ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1129 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 22561 - 22580 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22561 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง ครั้งที่ 2 (The Second APEC Structural Reform Ministerial Meeting) และผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee : EC) ครั้งที่ 2/2558 | นร11 | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านการปฏิรูปโครงสร้าง ครั้งที่ ๒ (The Second APEC Structural Reform Ministerial Meeting) และผลการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจเอเปค (Economic Committee : EC) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ ณ เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งการประชุมทั้งสองมีการอภิปรายในประเด็นต่าง ๆ เช่น การจัดทำยุทธศาสตร์การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ การปฏิรูปกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อสนับสนุน การพัฒนาและการค้าอย่างเท่าเทียมและเสรี การปรับตัวชี้วัดของความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ เป็นต้น และการดำเนินการในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้หลักการในที่ประชุมดังกล่าวมาปรับใช้กับประเทศไทย ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับและขับเคลื่อนวาระใหม่สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างเอเปค (Renewed APEC Agenda for Structural Reform : RAASR) สำหรับปี ๒๕๕๙-๒๕๖๓ รวมทั้งการสร้างความชัดเจนถึงบทบาทของไทยในเวทีเอเปค โดยยึดเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเป็นหลัก ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรให้เพิ่มองค์ประกอบผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในฐานะคณะกรรมการว่าด้วยการค้าและการลงทุน (Committee on Trade and Investment : CTI) ภายใต้เอเปค เข้าร่วมในการประชุม EC เพื่อสร้างความเชื่อมโยงด้านสารัตถะภาคบริการ และบูรณาการการทำงานทีมประเทศไทยในเวทีเอเปค เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปโครงสร้าง การเพิ่มประสิทธิภาพและการพัฒนานวัตกรรมในภาคบริการ การสนับสนุนและส่งเสริมนวัตกรรมทางสังคม (Social Innovation) โดยเฉพาะนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับบริการด้านสาธารณสุข รวมทั้งการยกระดับและขับเคลื่อนวาระใหม่สำหรับการปฏิรูปโครงสร้างเอเปคที่เอื้ออำนวยให้การดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนมีความง่ายและคล่องตัว (Ease of Ding Business : EoDB) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22562 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัย ราชภัฏมหาสารคาม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. มอบให้กระทรวงศึกษาธิการรับร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินการในการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และชี้แจงเหตุผลที่ไม่ดำเนินการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาก่อนเปิดการสอน และความจำเป็นในการขอให้ร่างพระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับย้อนหลัง ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ ให้ตรวจสอบการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาของมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เพื่อมิให้มีการเสนอขอให้พระราชกฤษฎีกากำหนดปริญญาในแต่ละสาขามีผลใช้บังคับย้อนหลัง โดยให้ยึดหลักการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๔๑ ว่า เมื่อมหาวิทยาลัยอนุมัติหลักสูตรสาขาวิชาใดแล้ว จะต้องเสนอร่างพระราชกฤษฎีกา แล้วจึงจะเปิดการสอนในสาขาวิชานั้นได้ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กันยายน ๒๕๔๑ และกำชับให้มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||
22563 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารงานบุคคลภาครัฐ | ปช | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตในกระบวนการบริหารงานบุคคลของภาครัฐ ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่เสนอแนะให้มีการปฏิรูประบบบริหารงานบุคคลของภาครัฐ ๔ ประการหลัก ได้แก่ (๑) การตั้งคณะกรรมการกลาง (๒) การจัดตั้งศูนย์/หน่วยงานประเมินและวิเคราะห์ข้าราชการ (๓) การกำหนดแนวทางและขั้นตอนการประเมิน และ (๔) การกำหนดแบบการประเมินข้าราชการ ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช. เสนอ และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมเป็นไปได้ของข้อเสนอแนะดังกล่าว เพื่อให้การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนมีความโปร่งใสและเป็นธรรม รวมทั้งเกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานโดยไม่ก่อให้เกิดการทุจริตในราชการตามมา และให้สำนักงาน ก.พ. จัดทำรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป
|
||||||||||||||||||
