ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1100 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 21981 - 22000 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21981 | รายงานสรุปผลการเข้าร่วมประชุมสุดยอดความมั่นคงด้านสุขภาพของโลก ประจำปี พ.ศ. 2558 ของกระทรวงสาธารณสุข | สธ | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการเข้าร่วมประชุมสุดยอดความมั่นคงด้านสุขภาพของโลก ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ระหว่างวันที่ ๘-๙ กันยายน ๒๕๕๘ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเทศที่เข้าร่วมการประชุม องค์การอนามัยโลก องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ และองค์กรสุขภาพสัตว์โลก เห็นพ้องกันว่าการสร้างสมรรถนะตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ และวาระความมั่นคงด้านสุขภาพโลกเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ต่างให้คำมั่นว่าจะพยายามพัฒนาสมรรถนะ ๓ ด้าน คือ การป้องกัน เฝ้าระวัง และตอบโต้ต่อโรคระบาดข้ามพรมแดน (Prevent, Detect, Respond) ตามแผนปฏิบัติการ ๑๑ ข้อของวาระความมั่นคงด้านสุขภาพของโลกอย่างเต็มที่ ๒. สาธารณรัฐเกาหลีได้สรุปบทเรียนการควบคุมการระบาดของโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง สรุปว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถควบคุมโรคได้ คือ (๑) การร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน (Whole government, whole society approach) (๒) การเปิดเผยและแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างโปร่งใสและรวดเร็ว และ (๓) การสร้างกลไกการประสานงานที่มีประสิทธิภาพกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ๓. ทุกประเทศควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านระบาดวิทยาและการป้องกันควบคุมโรค เนื่องจากคนที่มีศักยภาพต้องใช้เวลาในการพัฒนา ไม่สามารถจัดการให้เกิดขึ้นได้โดยเร็ว การวางแผนความต้องการกำลังคนด้านการควบคุมโรคจะต้องคำนึงถึงการทำงานทั้งในภาวะปกติและภาวะที่ต้องการกำลังคนเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก (surge capacity) การมีกำลังคนเพียงพอสำหรับภาวะฉุกเฉินจึงเป็นประเด็นความมั่นคงของประเทศที่สำคัญด้วย ๔. ระบบจัดการกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขจะต้องสามารถเข้าถึงทรัพยากรได้อย่างรวดเร็ว ทั้งทรัพยากรด้านการเงินและทรัพยากรอื่น ๆ ซึ่งหากระบบการจัดการภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขเข้าถึงทรัพยากรได้ล่าช้า อาจทำให้การระบาดของโรคติดต่ออันตรายแพร่ระบาดไปจนถึงระดับที่ควบคุมได้ยากหรือควบคุมไม่ได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างรุนแรงได้ ๕. บทเรียนประการหนึ่งที่ได้จากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาในประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก คือความช่วยเหลือจากต่างประเทศเข้าไปสู่ประเทศที่ได้รับผลกระทบล่าช้า เนื่องจากขาดกลไกในการประสานงาน และการขาดกำลังสนับสนุน (surge capacity) ในระดับนานาชาติ ดังนั้น ประเทศพันธมิตรควรพิจารณาหากลไกการประสานงานที่เหมาะสม (หรือองค์กรมาทำหน้าที่) เพื่อให้สามารถจัดการให้ความช่วยเหลือประเทศที่ได้รับผลกระทบได้อย่างรวดเร็วต่อไป ๖. ประเทศพันธมิตรได้รับทราบถึงความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องร่วมมือกันป้องกันเชื้อจุลชีพดื้อยา โดยประเทศต่าง ๆ เช่น สหราชอาณาจักรได้ประกาศให้การสนับสนุนด้านการเงินกับประเทศจำนวนหนึ่งในการจัดตั้งระบบเฝ้าระวังจุลชีพดื้อยาขึ้น นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังมีแนวคิดที่จะผลักดันประเด็นการป้องกันเชื้อจุลชีพดื้อยาเข้าสู่การพิจารณาขององค์การสหประชาชาติด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
21982 | รายงานผลการเข้าร่วมการสัมมนา International Conference on Developing Sustainable and Inclusive Buddhist Heritage and Pilgrimage Circuits in South Asia's Buddhist Heartland | กก | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมการสัมมนา International Conference on Developing Sustainable and Inclusive Buddhist Heritage and Pilgrimage Circuits in South Asia''s Buddhist Heartland ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงธากา สาธารณรัฐบังกลาเทศ ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การสัมมนา International Conference on Developing Sustainable and Inclusive Buddhist Heritage and Pilgrimage Circuits in South Asia''s Buddhist Heartland มีผลประเด็นการสัมมนา คือ ให้รัฐบาลของแต่ละประเทศมีส่วนสำคัญในการผลักดันปัจจัยต่าง