คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานผลการดำเนินงานในการตรากฎหมายลำดับรองเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย (ตามตารางการตรากฎหมายลำดับรองเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติรวบรวม) แจ้งให้คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติและคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบความคืบหน้าในการดำเนินการตรากฎหมายลำดับรองต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ที่จะมอบให้ประชาชนในปี ๒๕๕๙ จำนวน ๑๐ โครงการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
               ๑. โครงการคืนครูสู่ห้องเรียน
               ๒. โครงการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้
               ๓. นักเรียน ป.๑ อ่านออกเขียนได้ ร้อยละ ๑๐๐
               ๔. โครงการอาชีวศึกษาทวิภาคี
               ๕. โครงการยกระดับมาตรฐานการดูแลเด็กปฐมวัย
               ๖. โครงการ Fix it Center อาชีวะบริการซ่อมสร้างเพื่อชุมชม
               ๗. โครงการวิทยาลัยชุมชนสร้างความรู้ สร้างอาชีพ สร้างความสุข
               ๘. โครงการจัดตั้ง “ศูนย์ฝึกอาชีพ” ในโรงเรียนนอกระบบ ประเภทวิชาชีพ
               ๙. โครงการของขวัญปีใหม่จากใจ กศน. : สนุกวิทย์ Kids Learn เพลินดวงดาว
               ๑๐. โครงการ กศน. ฝึกอาชีพให้ประชาชน (หนึ่งคน...หนึ่งอาชีพ)

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งแก้ไขถ้อยคำท้ายร่างมาตรา ๕ เป็น “กรรมการคัดเลือกต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปีบริบูรณ์ ไม่เป็นข้าราชการประจำ ...” ตามความเห็นของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่ ๒๕๕๙ สำหรับประชาชนจากกระทรวงสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
               ๑. โครงการเสริมภูมิคุ้มกันเด็กไทยด้วยวัคซีนโปลิโอชนิดฉีดเพื่อเป้าหมายกวาดล้างโปลีโอให้หมดไปจากโลก
               ๒. โครงการมอบแขนขาเทียมให้ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวทั่วประเทศ
               ๓. โครงการของขวัญผู้สูงอายุ “สังคมไทยห่วงใยผู้สูงวัย เข้าใจ เข้าถึง พึ่งได้ โดยทีมหมอครอบครัว”
            ๔. โครงการพัฒนาการดูแลสุขภาพพระสงฆ์-สามเณร

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการให้บริการด้านนิติวิทยาศาสตร์ พ.ศ. .... สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ขอยืนยันหลักการและเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ ซึ่งคณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับความเห็นดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบ เพื่อแจ้งให้คณะกรรมาธิการฯ ประกอบการพิจารณาต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
               ๑. งานแสดงสินค้า “ของขวัญปีใหม่ ร่วมใจซื้อของไทย ได้ของดี มีความสุข”
               ๒. งานแสดงสินค้า “มหกรรมแสดงสินค้าอุตสาหกรรมนานาชาติ” ฉลองครบรอบ ๑๕๐ ปี จังหวัดมหาสารคาม
               ๓. งานแสดงและจำหน่ายสินค้า “Lampang Expo เซรามิคแฟร์ ครั้งที่ ๒๘”
               ๔. งานหัตถกรรมของขวัญของที่ระลึก ครั้งที่ ๒๕ “(Gift Fair 2015)”
               ๕. งานเทศกาลไหมไทยที่โคราช ครั้งที่ ๑๖ “Thai Silk Festival 2015”
               ๖. งานมหกรรมของขวัญ ของที่ระลึกประจำปี “Thailand Bestbuy 2015”
               ๗. งานมหกรรมขายสินค้า หัตถ-อุตสาหกรรม ๒๐๑๕ “พลิกฟื้นเศรษฐกิจไทย ซื้อของไทย ใช้ของไทย” 
               ๘. งานแสดงและจำหน่ายสินค้า “ระยองแฟร์ ปีที่ ๘ ATSME Fair @ Rayong”
               ๙. งานจำหน่ายสินค้าราคาโรงงาน
               ๑๐. งานมหกรรมเครื่องหนัง “แฟนพันธุ์แท้เครื่องหนังไทย Leather Lovers”

คณะรัฐมนตรีมีมติว่า กฎหมายสำคัญที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเร่งรัดปรับปรุงหรือยกร่างกฎหมายขึ้นใหม่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีดังนี้
               ๑. กฎหมายว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง โดยให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาทบทวนปรับปรุงกฎหมายดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการต่อผู้หลบหนีเข้าเมืองซึ่งเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายของประเทศอื่นหรือเป็นบุคคลที่กระทำละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยให้พิจารณาแนวทางและกฎหมายของประเทศอื่น ๆ ประกอบด้วย