22564 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 48 และการประชุมกับประเทศคู่เจรจาที่เกี่ยวข้อง | กต | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๘ และการประชุมกับประเทศคู่เจรจาที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ ๓-๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญย้ำถึงเจตนารมณ์ของอาเซียนที่จะบรรลุเป้าหมายเรื่องการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนภายในปี ๒๕๕๘ โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง การเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพัฒนาภาคการเกษตรและการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การเสริมสร้างความเข้มแข็งของสำนักเลขาธิการอาเซียนและกลไกของอาเซียน การรักษาความเป็นแกนกลางของอาเซียนในการดำเนินความสัมพันธ์ในภูมิภาค การแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นปัญหาในภูมิภาคและระหว่างประเทศ การพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมทั้งการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาท้าทายที่มีผลกระทบต่อภูมิภาค เช่น การค้ามนุษย์และการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ การก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ ความมั่นคงทางทะเล และการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งนี้ จากการประชุมดังกล่าวมีประเด็นสำคัญที่หน่วยงานจะต้องรับไปดำเนินการต่อ ได้แก่ (๑) การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียน (๒) การเสริมสร้างบทบาทนำของอาเซียนในสถาปัตยกรรมในภูมิภาค (๓) ประเด็นปัญหาในภูมิภาคและระหว่างประเทศ (๔) ความสัมพันธ์กับประเทศคู่เจรจา (๕) ความร่วมมือในลุ่มน้ำโขง และ (๖) การหารือทวิภาคี และมอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องกับรายงานผลการประชุมดังกล่าวรับไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการประชุมกับประเทศคู่เจรจาที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ อาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลีที่ได้มีการเน้นย้ำความสำคัญของผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสนับสนุนการบริหารจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน นั้น ประเทศไทยและอาเซียนควรผลักดันให้เกิดการศึกษาเรียนรู้จากประสบการณ์ของสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จในฐานะที่เป็นประเทศแรกในทวีปเอเชียที่สามารถผลักดันกฎหมายระดับชาติเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจก (GHG) และระบบการซื้อขายใบอนุญาตปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS) และควรผลักดันให้มีการแลกเปลี่ยนบุคลากรหรือสร้างความร่วมมือเพื่อเรียนรู้จากสาธารณรัฐเกาหลีในด้านการบริหารจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน รวมทั้งการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อลดผลกระทบทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ควรนำประเด็นการคุกคามต่อความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งส่งผลเสียต่อห่วงโซ่อาหารและก่อผลกระทบตามมาถึงความมั่นคงด้านอาหารของภูมิภาคอันเกิดจากการสร้างเขื่อนในกลุ่มประเทศแถบลุ่มน้ำโขงเข้าประกอบการพิจารณา ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22565 | สรุปมติ - ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2558 | อื่นๆ | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปมติ-ข้อสั่งการที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ครั้งที่ ๖/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๕๘ ตามที่ คตช. เสนอ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) ผลการดำเนินงานคณะอนุกรรมการ คตช. ด้านการปลูกฝังจิตสำนึกและสร้างการรับรู้ในมาตรการการป้องกันการทุจริต (๒) ผลการสัมมนาผู้เชี่ยวชาญ (Focus Group) เพื่อหามาตรการติดตามทรัพย์สินที่ทุจริตคืนสู่รัฐ (๓) ผลการดำเนินงานด้านการปราบปรามการทุจริตของคณะอนุกรรมการ คตช. ด้านการปราบปรามการทุจริต และเห็นชอบในแนวทางการใช้ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตระดับกระทรวง (๔) ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการ คตช. ด้านการประชาสัมพันธ์ (๕) ความก้าวหน้าการใช้ระบบข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) ในโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงธรรมชาติ (NGV) จำนวน ๔๘๙ คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (๖) ความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการความโปร่งใสในการก่อสร้างภาครัฐ (Construction Sector Transparency Initiative : CoST) ในโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่ ๒ (๗) วัตถุประสงค์ แนวทาง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดตั้งและบริหาร “กองทุนส่งเสริมธรรมาภิบาลและขจัดการทุจริต” (๘) ข้อเสนอแนะจากผลการสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันประเทศไทย (Corruption Situation Index : CSI) ของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (๙) ความก้าวหน้าการเสนอตัวเข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่ายองค์กรเพื่อความโปร่งใสในอุตสาหกรรมการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ (Extractive Industries Transparency Initiative : EITI) และ (๑๐) ข้อเสนอขององค์กรต่อต้านการคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ให้เร่งรัดพิจารณากฎหมายในการป้องกันการทุจริตซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาปฏิรูปแล้ว ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||
