให้บริการ และสร้างความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษาในหลักสูตรทางการแพทย์ สามารถสร้างบัณฑิตที่มีพหุศักยภาพสามารถทำให้สังคมไทยมีสุขภาวะที่ดีขึ้น ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ในส่วนของงบประมาณสำหรับการดำเนินการ ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่อนุมัติในหลักการให้ดำเนินโครงการภายในกรอบวงเงิน ๑,๗๔๐,๘๐๐,๐๐๐ บาท โดยให้ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๑,๒๑๘,๕๖๐,๐๐๐ บาท และเงินนอกงบประมาณ จำนวน ๕๒๒,๒๔๐,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการผลิตแพทย์ร่วมระหว่างคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีกับกระทรวงสาธารณสุขเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล รวมถึงการจัดการบริการสุขภาพในเขตสุขภาพด้วย และในการดำเนินโครงการดังกล่าวจะต้องดำเนินการในลักษณะบูรณาการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง ครบถ้วน โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า รวมทั้งประโยชน์ที่ประชาชนและทางราชการจะได้รับเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนและการวิจัยด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพในเชิงบูรณาการอย่างยั่งยืน และให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความพร้อม ความจำเป็นและเหมาะสมที่ต้องใช้จ่ายในแต่ละปีงบประมาณต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22451 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการค่าก่อสร้างอาคารเรียน โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย จังหวัดภูเก็ต | ศธ | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนเรื่อง ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงแบบรูปรายการค่าก่อสร้างอาคารเรียน โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย จังหวัดภูเก็ต คืนไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22452 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ภูฏาน | คค | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ภูฏาน และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและภูฏาน มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศฉบับใหม่ ปรับปรุงข้อบทว่าด้วยการกำหนดสายการบิน ใบพิกัดการบิน และสิทธิรับขนการจราจร ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำได้ตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||
22453 | การแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้านผังเมืองที่มีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรม | อก | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการยกเลิกบัญชีกำหนดประเภทจำพวกโรงงานท้ายกฎกระทรวงบังคับใช้ผังเมืองรวมเมือง/ชุมชน และจัดทำข้อกำหนดที่มีลักษณะยืดหยุ่น สามารถรองรับนโยบายหรือยุทธศาสตร์ของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาวการณ์ รวมทั้งส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและที่จำเป็นต้องมีเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยนำผลการศึกษาโครงการพัฒนาพื้นที่อย่างมีศักยภาพเพื่อรองรับการลงทุนของกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีผลการศึกษาแล้วและที่จะมีผลการศึกษาต่อไป ไปใช้เป็นข้อมูลประกอบในการวางและจัดทำผังเมืองรวมจังหวัด/เมือง/ชุมชน จังหวัด ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์ ข้อกำหนดเกี่ยวกับแนวกันชน (Buffer) และแนวป้องกัน (Protection strip) ที่เหมาะสมกับโรงงานประเภทต่าง ๆ ทั้งนี้ ให้กำหนดในพื้นที่อุตสาหกรรมและสามารถประกอบกิจการที่ไม่เกิดมลพิษได้ และนำหลักเกณฑ์ดังกล่าวไปใช้ในการวางและจัดทำผังเมือง ๑.๔ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องดำเนินการกำหนดพื้นที่เพื่อรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมและจัดทำผังเมืองให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่กำหนดพื้นที่พิเศษ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เกี่ยวกับการจัดทำข้อกำหนดที่มีลักษณะยืดหยุ่นที่สามารถรองรับนโยบายหรือยุทธศาสตร์ของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ และส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การวางผังเมืองและการกำหนดพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมควรคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อการพัฒนาด้านอื่น ๆ โดยเฉพาะด้านการเกษตรกรรมและผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตชองประชาชน การกำหนด Zoning อุตสาหกรรมศักยภาพ นอกเหนือจากเกณฑ์ระยะห่างจากแหล่งน้ำสาธารณะและแหล่งชุมชนแล้ว จะต้องพิจารณาแหล่งอื่น ๆ ที่มีความอ่อนไหวต่อผลกระทบสิ่งแวดล้อม แหล่งสำคัญด้านศิลปกรรมและโบราณคดี และระยะห่างระหว่างเขตอุตสาหกรรมแต่ละเขตไม่ให้กระจุกตัวหรืออยู่ใกล้กันเกินไป การกำหนดระวางพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมศักยภาพบางจังหวัดควรมีการทบทวนเกณฑ์และความเหมาะสมในการกำหนดขนาดพื้นที่ระวาง (ขนาดไม่จำเป็นต้องเท่ากันทุกระวาง) การนำข้อมูลเชิงพื้นที่ด้านโครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการกำหนดหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมในการกำหนดพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรม การวิเคราะห์เปรียบเทียบสาระสำคัญของการเปลี่ยนแปลงระหว่างบัญชีกำหนดประเภทจำพวกโรงงานท้ายกฎกระทรวงบังคับใช้ผังเมือง/ชุมชน และข้อกำหนดที่มีลักษณะยืดหยุ่นที่จะจัดทำขึ้นเพื่อประกอบการพิจารณาของรัฐมนตรีผู้มีอำนาจตามกฎหมาย การศึกษาโครงการพัฒนาพื้นที่อย่างมีศักยภาพเพื่อรองรับการลงทุนให้แล้วเสร็จโดยแสดงวิธีการและหลักเกณฑ์โดยละเอียดและควรให้ผู้เชี่ยวชาญและผู้เกี่ยวข้องตามกระบวนการวางและจัดทำผังเมืองมีส่วนร่วมในการพิจารณาความเหมาะสมในการนำมาประกอบการวางและจัดทำผังเมืองรวมจังหวัด/เมือง/ชุมชน การจัดทำหลักเกณฑ์ข้อกำหนดเกี่ยวกับแนวกันชนและแนวป้องกันโดยคำนึงถึงสมดุลด้านความปลอดภัยของชุมชนในพื้นที่และความเหมาะสมของระยะแนวกันชนและแนวป้องกันจากพื้นที่ตั้งโรงงาน พร้อมทั้งมีการวางแผนดำเนินการ หรือกำหนดมาตรการที่เหมาะสมและเป็นธรรมสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่แล้วในปัจจุบัน รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างกว้างขวางและรอบด้านก่อนนำสู่การปฏิบัติที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22454 | การลงนามในการดำเนินโครงการระดับภูมิภาคโครงการใหม่ ภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับประเทศสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านการป่าไม้ (Agreement between the Governments of the Member States of the Association of Southeast Asia Nations and the Republic of Korea on Forestry Cooperation : AFoCo) | ทส | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในร่างเอกสารการลงนามการดำเนินโครงการระดับภูมิภาคโครงการใหม่ภายใต้ความตกลงระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับประเทศสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านการป่าไม้ (Agreement between the Governments of the Member States of the Association of Southeast Asian Nations and the Republic of Korea on Forestry Cooperation : AFoCo) จำนวน ๒ ฉบับ ดังนี้ ๑.๑ ร่าง Project Implementation Agreement Between Republic of the Philippines Department of Environment and Natural Resources Forest Management Bureau and Kingdom of Thailand Ministry of Natural Resources and Environment Royal Forest Department for the Implementation of the Regional Project Entitled “Facilitating the Participatory Planning of Community-based Forest Management Using Geographic Information System and Remote Sensing Technologies in Forest Resources Management in the Philippines, Indonesia and Thailand” ๑.๒ ร่าง Memorandum of Understanding between Republic of Korea and Socialist Republic of Viet Nam & Kingdom of Thailand for Implementation of ASEAN-ROK Forest Cooperation Project : “Developing High Valuable Species in Vietnam and Thailand as the Mechanism for Sustainable Forest Management and Livelihood Improvement for Local Communities” สำหรับร่าง Memorandum of Agreement between Korea Forest Service, Republic of Korea and Malaysian Forest Research and Development Board, Malaysia and Royal Forest Department, Thailand for Implementation of ASEAN-ROK Forest Cooperation Project : “Domestication of Endangered, Endemic and Threatened Plant Species in Disturbed Terrestrial Ecosystem in Malaysia and Thailand” กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอถอนร่างฉบับนี้ไปหารือกับสำนักงานอัยการสูงสุดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติก่อน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. อนุมัติให้อธิบดีกรมป่าไม้ หรือผู้ที่อธิบดีกรมป่าไม้มอบหมายเป็นผู้ลงนามในการดำเนินโครงการระดับภูมิภาคโครงการใหม่ภายใต้ AFoCo (ตามข้อ ๑.๑ และ ๑.