ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 48 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 941 - 960 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
941 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... | ทส | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๖ ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เพื่อการอนุรักษ์ การปกป้อง และการฟื้นฟูบูรณะต้นยางนาและต้นขี้เหล็ก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
942 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) | ทส | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้
๑. เรื่องที่เป็นหลักการหรือเรื่องทั่วไป ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้มีการพิจารณาแผนการใช้จ่ายงบประมาณ และการเร่งรัดการใช้งบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยมีผลการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) ณ วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ ร้อยละ ๑๕ ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุม เสนอประเด็น กล่าวถ้อยแถลง และแสดงท่าทีของไทยในการประชุมต่าง ๆ ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการตามระเบียบเกี่ยวกับการพัสดุที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและโปร่งใส และได้ทำมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบและส่งเสริมคุ้มครองจริยธรรม รวมทั้งมาตรการการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑.๔ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) เกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีเวลาเพียงพอที่จะช่วยพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเคร่งครัด ๒. เรื่องหรือโครงการที่สำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การจัดทำแผนการเจรจาและจัดทำความตกลงฯ ล่วงหน้า ๖ เดือน ได้มีแผนงานความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓ เรื่อง อาทิ การประชุม The 20th Session of the conference of the Parties to the United Nations Framework Convention on Climate Change (COP20) การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๔ การประชุม The Meeting of the ASEAN Working Group เป็นต้น ๒.๒ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ ได้แก่ การพิจารณาทำโครงการแก้มลิงเพื่อเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ การแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก และการส่งบุคลากรไปศึกษาข้อมูลเทคนิคการฝังท่อลงไปในท่อน้ำเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง ๒.๓ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร ได้แก่ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน แต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ ได้ และการจัดพื้นที่ทำกินในลักษณะป่าเศรษฐกิจตามแนวทางโครงการธนาคารอาหารชุมชนตามพระราชดำริ (Food Bank) ๒.๔ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย ได้แก่ การกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาขยะ การกำจัดน้ำเสียจากโรงงาน และการสร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะ และการจัดทำแผนการจัดตั้งโรงงานกำจัดขยะมูลฝอยในภาพรวมของประเทศและแนวทางบูรณาการการบริหารจัดการอย่างครบวงจร ๒.๕ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้มีการพิจารณาจัดทำข้อมูลการให้บริการประชาชนที่อยู่ในความรับผิดชอบ ๒.๖ การรวบรวมกฎหมาย ระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย ได้แก่ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ การเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน การค้า เศรษฐกิจ หรือเป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายที่จำเป็นต้องดำเนินการในระยะเร่งด่วน
|
|||||||||||||||||||||
943 | การเสนออนุสรณ์สถาน แหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงของล้านนา เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) | ทส | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เอกสารนำเสนออนุสรณ์สถาน แหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงของล้านนา (Monuments, Sites, and Cultural Landscape of Chiang Mai, Capital of Lanna) เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก เพื่อดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก และตามแนวทางการอนุวัตตามอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก (Operational Guidelines for the Implementation of the World Heritage Convention) ๒. ให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) นำเสนออนุสรณ์สถาน แหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์วัฒนธรรมของเชียงใหม่ นครหลวงของล้านนา (Monuments, Sites, and Cultural Landscape of Chiang Mai, Capital of Lanna) เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส |
|||||||||||||||||||||
944 | การเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี เข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก | ทส | 27/01/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบเอกสารนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี (Phuphrabat Historical Park) เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ๒. เห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) นำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส |
|||||||||||||||||||||