22566 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... | มท | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
22567 | รายงานการพิจารณาศึกษาการผังเมืองและการใช้พื้นที่ | สว | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการพิจารณาศึกษาการผังเมืองและการใช้พื้นที่ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการผังเมืองและการใช้พื้นที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอแนะในการปรับปรุงการผังเมืองและการใช้พื้นที่อย่างยั่งยืน และแนวทางในการขับเคลื่อนให้การผังเมืองและการใช้พื้นที่ประสบผลสำเร็จ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยรับรายงานและข้อเสนอแนะฯ ไปเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||
22568 | ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. 2509 พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการรวมกันเป็นสมาคมของบุคคล) และ ร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | นร09 | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติรวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการรวมตัวเป็นสมาคมของบุคคล) ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับความเห็นของกระทรวงยุติธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีของสมาคมที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะ ควรพิจารณาศึกษารายละเอียดของกฎหมายดังกล่าวว่าเป็นบทบัญญัติที่จำกัดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของบุคคลหรือไม่ และตามมาตรา ๖ ในร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ พ.ศ. .... กำหนดให้นายทะเบียนมีหน้าที่แจ้งเป็นหนังสือให้สมาคมการค้าที่จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ ทราบถึงสิทธิและหน้าที่ตามที่กำหนดในมาตรา ๔ และมาตรา ๗ นั้น ในทางปฏิบัตินายทะเบียนควรระบุเรื่องที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ อาทิ แนวทาง ขั้นตอน และเอกสารที่ต้องใช้ในการดำเนินการขอจดทะเบียนพร้อมกันไปด้วย นอกจากนี้ บทบัญญัติตามมาตรา ๘ ในร่างพระราชบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติสมาคมการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ พ.ศ. .... ซึ่งรองรับการอ้างถึงสมาคมการค้าในกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ หรือประกาศอื่นใดให้หมายถึงสมาคมที่จดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ในระยะต่อไป ควรพิจารณาให้มีการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติหอการค้า พ.ศ. ๒๕๐๙ และพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๐๓ เพื่อให้เกิดความทันสมัยและสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ปรับเปลี่ยน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22569 | ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. 2508 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยอัตราภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. .... | มท | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอว่า เพื่อให้การจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและมิให้เป็นภาระให้กับประชาชน ควรพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ในอัตราใหม่ จึงขอนำร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. ๒๕๐๘ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยอัตราภาษีบำรุงท้องที่ พ.ศ. .... ไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดอัตราภาษีบำรุงท้องที่ให้สอดคล้องกับโครงสร้างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการของกระทรวงการคลัง และกำหนดกลไกการกำหนดราคาปานกลางของที่ดินและอัตราภาษีที่สอดคล้องกับนโยบายด้านภาษีของรัฐ ทั้งนี้ สำหรับการจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ในปี ๒๕๕๙ ให้ใช้ราคาประเมินปานกลางและอัตราภาษีบำรุงท้องที่ที่จัดเก็บในปัจจุบันไปก่อน ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยเสนอพระราชกฤษฎีกาให้นำราคาประเมินปานกลางของที่ดินที่ใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ถึง พ.ศ. ๒๕๒๔ มาใช้ในการประเมินภาษีบำรุงท้องที่สำหรับปี ๒๕๕๙ โดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||
