ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1092 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 21821 - 21840 จากข้อมูลทั้งหมด 123963 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
21821 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การปฏิรูประบบการผังเมือง และการใช้พื้นที่ และร่างพระราชบัญญัติการผังเมืองและการใช้พื้นที่ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | มท | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ [เรื่อง การปฏิรูปการผังเมืองและการใช้พื้นที่ และร่างพระราชบัญญัติการผังเมืองและการใช้พื้นที่ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรยังมีความเห็นไม่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติ เนื่องจากงานด้านผังเมืองประกอบด้วยส่วนที่เป็นการกำหนดนโยบายการผังเมืองในระดับชาติ และส่วนที่เป็นการรับนโยบายเพื่อแปลงไปสู่การวางผังเมืองระดับปฏิบัติ และภารกิจด้านการพัฒนาให้เป็นไปตามผังเมือง ดังนั้น การโอนภารกิจทั้งหมดไปสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีจึงยังไม่เหมาะสม สำหรับการปรับปรุงพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ มีบางส่วนที่สอดคล้องกับแนวทางการปรับปรุงพระราชบัญญัติการผังเมือง ซึ่งกรมโยธาธิการและผังเมืองกำลังดำเนินการอยู่ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงมหาดไทยให้สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
21822 | ร่างกฎกระทรวง ออกตามความในพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 จำนวน 3 ฉบับ | ทส | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นคำขอจดทะเบียน และการออกหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขว่าด้วยการรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นคำขอ การออกใบสำคัญ และการเพิกถอนใบสำคัญรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาตให้ใช้สถานที่เพื่อทำการแปรรูปไม้ที่ได้มาจากการทำสวนป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอใบอนุญาตและการอนุญาตให้ใช้สถานที่เพื่อทำการแปรรูปไม้ที่มาจากการทำสวนป่า ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขว่าด้วยการรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน พ.ศ. .... ควรกำหนดคำนิยามของคำว่า “หน่วยงานรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน” ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรทำการศึกษารูปแบบหรือเงื่อนไขความเหมาะสมที่จะให้สถาบันหรือองค์กรอื่น ๆ สามารถออกใบสำคัญรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดประสิทธิผลในการดำเนินการตามกฎหมายและทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
21823 | รายงานผลการพิจารณา เรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติธนาคาร แรงงาน พ.ศ. ....) | สผ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณา เรื่อง ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติธนาคารแรงงาน พ.ศ. ....) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงแรงงาน และธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นในการจัดตั้งธนาคารแรงงาน เนื่องจากอาจมีความซ้ำซ้อนกับโครงการหรือบริการที่เป็นของหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชน ทั้งในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรให้การสนับสนุน ตลอดจนภาคเอกชน และการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการพัฒนาทักษะของผู้ใช้แรงงานซึ่งมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานรับผิดชอบ อีกทั้งยังมีกองทุนสนับสนุนการดำเนินงานภายใต้หน่วยงานดังกล่าว ดังนั้น ภาครัฐจึงควรสนับสนุนการขยายบทบาทกระทรวงแรงงานในส่วนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการพัฒนาทักษะของผู้ใช้แรงงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยอาจพิจารณาสนับสนุนด้านงบประมาณในการดำเนินงานของกองทุนต่าง ๆ ที่มีอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงแรงงาน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงการคลังให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