945 | ร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... | ทส | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. ให้ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ไปพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการกำหนดลุ่มน้ำเพื่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงต่อประชาชน แล้วส่งผลการหารือดังกล่าวให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... ต่อไป ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการในการรับประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการเข้าถึงน้ำ การควบคุมการใช้น้ำ การบริหารจัดการน้ำ การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน การพัฒนา การคุ้มครอง ฟื้นฟูและอนุรักษ์แหล่งน้ำ การป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำขาดแคลน การกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของประชาชนในลุ่มน้ำ ตลอดจนการจัดตั้งองค์กรที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำในระดับชาติและระดับลุ่มน้ำ รวมทั้งองค์กรผู้ใช้น้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาเกี่ยวกับบทเฉพาะกาลและองค์ประกอบของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในร่างพระราชบัญญัติฯ ๒.๑ ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ๒.๒ ให้คงแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๙) และแผนงาน/โครงการที่จะดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ดังกล่าว จนกว่าจะได้มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ฯ และแผนงาน/โครงการใหม่ หรือมีการปรับปรุงตามร่างพระราชบัญญัตินี้ ๒.๓ เพิ่มเติม “ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน)” เป็นกรรมการในคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติด้วย และให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการติดตามประเมินผลและกองทุนทรัพยากรน้ำ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้ พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ ประธานกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เร่งรัดการจัดทำรายละเอียดแผนปฏิบัติงาน รายงาน/วงเงิน และระยะเวลาของรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รวมทั้งรายละเอียดของรายการและวงเงินที่จะขอใช้งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ชัดเจน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
|||||||||||||||||||||
946 | การจัดทำความร่วมมือทวิภาคี Joint Crediting Mechanism (JCM) กับประเทศญี่ปุ่น | ทส | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการการจัดทำข้อตกลงทวิภาคีความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทยในการพัฒนากลไกเครดิตร่วม (Joint Crediting Mechanism : JCM) โดยโครงการความร่วมมือทวิภาคี JCM มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการถ่ายทอดเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ภายใต้ความร่วมมือทวิภาคีนี้ ญี่ปุ่นจะให้การสนับสนุนความรู้ทางเทคนิคและ/หรืองบประมาณบางส่วน (ไม่เกินร้อยละ ๕๐ ของมูลค่าโครงการ) แก่โครงการที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือก โดยมีเงื่อนไขว่ารัฐบาลของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศพัฒนาน้อยที่สุดจะต้องทำการส่งมอบคาร์บอนเครดิตที่เกิดจากการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้กลไกนี้ในสัดส่วนที่ตกลงกันให้แก่รัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อใช้ประกอบเป็นส่วนหนึ่งในการรายงานผลการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของญี่ปุ่นภายใต้อนุสัญญาประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) และมอบหมายให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นผู้ดำเนินการในรายละเอียดตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) รับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรพิจารณาข้อตกลงความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในช่องทางอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย ส่วนของการถ่ายทอดเทคโนโลยี ควรมีกรอบข้อตกลงเรื่องลิขสิทธิ์ของเทคโนโลยีร่วมกัน และควรหารือเพิ่มเติมในรายละเอียดของสาขาเทคโนโลยี ประเภทของโครงการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การเข้าร่วมโครงการ JCM ควรพิจารณาโครงการที่ประเทศไทยมีความพร้อมและความเหมาะสมที่จะเข้าร่วม เช่น โครงการในภาคพลังงาน ภาคอุตสาหกรรม และภาคการจัดการของเสีย โดยไม่ควรรวมโครงการด้านป่าไม้ เนื่องจากไม่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง รวมทั้งควรมีข้อตกลงในเรื่องลิขสิทธิ์เทคโนโลยีที่อาจจะมีการพัฒนาร่วมกันระหว่างประเทศไทยกับประเทศญี่ปุ่น และในระยะยาว ประเทศไทยควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีของตนเอง ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป และให้นำร่างข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ การจัดทำความร่วมมือทวิภาคีดังกล่าวจะต้องอยู่บนพื้นฐานของการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกันและเป็นธรรมระหว่างกัน รวมทั้งต้องไม่ขัดกับกฎหมายภายในประเทศและไม่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ดำเนินการจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยให้ทันสมัย เป็นปัจจุบัน เพื่อใช้ประโยชน์ในการเจรจาข้อตกลงเกี่ยวกับการจัดการด้านป่าไม้และคาร์บอนเครดิตของประเทศไทยต่อไป |
|||||||||||||||||||||
947 | การแต่งตั้งประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (นายธงชัย ศรีดามา) | ทส | 20/01/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธงชัย ศรีดามา เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ มกราคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