ๆ ที่สนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา ได้แก่ ด้านการอนุรักษ์ ด้านการเข้าถึงสถานที่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการศึกษาและฝึกอบรม ด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว และการสร้างเครือข่ายทางการติดต่อสื่อสาร นอกจากนี้ ยังต้องอาศัยความร่วมมือในระดับรัฐต่อรัฐด้านการเชื่อมโยงระบบคมนาคมด้วย โดยผลจากการประชุมฯ ในครั้งนี้ จะถูกส่งให้กับประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วม และแต่ละประเทศจะนำผลที่ได้ไปต่อยอดเพื่อดำเนินการต่อไป ๒. การบรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “Setting direction for preparing a road map for the planning development and marketing of sustainable and inclusive cross boarder Buddhist tourism circuits and routes in South Asia” โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้นำเสนอเกี่ยวกับกิจกรรมและสถานที่ทางพุทธศาสนาที่เป็นที่นิยมในประเทศไทย ได้แก่ การสักการะพระธาตุประจำปีเกิด วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ การสวดมนต์ข้ามปี การปฏิบัติธรรม ฝึกสมาธิ การนั่งวิปัสสนา รวมถึงการเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย ซึ่งได้รับความนิยมจากพุทธศาสนิกชนชาวไทย ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้หารือทวิภาคีกับ H.E Mr. Rashed Khan Menon, MP รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการบินพลเรือนและการท่องเที่ยว บังกลาเทศ โดยมีประเด็นสำคัญคือ ขอให้ช่วยเผยแพร่ประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวตามรอยพุทธศาสนาในบังกลาเทศ และ Technical support จากไทยในด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ โดยเฉพาะการฝึกอบรมมัคคุเทศก์ รวมทั้งหารือทวิภาคีกับ H.E. Mr. Hasanul Haq Inu, MP รัฐมนตรีว่าการกระทรวงข้อมูลข่าวสาร บังกลาเทศ โดยมีประเด็นสำคัญคือ (๑) ขอความร่วมมือในการเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวตามรอยพุทธศาสนาของทั้งสองประเทศ ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ให้นักท่องเที่ยวทราบ (๒) จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างไทยและบังกลาเทศในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยว (๓) ให้ทุนฝึกอบรมด้าน Hotel Management, Coastal Management และ Tourism Management แก่เจ้าหน้าที่ของบังกลาเทศ และ (๔) ช่วยประชาสัมพันธ์และสนับสนุนให้มีการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในบังกลาเทศ |
||||||||||||||||||||||||
21983 | มาตรการการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2558 | คค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ตามมาตรการการให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจากกรณีเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้
๑. กรณีผู้โดยสารเดินทางโดยเที่ยวบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ๑.๑ ปรับเลื่อนชั้นที่นั่งให้กับผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ กรณีที่มีที่นั่งว่าง ๑.๒ จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกเป็นพิเศษในการตรวจบัตรโดยสาร และนำผู้โดยสารผ่านพิธีการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และให้ใช้บริการห้องพักรับรองของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ๑.๓ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะให้การดูแลผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บเป็นกรณีพิเศษ ๑.๔ นายสถานีปลายทางจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกที่ท่าอากาศยานปลายทาง ๒. กรณีผู้โดยสารเดินทางโดยเที่ยวบินของสายการบินอื่น ๒.๑ จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกและให้ใช้บริการห้องพักรับรองของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ๒.๒ นายสถานีปลายทางจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกที่ท่าอากาศยานปลายทาง ๓. การขนส่งร่างผู้เสียชีวิต ๓.๑ ยกเว้นค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมในการขนส่ง ๓.๒ อำนวยความสะดวกในการขนส่งที่แผนกบริการลูกค้า อาคารคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ๓.๓ นายสถานีปลายทางจะเป็นผู้อำนวยความสะดวกที่ท่าอากาศยานปลายทาง ๔. กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บ ญาติของผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือญาติผู้เสียชีวิตต้องการเดินทางมายังประเทศไทย และเดินทางกลับประเทศ สามารถซื้อบัตรโดยสารของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ในราคาพิเศษ