               ๒. กฎหมายว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเร่งรัดการตรวจพิจารณากฎหมายดังกล่าวเพื่อให้ภาครัฐสามารถนำที่ดินที่เหลือจากการใช้ตามวัตถุประสงค์ของการเวนคืน เช่น พื้นที่สองข้างทางรถไฟฟ้า ไปใช้ประโยชน์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ของการเวนคืนได้ เพื่อจะได้นำที่ดินดังกล่าวไปใช้แก้ปัญหาทางสังคมหรือเพื่อประโยชน์อื่นของรัฐ
               ๓. กฎหมายที่เกี่ยวกับการบูรณาการงานภาครัฐ โดยให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณายกร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้เกิดการบูรณาการในส่วนของแผนงาน โครงการ หรืองบประมาณระหว่างหน่วยงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งพิจารณาทบทวนปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีบทลงโทษสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้กระทำผิดที่เหมาะสมด้วย
               ๔. กฎหมายเกี่ยวกับการจัดตั้งศาลคดีทุจริต โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมพิจารณากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยกร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
               ทั้งนี้ เมื่อหน่วยงานผู้ได้รับมอบหมายจัดทำร่างกฎหมายเรียบร้อยแล้ว ให้รายงานให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ทราบ ก่อนเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติให้ถอนร่างพระราชบัญญัติความปลอดภัยทางชีวภาพ พ.ศ. .... ออกจากการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา แล้วให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการพาณิชย์ การอุตสาหกรรม และการแรงงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง แนวทางการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยกับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ แต่ในบางประเด็นจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมให้รอบด้านก่อน ทั้งในเรื่องความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ ประเภทอุตสาหกรรมและบริการ ระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ รายได้หลักของแต่ละจังหวัดที่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการจ้างงานมากขึ้น ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลบ้านนา อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเพื่อให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมสามารถเข้าไปดำเนินการจัดที่ดินและพัฒนาศักยภาพของที่ดินได้ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๒ มาตรา ๒๖ (๑) อันจะทำให้เกษตรกรได้รับสิทธิและใช้ประโยชน์จากที่ดินดังกล่าวได้ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เกษตรกรมีความมั่นคงและมีแรงจูงใจในการพัฒนาการผลิตเป็นไปตามนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจนของรัฐบาล ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. รับทราบข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษามาตรการการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งเห็นควรให้มี “โครงการประดับธงในดวงใจ” ประกอบด้วย (๑) กิจกรรม “ประดับธงในดวงใจ ๑๒ สิงหา มหาราชินี” และ (๒) กิจกรรม “ประดับธงในดวงใจ ๕ ธันวาคม มหาราชา” พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชนร่วมกันประดับธง โดยการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ของรัฐสภา และสื่อของภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เชิญชวนร่วมกิจกรรมประดับธงในดวงใจ ๕ ธันวาคม มหาราชา ในการประดับธงตามอาคาร บ้านเรือน ร้านค้า สำนักงานของรัฐและเอกชน โดยพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศตลอดเดือนธันวาคมของทุกปี ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ
               ๒. มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานหลักรับรายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอแนะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติ
               ๑. รับทราบข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิเด็ก กรณีการเข้าตรวจสอบและควบคุมตัวกลุ่มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่อาศัยอยู่ในชุมชนคอกควาย อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ดังนี้
                   ๑.๑ ควรกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานการรับนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนในสถานศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งเป็นการให้สิทธิและให้โอกาสแก่เด็กที่ไม่มีสัญชาติไทยหรือเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐได้ โดยไม่จำกัดระดับหรือประเภทการจัดการศึกษา
                   ๑.๒ ควรจัดทำคู่มือหรือแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการศึกษาให้เด็กซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน
                   ๑.๓ ควรจัดสรรงบประมาณและบุคลากรให้เพียงพอ และจัดทำหลักสูตรให้เหมาะสมกับอัตลักษณ์เฉพาะของเด็ก เช่น ภาษา ระดับพัฒนาการ ความพิการทางด้านร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น
                   ๑.๔ กรณีพบว่าเด็กซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนต้องให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมประสานส่งต่อไปยังหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ได้รับการคุ้มครองสิทธิ
                   ๑.๕ ควรสนับสนุนให้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็กทุกสัญชาติที่อยู่ในพื้นที่ชายแดน และจัดสรรงบประมาณอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวแก่สถานศึกษา
                   ๑.๖ ควรกำชับให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดการจดทะเบียนการเกิดเพื่อให้เด็กทุกคนมีสถานะบุคคลและจัดทำทะเบียนสำหรับบุคคลซึ่งไม่มีสัญชาติไทย รวมทั้งจัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาและการออกเอสารางทะเบียนให้เด็กซึ่งไม่มีสัญชาติไทยหรือเด็กที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียน
                   ๑.๗ มีหน่วยงานหลักในการประสานงานให้ความช่วยเหลือหญิงและเด็กเคลื่อนย้าย โดยจัดทำระบบฐานข้อมูลและระบบการช่วยเหลือคุ้มครองสิทธิและสวัสดิภาพให้ชัดเจน รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณให้แก่องค์กรพัฒนาเอกชนด้านเด็กที่ปฏิบัติงานในพื้นที่
                   ๑.๘ ควรกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางการดำเนินงานตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพคนต่างด้าวหรือแรงงานต่างด้าว และกำชับให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลและสถานพยาบาลทุกแห่งดำเนินการออกใบรับรองการเกิดให้แก่เด็กต่างด้าวทุกคน รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้คนต่างด้าวแรงงานต่างด้าวรับทราบและเข้าถึงสิทธิของคนในอันที่จะได้รับประโยชน์จากการประกันสังคม
               ๒. มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๕๗ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ เช่น สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม สิทธิชุมชนและการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม การคุ้มครองและช่วยเหลือกลุ่มที่เสี่ยงต่อการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การประเมินการเตรียมการเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการตรวจสอบและรายงานการกระทำหรือการละเลยการกระทำอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน การเสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และการฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมแทนผู้เสียหาย การเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย และกฎ การส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิทธิมนุษยชนศึกษา การส่งเสริมความร่วมมือและประสานงานเครือข่าย การศึกษาวิจัยด้านสิทธิมนุษยชน การดำเนินงานสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และรายงานของผู้สอบบัญชีและรายงานการเงิน ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการจัดงาน OTOP TO AEC … มรดกของแผ่นดิน จากท้องถิ่นสู่สากล ระหว่างวันที่ ๓-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
               ๑. ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP เข้าร่วมจำหน่ายสินค้า ในช่วงที่ ๑ ตั้งแต่วันที่ ๓-๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ช่วงที่ ๒ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ และช่วงที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๑๙-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ จำนวนครั้งละ ๑๒๐ บูท โดยมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้ผลิต ผู้ประกอบการ เข้าร่วมงานในแต่ละช่วง การดำเนินงานระหว่างวันที่ ๓-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ มีผู้เข้าชมงาน จำนวน ๒๓๗,๑๔๙ คน ยอดจำหน่ายสินค้าในงาน จำนวน ๖๕,๗๑๓,๐๓๖ บาท ยอดสั่งซื้อ จำนวน ๙,๐๙๗,๑๐๐ บาท
               ๒. การสำรวจความพึงพอใจของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และผู้เข้าชมงาน โดยผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ที่เข้าร่วมจำหน่ายสินค้า มีความพึงพอใจสูงสุด ๓ อันดับแรก คือ รายได้จากการจำหน่ายสินค้า การประสานงานของเจ้าหน้าที่ รูปแบบการจัดงาน ส่วนผู้เข้าชมงานที่เป็นชาวไทย มีความพึงพอใจสูงสุด ๓ อันดับแรก คือ ระยะเวลาการจัดงาน รูปแบบผลิตภัณฑ์ รูปแบบการจัดงาน และผู้เข้าชมงานที่เป็นชาวต่างประเทศ มีความพึงพอใจสูงสุด ๓ อันดับแรก คือ รูปแบบผลิตภัณฑ์ รูปแบบการจัดงาน และราคาผลิตภัณฑ์