948 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1 | ทส | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย (ฉบับแก้ไข) ประกอบด้วย ๑.๑ การออกระเบียบและกฎหมาย ได้ออกกฎหมายหลัก ๒ ฉบับ คือ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ (ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗) และพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. .... (อยู่ระหว่างการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย) สำหรับกฎหมายลำดับรองได้มีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการสัตว์พาหนะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. ๒๔๘๒ นอกจากนี้ได้ยกร่างกฎหมายเพื่อรองรับการออกพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓ ฉบับ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอตามขั้นตอนเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป และได้ยกร่างกฎหมายเพื่อรองรับการออกพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. .... จำนวน ๑๓ ฉบับ เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. .... ยังมิได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา อยู่ระหว่างขั้นตอนเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป ๑.๒ การจัดทำระบบทะเบียนข้อมูล ได้รวบรวมและตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนพาณิชย์ของผู้ประกอบการงาช้าง ตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลงาช้างของกลางที่อยู่ในความดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมศุลกากร รวมทั้งอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการรับแจ้งข้อมูลการครอบครองงาช้างบ้านและงาช้างแอฟริกาที่ถูกกฎหมาย โดยในขณะนี้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชอยู่ระหว่างการจัดหาแม่ข่ายและพัฒนาโปรแกรมระบบทะเบียนข้อมูลการค้าและการครอบครองงาช้าง ๑.๓ การกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมาย ได้มีการตั้งสายตรวจร้านค้างาช้าง การจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาและข้อมูลเกี่ยวกับการค้างาช้าง การตั้งชุดปฏิบัติการร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้ มีการใช้เทคนิคใหม่ ๆ ในการติดตามและตรวจสอบการกระทำผิด เช่น การใช้ระบบสืบสวนจัดการคดี CMIS (Case Management Investigation System) ในการวิเคราะห์การข่าว การใช้เทคนิคการประเมินความเสี่ยงของสินค้านำเข้าและส่งออกของกรมศุลกากร เป็นต้น รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีดำผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า ผ่านเครือข่ายตำรวจสากล และได้มีการประสานงานกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นอกจากนี้ได้จัดทำคู่มือการจำแนกงาช้างแจกให้แก่เจ้าหน้าที่ และได้จัดอบรม ประชุม ประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงาช้าและการค้างาช้าง การจำแนกชนิดงาช้างและการจัดทำเครื่องหมาย ๑.๔ การประชาสัมพันธ์ โดยมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหาการประชาสัมพันธ์ในกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ได้แก่ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบกิจการค้างาช้าง ผ่านสื่อหลัก ๕ สื่อ ได้แก่ สิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต และนิทรรศการ และผ่านช่องทางประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ เช่น ช่องทางทางการทูต สนามบิน สายการบิน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน ลด ละ เลิก การบริโภคงาช้างและปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายผ่านการจัดค่ายเยาวชน จัดแสดงนิทรรศการและประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ตามโรงเรียนต่าง ๆ ๑.๕ การติดตามและประเมินผล ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ ๔ ชุด ได้แก่ คณะอนุกรรมการด้านการออกระเบียบและกฎหมาย คณะอนุกรรมการด้านการจัดทำระบบทะเบียนข้อมูล คณะอนุกรรมการด้านกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย และคณะอนุกรรมการด้านประชาสัมพันธ์ และได้มีการจัดประชุมของคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ รวมทั้งการประชุมของคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่ใกล้สูญพันธุ์ประจำประเทศไทย ๒. รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑ ประกอบด้วย ความเป็นมาและสาระสำคัญแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย (ฉบับแก้ไข) เนื้อหาที่เกี่ยวกับรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ตามรูปแบบที่สำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) กำหนด รวมทั้งภาคผนวก เป็นข้อมูลสนับสนุน เช่น รูปภาพ ตาราง แผนผัง เป็นต้น และหากจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขรายงานฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง และให้จัดส่งรายงานฯ ให้สำนักเลขาธิการ CITES ตามระยะเวลาที่กำหนด
|
|||||||||||||||||||||
949 | มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในกระบวนการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูง | ทส | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาและผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในกระบวนการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประชาสัมพันธ์เรื่องนี้ให้ทราบโดยทั่วกันด้วย สรุปได้ ดังนี้
