ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1124 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 22461 - 22480 จากข้อมูลทั้งหมด 124233 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22461 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ซาอุดีอาระเบีย | คค | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ซาอุดีอาระเบีย และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและซาอุดีอาระเบีย มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ ใบพิกัดเส้นทางบิน ความจุความถี่ของบริการ สิทธิรับขนการจราจร เที่ยวบินพิเศษ และการทำการบินโดยใช้ชื่อเที่ยวบินร่วมกัน และการรวมบันทึกความเข้าใจฉบับต่าง ๆ ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||
22462 | การปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนใหม่ของพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)ทุกระดับตำแหน่งตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครส.) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ ๑.๒ เห็นชอบการปรับเงินเดือนเข้าโครงสร้างเงินเดือนใหม่ หากเงินเดือนใหม่ที่ได้รับยังไม่ถึงอัตราขั้นต่ำของกระบอกเงินเดือน ให้ปรับเงินเดือนให้ได้รับในอัตราขั้นต่ำ แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินร้อยละ ๑๐ ของเงินเดือนใหม่ หากเกินร้อยละ ๑๐ ของเงินเดือนใหม่ ให้รอปรับเงินเดือนในปีต่อไปก่อน จึงจะปรับให้ได้รับในอัตราขั้นต่ำ ตามมติ ครส. ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ และเนื่องจากการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและการปรับเงินเดือนเข้าโครงสร้างเงินเดือนใหม่ของพนักงาน ธอส. อาจส่งผลกระทบให้ ธอส. มีภาระค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น จึงเห็นควรให้ ธอส. ดำเนินการตามแนวทางการปรับเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรโดยเคร่งครัดเพื่อสร้างรายได้ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อมิให้กระทบต่อฐานะการเงินของ ธอส. ในระยะยาว รวมทั้งต้องมีการประเมินผลงานรายบุคคลให้สอดคล้องกับการประเมินผลงานทั้งองค์กร และรายงานให้กระทรวงการคลังทราบความคืบหน้าของการดำเนินการด้วย ๑.๓ ไม่เห็นชอบให้ ธอส. ปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานทุกตำแหน่งในอัตราร้อยละ ๒ ๑.๔ การกำหนดอัตราเงินเดือนขั้นสูงของพนักงานระดับ ๑๖ ในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส/รองกรรมการผู้จัดการ เนื่องจากที่ผ่านมา ธอส. ยังไม่ได้กำหนดอัตราเงินเดือนขั้นสูงสำหรับพนักงานระดับ ๑๖ ไว้ และในคราวนี้ ธอส. ได้เสนอและกำหนดอัตราเงินเดือนขั้นสูงสำหรับตำแหน่งระดับ ๑๖ ไว้แล้ว ดังนั้น จึงเห็นควรกำหนดอัตราเงินเดือนขั้นสูงของตำแหน่งระดับ ๑๖ สำหรับรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส/รองกรรมการผู้จัดการที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันให้อยู่ภายใต้โครงสร้างเงินเดือนใหม่ ๑.๕ เห็นชอบในหลักการแนวนโยบายการปรับโครงสร้างเงินเดือนพนักงานของ ธอส. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารออมสิน ภายใต้เงื่อนไขและระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนด ทั้งนี้ เพื่อมิให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างกัน ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ของหน่วยงาน และพิจารณาการปรับเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรโดยไม่มีผลกระทบต่อประชาชนผู้รับบริการเพื่อสร้างรายได้ให้เพียงพอและครอบคลุมรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น การกำหนดแนวนโยบายในการพิจารณาปรับบัญชีโครงสร้างเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่อยู่ในกำกับดูแลของกระทรวงการคลังให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน การปรับปรุงตัวชี้วัดของสถาบันการเงินเฉพาะกิจทั้งระบบให้สะท้อนประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงาน รวมทั้งมีแผนงานและแนวทางในการบริหารจัดการหนี้ด้อยคุณภาพ และในการปรับโครงสร้างเงินเดือนในคราวถัดไปต้องอยู่บนพื้นฐานของการประเมินค่างานที่แสดงให้เห็นถึงภารกิจหรือค่างานที่เพิ่มขึ้นเป็นหลัก ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังกำกับดูแลและปรับปรุงวิธีการปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานรัฐวิสาหกิจเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเน้นการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะในกรณีที่พนักงานในตำแหน่งระดับสูงได้รับการปรับเพิ่มเงินเดือนในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับพนักงานระดับล่าง |
|||||||||||||||||||||