๒) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขถ้อยคำของเอกสารการดำเนินโครงการฯ ทั้ง ๒ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนแก้ไขดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญและการปฏิบัติตามอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพในการดำเนินโครงการ และควรจัดทำข้อตกลงการจัดส่งวัสดุชีวภาพ (Material Transfer Agreement) ในกรณีที่มีการเคลื่อนย้ายเชื้อพันธุกรรมทั้งพืช สัตว์และจุลินทรีย์ออกจากพื้นที่ รวมทั้งจัดทำลายพิมพ์ดีเอ็นเอของพันธุ์พืชที่ทำการศึกษาในแต่ละโครงการเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการระบุอัตลักษณ์ของชนิดพันธุ์พืชในประเทศไทย นอกจากนี้ ความหลากหลายทางชีวภาพเป็นสินทรัพย์ (Bio-Asset) ในเชิงเศรษฐกิจที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ควรได้รับการอนุรักษ์ บริหารจัดการอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ รวมถึงแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมและยุติธรรม หากต้องระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของชนิดพันธุ์ที่สำคัญหรือใกล้สูญพันธุ์ ควรกระทำด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากการระบุตำแหน่งที่ตั้งอาจจะทำให้เกิดการเข้าถึงได้ง่ายและส่งผลกระทบต่อสถานภาพของทรัพยากรชีวภาพนั้นในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22455 | การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 3/2550/79 แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทย หมายเลข G3/48 | พน | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เรื่อง การขอโอนสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๓/๒๕๕๐/๗๙ แปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G3/48 ระหว่างบริษัท เอ็มพี จี๓ (ประเทศไทย) จำกัด กับบริษัท นอร์ธเทิร์น กัลฟ์ ออย (ประเทศไทย) จำกัด ๑.๒ อนุมัติการขอโอนสิทธิ ประโยชน์ และพันธะของบริษัท Tap Energy (Thailand) Pty Ltd ซึ่งถืออยู่ในอัตราร้อยละ ๓๐ ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๓/๒๕๕๐/๗๙ ให้แก่บริษัท นอร์ธเทิร์น กัลฟ์ ออย (ประเทศไทย) จำกัด โดยอาศัยความตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และให้ออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๕) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๓/๒๕๕๐/๗๙ ตามแบบ ชธ/ป๓/๑ ที่กำหนดในกฎกระทรวงกำหนดแบบสัมปทานปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมและประโยชน์สูงสุดของทางราชการอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22456 | เอกสารที่จะมีการลงนามและรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ครั้งที่ 15 และการประชุมอื่น ที่เกี่ยวข้อง | ทก | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารที่จะมีการลงนามและรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ASEAN Telecommunications and Information Technology Ministers Meeting : ASEAN TELMIN) ครั้งที่ ๑๕ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ๑.๑.๑ ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร [Memorandum of Understanding between the Association of Southeast Asian Nations (“ASEAN”) and the International Telecommunication Union (“ITU”) on Joint Cooperation in Information and Communication Technology Development] ๑.๑.๒ ร่างแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๐ (ASEAN ICT Master Plan 2020 : AIM 2020) ๑.๑.๓ ร่างปฏิญญาดานัง ว่าด้วยประชาคมอาเซียนที่มุ่งสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ใช้ดิจิทัล อย่างเท่าเทียม ทั่วถึง มั่นคงปลอดภัย และยั่งยืน (Da Nang Declaration : Towards a Digitally-enabled, Inclusive, Secure and Sustainable ASEAN Community) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงถ้อยคำในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๑.๒ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมลงนามและรับรองเอกสาร ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับคำแปลบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับภาษาไทยซึ่งยังไม่สอดคล้องกับฉบับภาษาอังกฤษ สมควรที่จะได้ตรวจสอบความถูกต้องของคำแปลบันทึกความเข้าใจฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22457 | แผนปฏิบัติการเพื่อให้คลองแสนแสบสะอาดภายใน 2 ปี | คค | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการเพื่อให้คลองแสนแสบสะอาดภายใน ๒ ปี เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบในการดำเนินงาน โดยเสนอรายละเอียดแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม และงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ มอบหมายกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการเพื่อให้คลองแสนแสบสะอาดภายใน ๒ ปี เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำในคลองแสนแสบอย่างยั่งยืน และรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๑.