๑. ส่งเสริมให้ประชาชนปลูกไม้พะยูงในเชิงเศรษฐกิจ โดยแจกกล้าไม้พะยูงให้กับประชาชนทั่วไป เพื่อเป็นการเพิ่มจำนวนไม้พะยูงในประเทศไทยให้มากขึ้น หากประกาศให้ไม้พะยูงเป็นไม้หวงห้ามประเภท ข. ซึ่งกฎหมายไม่อนุญาตให้ทำไม้ จะทำให้เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมการปลูกไม้พะยูง แต่ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐๖/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ซึ่งกำหนดให้ไม้พะยูง ไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใดในราชอาณาจักร เป็นไม้หวงห้ามประเภท ก. เช่นเดียวกับไม้สักและไม้ยาง เพื่อคุ้มครองไม้พะยูงและเพิ่มบทลงโทษแก่ผู้กระทำความผิดให้หนักขึ้นจาก “ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท” ถือว่าเป็นมาตรการที่เหมาะสมทำให้ผู้กระทำผิดเกรงกลัวต่อกฎหมายยิ่งขึ้น ๒. ศึกษาวิจัยพัฒนาสายพันธุ์ไม้พะยูง และขณะนี้มีความพร้อมในการผลิตกล้าไม้พะยูงที่มีคุณภาพดี มีจำนวนเพียงพอในการแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน รัฐวิสาหกิจ และประชาชน มากกว่า ๑๐ ล้านกล้าต่อปี ๓. สร้างแนวร่วมและเครือข่ายพิทักษ์ป่าในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้หลายรูปแบบ เพื่อส่งเสริมให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมและช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ของรัฐในการอนุรักษ์และป้องกันการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า รวมทั้งได้ส่งเสริมสนับสนุนพัฒนาอาชีพให้ประชาชนและชุมชนในพื้นที่ป่าและรอบพื้นที่ป่าให้มีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในรูปแบบการบริหารจัดการป่าชุมชน ๙,๐๐๐ ป่า และมีเป้าหมายเพิ่มจำนวนป่าชุมชนซึ่งอยู่รอบแนวเขตพื้นที่ป่าทั้งหมดให้ได้ ๒๘,๐๐๐ ป่า ๔. ผลักดันไม้พะยูงให้อยู่ในบัญชีแนบ ๒ ท้ายอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (CITES) ในคราวประชุม CITES CoP16 เมื่อเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงเทพมหานคร สำหรับการผลักดันไม้พะยูงให้อยู่ในบัญชีแนบ ๑ ท้ายอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ อยู่ระหว่างเตรียมการจัดประชุม/เสวนา เพื่อรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้ประกอบการ และผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อรับทราบถึงข้อดี ข้อเสีย ปัญหา อุปสรรค และผลกระทบจากการนำไม้พะยูงอยู่ในบัญชีแนบ ๑ CITES ต่อไป ๕. กำหนดจัดให้มีการประชุมภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ระหว่างหน่วยงาน ได้แก่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติให้คณะกรรมการคดีพิเศษรับคดีการลักลอบตัดและค้าไม้พะยูงซึ่งเป็นคดีรายใหญ่ มีความซับซ้อนเกินความสามารถของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะดำเนินการได้ และเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในระดับต่าง ๆ เป็นคดีพิเศษ หรือเพื่อให้มีการโอนย้ายคดีมาดำเนินการที่ส่วนกลาง ๖. ขอความร่วมมือกระทรวงมหาดไทย ให้พนักงานฝ่ายปกครองเข้าควบคุมการสอบสวนการกระทำความผิดในคดีเกี่ยวกับป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะการกระทำความผิดในคดีลักลอบตัดไม้และค้าไม้พะยูงทุกคดีเป็นกรณีพิเศษอย่างเคร่งครัด ๗. สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าระดับจังหวัด จัดประชุมคณะอนุกรรมการฯ ทุกเดือน และรายงานผลคดีในพื้นที่จังหวัดให้สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบทุก ๑๕ วัน และจัดทำระบบฐานข้อมูลการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ เพื่อรวบรวมคดีความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ โดยเฉพาะคดีไม้พะยูง ข้อมูลของผู้กระทำผิด รายการไม้ของกลาง และอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดให้เป็นระบบ รวมทั้งปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ๘. จัดทำคู่มือแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินคดีความผิดกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดถือเป็นแนวทางการปฏิบัติงาน ๙. เตรียมการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนในการดำเนินคดี การริบของกลางที่เป็นอุปกรณ์ เครื่องมือ และยานพาหนะ ที่ใช้ในการกระทำผิด เพื่อป้องกันการนำกลับไปใช้ในการกระทำผิดซ้ำ และกำหนดแนวทางนำระเบียบข้อกฎหมายของพระราชบัญญัติการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ มาใช้ในการจัดการกับยานพาหนะของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด ๑๐. สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ รวบรวมคดีการกระทำผิดรายใหญ่หรือคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล ทั้งหมดให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ๑๑. ได้มีระเบียบว่าด้วยการจ่ายสินบนรางวัลและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน สำหรับให้สินบนและรางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสนำจับ และผู้ที่ทำการจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ เพื่อเป็นการส่งเสริมมาตรการปราบปรามผู้กระทำความผิดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นขวัญกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และได้ดำเนินการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการพิจารณาปรับเปลี่ยนระเบียบการปฏิบัติเกี่ยวกับของกลาง ในคดีความผิดเกี่ยวกับการป่าไม้ เพื่อเป็นแรงจูงใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเช่นเดียวกับการปฏิบัติเกี่ยวกับของกลางตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ หรือพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒
|
|||||||||||||||||||||