22463 | การขยายระยะเวลาการใช้บัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันออกไปอีก 1 ปี [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการขยายระยะเวลาการใช้บัญชีอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปัจจุบันออกไปอีก ๑ ปี จากที่สิ้นสุดในปี ๒๕๕๘ เป็นสิ้นสุดในปี ๒๕๕๙ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยเป็นการลดอัตราภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดามีผลใช้บังคับสำหรับเงินได้พึงประเมินประจำปีภาษี พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการคลังสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้ประชาชนชำระภาษีให้ถูกต้องตามหน้าที่ รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งศึกษาผลกระทบจากการปรับปรุงโครงสร้างภาษี ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และการยกเว้นหรือลดหย่อนต่าง ๆ ตลอดจนควรเร่งจัดทำมาตรการ และแนวทางในการขยายฐานภาษีให้ผู้มีเงินได้เข้ามาอยู่ในระบบภาษีเพิ่มมากขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22464 | รายงานการส่งมอบโบราณวัตถุ 16 รายการ ให้แก่รัฐบาลกัมพูชา | วธ | 10/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานการส่งมอบโบราณวัตถุ ๑๖ รายการ ให้แก่รัฐบาลกัมพูชา โดยการส่งมอบมีข้าราชการสังกัดกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จำนวน ๔ คน ได้เดินทางไปราชการ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ โดยรถยนต์ เพื่อส่งมอบโบราณวัตถุ ๑๖ รายการ ให้แก่รัฐบาลกัมพูชาโดยได้ทำการตรวจสอบและจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องในการเคลื่อนย้ายและผ่านแดน รวมทั้งตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของหีบห่อก่อนการเคลื่อนย้าย ประสานกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่จุดผ่านแดน และเมื่อได้ขนย้ายโบราณวัตถุถึงกัมพูชา ได้ร่วมตรวจสอบหีบห่อ ควบคุมการเคลื่อนย้าย เปิดหีบห่อและนำไปเก็บรักษาที่คลังโบราณวัตถุของกัมพูชาร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกัมพูชา โดยการส่งมอบโบราณวัตถุดังกล่าวเป็นไปอย่างสมบูรณ์และถูกต้องเรียบร้อย
|
|||||||||||||||||||||
22465 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 244 สายทางเข้าสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่บึงกาฬ พ.ศ. .... | คค | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๔๔ สายทางเข้าสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่บึงกาฬ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๒๔๔ สายทางเข้าสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่บึงกาฬ ในท้องที่อำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22466 | รายงานผลการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง รายงานการศึกษาพระราชบัญญัติ การแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 | พณ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง รายงานการศึกษาพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ ที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ เนื่องจากมีหลักการที่สอดคล้องกับแนวทางการปรับปรุงกฎหมายการแข่งขันทางการค้าของกระทรวงพาณิชย์ และมีข้อเสนอให้ใช้คำว่า “บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลในเครือเดียวกัน” แทนคำว่า “ผู้ประกอบธุรกิจโฮลดิ้ง” ให้พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับกับรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ ลดจำนวนคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าจากเดิม ๑๖ คน เป็น ๗ คน จัดตั้งหน่วยงานอิสระปราศจากการแทรกแซงเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ รวมทั้งกำหนดบทลงโทษทางอาญาทั้งโทษจำคุกและโทษปรับโดยให้สอดคล้องกับความร้ายแรงของการกระทำผิด และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22467 | ภารกิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในเดือนตุลาคม 2558 | กต | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรายงานเกี่ยวกับภารกิจที่สำคัญในต่างประเทศและในการจัดการประชุมระหว่างประเทศของกระทรวงการต่างประเทศในช่วงเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้
๑. การเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสฉลองครบรอบ ๔๐ ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อวันที่ ๘-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยมีภารกิจที่สำคัญ ได้แก่ การเยี่ยมคารวะนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรี การหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีน และการเป็นประธานในงานเลี้ยงรับรองเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ร่วมกับรองประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นสำคัญ อาทิ (๑) ความร่วมมือทวิภาคีโดยส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความร่วมมือเกี่ยวกับระบบราง (๒) สถานการณ์ในภูมิภาค เช่น กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง การคงบทบาทนำของอาเซียนในการสร้างประชาคมเอเชียตะวันออก และท่าทีต่อความตกลง Trans-Pacific Partnership (TPP) และ Regional Comprehensive Economic Partnership (RCEP) และ (๓) การคุ้มครองดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจไทยในสาธารณรัฐประชาชนจีน และการอำนวยความสะดวกด้านการบิน ๒. การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดน (JDS) ครั้งที่ ๔ ไทย-มาเลเซีย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ ๒.