21824 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขากะทูน และป่าปลายกะเบียด ในท้องที่ตำบลกะทูน และตำบลเขาพระ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขากะทูน และป่าปลายกะเบียด ในท้องที่ตำบลกะทูน และตำบลเขาพระ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเพื่อรักษาไว้ซึ่งพันธุ์สัตว์ป่าและพื้นที่ป่าให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัย รวมทั้งเป็นการรักษาแหล่งต้นน้ำลำธารและป่าไม้ที่มีอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ให้คงอยู่อย่างถาวรตลอดไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
21825 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2558 | กค | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๘) โดยสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง ๑๗ กลุ่ม ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลไม้ นาฬิกาและอุปกรณ์ กระเป๋าหนังและเข็มขัดหนัง สุราต่างประเทศ สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนคไท รองเท้าหนังและรองเท้าผ้าใบ เลนส์ แว่นตา ปากกาและอุปกรณ์ ไวน์ เครื่องประดับที่ทำด้วยคริสตัล กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ผ้าทอทำด้วยขนสัตว์ ไฟแช็คและอุปกรณ์ ดอกไม้ และเครื่องแก้วชนิดใช้บนโต๊ะอาหาร หรือใช้ตกแต่งภายในที่ทำด้วยคริสตัล มีมูลค่านำเข้า ๙๑๔.๐๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๑.๘๑ ของมูลค่านำเข้ารวม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ๙๖.๗๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ ๑๑.๘๔ โดยสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด ๓ อันดับแรก ได้แก่ น้ำหอมและเครื่องสำอาง นาฬิกาและอุปกรณ์ ผลไม้ สินค้าที่ขยายตัวเพิ่มสูงสุด ๕ กลุ่มสินค้า เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ได้แก่ ดอกไม้ ผลไม้ นาฬิกาและอุปกรณ์ น้ำหอมและเครื่องสำอาง และสูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย และเด็กหญิง และเนคไท ส่วนสินค้าที่มีการหดตัวสูงสุด คือ กล้องถ่ายรูปและอุปกรณ์ ๒. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาแนวทางในการปรับลดอากรนำเข้าสินค้าในกลุ่มที่จะสนับสนุนให้เกิดการใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งสินค้าที่เป็นวัตถุดิบในการแปรรูปซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าการผลิตภายในประเทศ เช่น พลอยชนิดต่าง ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21826 | สถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2558/2559 ครั้งที่ 3 | กษ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ครั้งที่ ๓ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เช่น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ จำนวน ๓๓ แห่ง มีปริมาตรน้ำรวม ๔๐,๘๓๒ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๘ ของปริมาตรน้ำกักเก็บทั้งหมด เป็นน้ำใช้การได้ ๑๗,๓๒๙ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๗ ของปริมาตรน้ำใช้การทั้งหมด ๑.๒ การจัดสรรน้ำ ช่วงวันที่ ๑-๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ อ่างเก็บน้ำใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ ใช้น้ำไปแล้ว ๔๙๑ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๔ ของแผนการจัดสรรน้ำ ส่วนในลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลอง) ใช้น้ำไปแล้ว ๔๐๒ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๑๒ ของแผนการจัดสรรน้ำ ๑.๓ การบริหารจัดการน้ำและอาคารชลประทานในลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ ช่วงวันที่ ๒๔-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ กำหนดแผนการระบายน้ำจากเขื่อน จำนวน ๖ เขื่อน ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เขื่อนนเรศวร และเขื่อนเจ้าพระยา ๑.๔ สถานการณ์การเพาะปลูกข้าวในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ปลูกข้าวนาปี ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๖.๔๐ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว จำนวน ๕.๓๗ ล้านไร่ เสียหาย จำนวน ๐.๐๒ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว จำนวน ๑.๐๑ ล้านไร่ ปลูกข้าวนาปีต่อเนื่อง ปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑.๗๕ ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว จำนวน ๐.๑๒ ล้านไร่ รอเก็บเกี่ยว จำนวน ๑.๖๓ ล้านไร่ และปลูกข้าวนาปรัง ปี ๒๕๕๘/๒๕๕๙ จำนวน ๑.