950 | สรุปผลการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 2 (2nd Mekong River Commission Summit) | ทส | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๒ [2nd Mekong River Commission (MRC) Summit] ระหว่างวันที่ ๔-๕ เมษายน ๒๕๕๗ ณ นครโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผู้นำประเทศสมาชิกได้ร่วมกันทบทวนผลการดำเนินงานภายใต้ปฏิญญาหัวหิน ค.ศ. ๒๐๑๐ (ซึ่งได้มีการประกาศรับรองในการประชุมสุดยอดลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๑ เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๕๓) พบว่า การดำเนินงานประสบผลสำเร็จในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การพัฒนาลุ่มน้ำ การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ การศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การศึกษาและให้คำแนะนำการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานในลุ่มน้ำโขง ระเบียบปฏิบัติการใช้น้ำ การขยายความร่วมมือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการเสริมสร้างศักยภาพประเทศสมาชิก ฯลฯ พร้อมทั้งได้แสดงคำมั่นที่จะสนับสนุนและเร่งรัดการศึกษาการพัฒนาที่ยั่งยืนของลุ่มน้ำโขง รวมถึงการศึกษาผลกระทบของโครงการไฟฟ้าพลังน้ำบนแม่น้ำโขงสายประธานของคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Council Study) เพื่อให้ประเทศสมาชิกสามารถใช้ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์นำมาประกอบการตัดสินใจกำหนดนโยบายการพัฒนาโครงการบนแม่น้ำโขงสายประธาน เพื่อลดผลกระทบข้ามพรมแดนที่อาจเกิดขึ้น ๒. ที่ประชุมได้มีการประกาศปฏิญญานครโฮจิมินห์ ค.ศ. ๒๐๑๔ ซึ่งยืนยันเจตนารมณ์ในการส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรน้ำและทรัพยากรอื่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตอนล่างอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม รวมทั้งวางยุทธศาสตร์การพัฒนาในอนาคต ๓. ประเทศสมาชิกให้คำมั่นที่จะอนุวัติการดำเนินงานตามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน ค.ศ. ๑๙๙๕ โดยร่วมกันเสริมสร้างบทบาทของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง สนับสนุนการเตรียมการถ่ายโอนภารกิจแก่ประเทศสมาชิก และเตรียมการให้องค์กรมีความยั่งยืนทางการเงินโดยการสนับสนุนจากประเทศภาคีสมาชิกภายในปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ๔. การประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ ๓ กำหนดจัดขึ้นในเดือนเมษายน ค.ศ. ๒๐๑๘ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา
|
|||||||||||||||||||||
951 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 15 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๑๕ (The 15th Informal ASEAN Ministerial Meeting on Environment : 15th IAMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ๕ ประเทศอนุภูมิภาคแม่โขงเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๔ การประชุมประเทศภาคีต่อข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๑๐ การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๔ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพบปะหารือ ทบทวน และพิจารณาประเด็นความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการกลั่นกรองจากที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ระหว่างวันที่ ๒๗-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ และให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องตามนัยผลการประชุมดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปในโอกาสแรก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยผลการประชุม 15th IAMME สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบความเห็นจากเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมที่มีต่อร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียน-สหรัฐฯ ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN-US Joint Statement on Climate Change) โดยเฉพาะในส่วนการปรับเปลี่ยนถ้อยคำให้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือของประเทศอาเซียนและสหรัฐฯ ในความพยายามที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกบนพื้นฐานความเท่าเทียมตามหลักความเสมอภาค และความเท่าเทียมกัน ในระดับความรับผิดชอบที่แตกต่างตามกำลังความสามารถ ๒. รับทราบสถานภาพของร่างกรอบข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรชีวภาพและทรัพยากรพันธุกรรมอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม โดยประเทศสมาชิกอาเซียน ๙ ประเทศ มีความเห็นว่าขณะนี้มีพิธีสารนาโงยาที่ครอบคลุมเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์จากการใช้ทรัพยากรอยู่แล้ว ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนอาจพิจารณารายละเอียดการดำเนินงานของพิธีสารดังกล่าวเพิ่มเติมต่อเนื่องร่วมกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศสมาชิกอาเซียนต่อไป ๓. เห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Joint Statement on Climate Change) ที่จะส่งเสริมความร่วมมือในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อมิให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นเกิน ๒ องศาเซลเซียส และการปรับตัวด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้หลักการของการรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างกัน พร้อมทั้งเน้นย้ำให้เกิดการรักษาและจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน ๔. เห็นชอบข้อเสนอของคณะกรรมการบริหารศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพที่พิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขข้อตกลงการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Establishment Agreement of the ASEAN Centre for Biodiversity) ตามที่บทบัญญัติข้อ ๑๑ ซึ่งกำหนดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนทบทวนข้อตกลงฯ อย่างน้อยทุก ๆ ๕ ปี ๕. ให้การรับรองเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Mt. Hamiguitan Range และอุทยานแห่งชาติ Tubbataha Reefs ของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียน แห่งที่ ๓๔ และ ๓๕ ๖. เห็นชอบต่อหัวข้อ “Empowering Youth for Green ASEAN Community” ของงานปีสิ่งแวดล้อมอาเซียน ๒๐๑๕ และพิธีมอบรางวัลโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษา ครั้งที่ ๒ ที่จะจัดขึ้น ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ๗. ให้การสนับสนุนในหลักการต่อการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยเศรษฐกิจสีเขียว (ASEAN Institute for Green Economy) ที่เสนอโดยสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยยังคงต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียดต่อไป |