๑ การประชุม JC ไทย-มาเลเซีย ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งรัดบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ และเร่งรัดให้บรรลุเป้าหมายทางการค้ามูลค่า ๓ หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี ๒๕๖๑ ๒.๒ การประชุม JDS ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เร่งรัดการยกร่างแผนปฏิบัติการร่วมเพื่อการพัฒนาพื้นที่ชายแดน ฉบับที่ ๒ รวมถึงพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดนราธิวาสคู่กับ ๔ รัฐชายแดนของประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี ๒๕๕๙ จะมีการเชิญนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศร่วมเป็นประธานใน ๒ วาระ ได้แก่ (๑) การเปิดด่านศุลกากรด่านบ้านประกอบ จังหวัดสงขลา-ดุเรียน บุหรง รัฐเกดะห์ อย่างเป็นทางการ โดยฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ และ (๒) การวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลกสองแห่งซึ่งเชื่อมโยงจังหวัดนราธิวาสและรัฐกลันตัน ๓. การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมความร่วมมือไทย-ลาว ครั้งที่ ๒๐ ณ จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการจัดตั้งศูนย์พัฒนาสังคมมิตรภาพลาว-ไทย ซึ่งจัดตั้งอยู่ที่เมืองโพนโฮง แขวงเวียงจันทน์ เพื่อดูแลและฟื้นฟูผู้ได้รับความเสียหายจากขบวนการค้ามนุษย์ นอกจากนี้ ประธานทั้งสองฝ่ายได้เดินทางไปที่ภูชี้ฟ้าเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามแดนไทย-ลาว และร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ “อาคาร ๖๕ ปี ความสัมพันธ์ไทย-ลาว” ที่โรงพยาบาลแขวงบ่อแก้ว รวมทั้งได้เริ่มการเจรจาเปิดการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างไทย-ลาว-เวียดนาม ก่อนสิ้นปี ๒๕๕๘ และฝ่ายลาวเห็นชอบกับข้อเสนอของฝ่ายไทยที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวข้ามแดนร่วมกัน โดยเสนอให้มีการต่อยอดเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง ๕ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ราชอาณาจักรไทย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
|
|||||||||||||||||||||
22468 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลแม่นาเติง ตำบลเวียงเหนือ ตำบลเวียงใต้ ตำบลแม่ฮี้ และตำบลทุ่งยาว อำเภอปาย จังหวัด แม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... | มท | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลแม่นาเติง ตำบลเวียงเหนือ ตำบลเวียงใต้ ตำบลแม่ฮี้ และตำบลทุ่งยาว อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการควบคุมความหนาแน่นของอาคาร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22469 | คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 39/2558 เรื่อง การคุ้มครองการบริหารจัดการข้าวคงเหลือในการดูแลรักษาของรัฐและการดำเนินการต่อสู้ต้องรับผิด | สลธ.คสช. | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๓๙/๒๕๕๘ เรื่อง การคุ้มครองการบริหารจัดการข้าวคงเหลือในการดูแลรักษาของรัฐและการดำเนินการต่อผู้ต้องรับผิดชอบ ลงวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22470 | การขอกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กู้เงินโดยการออกพันธบัตร จำนวนไม่เกิน ๒๖,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้ ธอส. สามารถดำเนินงานตามแผนการจัดหาแหล่งเงินทุนและการปรับสมดุลโครงสร้างสินทรัพย์และหนี้สินในระยะเวลา ๕ ปี ของ ธอส. ต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้ ธอส. ร่วมกับกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาจัดทำแผนการจัดหาแหล่งเงินทุนและการปรับสมดุลโครงสร้างเงินทุนในระยะยาวที่แสดงให้เห็นถึงโครงสร้างสินทรัพย์และหนี้สินของธนาคารในอนาคตที่มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับหลักสากล และนำเสนอแผนดังกล่าวให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจพิจารณาโดยด่วนต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ ธอส. และกระทรวงการคลังร่วมกันพิจารณาออกแบบผลิตภัณฑ์เงินฝากหรือการระดมทุนในตลาดตราสารหนี้ที่มีความสอดคล้องกับการปล่อยเงินกู้ระยะยาวเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องในระยะยาวจากความไม่สัมพันธ์กันระหว่างอายุของหนี้สินและสินทรัพย์ (Maturity Mismatch) ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22471 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นางเยาวภา พงษ์สุวรรณ) | สธ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติแต่งตั้งนางเยาวภา พงษ์สุวรรณ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22472 | แผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงาน การจัดเก็บรายได้ และการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) และเห็นชอบแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของสำนักงาน กกพ. ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ๑.๑ แผนการดำเนินงานปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้แก่ (๑) เสริมสร้างการกำกับดูแลกิจการพลังงานอย่างมีมาตรฐาน เป็นธรรมและเชื่อถือได้ (๒) ส่งเสริมกิจการพลังงานให้มีประสิทธิภาพและเสริมสร้างการแข่งขันที่เป็นธรรม (๓) คุ้มครองสิทธิของผู้ใช้พลังงานและผู้มีส่วนได้เสีย และ (๔) พัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ ๑.๒ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้กำหนดกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย จำนวน ๖๐๓.๗๑ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดำเนินงานยุทธศาสตร์ การจัดการและบริหารสำนักงาน และบุคลากร โดยไม่ขอใช้งบประมาณแผ่นดินเช่นเดียวกับปีที่ผ่าน ๆ มา ๑.๓ ประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ สำนักงาน กกพ. จะมีรายได้ประมาณ ๖๐๓.๘ ล้านบาท ลดลงอย่างมีนัยสำคัญกว่า ๑๙๐ ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ ๒๔ เมื่อเทียบกับประมาณการรายได้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยในปีงบประมาณถัดไปการจัดเก็บรายได้จะมีจำนวนเป็นปกติเช่นเดิม ๒. ให้กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงาน กกพ. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการพัฒนากิจการพลังงานต้องให้ความสำคัญต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ การกำหนดพื้นที่เป้าหมายโครงข่ายรับซื้อไฟฟ้าจากการแปรรูปขยะเป็นพลังงานต้องชัดเจน และประชาสัมพันธ์ให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรับทราบหรือมีส่วนร่วมในการลดผลกระทบจากการต่อต้าน คัดค้านของประชาชน อีกทั้งก่อนที่จะได้รับอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าควรมีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน การรับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์การเกษตรให้คำนึงถึงการออกหลักเกณฑ์ที่ไม่สร้างภาระให้กับประชาชนที่จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น การจัดทำระเบียบการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตพลังงานหมุนเวียนด้วยวิธีคัดเลือกโดยการแข่งขันทางด้านราคาควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย การพิจารณากำหนดแนวทางการส่งเสริมการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลทดแทนบางส่วนสำหรับโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล การพัฒนาโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อรองรับการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนอย่างเป็นระบบ รวมทั้งการศึกษาและดำเนินการจัดแบ่งเขตพื้นที่โรงไฟฟ้าโดยเฉพาะโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงาน กกพ. ให้ความสำคัญกับการประเมินความเสี่ยงที่รายได้อาจจะไม่เพียงพอกับรายจ่ายในอนาคต และหาแนวทางเพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวโดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการให้แรงจูงใจเพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีคุณภาพกับการดำเนินงานที่ประหยัดและมีประสิทธิภาพขององค์กร รวมทั้งในปีต่อไปให้จัดทำแผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ในช่วง ๓ ปีข้างหน้า เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย |
|||||||||||||||||||||
22473 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติและการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... | พน | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติและการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดคุณสมบัติและการฝึกอบรมผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22474 | รัฐบาลสาธารณรัฐมาลีเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายนีย็องโกโร เย ซามาเก (Mr. Niankoro Yeah Samake) | กต | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายนีย็องโกโร เย ซามาเก (Mr. Niankoro Yeah Samake) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐมาลีประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย สืบแทน นายอุสมาเนอ ต็องดียา (Mr. Ousmane Tandia) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22475 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบางปอ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบางปอ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบางปอ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกับแผนบริหารการจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) และแนวทางตามยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชเศรษฐกิจ ๔ สินค้า (Roadmap) ตลอดจนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการพัฒนาตามแนวทางการพัฒนายางทั้งระบบ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22476 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... | ทส | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณท้องที่จังหวัดเพชรบุรีและจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนควบคุมการก่อสร้าง การกระทำ หรือการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรแก้ไขข้อความในประกาศกระทรวงฯ ข้อ ๙(๘) เป็น “...