|
||||||||||||||||||||||||
21984 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี 2557 | กค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานทุนหมุนเวียน ประจำปีบัญชี ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ทุนหมุนเวียนในระบบประเมินผลการดำเนินงาน จำนวน ๙๕ ทุน (จากทั้งหมด ๑๑๕ ทุน) ในภาพรวมมีคะแนนเฉลี่ย (รวม ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านการเงิน การปฏิบัติการ การสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการบริหารพัฒนาทุนหมุนเวียน) ดีกว่าเป้าหมายปกติ และดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีบัญชี ๒๕๕๖ และคะแนนเฉลี่ย ๔ ปี (ปีบัญชี ๒๕๕๔-๒๕๕๗) เมื่อพิจารณาคะแนนรายด้าน ทุนหมุนเวียนมีคะแนนเฉลี่ยรายด้านสูงสุดในด้านการสนองประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และมีคะแนนต่ำสุดในด้านการเงิน ๒. ทุนหมุนเวียนที่ไม่เข้าสู่ระบบประเมินผลฯ ในปีบัญชี ๒๕๕๗ จำนวน ๒๐ ทุน ประกอบด้วย ๒.๑ ทุนหมุนเวียนที่กฎหมายเฉพาะบัญญัติให้มีการประเมินผลการดำเนินงาน จำนวน ๖ ทุน มีทุนหมุนเวียนที่มีกฎหมายเฉพาะฯ ส่งรายงานผลการประเมิน จำนวน ๓ ทุน สำหรับทุนหมุนเวียนที่ยังไม่ได้ส่งรายงานฯ กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างการดำเนินการติดตามเร่งรัด ๒.๒ ทุนหมุนเวียนที่มีสถานะไม่พร้อมดำเนินการประเมินผล จำนวน ๑๔ ทุน ได้แก่ ทุนหมุนเวียนที่จัดตั้งขึ้นใหม่และอยู่ระหว่างการจัดทำระเบียบข้อบังคับ จำนวน ๖ ทุน ทุนหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างกระบวนการรวมทุนหมุนเวียน จำนวน ๑ ทุน ทุนหมุนเวียนที่ยังไม่มีการดำเนินงาน จำนวน ๑ ทุน และทุนหมุนเวียนที่อยู่ระหว่างกระบวนการยุบเลิก จำนวน ๖ ทุน
|
||||||||||||||||||||||||
21985 | ขยายอายุการให้สิทธิพิเศษในการจำหน่ายอาหารเสริม (นม) โรงเรียน แก่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) | กค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษของหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ ให้ขยายระยะเวลาการให้สิทธิพิเศษในการจำหน่ายอาหารเสริม (นม) โรงเรียนให้แก่องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ออกไปอีก ๒ ปี นับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ โดยให้ประเมินผลการดำเนินการเป็นรายปีให้คณะกรรมการพิจารณาสิทธิพิเศษฯ ทราบด้วย และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำแผนยุทธศาสตร์ในการพัฒนาโคนมและผลิตภัณฑ์นมเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
21986 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตเทศบาลตำบลบางยี่รงค์ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... | มท | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตเทศบาลตำบลบางยี่รงค์ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตเทศบาลตำบลบางยี่รงค์ อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
21987 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมคุมประพฤติ พ.ศ. .... | ยธ | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมคุมประพฤติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะ ชนิด และประเภทของเครื่องแบบพิเศษเฉพาะสำหรับข้าราชการกรมคุมประพฤติ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
21988 | รายงานผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน) | นร10 | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นด้วยในประเด็นการแต่งตั้งประธานกรรมการมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ และการกำหนดจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ การดำรงตำแหน่งกรรมการในองค์การมหาชนหลายแห่ง การให้เจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานขององค์การมหาชนเป็นบุคคลซึ่งได้รับการจ้างตามสัญญาจ้าง การตรวจสอบภายในขององค์การมหาชน การดำเนินการเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชนให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชนฯ ที่จะแก้ไขเพิ่มเติมใหม่ และการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการขององค์การมหาชนในระหว่างการประกาศใช้พระราชบัญญัติองค์การมหาชนฯ (ฉบับสภาปฏิรูปแห่งชาติ) และไม่เห็นด้วยในประเด็นการห้ามผู้แทนจากหน่วยงานกลางดำรงตำแหน่งคณะกรรมการขององค์การมหาชน การให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมาปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่หรือลูกจ้างขององค์การมหาชนเป็นการชั่วคราวได้ และการให้องค์การมหาชนอยู่ภายใต้ระบบการประเมินผลขององค์การมหาชน ตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนด ส่วนในประเด็นการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายขององค์การมหาชนให้เป็นไปตามหลักการรักษาวินัยทางการคลังและหลักธรรมาภิบาลนั้น เห็นว่ามีความซ้ำซ้อนกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ทั้งนี้ เห็นด้วยกับการกำหนดหลักการและแนวคิดในการจัดตั้งองค์การมหาชน กำหนดและจัดบทบาทภารกิจขององค์การมหาชนให้ชัดเจน และเห็นด้วยในหลักการที่จะจำแนกองค์การมหาชนออกเป็น ๓ ประเภทตามภารกิจ แต่การดำเนินการดังกล่าวเป็นการแก้ไขกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้ในระยะยาว การแก้ไขพระราชบัญญัติดังกล่าวในเรื่องที่เกี่ยวข้องจึงยังไม่ควรดำเนินการในชั้นนี้ ๑.๒ ไม่เห็นด้วยกับการกำหนดเบี้ยประชุมสำหรับกรรมการองค์การมหาชนและค่าตอบแทนสำหรับผู้อำนวยการองค์การมหาชน โดยเห็นว่าควรมีการทบทวนค่าตอบแทนของหน่วยงานภาครัฐทั้งระบบโดยคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ๑.๓ เห็นด้วยกับการกำหนดนโยบายการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณะของไทย โดยเห็นควรให้ดำเนินการในระยะยาว ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการระบบราชการให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21989 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงการคลัง) (นางสาวชูจิตต์ ธนภัณฑ์ภาดา) | กค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวชูจิตต์ ธนภัณฑ์ภาดา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (นักวิชาการคอมพิวเตอร์ทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
21990 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... | มท | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลขุนยวม ตำบลแม่เงา อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
21991 | รายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน และรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีขอความช่วยเหลือเรื่องคดีความ และกรณีกล่าวอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ แถลงข่าวการจับกุมทำให้ได้รับความเสียหายต่อเกียรติยศและชื่อเสียง | สม | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน และรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรม กรณีขอความช่วยเหลือเรื่องคดีความ และกรณีกล่าวอ้างว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ แถลงข่าวการจับกุมทำให้ได้รับความเสียหายต่อเกียรติยศและชื่อเสียง ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอแนะ ดังนี้
๑. สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรให้มีการเน้นย้ำและกำชับไปยังหน่วยงานในสังกัดเพื่อให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และหนังสือสั่งการของหน่วยงานอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ และการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ๒. สำนักงานตำรวจแห่งชาติควรกำหนดแนวทางในการหาวิธีการทดแทนในการนำตัวผู้ต้องหาในคดีอาญาไปนำชี้ที่เกิดเหตุ หรือการจัดทำแผนประทุษกรรม เพื่อเป็นประโยชน์ในการแสวงหาพยานหลักฐาน และการดำเนินคดี รวมทั้งเพื่อป้องกันมิให้เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน
|
||||||||||||||||||||||||
21992 | รายงานผลการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรายงานของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ พิจารณาศึกษาเรื่องหลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพ ของผู้สูงอายุ : การเร่งรัดการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนการออม แห่งชาติ พ.ศ. 2554 ของคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส สภาปฏิรูปแห่งชาติ | กค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และรายงานของคณะกรรมาธิการการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาศึกษาเรื่องหลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพของผู้สูงอายุ : การเร่งรัดการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ของคณะกรรมาธิการปฏิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส สภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป โดยมีผลการพิจารณา ดังนี้
๑. เห็นด้วยกับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยกองทุนการออมแห่งชาติได้เปิดรับสมัครสมาชิกไปแล้ว โดยให้สิทธิผู้ที่มีอายุ ๕๐ ปีขึ้นไป และสมาชิกจำนวนทั้งสิ้น ๓๒๗,๒๐๓ ราย สำหรับเงินสมทบของรัฐได้กำหนดจำนวนเงินสูงสุดไว้ในบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ ซึ่งจำนวนเงินสมทบต่อปีได้กำหนดในกฎกระทรวง นอกจากนี้ การกำหนดให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานที่ดูแลหลักประกันบำนาญของประชาชนซึ่งเป็นภาระระยะยาว และกระทรวงแรงงานควรทำหน้าที่ดูแลการจัดสวัสดิการระยะสั้นของแรงงานเป็นไปตามหลักการที่กระทรวงการคลังได้เคยเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกองทุนการออมแห่งชาติ ๒. สำหรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งขาติ เห็นชอบตามที่คณะกรรมาธิการฯ เสนอ โดยปัจจุบันได้มีการเสนอร่างกฎหมายที่จะยุบเลิกความคุ้มครองประกันสังคมตามมาตรา ๔๐ ทางเลือกที่ ๓-๕ แล้ว ดังนั้น เมื่อร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลใช้บังคับ จะไม่เกิดความซ้ำซ้อนหรือการแข่งขันระหว่างกองทุนการออมแห่งชาติและกองทุนประกันสังคม กองทุนการออมแห่งชาติได้มีการจัดเก็บข้อมูลอายุและอาชีพของสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติที่สมัครผ่านหน่วยรับสมัครสมาชิกด้วยแล้ว และสนับสนุนการทำประชาสัมพันธ์ไปยังแรงงานนอกระบบให้ครอบคลุมทุกพื้นที่
|
||||||||||||||||||||||||
21993 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลธรรมศาลาอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลธรรมศาลาอำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลธรรมศาลา อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พ.ศ. ๒๕๕๘ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมบทอาศัยอำนาจในการออกประกาศเป็น “อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๖๘/๑ แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙” เพื่อให้เป็นไปตามแบบการร่างกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
21994 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลน้ำบ่อหลวง ตำบลสันกลาง อำเภอสันป่าตอง และตำบลน้ำแพร่ ตำบลหางดง ตำบลบ้านแหวน ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลบ่อหลวง ตำบลสันกลาง อำเภอสันป่าตอง และตำบลน้ำแพร่ ตำบลหางดง ตำบลบ้านแหวน ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเพื่อก่อสร้างทางหลวงชนบทสายเชื่อมระหว่างถนนเลียบคลองชลประทานกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๒๑ เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมบทอาศัยอำนาจในการออกประกาศ เป็น “อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๓ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ประกอบกับมาตรา ๖๘/๑ แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติทางหลวง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๙” เพื่อให้เป็นไปตามแบบการร่างกฎหมาย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
21995 | การกำหนดมาตรการเนื่องในประเพณีลอยกระทง ประจำปี พ.ศ. 2558 | วธ | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการกำหนดมาตรการเนื่องในประเพณีลอยกระทง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ภายใต้แนวคิด “เทิดวัฒนธรรมประเพณี สืบทอดวิถีแห่งปวงประชา ร่วมรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมใจเที่ยวไทย ปลอดภัยวันลอยกระทง” ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. มาตรการการจัดงานประเพณีลอยกระทง โดยยังคงรักษาประเพณีที่ดีงามของไทยอย่างถูกต้องและเหมาะสม ตลอดจนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ ๒. มาตรการห้ามไม่ให้มีการจำหน่ายและดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณสถานที่จัดงานเพื่อป้องกันการทะเลาะวิวาท การล่วงละเมิดทางเพศ และอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น ๓. มาตรการลอยกระทงไร้มลพิษ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้กระทงที่ประดิษฐ์จากวัสดุธรรมชาติ และรณรงค์ให้ใช้กระทง ๑ ครอบครัวหรือ ๑ กลุ่ม ต่อ ๑ กระทง เพื่อลดจำนวนขยะหลังวันลอยกระทง ๔. มาตรการกวดขันวินัยจราจรอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทั้งทางบกและทางน้ำ พร้อมกับอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ประชาชน ๕. มาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพื่อป้องกันภัยจากอาชญากรรม และอันตรายจากการจุดพลุ ประทัด ดอกไม้เพลิง การปล่อยโคมลอย และโคมควัน โดยขอให้ปล่อยโคมลอย หลังเวลา ๒๑.๐๐ น. ในช่วงเทศกาลลอยกระทงเท่านั้น และห้ามปล่อยโคมบริเวณพื้นที่ปลอดภัยโดยรอบสนามบิน |
||||||||||||||||||||||||
21996 | ความเห็นต่อข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง การส่งเสริมการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ ของไทย | นร | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การส่งเสริมการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของไทย) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยมีผลการพิจารณา ดังนี้