|||||||||||||||||||||
952 | โครงการที่จะเป็นของขวัญให้ประชาชนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี "ของขวัญปีใหม่จากใจ ทส." | ทส | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการที่จะเป็นของขวัญให้ประชาชนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยโครงการที่จะเป็นของขวัญให้ประชาชนแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ ของขวัญปีใหม่ตามนโยบายรัฐบาลที่ประชาชนจะได้รับผลประโยชน์ในระยะยาว และของชำร่วยปีใหม่ แถมให้ประชาชน สรุปได้ ดังนี้
๑. ของขวัญปีใหม่ตามนโยบายรัฐบาลที่ประชาชนจะได้รับผลประโยชน์ในระยะยาว ประกอบด้วย ๑.๑ นโยบายแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งได้แก่ จัดทำโครงการ “คืนคลองให้น้ำไหล คืนความใสให้แม่น้ำทั่วประเทศ” เพื่อบำรุงรักษา ขุดลอกคู คลอง แหล่งน้ำธรรมชาติ และสร้างระบบประปาบาดาลให้โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ให้บริการเป่าล้างและซ่อมแซมระบบบาดาลเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและมอบน้ำดื่มสะอาดแก่สถานสงเคราะห์เด็ก คนชรา และผู้ยากไร้ ๑.๒ นโยบายบริหารจัดการขยะของประเทศไทย ได้แก่ กำจัดขยะมูลฝอยเก่าที่ตกค้างสะสมและปรับปรุงฟื้นฟูสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่วิกฤติ และแจกเตาเผาขยะชีวมวลไร้ควันให้กับพื้นที่นำร่อง เพื่อให้ประชาชนกำจัดขยะชีวมวลอย่างมีประสิทธิภาพและลดปัญหาหมอกควันจากการเผาในที่โล่ง ๑.๓ นโยบายการบริหารจัดการพื้นที่ป่าไม้อย่างยั่งยืน ได้แก่ เปิดปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะเริ่มจากการเร่งรื้อถอนสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ป่าที่คดีสิ้นสุดแล้ว และนำพื้นที่นี้กลับมาฟื้นฟูสภาพป่าต่อไป รวมทั้งส่งเสริมและจัดตั้ง “ป่าชุมชน” เพื่อให้ประชาชนที่อยู่ติดกับพื้นที่ป่าสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์จากของป่าแลกกับการช่วยดูแลรักษาป่า ให้ประชาชนอยู่กับป่าได้อย่างยั่งยืน ๑.๔ นโยบายจัดที่ดินให้ราษฎรผู้ไร้ที่ดินทำกิน ได้แก่ การจัดหาที่ดินเพื่อจัดให้ราษฎรผู้ยากไร้และไม่มีที่ดินทำกินเข้าใช้ประโยชน์ในลักษณะเป็นสิทธิชุมชน และนำร่องระบบสหกรณ์เพื่อจัดการใช้ประโยชน์ที่ดินและฟื้นฟูป่าชายเลนเสื่อมสภาพให้เป็นป่าชายเลนสมบูรณ์ ๑.๕ จัดทำเส้นทางจักรยานในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ จำนวน ๑๔๗ แห่ง โดยเริ่มที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เป็นพื้นที่นำร่อง ๒. ของชำร่วยปีใหม่ แถมให้ประชาชน ได้แก่ ๒.๑ เปิดให้เข้าเยี่ยมชม ใช้บริการ และร่วมกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ในช่วงระหว่างวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ถึง ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ ในสถานที่ท่องเที่ยวของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาทิ อุทยานแห่งชาติ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สวนสัตว์ สวนพฤกษศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ทางธรณีวิทยาและซากดึกดำบรรพ์ เป็นต้น ๒.๒ ปักไม้ไผ่ชะลอคลื่นเพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ระยะทาง ๒ กิโลเมตร ๒.๓ จัดทำ Application คาร์บอนฟุตพรินท์ของกิจกรรมส่วนบุคคล เพื่อรณรงค์สร้างความตระหนักแก่ประชาชนให้มีส่วนร่วมในการลดโลกร้อน ๒.๔ จัดทำโครงการรณรงค์รักษาความสะอาดในพื้นที่สาธารณะและสร้างวินัยในการจัดการขยะ
|
|||||||||||||||||||||
953 | สรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 20 (20th Meeting of Mekong River Commission Council) | ทส | 23/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๐ (20th Meeting of Mekong River Commission Council) ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission Secretariat : MRCS) เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ณ โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน โฮเต็ล แอนด์ ทาวเวอร์ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวได้มีแถลงการณ์ให้นำโครงการไฟฟ้าพลังน้ำดอนสะหง (Don Sahong Hydro Power Project) เข้าสู่กระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า (Prior Consultation : PC) ซึ่งกำหนดระยะเวลาการปรึกษาหารือและประสานข้อมูลก่อนการก่อสร้างโครงการเป็นเวลา ๖ เดือน ตามที่กำหนดไว้ในระเบียบปฏิบัติเรื่องการแจ้ง การปรึกษาหารือล่วงหน้า และข้อตกลง (Procedures for Notification, Prior Consultation and Agreement : PNPCA) ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เพื่อให้ประเทศสมาชิกได้แสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และข้อห่วงกังวลต่อผลกระทบข้ามพรมแดนที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะผลกระทบข้ามพรมแดนและการอพยพของปลา ฯลฯ ๒. ที่ประชุมอนุมัติหลักการงบประมาณหมวดบริหารองค์กร ปี ค.ศ. ๒๐๑๔ (Operation Expense Budget : OEB) ประกอบด้วย รายได้จากเงินอุดหนุนของประเทศสมาชิกและเงินค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการจำนวน ๔,๐๕๗,๕๔๘ ดอลลาร์สหรัฐ รายจ่ายจำนวน ๔,๐๕๗,๓๘๑ ดอลลาร์สหรัฐ และงบประมาณคงเหลือจำนวน ๑๖๗ ดอลลาร์สหรัฐ ๓. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าของการศึกษาการจัดการและพัฒนาแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน รวมทั้งผลกระทบจากการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน (Council Study) ซึ่งมีความล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด และมีมติให้สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงเร่งรัดจัดทำรายงานเริ่มงาน (Inception Report) เสนอประเทศสมาชิกพิจารณา พร้อมทั้งเตรียมการดำเนินการในขั้นตอนอื่น ๆ ต่อไป ๔. ที่ประชุมมีมติรับรองแผนแม่บทระดับภูมิภาค “การถ่ายโอนภารกิจหลักในการจัดการลุ่มน้ำมาสู่ประเทศสมาชิก” (Regional Roadmap’s overarching recommendations for decentralization of MRC’s Core River Basin Management Function) ได้แก่ การกำหนดกิจกรรมที่จะดำเนินการถ่ายโอนภารกิจและเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ การเชื่อมโยงและบูรณาการการวางแผนพัฒนาลุ่มน้ำ การปรับโครงสร้างสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงให้มีขนาดเล็กลงและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การจัดทำสูตรคำนวณการจ่ายเงินอุดหนุนของประเทศสมาชิกฉบับใหม่ เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
954 | ร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีในการประชุม 2014 ASEAN-ROK Special Ministerial Meeting on Forestry ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีในการประชุม The 2014 ASEAN-ROK Special Ministerial Meeting on Forestry มีสาระสำคัญเป็นการยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านการป่าไม้ของประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาเหลีในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อการจัดการด้านป่าไม้ในภูมิภาค และการดำเนินมาตรการเพื่อให้เกิดการดำเนินงานตามความตกลงระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านการป่าไม้ อย่างมีประสิทธิภาพตามกรอบเวลา รวมถึงการจัดตั้งองค์การความร่วมมือด้านการป่าไม้แห่งเอเชีย (Asian Forest Cooperation Organization : AFoCO) ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมอบหมาย เป็นผู้ให้การรับรองและร่วมลงนามร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีในการประชุม The 2014 ASEAN-ROK Special Ministerial Meeting on Forestry ณ นครปูซาน สาธารณรัฐเกาหลี ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขถ้อยคำของร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||
955 | รายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยเรื่องของมหาสมุทร ครั้งที่ 4 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ทส | 09/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยเรื่องของมหาสมุทร ครั้งที่ ๔ (4th APEC Ocean-Related Ministerial Meeting : AOMM4) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโส (Senior Officials'' Meeting : SOM) ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๗ ณ เมืองเซียะเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีนายวิฑูรย์ ชลายนนาวิน รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมดังกล่าว และรับทราบการรับรองปฏิญญาเซียะเหมิน (Xiamen Declaration) ซึ่งสาระสำคัญของปฏิญญาดังกล่าวเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกเอเปคในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญในการเพิ่มความร่วมมือด้านมหาสมุทรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใน ๔ หัวข้อหลัก ได้แก่ การอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งและการสร้างภูมิคุ้มกันจากภัยพิบัติ บทบาทของมหาสมุทรในด้านความมั่นคงทางอาหารและการค้าที่เกี่ยวข้อง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางทะเลและนวัตกรรม และเศรษฐกิจสีน้ำเงิน ทั้งนี้ การรับรองปฏิญญาเซียะเหมินครั้งนี้ไม่มีการลงนามและมิได้ใช้ถ้อยคำที่ก่อให้เกิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
956 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 02/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ช้างแอฟริกาและเต่านามลายูเป็นสัตว์คุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
957 | การแสดงเจตจำนง (Pledge) การดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ (NAMAs) | ทส | 25/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การแสดงเจตจำนงการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ (NAMAs) โดยเสนอตัวเลขของศักยภาพในการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นช่วง (Range) ระหว่างร้อยละ ๗-๒๐ ๒. หนังสือแสดงเจตจำนงการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ (Nationally Appropriate Mitigation Actions : NAMAs) และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ต่อสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change : UNFCCC) ต่อไป ๓. ให้คณะผู้แทนไทยสามารถแจ้งข้อมูลเรื่องการแสดงเจตจำนงการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศ (NAMAs) รวมทั้งตัวเลขศักยภาพในการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างร้อยละ ๗-๒๐ ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๐ (Conference of the Parties : COP 20) รวมทั้งในการหารือแบบทวิภาคีและพหุภาคีได้
|
|||||||||||||||||||||