๐๕ ล้านไร่ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอรายงานสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งให้เกิดความชัดเจนและง่ายต่อการทำความเข้าใจกับประชาชน เช่น ปริมาณน้ำในเขื่อนทั้ง ๔ เขื่อนหลัก ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อน การระบายน้ำเพื่อกิจการต่าง ๆ ปริมาณน้ำสะสม น้ำต้นทุนจากแหล่งต่าง ๆ การบริหารจัดการน้ำเพื่อผลิตน้ำประปาหรือเพื่อใช้ในการเกษตรในระดับพื้นที่ เป็นต้น ๓. ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นเจ้าภาพหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย จัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ ทั้งในส่วนปริมาณน้ำและการปล่อยน้ำที่กักเก็บในเขื่อน น้ำท่า น้ำฝน นั้น ให้หน่วยงานข้างต้นเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำที่ระบุเกี่ยวกับแนวทางและปริมาณการจัดการน้ำหรือการใช้น้ำเพื่อกิจการต่าง ๆ เช่น การผลิตน้ำประปา การอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศน์ การทำการเกษตรกรรมให้แล้วเสร็จโดยเร็วและพิจารณาจัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำในระยะยาวด้วย ๔. ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘) เห็นชอบการลดปริมาณการปล่อยน้ำจาก ๔ เขื่อนหลักในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ลงเหลือประมาณ ๑๘ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน และนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการในคราวประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๘ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงปริมาณการปล่อยน้ำจากเขื่อนสำหรับการทำการเกษตรอย่างมีนัยสำคัญ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนที่กฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีกำหนด และแจ้งให้เกษตรกรทราบล่วงหน้าแต่เนิ่น ๆ ด้วย นั้น ในการระบายน้ำจากเขื่อนหลักในระยะต่อไป ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีดังกล่าวข้างต้นอย่างเคร่งครัดด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
21827 | รัฐบาลสาธารณรัฐอินเดียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย (กระทรวงการต่างประเทศ) [นายภควันต สิงห พิศโนอี (Mr. Bhagwant Singh Bishnoi)] | กต | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายภควันต สิงห พิศโนอี (Mr. Bhagwant Singh Bishnoi) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายหรรษ วรรธน ศฤงคลา (Mr. Harsh Vardhan Shringla) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21828 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง | กษ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง โครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ชุมชนที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมายทั้ง ๓,๐๕๑ ตำบล มีการเสนอขอความต้องการตามเงื่อนไขขั้นตอนการขอรับการสนับสนุน และได้รับอนุมัติให้ดำเนินการจำนวนทั้งสิ้น ๓,๐๔๔ ตำบล รวม ๖,๕๙๘ โครงการ และเมื่อดำเนินการจริงพบว่า ชุมชนสามารถดำเนินการได้จนเสร็จสิ้นตามวัตถุประสงค์ จำนวนทั้งสิ้น ๓,๐๔๓ ตำบล รวม ๖,๕๙๖ โครงการ โดยมีตำบลที่ขอยกเลิกการดำเนินงาน จำนวน ๑ ตำบล รวม ๒ โครงการ คือ โครงการประเภทการจัดการแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร (การก่อสร้างฝายชะลอน้ำ) ๒. ผลการดำเนินการเกษตรของชุมชน โครงการของชุมชน จำนวน ๖,๕๙๖ โครงการ จำแนกตามประเภทของกิจกรรม ได้แก่ (๑) กิจกรรมด้านการจัดการแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรของชุมชน จำนวน ๓,๓๒๘ โครงการ (๒) กิจกรรมด้านการผลิตทางการเกษตรและการแปรรูปผลผลิตเกษตรเพื่อสร้างรายได้ในฤดูแล้ง จำนวน ๖๓๖ โครงการ (๓) กิจกรรรมด้านการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต จำนวน ๒,๓๗๑ โครงการ และ (๔) กิจกรรมด้านการจัดการเพื่อลดความสูญเสียผลผลิตเกษตร จำนวน ๒๖๑ โครงการ ๓. ผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรและชุมชนเกษตร เกษตรกรได้รับประโยชน์จากโครงการ จำนวน ๒.๘๗ ล้านครัวเรือน เกิดการจ้างงานในชุมชน จำนวน ๐.๘๗ ล้านราย และเกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากการดำเนินงานโครงการ จำนวน ๒,๐๔๘.๐๒ ล้านบาท ๔. ผลการเบิกจ่ายงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมของชุมชนเกษตร จำนวน ๖,๕๙๖ โครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๙๙๒,๗๗๗,๔๔๘.๑๙ บาท จำแนกเป็นค่าวัสดุ ๑,๓๗๖,๐๙๒,๙๐๕.๓๗ บาท และค่าจ้างแรงงาน ๑,๖๑๖,๖๘๔,๕๔๒.๘๒ บาท และผลการเบิกจ่ายงบประมาณในการบริหารจัดการโครงการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๙๕,๗๘๗,๘๔๕.๐๕ บาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