๓ มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กรมควบคุมมลพิษ กรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมเจ้าท่า และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บังคับใช้กฎหมายในความรับผิดชอบในพื้นที่คลองแสนแสบและคลองสาขาอย่างจริงจัง ๑.๔ มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ และกรมประชาสัมพันธ์ เร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยให้กรมประชาสัมพันธ์ดำเนินมาตรการด้านประชาสัมพันธ์ในการรณรงค์เรื่องปัญหามลพิษทางน้ำ น้ำเน่าเสีย วิธีการแก้ไข และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความรู้ทางวิชาการเรื่อง ปัญหามลพิษทางน้ำ ให้แก่เจ้าของสถานประกอบการ นักเรียน นักศึกษา หน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนทั่วไป และปลูกฝังทัศนคติให้เยาวชนมีความรับผิดชอบต่อสังคม ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการศึกษาปริมาณน้ำทิ้งจากจำนวนครัวเรือนที่อาศัยอยู่ริมคลอง หรือจำนวนครัวเรือนที่อาศัยรุกล้ำในคลองแสนแสบ การพิจารณามาตรการบำบัดน้ำเสียที่แหล่งกำเนิด การทบทวนการลงทุนสร้างระบบรวมน้ำเสียจากชุมชน การนำระบบบำบัดน้ำเสียทางชีวภาพมาใช้ การกำหนดมาตรการด้านการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการขุดลอกตะกอนดินจากก้นคลองที่ชัดเจน การใช้วิธีการออกซิไดซ์สารกลุ่มโลหะซัลไฟด์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำในคลองโดยทั่วไปเป็นสีดำ การสนับสนุนให้ชุมชนที่อาศัยอยู่ริมคลองแสนแสบและคลองสาขามีการจัดกิจกรรมของชุมชนเองในการดูแล รักษาและป้องกันมลพิษอย่างต่อเนื่อง การขอความร่วมมือผู้ประกอบการเดินเรือในคลองแสนแสบปรับปรุงเครื่องยนต์เรือสำหรับการเดินเรือในคลองแสนแสบให้เป็นรูปแบบที่สะอาด ลดมลพิษที่ปล่อยลงสู่ลำคลอง ตลอดจนมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเพื่อให้คลองแสนแสบสะอาดภายใน ๒ ปี อย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน รวมทั้งการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล และภารกิจพื้นฐานของหน่วยงาน เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และไม่ซ้ำซ้อนกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงคมนาคมจัดตั้งคณะกรรมการกำกับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22458 | การขอความเห็นชอบ (ร่าง) ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยการอุดมศึกษา | ศธ | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยการอุดมศึกษา มีสาระสำคัญมุ่งเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการอุดมศึกษาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ยกระดับคุณภาพการอุดมศึกษาของประเทศสมาชิกอาเซียน ส่งเสริมบทบาทเชิงวิชาการของการอุดมศึกษา สนับสนุนการเคลื่อนย้ายเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและเรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม การมีส่วนร่วมในการส่งเสริมเรื่องสันติภาพ ความมั่งคั่ง การปรับตัว และการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ส่งเสริมบทบาทของอุดมศึกษาด้านการพัฒนาศักยภาพเพื่อสร้างประชาคมอาเซียนให้เป็นสังคมแห่งนวัตกรรม สนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางวิชาการเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงส่งเสริมนักวิชาการในภูมิภาคให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีโลก ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไข (ร่าง) ปฏิญญาดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการสามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||
22459 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ กรณีการต่อสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู | กต | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
22460 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - เนเธอร์แลนด์ | คค | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-เนเธอร์แลนด์ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและเนเธอร์แลนด์ มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงข้อบทว่าด้วยการแต่งตั้งสายการบินที่กำหนด การให้อนุญาตและการเพิกถอนใบอนุญาต และข้อบทว่าด้วยสิทธิเกี่ยวกับการควบคุมเชิงกำกับดูแลเรื่องความปลอดภัยการบิน ใบพิกัดเส้นทางบิน สิทธิความจุความถี่ สิทธิรับขนการจราจร และข้อบทว่าด้วยการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
.....