ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1095 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 21881 - 21900 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21881 | รายงานผลการพิจารณาตามรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ | สธ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาตามรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดการประชุมหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. ....) ในขณะที่แพทยสภาไม่เห็นด้วยกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว โดยเห็นควรให้เยียวยาผู้ได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาลโดยการแก้ไขพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๔๑ โดยขยายวงเงินการรักษาพยาบาลให้สูงขึ้น เป็นการช่วยเหลือแบบสิ้นสุดและขยายให้ครอบคลุมทั้งระบบสวัสดิการข้าราชการและประกันสังคม นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอข้อมูลการขอจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุขต่อคณะกรรมการกลั่นกรองการจัดตั้งทุนหมุนเวียน โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติไม่เห็นชอบให้มีการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเนื่องจากการดำเนินงานของกองทุนมีวัตถุประสงค์และลักษณะงานที่ซ้ำซ้อนกับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและกองทุนประกันสังคม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
21882 | ร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | พน | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ เกี่ยวกับการชี้แจงร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไปชี้แจงทำความเข้าใจต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) และองค์กรพัฒนาเอกชน (Non Government organizations : NGOs) เกี่ยวกับเหตุผลและความจำเป็นในการแก้ไขแผนพลังงานของประเทศ และในประเด็นที่ยังมีข้อขัดแย้งในสังคม เช่น จำนวนแหล่งปิโตรเลียมและปริมาณปิโตรเลียมที่พบ ปริมาณการผลิต รายได้ของรัฐบาลภายใต้ระบบให้สัมปทาน บริษัทต่างประเทศที่สนใจต่อการเปิดระบบสัมปทาน ข้อดีข้อเสียของระบบสัมปทาน ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) และระบบจ้างผลิต การจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ และแนวทางแก้ไขการขาดแคลนพลังงาน เป็นต้น ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติภาษีเงินได้ปิโตรเลียม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปปรับแก้ไขตามข้อสังเกตของรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้ ๓.๑ กรณีที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ยืนยันให้กระทรวงพลังงานแก้ไขกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมและกฎหมายว่าด้วยภาษีเงินได้ปิโตรเลียมในประเด็นการเพิ่มระบบสัญญาจ้างผลิต (service contract) และการจัดตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาตินั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ไปเพิ่มหลักการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยอาจกำหนดรายละเอียดไว้ในกฎหมายเฉพาะหรืออนุบัญญัติต่อไป ๓.๒ กรณีประเด็นที่กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังเห็นว่า สามารถดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ โดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย โดยกำหนดเป็นกฎกระทรวงหรือประกาศได้นั้น เห็นควรให้กระทรวงพลังงานชี้แจงให้คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ คปพ. และ NGOs ที่เกี่ยวข้องให้เข้าใจถึงเหตุผลของการดำเนินการดังกล่าวอย่างชัดเจนด้วย ๓.๓ กรณีประเด็นรายละเอียดปลีกย่อยของร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับที่กระทรวงพลังงานชี้แจว่า อยู่นอกกรอบของร่างกฎหมายที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการไปแล้วนั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ไปแก้ไขเพิ่มเติมหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้สามารถแก้ไขได้ในชั้นกรรมาธิการของสภา และให้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาด้วย ส่วนประเด็นที่ไม่สามารถแก้ไขได้ให้กระทรวงพลังงานไปชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ |
|||||||||||||||||||||
21883 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี (สุวินทวงศ์) | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสำหรับค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ในกรอบวงเงินจำนวน ๙,๖๒๕ ล้านบาท ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้จ่ายเงินจริง สำหรับค่าก่อสร้างงานโยธา ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. ทบทวนมูลค่างานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ให้เป็นปัจจุบัน โดยพิจารณาดำเนินการตามนโยบายการลงทุนด้านระบบรางของรัฐที่เน้นให้การกำหนดมูลค่าการลงทุนมีความเหมาะสมและประหยัด ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก และส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับระบบการขนส่งทางราง ทั้งนี้ ให้ระมัดระวังความซ้ำซ้อนของการจ้างที่ปรึกษาออกแบบและการจ้างบริษัทก่อสร้างด้วย ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งภายใน ๓๐ วัน ๒. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และประธานกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ เกี่ยวกับการทบทวนมูลค่างานโยธาให้เป็นราคาปัจจุบันและสอดคล้องกับหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ การเร่งนำเสนอรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ เพื่อให้สามารถสรรหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนงานระบบไฟฟ้า อาณัติสัญญาณ ขบวนรถไฟฟ้า และการเดินรถ การเร่งนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ เพื่อพิจารณาคัดเลือกเอกชนพร้อมกันทั้งสองช่วงในคราวเดียวกัน การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม การเร่งดำเนินงานในส่วนระบบรถไฟฟ้าที่จะให้เอกชนเข้าร่วมดำเนินการอย่างรอบคอบและคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับของประชาชนและประเทศเป็นสำคัญ การเร่งนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมฯ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ทั้งเส้นทาง รวมทั้งการเร่งรัดการปฏิรูปเส้นทางเดินรถโดยสารสาธารณะให้สอดคล้องกับเส้นทางและระยะเวลาการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ เพื่อให้โครงข่ายการขนส่งสาธารณะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีความสมบูรณ์ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ในส่วนของการลงทุนงานระบบไฟฟ้าและการเดินรถของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งจะใช้วิธีการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน นั้น ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟม. ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยระมัดระวังเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้นต่อไปด้วย ๔. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) กระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น รับไปพิจารณาหาแนวทางส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตรถไฟฟ้าและรางรถไฟภายในประเทศให้มีศักยภาพเพื่อรองรับการดำเนินโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับระบบการขนส่งทางราง และลดภาระการนำเข้าวัสดุจากต่างประเทศ |
|||||||||||||||||||||
21884 | แผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการเพื่อพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ ๓ สำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ กองทัพเรือ การท่าอากาศยานอู่ตะเภา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานและเสนอรายละเอียดแผนงาน/โครงการ ตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ เห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ กองทัพบก กองทัพอากาศ กองการบินทหารเรือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาและระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผนปฏิบัติการฯ ๑.๓ มอบหมายให้กองทัพเรือ (การท่าอากาศยานอู่ตะเภา) ในฐานะผู้บริหารท่าอากาศยานสนับสนุนและกำกับการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาต่อไป ๒. สำหรับในส่วนของค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ โดยเฉพาะโครงการที่มีความจำเป็นต้องเร่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยให้หน่วยงานที่มีความพร้อมและต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ เช่น เงินรายได้ของกองทุนการท่าอากาศยานอู่ตะเภา และ/หรือเงินรายได้ของกองทุนเงินค่าธรรมเนียมผ่านทาง ฯลฯ ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอและเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ก็ให้ขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เป็นกรณี ๆ ไป โดยจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลาง และปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี ตามขั้นตอนต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ของท่าอากาศยานอู่ตะเภาเห็นสมควรแยกอาคารผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศออกจากกันให้ชัดเจน การพัฒนาโครงข่ายเส้นทางเชื่อมโยงจากท่าอากาศยานอู่ตะเภาเข้าสู่เมืองพัทยาหรือแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออก และเส้นทางเข้าสู่กรุงเทพมหานคร รวมถึงเส้นทางไปยังจังหวัดตราดเพื่อเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ให้มีความสะดวกและปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งการขนส่งทางราง สำหรับกิจกรรมใดภายใต้แผนที่จะเกิดขึ้นทั้งภายในและภายนอกท่าอากาศยานอู่ตะเภาเข้าข่ายที่จะต้องดำเนินการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) หรือรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (EHIA) ให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งเห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และนำเสนอขออนุมัติงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากลไกการขับเคลื่อนเพื่อบูรณาการทั้งในด้านการดำเนินงานตามภารกิจและงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำกับดูแลและติดตามประเมินผลความก้าวหน้าการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค และแนวทางการแก้ไข การพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาให้เป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ ๓ อย่างต่อเนื่อง และเห็นควรให้กระทรวงคมนาคม บริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย กองทัพอากาศ กองทัพบก และกองทัพเรือ ร่วมกันพิจารณาแนวทางการพัฒนาความร่วมมือการพัฒนาห้วงอากาศ PBN Airspace ให้มีการประสานงานอย่างเป็นระบบและทันต่อเหตุการณ์ เพื่อให้การบริหารจัดการห้วงอากาศของประเทศสามารถตอบสนองภารกิจด้านความมั่นคงและการบินพลเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานสากล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น รับไปดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ ซึ่งครอบคลุมถึงการพัฒนาพื้นที่บริเวณท่าอากาศยานอู่ตะเภาและพื้นที่โดยรอบให้เป็นศูนย์ซ่อมอากาศยานแห่งภูมิภาคเพื่อใช้เป็นฐานบริการซ่อมบำรุงอากาศยานจากประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคและลดภาระค่าใช้จ่ายในการส่งอากาศยานไปซ่อมบำรุงในต่างประเทศ โดยพิจารณาถึงรูปแบบการลงทุนที่เปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการเพื่อลดภาระงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
21885 | การสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ทส | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๖ แห่ง ปรับลดเงินสมทบงบประมาณจากร้อยละ ๑๐ เหลือร้อยละ ๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในโอกาสต่อไปหากมีการแก้ไขกฎหมายหรือมีการกำหนดมาตรการจัดเก็บรายได้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก็เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายรายได้สมทบงบประมาณค่าก่อสร้างระบบการจัดการน้ำเสียและมูลฝอยชุมชนภายใต้หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย และเห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ของโครงการอย่างใกล้ชิด โดยผ่านกลไกคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี ๒๕๕๙ เพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
21886 | รายงานผลการเจรจาการบินระหว่างไทย - ฮ่องกง | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย-ฮ่องกง และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนทางการทูตของไทยและฮ่องกง มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยการบริการเดินอากาศฉบับใหม่ และเพิ่มเติมสิทธิการรับขนการจราจรเสรีภาพที่ ๕ ๒. มอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการแลกเปลี่ยนหนังสือทางการทูตยืนยันการมีผลใช้บังคับของบันทึกความเข้าใจดังกล่าวต่อไป โดยให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถปรับถ้อยคำตามความเหมาะสมที่ไม่กระทบกับสาระสำคัญ |
|||||||||||||||||||||
21887 | การแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน รวม 3 ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) | นร | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) โดยนายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓๖/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ แล้ว โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เป็นประธานกรรมการ และมีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติมอบหมาย สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศที่ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศมอบหมาย รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการซึ่งเป็นหน่วยงานกลาง ร่วมเป็นองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ เพื่อทำหน้าที่ประสานและขับเคลื่อนการทำงานในการปฏิรูปประเทศในด้านต่าง ๆ ๑๑ ด้าน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันและสอดคล้องกับนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี รวมทั้งติดตามและรายงานผลการดำเนินงานดังกล่าวเสนอต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21888 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ | ตช | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ (the MOU between ASEAN and China in the Field of Non-Traditional Security Issues) ต่อไป ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21889 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการตั้งครรภ์แทน | สธ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินงานต่อข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการตั้งครรภ์แทนตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) โดยกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งในประเด็นนโยบาย ด้านการกำกับติดตามและดำเนินคดีความ และด้านการดำเนินงานขององค์กรวิชาชีพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21890 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า | พน | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้า ฉบับลงนามเมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งได้มีการปรับแก้ตามคำขอของฝ่ายเมียนมาในสองประเด็น ได้แก่ (๑) ปรับระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจฯ ด้านไฟฟ้า ให้สั้นลงจาก ๑๐ ปี เป็น ๕ ปี และ (๒) ปรับวิธีการสิ้นสุดและการต่อระยะเวลาของบันทึกความเข้าใจฯ ด้านไฟฟ้า จาก “การต่ออายุโดยอัตโนมัติตามอายุของบันทึกความเข้าใจฯ เมื่อครบระยะเวลา โดยยกเลิกได้หากคู่สัญญารายใดรายหนึ่งแสดงความประสงค์ก่อนหมดอายุเป็นเวลา ๖ เดือน” เป็น “บันทึกความเข้าใจนี้ จะสิ้นสุดโดยอัตโนมัติเมื่อครบระยะเวลา เว้นแต่ประเทศคู่สัญญาจะแจ้งความประสงค์ขอต่ออายุความเข้าใจฯ ล่วงหน้าเป็นเวลา ๖ เดือนก่อนวันสิ้นสุดหมดอายุ” ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นควรให้กระทรวงพลังงานพิจารณาติดตามดำเนินการเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าที่ระบุในบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อสามารถหารือกับฝ่ายเมียนมาในการต่ออายุบันทึกความเข้าใจฯ ให้ทันก่อนบันทึกความเข้าใจฯ จะสิ้นอายุลง เพื่อรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ของชาติ และพิจารณาถึงความเหมาะสมของบริบทความร่วมมือด้านพลังงานไฟฟ้าของทั้งสองประเทศที่อาจเปลี่ยนแปลงในอนาคตร่วมด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงพลังงานแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการที่ขัดต่อพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันมิให้เกิดกรณีการดำเนินการในลักษณะนี้ขึ้นอีก และให้รายงานผลการพิจารณาให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป |
|||||||||||||||||||||
21891 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายประชาคม จันทรชิต) | ศธ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายประชาคม จันทรชิต ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านมาตรฐานอาชีวศึกษาช่างอุตสาหกรรม (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
21892 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายอภิชาติ รอดสม) | สธ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายสุรศักดิ์ จันทรแสงอร่าม ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาสูติ-นรีเวชกรรม) กลุ่มงานสูติ-นรีเวชศาสตร์ กลุ่มภารกิจวิชาการ โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๕๘ ๒. นายอภิชาติ รอดสม ดำรงตำแหน่งสาธารณสุขนิเทศก์ (นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||
21893 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครพนม พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดนครพนม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดนครพนม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และมีการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามกฎหมายว่าด้วยป่าไม้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21894 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำพูน พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดลำพูน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21895 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดหนองคาย พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดหนองคาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดหนองคาย เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และควรมีการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21896 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดมหาสารคาม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดมหาสารคาม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่าง ๆ ให้พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสภาพแวดล้อม พื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งศิลปกรรมอันมีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ และมีการตรวจสอบพื้นที่เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับป่าสงวนแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21897 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดอำนาจเจริญ พ.ศ. .... | มท | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคบผังเมืองรวมจังหวัดอำนาจเจริญ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมือง ในท้องที่จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
21898 | การแต่งตั้งผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของส่วนราชการต่าง ๆ เพิ่มเติม (จำนวน 7 ราย) | นร05 | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายชื่อผู้ประสานงานคณะรัฐมนตรีและรัฐสภา (ปคร.) ของส่วนราชการต่าง ๆ เพิ่มเติม จำนวน ๗ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงมหาดไทย ๓. นายดำรงค์ ทองสม ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงวัฒนธรรม ๔. นายสมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กระทรวงสาธารณสุข ๕. นายประสาท พาศิริ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๖. นายคุณวุฒิ ตันตระกูล ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๗. พลตรี ศักดา เนียมคำ ปฏิบัติหน้าที่ ปคร. กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร |
|||||||||||||||||||||
21899 | รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนกันยายน ปี 2558 | พณ | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือนกันยายน ปี ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดคู่ค้าหลักในปัจจุบันอยู่ในภาวะชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน โดยล่าสุด (ตุลาคม) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ประกาศปรับลดคาดการณ์ขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี ๒๕๕๘ อยู่ที่ร้อยละ ๓.๑ เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี ๒๕๕๒ และเป็นระดับที่ต่ำกว่าการขยายตัวในปี ๒๕๕๗ ที่ขยายตัวร้อยละ ๓.๔ รวมไปถึงสถานการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกหดตัวสูง โดยเฉพาะน้ำมัน ส่งผลให้ราคาสินค้าส่งออกโลกจะลดลงกว่าร้อยละ -๑๖.๙ จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้สถานการณ์การค้าโลกรวมทั้งไทยอยู่ในภาวะชะลอตัว ๒. ภาพรวมมูลค่าการส่งออกของไทยเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ในรูปเงินดอลลาร์สหรัฐ มีมูลค่า ๑๘,๘๑๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ -๕.๕๑ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (YoY) ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกของไทยช่วงมกราคม-กันยายน ๒๕๕๘ หดตัวที่ร้อยละ -๔.๙๘ อย่างไรก็ตามรายได้จากการส่งออกของไทยในรูปเงินบาทยังคงขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะเดือนกันยายน ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๖๖๕,๕๘๗ ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕.๕๒ ด้านมูลค่าส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเดือนกันยายน ๒๕๕๘ มีมูลค่า ๒,๖๕๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ -๙.๙ (YoY) จากปัจจัยราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกชะลอตัวและผลผลิตอาหารทะเลขาดแคลน ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมมีแนวโน้มการฟื้นตัวดีขึ้น จากทิศทางการฟื้นตัวในสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทย ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ ๒๐.๖ (YoY) ตามการเติบโตของการส่งออกรถยนต์นั่ง ส่วนรถกระบะยังคงหดตัว การส่งออกทองคำกลับมาขยายตัวอีกครั้งที่ร้อยละ ๕๘๙.๕ (YoY) เนื่องจากราคาทองคำขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้มีการส่งออกเพื่อทำกำไร ๓. การนำเข้าเดือนกันยายน ๒๕๕๘ มูลค่า ๑๖,๐๒๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ -๒๖.๒๐ (YoY) โดยกลุ่มเชื้อเพลิง หดตัวสูงถึงร้อยละ -๔๔.๐ ตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป และสินค้าทุน หดตัวสูงถึงร้อยละ -๒๘.๑ และ -๒๓.๑ (YoY) ตามลำดับ อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณามูลค่าการนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ในเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งใช้เป็นปัจจัยการผลิตรถยนต์ สินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ ๑๙.๕ (YoY) เป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มการส่งออกรถยนต์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ๒๕๕๘ ส่งผลให้ดุลการค้าระหว่างประเทศเดือนกันยายน ๒๕๕๘ ยังคงเกินดุล ๒,๗๙๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในระยะ ๙ เดือน (มกราคม-กันยายน ๒๕๕๘) เกินดุล ๗,๗๕๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
|
|||||||||||||||||||||
21900 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางพิเศษสายดินแดง - ท่าเรือ สายบางนา - ท่าเรือ และสายดาวคะนอง - ท่าเรือ) และทางพิเศษศรีรัช (ทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ - บางโคล่ และสายพญาไท - ศรีนครินทร์) เป็นทางที่ต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2558 | คค | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ทางพิเศษสายดินแดง-ท่าเรือ สายบางนา-ท่าเรือ และสายดาวคะนอง-ท่าเรือ) และทางพิเศษศรีรัช (ทางพิเศษสายแจ้งวัฒนะ-บางโคล่ และสายพญาไท-ศรีนครินทร์) เป็นทางที่ต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นให้ผู้ใช้รถบนทางพิเศษสายดังกล่าวไม่ต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสายยมราช ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษหัวลำโพง ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสะพานสว่าง ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษอุรุพงษ์ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุรวงศ์ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษจันทน์ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสาทร ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษพระรามที่สี่ ๑ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษพระรามที่สี่ ๒ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุขุมวิท และด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษเพชรบุรี ตามอัตราที่ประกาศตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ นาฬิกา ถึงเวลา ๒๓.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยให้แก่ประชาชนในด้านการจราจรในการจัดกิจกรรมจักรยานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๘ กิจกรรม " ปั่นเพื่อพ่อ Bike for Dad" ตามพระราชปณิธานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
.....