๑. ข้อเสนอแนะของสภารูปแห่งชาติทั้งหมด ๑๔ ประเด็น มี ๑๑ ประเด็น ที่เห็นว่าเป็นสิ่งที่หน่วยงานดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งสามารถดำเนินการต่อเนื่องและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นตามแนวทางที่สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอได้ อาทิ การกำหนดให้นโยบายการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของไทยเป็นนโยบายทางเศรษฐกิจที่สำคัญของชาติ การใช้การเจรจาต่อรองในระดับ G to G ในเรื่องต่าง ๆ ที่สำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของไทย เป็นต้น ๒. ประเด็นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่าควรต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ ๓ ประเด็น ได้แก่ ๒.๑ การกำหนดให้คณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุนไทยในต่างประเทศของไทยเป็นองค์กรถาวรที่มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจเป็นประธาน มีส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง สมาคมธุรกิจ และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการ นั้น ในประเด็นนี้เห็นควรจัดตั้ง “คณะกรรมการส่งเสริมการค้าและการลงทุนไทยในต่างประเทศ” เพื่อให้มีกลไกบูรณาการในระดับนโยบายในด้านการค้าและการลงทุน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ผู้แทนกระทรวง/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เป็นเลขานุการร่วม ๒.๒ การเสนอให้รัฐบาลออกกฎหมายเพื่อรองรับการจัดตั้งองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของไทย (Thailand External Trade Organization : TETRO) ในประเด็นนี้มีข้อคิดเห็นว่ายังไม่ควรมีการจัดตั้งหน่วยงานอย่างเป็นการถาวร ๒.๓ การเสนอให้รัฐบาล กระทรวงการคลัง สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) รัฐวิสาหกิจ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และธุรกิจร่วมทุนต่าง ๆ มีมาตรการให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค/เงินทุน และ/หรือร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค นิคมอุตสาหกรรม และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนอื่น ๆ ในประเทศเป้าหมายต่าง ๆ ในประเด็นนี้เห็นว่าการให้ภาครัฐหรือรัฐวิสาหกิจร่วมลงทุน นั้น ควรจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงความเหมาะสมและกลไกของหน่วยงานภาครัฐที่จะเข้าไปร่วมลงทุน รวมถึงแหล่งที่มาของเงินทุนซึ่งควรนำมาเป็นประเด็นในการพิจารณาภายใต้คณะกรรมการส่งเสริมการค้าและการลงทุนไทยในต่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่
|
||||||||||||||||||||||||
21997 | ผลการประชุม Singapore - Thailand Enhanced Economic Relationship ครั้งที่ 4 | พณ | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุม Singapore-Thailand Enhanced Economic Relationship ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-สิงคโปร์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล สนับสนุนการเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศ รวมถึงการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนร่วมกัน โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ได้มีการหารือถึงความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ความร่วมมือด้านสินค้าเกษตรและอาหาร ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ความร่วมมือด้านการลงทุน ความร่วมมือด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้า ความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา และความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องและจะเป็นประโยชน์ร่วมกันในการขยายการค้าและการลงทุน ได้แก่ การอำนวยความสะดวกการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ไทยไปยังสิงคโปร์ นโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่ในรูปแบบคลัสเตอร์อุตสาหกรรม ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา การพัฒนาท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว ท่าอากาศยาน และรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่องให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเชิญชวนให้สิงคโปร์เข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาของแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๖ ประเทศ (GMS) ซึ่งมีการกำหนดแผนงานโครงการลงทุนที่สำคัญอยู่ในกรอบการลงทุนของภูมิภาค (Regional Investment Framework : RIF) และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยถือเป็นโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือเพื่อให้มูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกันขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ทั้งสองประเทศได้ระบุไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