22570 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ ครั้งที่ 20 (20th GMS Ministerial Conference) | นร11 | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ ครั้งที่ ๒๐ (20th GMS Ministerial Conference) ณ กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๘ ๑.๒ เห็นชอบข้อเสนอแผนการดำเนินงานระยะเร่งด่วนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการ โดยประสานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๑.๒.๑ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมและขยายด่านพรมแดน ทั้งในส่วนของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกการค้าและคมนาคมขนส่ง และการข้ามแดนของนักท่องเที่ยวในอนุภูมิภาค รวมถึงเร่งผลักดันการพัฒนาเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงอนุภูมิภาคและรถไฟความเร็วปานกลางระหว่างไทย-สปป.ลาว-จีน ให้เป็นรูปธรรม ๑.๒.๒ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง เร่งรัดดำเนินงานภายใต้ความตกลงการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (CBTA) เช่น การตรวจสินค้าแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (Single Window Inspection : SW) การตรวจปล่อยสินค้าร่วมกันในบริเวณเดียวกัน (Single Stop Inspection : SS) และการกำหนดพื้นที่ควบคุมร่วมกัน (Common Control Area : CCA) รวมถึงเร่งเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในเรื่องการกำหนดสิทธิการจราจรให้มีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ๑.๒.๓ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เตรียมความพร้อมเพื่อเชื่อมโยงและขยายฐานการผลิตร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านภายใต้หลักการ Thailand Plus One และเสริมสร้างขีดความสามารถของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยเฉพาะการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการพัฒนาศักยภาพของ SMEs เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงการผลิตกับประเทศเพื่อนบ้านได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ๑.๒.๔ กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับองค์กรเครือข่ายการพัฒนา อาทิ มหาวิทยาลัยต่าง ๆ สถาบันลุ่มแม่น้ำโขง สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา และธนาคารพัฒนาเอเชีย ร่วมกำหนดแนวทางความร่วมมือเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และศักยภาพบุคลากรในอนุภูมิภาค ๑.๒.๕ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงสาธารณสุข เร่งรัดศึกษาการจัดการผลกระทบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) การจัดการความเสี่ยงและป้องกันผลกระทบเนื่องมาจากภัยธรรมชาติและภัยพิบัติต่าง ๆ และร่วมหารือในความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเรื่องการป้องกันการค้ามนุษย์ การเคลื่อนย้ายแรงงานผิดกฎหมาย และการป้องกันโรคติดต่อข้ามพรมแดน ๑.๒.๖ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ผลักดันการดำเนินงานเพื่อสร้างความเข้าใจและเพิ่มการมีส่วนร่วมของจังหวัด ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจและพื้นที่ชายแดนโดยประสานความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา สื่อมวลชน และภาคีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ๑.๒.๗ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินงานของไทยในการพัฒนาเชิงพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้สามารถเชื่อมโยงกิจกรรมทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ๑.๒.๘ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดำเนินโครงการความร่วมมือภายใต้แผนงาน GMS ให้มีความสอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับวัตถุประสงค์ของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ๑.๒.๙ สภาธุรกิจ GMS-BF ประเทศไทย เร่งศึกษาแนวทางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อป้องกัน ลดผลกระทบ และจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจเนื่องมาจากภัยพิบัติและภัยธรรมชาติ และเร่งรัดกำหนดมาตรฐานคุณภาพผู้ประกอบการขนส่งสินค้าร่วมกับผู้ประกอบการในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมีการประชุมหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอและมากขึ้น เพื่อร่วมกันพิจารณาผลักดันโครงการใหม่ ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ มีการปฏิบัติตามแผนงาน GMS อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22571 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 7 (7th Mekong - Japan Economic Ministers' Meeting) | นร11 | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๗ (7th Mekong-Japan Economic Ministers’ Meeting) จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความก้าวหน้าของการพัฒนาด้านการค้าและอุตสาหกรรมภายใต้กรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม และร่วมให้ความเห็นชอบต่อร่างวิสัยทัศน์การพัฒนาอุตสาหกรรมในลุ่มแม่น้ำโขง (Mekong Industrial Development Vision) และร่วมรับรองแถลงข่าวร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๗ (Joint Media