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๔๕/๒๕๕๘ เรื่อง การเลือกประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ลงวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติเสนอ ดังนี้
               ๑. ให้นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๘/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๘ พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับ
               ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจัดให้มีการประชุมระหว่างบุคคลผู้ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่วุฒิสภา ได้แก่ พลเอก บุณยวัจน์ เครือหงส์ พลตำรวจเอก วัชรพล ประสารราชกิจ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ นายสุรศักดิ์ คีรีวิเชียร และนางสุวณา สุวรรณจูฑะ ร่วมกับกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ยังคงอยู่ในวาระการดำรงตำแหน่ง ได้แก่ นายณรงค์ รัฐอมฤต นายปรีชา เลิศกมลมาศ พลตำรวจเอก สถาพร หลาวทอง และนางสาวสุภา ปิยะจิตติ เพื่อเลือกกันเองให้คนหนึ่งเป็นประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ แล้วแจ้งผลให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบ เพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงแต่งตั้งประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไปในคราวเดียวกัน

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขายทอดตลาดห้องชุดในอาคารชุดและที่ดินจัดสรร) เกี่ยวกับการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนที่เกี่ยวกับหลักการของกฎหมายที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมใหม่นี้ เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด กรณีมาตรา ๓๐๙ จัตวา วรรคสี่และวรรคห้า แห่งร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขายทอดตลาดห้องชุดในอาคารชุดและที่ดินจัดสรร) โดยเฉพาะการขายทอดตลาดที่ดินจัดสรรที่กำหนดให้สามารถใช้บังคับกับการขายทอดตลาดที่ดินหรือบ้านจัดสรรที่ได้ดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรภายใต้หลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน พ.ศ. ๒๕๔๓ เท่านั้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติ
               ๑. รับทราบข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ย่านเก่ากับการปกป้องคุ้มครองด้านสิทธิมนุษยชน ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ดังนี้
                   ๑.๑ ควรให้มีการตรากฎหมายขึ้นมากำกับดูแลย่านเก่าโดยเฉพาะอย่างเป็นระบบ ได้แก่ หลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการกำหนดขอบเขตย่านเก่าในเชิงพื้นที่ (Heritage Site) หลักเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนการขึ้นบัญชีย่านเก่า การกำหนดกลไกและหน่วยงานในการบริหาร เช่น การซ่อมแซม รื้อถอน การใช้ประโยชน์ การพิจารณารูปแบบของสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ เป็นต้น รวมทั้งมีการกระจายอำนาจให้ราชการส่วนท้องถิ่น การมีส่วนร่วมของประชาชน ตลอดจนสนับสนุนงบประมาณสำหรับดำเนินการอย่างเพียงพอ และมาตรการจูงใจเพื่อการปกป้อง คุ้มครอง หรืออนุรักษ์ย่านเก่า
                   ๑.๒ ในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายกำกับดูแลย่านเก่าโดยเฉพาะ ให้นำกฎหมายต่าง ๆ ที่มีอยู่มาใช้บังคับไปพลางก่อน หรือปรับปรุงแก้ไขกฎหมายให้รองรับวัตถุประสงค์ ได้แก่ การสำรวจย่านเก่าที่สำคัญและมีความเสี่ยงที่จะถูกกระทบจากการพัฒนาพื้นที่ เพื่อจัดลำดับความสำคัญ รวมทั้งการส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ย่านเก่า เช่น มาตรการทางภาษีอสังหาริมทรัพย์ มาตรการการชดเชยสิทธิที่เสียไปจากการอนุรักษ์ย่านเก่า การโอนสิทธิในการพัฒนาพื้นที่ และการลดภาษีเงินได้ของบุคคลหรือนิติบุคคล เป็นต้น
               ๒. มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมด้านเศรษฐกิจในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒๐-๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