21998 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 [เรื่อง การสร้างสังคมผู้ประกอบการ และร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | อื่นๆ | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ [เรื่อง การสร้างสังคมผู้ประกอบการและร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ซึ่งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ดำเนินการจัดประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นด้วยกับข้อเสนอการปฏิรูปตามที่สภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ สสว. อยู่ระหว่างการจัดทำแผนการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) โดยมีสถานะเป็นแผนการส่งเสริม SMEs ของประเทศ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริม SMEs ทั้งส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์การเอกชนได้ใช้เป็นกรอบแนวทางในการพัฒนาและส่งเสริม SMEs ในทิศทางเดียวกันและลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงาน ซึ่งแผนดังกล่าวมีความครอบคลุมการสร้างสังคมผู้ประกอบการ โดยจะนำข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติและความเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำแผนดังกล่าวและจะได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่ สสว. เสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของ สสว. ให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
21999 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. .... | ทก | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน ๘ ฉบับ ที่ใช้บังคับมาแต่เดิม เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันและสอดคล้องกับบทบาทและภารกิจของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
22000 | การสมัครเข้าเป็นภาคีสมาชิกความร่วมมือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Government Partnership : OGP) | กค | 24/11/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การสมัครเข้าเป็นภาคีสมาชิกความร่วมมือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Government Partnership : OGP) ของประเทศไทย เพื่อที่กระทรวงการคลังจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๑.๒ องค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการความร่วมมือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Government Partnership Committee) มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน และมีกรรมการ จำนวน ๑๑ คน โดยมีอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นกรรมการและเลขานุการ ที่ปรึกษา/รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง และผู้อำนวยการกลุ่มนโยบายการจัดซื้อโดยรัฐระหว่างประเทศเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ ๒. ให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการร่วมมือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลที่กระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเข้าร่วมเป็นกรรมการ ตามโครงสร้าง องค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการความร่วมมือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐอีกหน่วยงานหนึ่งด้วย นอกจากนี้ องค์ประกอบและการดำเนินการของคณะกรรมการดังกล่าวควรคำนึงถึงการเปิดเผยข้อมูลตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ และข้อกำหนดในการเปิดเผยข้อมูลตามกฎหมายอื่น ๆ ของประเทศไทยที่เกี่ยวข้องให้ครอบคลุมครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานหรือข้อมูลภาครัฐที่เกี่ยวกับความมั่นคงด้านการทหารและการป้องกันประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. เมื่อเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกความร่วมมือเพื่อการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ (Open Government Partnership : OGP) แล้ว หากมีการกำหนดเงื่อนไขหรือการดำเนินการใด ๆ ที่ส่งผลให้เกิดข้อผูกพันที่กำหนดให้ต้องมีการแก้ไขกฎหมายใหม่ ให้กระทรวงการคลังนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนปฏิบัติเกี่ยวกับหนังสือสัญญาตามรัฐธรรมนูญต่อไป |
.....