Statement) โดยมีสาระสำคัญของการประชุมเกี่ยวกับการรายงานผลการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๗ (7th Mekong-Japan Summit) เมื่อวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น การรายงานความก้าวหน้าและทิศทางการพัฒนาภายใต้ลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม รวมทั้งข้อคิดเห็นของประเทศสมาชิกต่อร่างวิสัยทัศน์การพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งในส่วนของไทยเสนอให้เพิ่มเติมแนวทางการถ่ายทอดเทคโนโลยีและถ่ายทอด R&D ของญี่ปุ่น รวมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของ SMEs และมุ่งเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเป็นสำคัญ และควรเสนอแนะในรายสาขาอุตสาหกรรมที่ต้องมีการพัฒนาแรงงานฝีมือเพื่อยกระดับผลิตผลและตอบสนองความต้องการของนักลงทุน
|
||||||||||||||||||
22572 | แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ของศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน | มท | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการและผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเสนอแผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๙ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จังหวัด และอำเภอ ใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๙ โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญในการบริหารจัดการในลักษณะยึดพื้นที่เป็นตัวตั้ง (Area Approach) การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด จริงจัง และต่อเนื่อง รวมทั้งการรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกและความตระหนักด้านความปลอดภัยทางถนนให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๙ ให้มากที่สุด โดยใช้ชื่อว่า “สุขกาย สุขใจ ขับขี่ปลอดภัย รับปีใหม่ ๒๕๕๙” ประกอบด้วยมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ๕ มาตรการ ได้แก่ (๑) มาตรการด้านการบริหารจัดการ (๒) มาตรการด้านถนนและการสัญจรอย่างปลอดภัย (๓) มาตรการด้านยานพาหนะที่ปลอดภัย (๔) มาตรการด้านผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย และ (๕) มาตรการด้านการตอบสนองหลังเกิดอุบัติเหตุ ช่วงเวลาดำเนินการ กำหนดเป็น ๒ ช่วง คือ ช่วงเตรียมความพร้อมและช่วงการรณรงค์ ระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๘ และช่วงควบคุมเข้มข้น ระหว่างวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๕๙ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรมีการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุและมีผู้เสียชีวิตในรายที่สามารถตรวจด้วยเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ทางลมหายใจ (Breath Analyzer) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำและรณรงค์แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และปีต่อ ๆ ไป เพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยทางถนนให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและประชาชนอย่างต่อเนื่องต่อไป |
||||||||||||||||||
22573 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้าง (โรงเรียนนิบงชนูปถัมภ์ จังหวัดยะลา) | ศธ | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ค่าก่อสร้างอาคารเรียน แบบ ๒๑๖ ปรับปรุง ๔๖ จำนวน ๑ หลัง จากเดิมที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ วงเงิน ๑๘,๖๐๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นวงเงิน ๑๙,๙๘๙,๐๐๐ บาท ระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้แก่โรงเรียนนิบงชนูปถัมภ์ จังหวัดยะลา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ส่วนรายละเอียดงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๗,๗๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๒,๒๘๙,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรมีการกำกับ ติดตามการดำเนินการก่อสร้างให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาอย่างเคร่งครัด มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากอาคารเรียนทั้งการจัดการเรียนการสอน และกิจกรรมที่เอื้อต่อการศึกษาและการเรียนรู้ของผู้เรียนตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22574 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติออกจากแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ 1 ปี (ตุลาคม 2557 - ตุลาคม 2558) ตามข้อสั่งการด้านกฎหมายของนายกรัฐมนตรี (ครั้งที่ 3) | นร09 | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติออกจากแผนการเสนอร่างกฎหมายในระยะ ๑ ปี (ตุลาคม ๒๕๕๗-ตุลาคม ๒๕๕๘) ตามข้อสั่งการด้านกฎหมายของนายกรัฐมนตรี รวม ๗ ฉบับ ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๔. ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๕. ร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. .... ๖. ร่างพระราชบัญญัติแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. .... ๗. ร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๗)
|
||||||||||||||||||