958 | การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารแผนงาน/โครงการของส่วนราชการ (มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2556 และครั้งที่ 1/2557) | ทส | 25/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๖ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้มีมติในเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๑๒ เรื่อง และการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ คณะกรรมการฯ ได้มีมติในเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๑๘ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้ทุกส่วนราชการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในความรับผิดชอบที่ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องและได้รับความเห็นชอบ/อนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการแล้ว เพื่อให้ประชาชนและผู้สนใจได้ทราบการดำเนินงานของรัฐบาลอย่างถูกต้องโดยทั่วกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการอื่น ๆ ที่อาจมีผลกระทบด้านต่าง ๆ และอยู่ในความสนใจของประชาชน รวมทั้งให้มีการรายงานความคืบหน้าของการดำเนินโครงการต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นระยะ ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนด้วย
|
|||||||||||||||||||||
959 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่จังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | ทส | 25/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม ๒ ฉบับ เพื่อกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณท้องที่จังหวัดกระบี่ และจังหวัดพังงา เพื่อแก้ไขปัญหาและป้องกันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และเพื่อให้สามารถควบคุมการก่อสร้าง การกระทำหรือการประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภออ่าวลึก อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเหนือคลอง อำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา พ.ศ. .... ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานที่เห็นควรตัดข้อความ “ทั้งนี้ ให้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและให้เสนอคณะกรรมการตามข้อ ๑๔ ให้ความเห็นและคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป” เนื่องจากเป็นการซ้ำซ้อนกับกระบวนการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ (EHIA) ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
960 | สรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 12 (COP12) ณ เมืองพยองชาง สาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 25/11/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๒ (The Twelfth Conference of the Parties to the Convention on Biological Diversity : COP12) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๖-๑๗ ตุลาคม ๒๕๕๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรี (High Level Segment) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ เมืองพยองชาง สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๒ สมัชชาภาคีอนุสัญญาฯ เน้นการหารือในประเด็นหลักเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยที่ประชุมได้ให้การรับรองข้อตัดสินใจและมีมติในประเด็นสำคัญ เช่น การนำเสนอรายงานโลกทรรศน์ความหลากหลายทางชีวภาพ ฉบับที่ ๔ การปรับปรุงประสิทธิภาพของโครงสร้างและกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ และพิธีสารของอนุสัญญาฯ การทบทวนความก้าวหน้าในการให้การสนับสนุนการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฯ และแผนกลยุทธ์ของอนุสัญญาฯ ค.ศ. ๒๐๑๑-๒๐๒๐ การสนับสนุนเพื่อการบรรลุเป้าประสงค์การพัฒนาแห่งสหัสวรรษและวาระการพัฒนาและการพัฒนาที่ยั่งยืนภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ การขับเคลื่อนทรัพยากร กลไกการเงิน และชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน ทั้งนี้ คณะผู้แทนไทยได้นำเสนอความเห็นและท่าทีของประเทศในประเด็นต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนให้เพิ่มสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือ ช่องทาง และวิธีการในการติดต่อสื่อสารเกี่ยวกับชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน และเอื้อให้สาธารณชนสามารถมีส่วนร่วมในงานวิจัย การติดตาม และการแจ้งเตือน การเรียกร้องให้มีการสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการเสริมสร้างสมรรถนะในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุแผนกลยุทธ์อนุสัญญาฯ และเป้าหมายไอจิ (Aichi Targets) รวมถึงการเรียกร้องให้ภาคเอกชนสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในเรื่องแผนสนับสนุนทางการเงินร่วม (co-financing scheme) เป็นต้น ซึ่งความเห็นและท่าทีของประเทศไทยดังกล่าวได้ถูกบรรจุเป็นข้อตัดสินใจของสมัชชาภาคีอนุสัญญาภายใต้วาระต่าง ๆ แล้ว ๑.๒ การประชุมระดับรัฐมนตรีในระหว่างการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๑๒ เป็นการจัดประชุมร่วมและเปิดโอกาสให้ผู้แทนแต่ละประเทศได้แสดงความเห็นภายใต้หัวข้อที่สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ และรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีกำหนด ได้มีการรับรองในประเด็นที่สำคัญเรื่อง ปฏิญญากังวอน เพื่อยืนยันถึงความสำคัญของการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ฯ และเป้าหมายไอจิ กับการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และวาระหลังปี ค.ศ. ๒๐๑๕ และเรื่องข้อตกลงเรื่องแผนยุทธศาสตร์พยองชาง ในการนี้ผู้แทนรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของอาเซียนได้กล่าวแถลงการณ์แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของชาติสมาชิกอาเซียนในประเด็นที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งคณะผู้แทนไทยได้ให้การรับรองปฏิญญากังวอน และเห็นชอบกับร่างแถลงการณ์ของอาเซียน รวมทั้งเสนอท่าทีและประเด็นแลกเปลี่ยนในระหว่างการประชุมดังกล่าว ๒. เห็นชอบให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
.....