เขตที่ดินของอาคารหรือสถานที่ที่เป็นโบราณสถานตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ...” เพื่อให้ร่างประกาศกระทรวงฯ มีส่วนเอื้อต่อการปกครองคุ้มครองเขตต่อเนื่องกับโบราณสถานทั้งที่ประกาศขึ้นทะเบียนแล้วและที่ยังไม่ประกาศขึ้นทะเบียน รวมทั้งแก้ไขข้อความในข้อ ๑๘ (๑) และ (๒) เป็น “...ผู้แทนส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง...” เพื่อเอื้อให้ผู้แทนของสำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี กรมศิลปากร สามารถเข้าร่วมการประชุมของคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในจังหวัดเพชรบุรี และคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะกรรมการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ควรมีมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดเพื่อรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและคงความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่ ตลอดจนแก้ไขปัญหาการคุกคามทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และควรเร่งรัดการออกประกาศฯ ดังกล่าว เพื่อมิให้เกิดช่องว่างของการบังคับใช้ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินงานตามประกาศกระทรวงฯ เกิดผลอย่างจริงจัง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
22477 | ร่างกฎกระทรวงออกตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 รวม 2 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าชดใช้การทำลายสัตว์ที่เป็นโรคระบาด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคระบาด หรือสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็นพาหะของโรคระบาด พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าชดใช้การทำลายสิ่งของที่มีเชื้อโรคระบาด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีเชื้อโรคระบาด พ.ศ. ....) | กษ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าชดใช้การทำลายสัตว์ที่เป็นโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคระบาด หรือสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็นพาหะของโรคระบาด พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าชดใช้การทำลายสิ่งของที่มีเชื้อโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีเชื้อโรคระบาด พ.ศ. .... จำนวน ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าชดใช้การทำลายสัตว์ที่เป็นโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคระบาด หรือสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็นพาหะของโรคระบาด และกำหนดค่าชดใช้การทำลายสิ่งของที่มีเชื้อโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีเชื้อโรคระบาด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการในการกำกับดูแลการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ) โดยเคร่งครัดด้วย |
|||||||||||||||||||||
22478 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ พ.ศ. .... | กษ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการนำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22479 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่มาเลเซีย ณ จังหวัดสงขลา (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายโมฮัมมัด อาฟันดี บิน อาบู บาการ์ (Mr. Mohd Afandi bin Abu Bakar)] | กต | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายโมฮัมมัด อาฟันดี บิน อาบู บาการ์ (Mr. Mohd Afandi bin Abu Bakar) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่มาเลเซีย ณ จังหวัดสงขลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุม ๑๔ จังหวัดทางภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสงขลา กระบี่ ชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ยะลา ระนอง สตูล และสุราษฎร์ธานี สืบแทน นายไฟซัล แอต มุฮัมมัด ไพซัล บิน ราซาลี (Mr. Faizal @ Mohd Faizal Bin Razali) ซึ่งครบวาระประจำการ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22480 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดระบบการป้องกันและควบคุมโรคระบาด พ.ศ. .... | กษ | 03/11/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดระบบการป้องกันและควบคุมโรคระบาด พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดระบบการป้องกันและควบคุมโรคระบาด ให้มีความเหมาะสมเกี่ยวกับสภาพของสัตว์และวัตถุประสงค์ของการเลี้ยงสัตว์แต่ละชนิด เพื่อให้เจ้าของสัตว์ปฏิบัติตามระบบการป้องกันและควบคุมโรคระบาด ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....