22575 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้าง (โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์และโรงเรียนนวลนรดิศวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก กรุงเทพมหานคร) | ศธ | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้าง จำนวน ๒ รายการ เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ ประกอบกับเป็นรายการสิ่งก่อสร้างที่ใช้แบบก่อสร้างเดียวกัน แบบ ๑๐๑๙/๒๗ (พิเศษ) จึงเห็นควรที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจะต่อรองราคาให้ได้ราคาที่ใกล้เคียงกันทั้ง ๒ แห่ง ภายในกรอบวงเงิน ดังนี้ ๑.๑ รายการโรงอาหาร/หอประชุม แบบ ๑๐๑ล/๒๗ (พิเศษ) โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงิน ๑๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน จำนวน ๑๓,๓๔๗,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๑,๙๖๘,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๑,๓๗๙,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป ๑.๒ รายการโรงอาหาร/หอประชุม แบบ ๑๐๑ล/๒๗ (พิเศษ) (สำหรับโรงเรียนในโครงการพระราชดำริ) โรงเรียนนวลนรดิศวิทยาคม รัชมังคลาภิเษก กรุงเทพมหานคร จำนวน ๑ หลัง จากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงิน ๑๒,๖๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน จำนวน ๑๓,๓๔๗,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๕๙ จำนวน ๑๑,๙๖๘,๐๐๐ บาท ส่วนที่ขาดอีก จำนวน ๑,๓๗๙,๐๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ต่อไป สำหรับการดำเนินการก่อสร้างและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการกำกับ ติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากอาคารทั้งในการจัดการเรียนการสอนและจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการศึกษาและการเรียนรู้ของผู้เรียนได้ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22576 | การขยายระยะเวลาของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกรมวิชาการเกษตรกับสถาบันพัฒนาชนบทแห่งสาธารณรัฐเกาหลี ในการจัดตั้งศูนย์ Korea Project on International Agriculture: KOPIA ประจำประเทศไทย | กษ | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างการขยายระยะเวลาบันทึกข้อตกลงระหว่างกรมวิชาการเกษตรกับสถาบันพัฒนาชนบทแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Rural Development Administration : RDA) ในการจัดตั้งศูนย์ Korea Project on International Agriculture : KOPIA) ประจำประเทศไทย มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาโครงการความร่วมมือในการจัดตั้งศูนย์ KOPIA ประจำประเทศไทย ออกไปอีก ๓ ปี จนถึงวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมวิชาการเกษตรเป็นผู้ลงนามในเอกสารการขยายระยะเวลาบันทึกข้อตกลงฯ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรรายงานผลการดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือฯ ในระยะที่ผ่านมา และแผนงานที่จะดำเนินการในช่วงที่จะขยายเวลาของความร่วมมือ รวมทั้งผลการดำเนินงานเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาตามข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ให้คณะรัฐมนตรีทราบเพื่อให้เห็นผลการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมในการนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนางานด้านการเกษตรของประเทศไทย ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22577 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ยกเลิกหลักเกณฑ์การสอบสวนผู้ต้องหาที่เป็นเด็ก อายุไม่เกินสิบแปดปี) | ยธ | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา โดยยกเลิกหลักเกณฑ์การสอบสวนผู้ต้องหาที่เป็นเด็กอายุไม่เกินสิบแปดปี (ยกเลิกมาตรา ๑๓๔/๒ และแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๓๔/๔ วรรคสาม) เนื่องจากได้กำหนดไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติฯ โดยมีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ และพนักงานอัยการเข้ามามีส่วนร่วมในการสอบสวนเด็กหรือเยาวชนด้วย เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิในการแสดงความคิดเห็นของเด็กหรือเยาวชน และเป็นการรักษาสภาพจิตใจของเด็กหรือเยาวชนไม่ให้ถามปากคำจากคำถามที่ไม่เหมาะสมและซ้ำซ้อน และความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการสอบสวนตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนฯ ให้ชัดเจนและครอบคลุมการสอบสวนผู้ต้องหาที่เป็นเด็กอายุไม่เกินสิบแปดปี โดยต้องมีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ บุคคลที่เด็กร้องขอ และพนักงานอัยการอยู่ร่วมด้วย และการสอบสวนที่ไม่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะรับฟังเป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหานั้นไม่ได้ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการตีความและปัญหาในทางปฏิบัติ และเพื่อให้ผู้ต้องหาที่เป็นเด็กได้รับความคุ้มครองสิทธิ สวัสดิภาพ มิให้ได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายและสภาวะทางจิตใจจากกระบวนการยุติธรรม ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้เชิญผู้แทนกระทรวงกลาโหมร่วมพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปดำเนินการกำหนดมาตรการป้องกันและแนวทางแก้ไขปัญหากรณีผู้กระทำความผิดกฎหมายเป็นเด็กหรือเยาวชนได้กระทำผิดร้ายแรงหรือกระทำผิดซ้ำอีกโดยมิได้เข็ดหลาบ ซึ่งเป็นปัญหาสังคมที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้เกิดผลสัมฤทธิ์ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรนำหลักการตามมาตรา ๑๓๔/๒ และมาตรา ๑๓๔/๔ วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติศาลเยาวชนฯ ซึ่งจะทำให้พระราชบัญญัติดังกล่าวมีความสอดคล้องกับหลักการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหาที่เป็นเด็กยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
22578 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2558 (ครั้งที่ 4) | พน | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (Alternative Energy Development Plan : AEDP 2015-2036) แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (Oil Plan 2015) และแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๗๙ (Gas Plan 2015) และรับทราบแผนระบบรับส่งและโครงสร้างพื้นฐานก๊าซธรรมชาติเพื่อความมั่นคง ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๘ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาทบทวนแผน AEDP 2015 โดยให้เร่งรัดการใช้เชื้อเพลิงไบโอดีเซลประเภท B10 และ B20 ให้เร็วกว่าแผน AEDP 2015 และใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น การพัฒนาบุคลากรในสาขาพลังงานทดแทนเพื่อต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาไปสู่การผลิตเทคโนโลยีในเชิงพาณิชย์ การเตรียมความพร้อมเรื่องเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคต การสร้างความเป็นธรรมในการส่งเสริมพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก การลดการสนับสนุนเชื้อเพลิงประเภทใดประเภทหนึ่งและส่งเสริมการแข่งขันด้านราคาด้วยกลไกตลาดอย่างเสรี การกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพขั้นต่ำของเทคโนโลยีพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือกทุกประเภท การส่งเสริมพลังงานที่ใช้วัตถุดิบในการผลิตในประเทศ การส่งเสริมการจ้างงานในประเทศ การให้ความสำคัญกับการผลักดันแผนต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติ รวมทั้งการกำหนดแนวทางหรือกลไกกำกับติดตามการดำเนินการตามแผนเพื่อให้การขับเคลื่อนแผนสามารถบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก เห็นควรให้กระทรวงพลังงานรวมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น เร่งดำเนินการศึกษาและส่งเสริมการพัฒนาเครื่องยนต์ที่สามารถรองรับการใช้เชื้อเพลิงไบโอดีเซล ประเภท B10 และ B20 ให้สำเร็จโดยเร็วต่อไป ๓. ให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานและกระทรวงพลังงานรณรงค์ให้ประชาชนปรับเปลี่ยนมาใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์และน้ำมันไบโอดีเซลให้มากขึ้น โดยให้มีการประชาสัมพันธ์สร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับน้ำมันทั้งสองประเภท รวมทั้งพิจารณากำหนดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์และน้ำมันไบโอดีเซลให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งสำหรับผู้ผลิตและผู้บริโภค |
||||||||||||||||||
22579 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดปริญญาในสาขาวิชาและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชาของสาขาวิชาการบัญชี สาขาวิชาวิจิตรศิลป์และประยุกต์ศิลป์ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชารัฐศาสตร์ และสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชาดังกล่าวยกเว้นสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
22580 | มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ [ร่างพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค | 27/10/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการโอนทรัพย์สินจากกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง ๑) เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และยกเว้นภาษีเงินได้ของผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง ๑) สำหรับเงินได้ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง ๑) ไปเป็นใบทรัสต์ของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขระยะเวลาสิ้นสุดการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง ๑) ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยให้สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดอันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (กอง ๑) ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยให้สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ และลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนตัวทรัสตีเป็นการถาวร |
.....