21829 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลฉลุง ตำบลเจ๊ะบิลัง และตำบลบ้านควน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลฉลุง ตำบลเจ๊ะบิลัง และตำบลบ้านควน อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินซึ่งพลเมืองเลิกใช้ประโยชน์ในที่ดินแล้วบางส่วนให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
21830 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโอนสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไปยัง ส.ป.ก. พ.ศ. .... | กษ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโอนสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไปยัง ส.ป.ก. พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการโอนสิทธิโดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมไปยัง ส.ป.ก. ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๔ ที่กำหนดให้การโอนสิทธิในที่ดินไปยังสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมจังหวัดพิจารณาดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกำหนด นั้น ควรบัญญัติไว้ให้ชัดเจนในกฎกระทรวงว่าจะใช้งบประมาณแผ่นดินหรือจากเงินกองทุนเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และหากจะใช้เงินกองทุนเพื่อการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม จะต้องพิจารณาระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วยการใช้จ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้สอดคล้องกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับกระบวนการตรวจสอบการได้มาซึ่งสิทธิครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. ของผู้ได้รับสิทธิในที่ดินให้มีความถูกต้องและเป็นไปตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๑๘ และระเบียบอื่น ๆ รวมทั้งกระบวนการที่จะดูแลให้การจ่ายค่าตอบแทนที่จะเกิดขึ้นถึงมือเกษตรกรหรือทายาทโดยธรรมของเกษตรกรผู้ได้รับสิทธิในที่ดินอย่างแท้จริง ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
21831 | ขออนุมัติโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณสถานีสะพานพระนั่งเกล้า โครงการปรับปรุงรูปแบบอาคารจอดแล้วจร แยกนนทบุรี 1 และโครงการก่อสร้างสะพานลอยกลับรถไปทางสุพรรณบุรี บริเวณหน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ของโครงการรถไฟฟ้า สายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ | คค | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินงานโครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางบริเวณสถานีสะพานพระนั่งเกล้า โครงการปรับปรุงรูปแบบอาคารจอดแล้วจร แยกนนทบุรี ๑ และโครงการก่อสร้างสะพานลอยกลับรถไปทางสุพรรณบุรี บริเวณหน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ๑.๒ ให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม โดยวิธีการให้กู้เงินต่อหรือค้ำประกันเงินกู้ ภายใต้กรอบวงเงินค่าก่อสร้างโครงการสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อเชื่อมต่อการเดินทางของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ทั้ง ๓ โครงการ ในกรอบวงเงิน ๔๒๕,๐๕๐,๒๔๑.๗๔ บาท และให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณประจำปีให้เป็นรายได้แก่ รฟม. ให้เพียงพอ เพื่อการชำระหนี้แก่แหล่งเงินทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับ รฟม. ต่อไป ๒. สำหรับการดำเนินการก่อสร้างสะพานลอยกลับรถไปทางสุพรรณบุรีบริเวณหน้าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ให้กระทรวงคมนาคมหารือกับสำนักงบประมาณในรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ดำเนินการและแหล่งเงินดำเนินการ ทั้งนี้ ก่อนเริ่มขั้นตอนการดำเนินโครงการปรับปรุงอาคารจอดแล้วจร แยกนนทบุรี ๑ รฟม. ต้องจัดทำรายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการปรับปรุงรูปแบบอาคารจอดแล้วจร แยกนนทบุรี ๑ ตามความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และจัดทำข้อมูลศึกษาความคุ้มค่าในการลงทุนตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
21832 | หลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีการจ่ายเงิน โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง | กษ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของหลักเกณฑ์ แนวทาง และวิธีการจ่ายเงิน โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ประกอบด้วย (๑) คุณสมบัติเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ทั้งเกษตรกรเจ้าของสวนยาง/ผู้เช่าสวนยาง และคนกรีดยาง ช่วยเหลือไม่เกิน ๑๕ ไร่ (๒) การรับแจ้งเข้าร่วมโครงการ เกษตรกรเจ้าของสวนยาง/ผู้เช่าสวนยาง และคนกรีดยางจะต้องมาแจ้งขอเข้าร่วมโครงการ ในพื้นที่ที่สวนยางตั้งอยู่ โดยการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จะกำหนดรายละเอียดสถานที่รับแจ้งการเข้าร่วมโครงการในแต่ละพื้นที่เพื่อประกาศให้เกษตรกรทราบโดยทั่วกัน (๓) การตรวจสอบรับรองสิทธิ์ จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการระดับพื้นที่ ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารโครงการสร้างความเข้มแข้งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ระดับจังหวัด คณะกรรมการบริหารโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ระดับอำเภอ และคณะทำงานตรวจสอบสิทธิ์โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ระดับตำบล และ (๔) การจ่ายเงินให้เกษตรกรเจ้าของสวนยาง/ผู้เช่าสวนยาง และคนกรีดยาง กยท. จะนำบัญชีรายชื่อเกษตรกรเจ้าของสวนยาง/ผู้เช่าสวนยาง และคนกรีดยางที่ผ่านการพิจารณาตรวจสอบและรับรองสิทธิ์จากคณะกรรมการบริหารโครงการฯ ระดับอำเภอ ส่งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำนักงานใหญ่ ประมวลผลตรวจสอบความถูกต้องเพื่อโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากเกษตรกรเจ้าของสวนยาง/ผู้เช่าสวนยาง และคนกรีดยาง ทั้งนี้ ให้กำหนดระยะเวลาการรับแจ้งเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเป็นต้นไป และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้สามารถจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรได้โดยเร็ว ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดวันสิ้นสุดการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ไว้ให้ชัดเจน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเจ้าของสวนยาง/ผู้เช่าสวนยาง และคนกรีดยางรับทราบล่วงหน้า เพื่อป้องกันการเรียกร้องขอลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในภายหลัง และในโอกาสต่อไปในการเสนอโครงการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรชาวสวนยางพารา รวมถึงกรณีการเสนอโครงการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรอื่น ๆ ควรให้ความสำคัญถึงการแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน เพื่อให้เกษตรกรสามารถดูแลตัวเองต่อไปได้ในอนาคต และช่วยลดภาระงบประมาณแผ่นดินจากการให้ความช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากรัฐบาล โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และหลักการเกษตรแบบผสมผสานตามแนวทางโครงการพระราชดำริ นอกจากนี้ ควรเร่งประชาสัมพันธ์โครงการฯ โดยอาศัยโอกาสจากการขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์ ณ จุดให้บริการในพื้นที่ เพื่อสร้างความสนใจและเข้าร่วมโครงการของรัฐบาล อาทิ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการใช้เงินกองทุนพัฒนายางพาราให้สอดคล้องตามนัยของพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ และแนวทางของข้อบังคับคณะกรรมการยางแห่งประเทศไทย ว่าด้วยการบริหารและจัดสรรเงินกองทุนพัฒนายางพารา ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์หารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการให้ความช่วยเหลือคนกรีดยางที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือในโครงการ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการโดยไม่ขัดกับกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||||||||
21833 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการดำเนิน โครงการตามแผนโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรระยะเร่งด่วนปี 2558 (สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) | ตช | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๑๔๙,๔๕๐,๕๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากรระยะเร่งด่วนปี ๒๕๕๘ จำนวน ๑๐ โครงการ สำหรับโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย ๓๐ ครอบครัว สูง ๕ ชั้น ของตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตราด วงเงิน ๒๒,๗๐๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดทำรายละเอียดงบประมาณราคากลางให้ครบถ้วน แล้วขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ส่วนโครงการก่อสร้างอาคารตรวจบุคคล (Terminal) ของตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก วงเงิน ๘๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ รองรับตามความจำเป็นและความเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21834 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและรัฐเอริเทรีย | กต | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ ๒๒๔๔ (ค.ศ. ๒๐๑๕) และที่ ๒๒๔๖ (ค.ศ. ๒๐๑๕) เกี่ยวกับสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและรัฐเอริเทรีย ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานอัยการสูงสุด ถือปฏิบัติและแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ป.ป.ง.) เกี่ยวกับการดำเนินการกับทรัพย์สินของบุคคลหรือองค์กรตามที่ระบุในข้อมติดังกล่าว โดยสำนักงาน ป.ป.ง. จะกระทำได้ก็เมื่อมีการกระทำอันเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งไม่รวมถึงกรณีความไม่สงบภายในประเทศและการสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธเพื่อก่อความไม่สงบภายในประเทศซึ่งเป็นสถานการณ์ในสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและรัฐเอริเทรีย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
21835 | ขอความเห็นชอบร่างพิธีสารในการติดต่อประสานงานสำหรับการบริหารจัดการภาวะวิกฤตของตำรวจอาเซียน [The ASEANAPOL Communications and Co-ordination Protocol Crisis Management (ACCPCM)] | ตช | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอร่างพิธีสารในการติดต่อประสานงานสำหรับการบริหารจัดการภาวะวิกฤตของตำรวจอาเซียน [The ASEANAPOL Communications and Co-ordination Protocol for Crisis Management (ACCPCM)] เพื่อจะได้นำร่างพิธีสารฯ เข้าลงนามร่วมกันระหว่างประเทศสมาชิกตำรวจอาเซียนและองค์กรตำรวจสากล ในการประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียนครั้งที่ ๓๖ ซึ่งจะจัดขึ้นประมาณเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๙ ต่อไป โดยร่างพิธีสารฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูล แลกเปลี่ยนข่าวสาร และข่าวกรองระหว่างประเทศสมาชิกที่ได้รับผลกระทบไปยังประเทศสมาชิกอื่น ๆ และศูนย์ประสานงานองค์การตำรวจสากล เพื่อร้องขอและให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกที่ประสบภาวะวิกฤตทั้งทางด้านเทคนิค การสืบสวนสอบสวน ตลอดจนการแบ่งปันข้อมูลข่าวกรองผ่านระบบศูนย์ข้อมูลตำรวจสากล (I-24/7) และเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างประเทศสมาชิกผ่านระบบศูนย์ข้อมูลตำรวจสากล (I-24/7) และระบบศูนย์ข้อมูลตำรวจอาเซียน (e-ADS) ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างพิธีสารฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการแก้ไขดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
21836 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์กำหนดรายการสินค้าห้ามนำผ่านภายใต้พระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 รวม 2 ฉบับ | พณ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดประเภทสินค้าที่ห้ามนำผ่านราชอาณาจักร ซึ่งรวมถึงสินค้าอาวุธยุทธภัณฑ์ตามมาตรการคว่ำบาตรตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่มีมาตรการนำเข้าหรือส่งออกเป็นสินค้าที่ต้องห้ามในการนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้สินค้าที่มีมาตรการคว่ำบาตรตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำผ่านราชอาณาจักร พ.ศ. .... ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการกำหนดวันใช้บังคับร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ดังกล่าว ควรเป็นไปตามหลักกฎหมายทั่วไปในมาตรา ๒ แห่งประมวลกฎหมายอาญาที่บัญญัติให้บุคคลต้องรับโทษทางอาญาต่อเมื่อได้กระทำการอันกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำนั้นบัญญัติเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้เท่านั้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกรมศุลกากรประชาสัมพันธ์มาตรการควบคุมการนำผ่านของไทยให้แก่ผู้ประกอบการไทย ผู้ประกอบการต่างชาติ พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน และประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคที่มีอาณาเขตติดต่อกันทราบถึงเหตุผลและความจำเป็นในการห้ามนำผ่านสินค้าแต่ละรายการ ในลักษณะการสร้างความเข้าใจร่วมกัน ไปพิจารณาด้วย ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรีด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
21837 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมและ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมและวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ....) | ยธ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมและร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมและวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ....) ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นชอบในหลักการของข้อเสนอแนะดังกล่าว โดยสำนักงานศาลปกครองและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมขึ้นเป็นแนวคิดที่ขัดแย้งกับระบบกฎหมายและระบบศาล เนื่องจากกฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นระบบที่ให้รัฐมีอำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบในเรื่องสิ่งแวดล้อม คดีส่วนใหญ่จึงเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลปกครองอยู่แล้ว อีกทั้งการพิจารณาพิพากษาคดีจำต้องอาศัยองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญทางกฎหมายมหาชนและกฎหมายปกครองเป็นหลัก ส่วนกรณีที่ข้อพิพาทมีประเด็นเกี่ยวกับเรื่องในทางแพ่งหรือทางอาญา การพิจารณาพิพากษาคดีขององค์กรศาลก็จำต้องอาศัยองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญทางกฎหมายเอกชนหรือกฎหมายอาญาเป็นหลักเช่นกัน โดยนำเอาองค์ความรู้ทางสิ่งแวดล้อมมาเป็นข้อพิจารณาประกอบ จึงเห็นควรสนับสนุนให้ศาลปกครองและศาลยุติธรรม พัฒนา ปรับปรุง และปฏิรูประบบงานในการพิจารณาพิพากษาคดีที่อยู่ในเขตอำนาจของแต่ละศาลให้มีความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงยุติธรรมให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
21838 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee) ไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 5 | พณ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๕ ระหว่างวันที่ ๓-๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ ณ โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน กรุงเทพฯ และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามผลการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. ประเด็นที่เห็นชอบร่วมกันที่จะส่งเสริมและผลักดันการเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน โดยจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายประกาศการตั้งเป้าหมายการค้าในปี ๒๕๖๓ ให้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าของมูลค่าปัจจุบันในการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมกันอย่างไม่เป็นทางการ ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๒ ๒. ประเด็นที่จะสนับสนุนการดำเนินการร่วมกันต่อไป ได้แก่ ความร่วมมือด้านการเชื่อมโยง ความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน ความร่วมมือเพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ๓. ประเด็นที่จะมีการพิจารณาต่อไปเกี่ยวกับการจัดทำยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองหน้าด่านไทยและกัมพูชา ๔. ประเด็นปัญหาที่กัมพูชาหยิบยก ได้แก่ การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และการนำผ่านสินค้าเกษตร |
|||||||||||||||||||||||||||
21839 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ และให้ข้าราชการพลเรือนสามัญพ้นจากตำแหน่ง (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) (นางอรสา ดิสถาพร) | กษ | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางอรสา ดิสถาพร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านพัฒนาระบบการผลิตสินค้าเกษตร (นักวิชาการเกษตรทรงคุณวุฒิ) กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
21840 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายวีระ อุไรรัตน์) | นร08 | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวีระ อุไรรัตน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ความมั่นคง (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
.....