               ๑. การประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ ๑๔ ที่ประชุมเห็นชอบแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนปี ๒๐๒๕ เพื่อให้ผู้นำอาเซียนพิจารณารับรองและประกาศในช่วงระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๗ โดยแผนงานดังกล่าวได้กำหนดทิศทางการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจในระยะ ๑๐ ปีข้างหน้าของอาเซียน (ปี ๒๐๑๖-๒๐๒๕) ซึ่งมุ่งเน้นการดำเนินงานที่ต่อยอดจากมาตรการในปี ๒๐๑๕ ให้มีความเข้มข้นและประสิทธิภาพมากขึ้น และเดินหน้ารวมตัวทางเศรษฐกิจทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึกมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งเน้นย้ำให้คณะกรรมการสาขาด้านเศรษฐกิจเร่งจัดทำแผนปฏิบัติการเชิงยุทธศาสตร์ในสาขาต่าง ๆ ให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๙
               ๒. ผลการประชุมผู้นำในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ (๑) ผู้นำอาเซียนได้ประกาศแถลงการณ์ร่วมเกี่ยวกับความคืบหน้าของการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) (๒) รัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาเซียนและจีนได้ลงนามพิธีสารยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (๓) อาเซียนและญี่ปุ่นสามารถสรุปข้อบทความตกลงว่าด้วยการค้าบริการได้แล้ว และ (๔) ผู้นำอาเซียนและเกาหลีใต้เห็นควรกระตุ้นให้มีการใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งเห็นพ้องให้ดำเนินการเจรจาเปิดเสรีสินค้าอ่อนไหวเพิ่มเติมต่อไป
               ๓. การหารือทวิภาคี นายกรัฐมนตรีของไทยได้พบหารือกับนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น โดยญี่ปุ่นรับที่จะช่วยเร่งรัดกระบวนการในการออกใบรับรองด้านสุขอนามัยเพื่อการนำเข้ามะม่วงจากไทย และยินดีจะให้ความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรของไทยเพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทย รวมทั้งพร้อมจะให้การสนับสนุนไทยในการเข้าร่วมความตกลง Trans-Pacific Partnership (TPP) และการหารือทวิภาคี ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของลาว โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญเกี่ยวกับความชัดเจนในการออกประกาศของไทยเรื่องการนำผ่านสินค้า และการขยายเวลาการนำเข้าข้าวโพดให้แก่ลาวเพิ่มเติมอีก ๑ เดือน จากมีนาคม-สิงหาคม เป็นกุมภาพันธ์-สิงหาคม
               ๔. การประชุม ASEAN Global Investors’ Dialogue จัดโดยมาเลเซียร่วมกับบริษัท BlackRock ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนชั้นนำของโลก เพื่อสร้างโอกาสสำหรับการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานของอาเซียน โดยผู้เข้าร่วมการหารือมีความคิดเห็นในทิศทางเดียวกันว่า การสร้างโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยลดต้นทุนการทำธุรกรรมทางการค้า การขนส่ง และโลจิสติกส์ โดยปัจจัยสำคัญในการดึงดูดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ ความมีเสถียรภาพทางการเมือง การมีกฎระเบียบและนโยบายที่ชัดเจนและเอื้ออำนวยต่อการลงทุน ความโปร่งใสของโครงการ และการประชาสัมพันธ์โครงการอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง

คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
               ๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ [เรื่อง การปฏิรูปกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งเห็นด้วยในหลักการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุขโดยไม่ต้องมีการพิสูจน์ความผิด แต่ไม่เห็นด้วยในการจัดตั้งกองทุนคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข เนื่องจากที่มาของเงินกองทุนไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนประกันสังคม กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และการจ่ายเงินอุดหนุนของรัฐบาลที่จัดสรรไว้สำหรับสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการ อาจส่งผลกระทบต่อการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณและเป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินในระยะยาว ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงหลักการการคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุขจากระบบการเยียวยาเบื้องต้นเป็นระบบการชดเชยความเสียหายมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษาและสร้างระบบกรชดเชยความเสียหายให้มีประสิทธิภาพและความครอบคลุมสิทธิต่าง ๆ รวมทั้งต้องครอบคลุมสิทธิของข้าราชการ นอกจากนี้ มีข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการขยายอายุความในการฟ้องคดีแพ่งตามมาตรา ๒๗ วรรคสองแห่งร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ได้รับผลกระทบจากการบริการสาธารณสุข พ.ศ. .... ว่า การกำหนดกรณีดังกล่าวควรต้องพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมประกอบด้วย ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
               ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงสาธารณสุขให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป