ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 47 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 921 - 940 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
921 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 20 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 10 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู | ทส | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๐ (The 20th session of the Conference of the Parties to the UNFCCC : COP20) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๐ (The 10th session of the Conference of the Parties Serving as the Meeting of the Parties to the Kyoto Protocol : CMP10) ระหว่างวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน-๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมดังกล่าว สำหรับสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ประกอบด้วย การกล่าวถ้อยแถลงของผู้นำประเทศและกลุ่มประเทศที่มีบทบาทสำคัญในการเจรจาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การหารือเรื่องความแตกต่างของระดับการพัฒนาระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศกำลังพัฒนา และประเทศพัฒนาน้อยที่สุด ซึ่งประเทศกำลังพัฒนาได้เรียกร้องให้ประเทศที่พัฒนาแล้วรับผิดชอบในการจัดสรรเงินเพื่อการจัดการในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดทำตราสารยอมรับข้อแก้ไขพิธีสารเกียวโต รวมทั้งการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และการหารือทวิภาคีในประเด็นข้อตกลงใหม่ที่จะมาแทนพิธีสารเกียวโต ๒. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลาง (National Focal Point) ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดำเนินการที่สอดคล้องกับผลของการเข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีฯ ในครั้งนี้ ได้แก่ ๒.๑ ดำเนินการจัดทำตราสารยอมรับข้อแก้ไขพิธีสารเกียวโตให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยเป็นไปตามครรลองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้พันธกรณีที่สองของพิธีสารเกียวโตมีผลบังคับใช้โดยเร็ว ๒.๒ จัดตั้งเป็นหน่วยประสานงานหลัก (National Designated Authority : NDA) ของกองทุน Green Climate Fund (GCF) อย่างเป็นทางการ เพื่อให้เป็นหน่วยงานประสานงานกลางระหว่างประเทศไทยกับกองทุน GCF ต่อไป ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญในการสนับสนุนการดำเนินการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในมิติต่าง ๆ ต่อไป ๒.๓ ผลักดันมาตรการลดก๊าซเรือนกระจกของภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายของแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสม (NAMAs) ตามที่ประเทศไทยได้แสดงเจตจำนงไว้ต่อสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ รวมทั้งควรเร่งเสริมสร้างศักยภาพของโครงสร้างและกระบวนการในการตรวจวัด รายงาน และทวนสอบ (Measurement, Reporting and Verification : MRV) ๒.๔ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในเรื่องความตกลงกลไกเครดิตร่วม (Joint Credit Mechanism : JCM) ของญี่ปุ่น เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากกลไกดังกล่าว ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการดังกล่าวร่วมกับญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๘ |
||||||||||||||||||||||||
922 | ขอขยายระยะเวลาการจัดทำคำของบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้งบประมาณในลักษณะบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ด้านการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการจัดการขยะมูลฝอย | ทส | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายระยะเวลาการจัดส่งรายละเอียดวงเงินและคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้งบประมาณในลักษณะบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ด้านการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการจัดการขยะมูลฝอย ให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ เพื่อให้สำนักงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ พร้อมหลักเกณฑ์การปรับปรุงงบประมาณฯ ภายในวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๕๘ ๑.๒ ขยายระยะเวลาการส่งเอกสารประกอบคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อให้สำนักงบประมาณเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ภายในวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินการเพื่อการจัดทำแผนแม่บท และแผนปฏิบัติการต่าง ๆ ตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อที่จะจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้ทันตามกำหนดเวลา และใช้เป็นกรอบการดำเนินงานและขอรับสนับสนุนงบประมาณในโอกาสต่อไป ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
923 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ) | ทส | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
924 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นผู้รักษาราชการแทน ในลำดับที่ ๑ ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รักษาราชการแทน ในลำดับที่ ๒
|
||||||||||||||||||||||||
925 | รายงานสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ 10 จังหวัด ภาคเหนือ | ทส | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า ปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือเกิดขึ้นจาก ๒ สาเหตุ คือ การเผาทำลายป่าในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวโพดและอ้อยของเกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือ และหมอกควันที่เข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยขณะนี้มีพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัยและปัญหาหมอกควันอย่างใกล้ชิด ๖ จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยได้จัดเจ้าหน้าที่เพื่อเฝ้าระวังเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว รวมทั้งขอความร่วมมือจากกระทรวงสาธารณสุขในการดูแลด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งดำเนินการป้องกัน ติดตาม และแก้ไขสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ดังกล่าวให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รวมทั้งการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ใกล้เคียงเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ ให้เพิ่มการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลกระทบของไฟป่าและหมอกควันที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อปรับทัศนคติของประชาชนในพื้นที่ให้ปรับเปลี่ยนวิธีการทำการเกษตรโดยไม่ให้มีการเผาทำลายป่า รวมทั้งให้หามาตรการลงโทษผู้เป็นต้นเหตุให้เกิดไฟป่าด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
926 | ผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 4 | ทส | 03/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๔ [The Fourth Greater Mekong Subregion (GMS) Environment Ministers’ Meeting : EMM] ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ มกราคม ๒๕๕๘ ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้ร่วมกันรับรองแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๔ (Joint Ministerial Statement) โดยไม่มีการลงนาม ซึ่งสาระสำคัญของแถลงการณ์ร่วมฯ ได้แก่ (๑) รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมจาก ๖ ประเทศ ให้คำมั่นว่าจะพิจารณาแนวทางในการเพิ่มการลงทุนในต้นทุนทางธรรมชาติเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและครอบคลุมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (๒) ประเทศสมาชิกยอมรับร่วมกันว่าการดำเนินโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงมีความสำคัญยิ่งต่อความเจริญรุ่งเรือง การขจัดความยากจน และการพัฒนาที่ยั่งยืนของอนุภูมิภาค (๓) ต้นทุนทางธรรมชาติถือเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างครอบคลุม ทั่วถึง และยั่งยืน จึงควรมีการเชื่อมโยงต้นทุนทางธรรมชาติกับการดำเนินงานของทุกสาขาและในทุกระดับของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างเหมาะสม และ (๔) ประเทศสมาชิกยินดีต่อข้อริเริ่มภายใต้แผนงานด้านสิ่งแวดล้อม โดยจะส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการดำเนินงานด้านต้นทุนทางธรรมชาติ ๒. หัวหน้าคณะผู้แทนไทยแจ้งว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพร่วมกับธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) จัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ จำนวน ๒ รายการ คือ การประชุมประจำปีคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม GMS ครั้งที่ ๑๒ ในช่วงเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม ๒๕๕๘ และการประชุมครึ่งปีคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อม GMS ครั้งที่ ๑๐ ในช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน ๒๕๕๘ โดยประเทศสมาชิกรับทราบและยินดีให้การสนับสนุนประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพการประชุมทั้ง ๒ รายการ
|
||||||||||||||||||||||||
927 | แผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ | ทส | 24/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป โดยแผนปฏิบัติการดังกล่าวมีกรอบแนวคิด "๑๒๐ วัน คืนฟ้าใส อากาศบริสุทธิ์ ให้ชุมชน" โดยให้จังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบหลักตามระบบศูนย์สั่งการแบบเบ็ดเสร็จ (Single Command) เน้นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุในลักษณะพื้นที่-หน้าที่-การมีส่วนร่วม (Area-Function-Participation) ตามภารกิจความรับผิดชอบของหน่วยงาน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้นำ แกนนำ อาสาสมัคร และประชาชน ระยะเวลาดำเนินงานแบ่งเป็น ๓ ระยะ ได้แก่ ระยะเร่งด่วน (มกราคม-เมษายน ๒๕๕๘) ระยะกลาง (๒๕๕๘-๒๕๖๒) และระยะยาว (๒๕๕๘-๒๕๖๗) พื้นที่เป้าหมาย ๙ จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน และตาก กรอบงบประมาณทั้งสิ้นจำนวน ๖,๒๘๕,๔๗๓ ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยการดำเนินการตามแผนปฏิบัติดังกล่าวให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ความสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนให้ตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน และบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ให้สามารถดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรมีการวิจัยเพื่อพัฒนาปรับปรุงระบบคาดการณ์ความเสี่ยงจากการเกิดไฟป่าและการเคลื่อนที่ของหมอกควันล่วงหน้าให้มีความแม่นยำขึ้น ควรส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น เครื่องผลิตเชื้อเพลิงจากเศษวัสดุ ไปเผยแพร่และใช้งานในระดับท้องถิ่น ควรให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน และควรให้ความสำคัญ รวมถึงสนับสนุนเครือข่ายอาสาสมัครต่าง ๆ เครือข่ายชุมชนในเรื่องการเฝ้าระวัง ลาดตระเวน และแจ้งเตือนให้กับหน่วยงานหลักได้ทราบเมื่อพบจุดเกิดเหตุตั้งแต่ต้น ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในช่วงเวลาห้ามเผา เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายตามแผนปฏิบัติการฯ ระยะเร่งด่วน (มกราคม-เมษายน ๒๕๕๘) ให้จังหวัดที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าว โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๘๘.๕๐๒๕ ล้านบาท และให้สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานเจ้าภาพขอทำความตกลงในรายละเอียดด้านงบประมาณตามขั้นตอนกับสำนักงบประมาณแทนจังหวัดดังกล่าวต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนที่เหลือและที่คาดว่าจะเกิดขึ้นตามแผนระยะกลางและระยะยาว ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนใช้จ่ายงบประมาณจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และหรือขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔. มอบหมายให้หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ รับไปศึกษารายละเอียดร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยเพื่อการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าทั้งทางพื้นดินและทางอากาศ เช่น การปรับปรุงเครื่องบินที่หน่วยงานต่าง ๆ มีอยู่ให้มีศักยภาพและความพร้อมในการนำมาใช้ในการดับไฟป่า เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
928 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (นางนันทริกา ชันซื่อ และนายเวทย์ นุชเจริญ) | ทส | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ จำนวน ๒ คน เนื่องจากกรรมการเดิมได้ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางนันทริกา ชันซื่อ ๒. นายเวทย์ นุชเจริญ
|
||||||||||||||||||||||||
929 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย (จำนวน 5 คน 1. นายชัยเกียรติ ห่านสัมฤทธิ์ ฯลฯ ) | ทส | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย จำนวน ๕ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการเดิมได้ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายชัยเกียรติ ห่านสัมฤทธิ์ ประธานกรรมการ ๒. นายทฤษดี ชาวสวนเจริญ กรรมการอื่น ๓. นายอณุศาสน์ อรรถวิทยา กรรมการอื่น ๔. พลอากาศเอก ปรีชัย หาญเจนลักษณ์ กรรมการอื่น ๕. นางจิราวรรณ แย้มประยูร กรรมการอื่น
|
||||||||||||||||||||||||
930 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2557 (เพิ่มเติม) | ทส | 18/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ จำนวน ๔ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปได้ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและอื่น ๆ ซึ่งให้ความเห็นชอบต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตง ตั้งอยู่ที่ตำบลยะรม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ของกรมการบินพลเรือน โดยให้กรมการบินพลเรือนรับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในประเด็นการเพิ่มเติมมาตรการการย้ายถิ่นของนกในพื้นที่ และประเด็นมาตรการลดผลกระทบทางเสียง รวมทั้งแนวทางการดำเนินโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานอื่น ๆ ในอนาคต ๒. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในบริเวณท้องที่ตำบลตลิ่งงาม ตำบลบ่อผุด ตำบลมะเร็ต ตำบลแม่น้ำ ตำบลหน้าเมือง ตำบลอ่างทอง ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย และตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และมอบให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างประกาศดังกล่าวเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาลงนามให้มีผลบังคับใช้ต่อไป ๓. เห็นชอบการกำหนดให้อุตสาหกรรมผลิตถ่านโค้ก ทุกขนาด เป็นโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดประเภทและขนาดของอุตสาหกรรมผลิตถ่านโค้ก ทุกขนาด เป็นโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมอบให้สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างประกาศดังกล่าว เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๔. เห็นชอบให้ปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ฉบับลงวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ ในเอกสารท้ายประกาศ ๓ ลำดับที่ ๑.๕ ทุกขนาด เสนอในชั้นขอประทานบัตร โดยให้ยกเว้นโครงการเหมืองแร่ทรายแก้วหรือทรายซิลิกา โครงการเหมืองแร่ดินอุตสาหกรรมชนิดดินซีเมนต์ โครงการเหมืองแร่ดินเหนียวสี โครงการเหมืองแร่ดินมาร์ล โครงการเหมืองแร่บอลเคลย์ โครงการเหมืองแร่ดินทนไฟ และโครงการเหมืองแร่ดินเบา และให้จัดทำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Code of Practice) ตามประกาศกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ และเห็นชอบร่างประกาศดังกล่าว และมอบให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำร่างประกาศดังกล่าว เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป รวมทั้งให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Code of Practice) ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขประกอบการอนุญาตประทานบัตร โดยถือว่า เป็นเงื่อนไขที่กำหนดตามกฎหมายในเรื่องนั้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
931 | สรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 21 (The 21st Meeting of Mekong River Commission Council) | ทส | 10/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๑ (The 21st Meeting of Mekong River Commission Council) ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๑ ที่ประชุมฯ ได้อนุมัติหลักการงบประมาณหมวดบริหารองค์กร ปี ค.ศ. ๒๐๑๕ ประกอบด้วย รายได้จากเงินอุดหนุนของประเทศสมาชิก และเงินค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการจำนวน ๔,๒๔๔,๑๔๒ ดอลลาร์สหรัฐ รายจ่ายจำนวน ๔,๐๓๙,๘๖๒ ดอลลาร์สหรัฐ และงบประมาณคงเหลือจำนวน ๒๐๔,๒๘๐ ดอลลาร์สหรัฐ โดยในส่วนของไทยได้โอนเงินสนับสนุนประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๘ (ค.ศ. ๒๐๑๕) จำนวน ๗๒๒,๓๕๘ ดอลลาร์สหรัฐ แก่คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงเรียบร้อยแล้ว และรับทราบผลการศึกษาการจัดการและพัฒนาแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน รวมทั้งผลกระทบจากการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน (Council Study) ดำเนินการระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๘ (ค.ศ. ๒๐๑๓-๒๐๑๕) เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจการพัฒนาโครงการในแม่น้ำโขงสายประธานแก่ประเทศสมาชิก โดยที่ประชุมฯ เห็นว่ามีความล่าช้ากว่าที่กำหนด จึงขอให้สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงเร่งรัดดำเนินการศึกษาให้แล้วเสร็จ เพื่อสามารถใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการสนับสนุนการตัดสินใจของประเทศสมาชิกต่อไป ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและคณะเข้าร่วมหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของเวียดนาม ในประเด็นสำคัญ ได้แก่ การศึกษาผลกระทบจากการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน (Delta Study) ซึ่งดำเนินการโดยเวียดนาม และความเป็นไปได้ในการเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกระทรวงฯ ของสองประเทศ รวมทั้งได้หารือความร่วมมือกับผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศของจีน โดยขอความร่วมมือจีนในการแลกเปลี่ยนข้อมูลอุทกวิทยาของแม่น้ำโขงตอนบนครอบคลุมตลอดปี เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการบริหารจัดการลุ่มแม่น้ำโขง และประกอบการแจ้งเตือนการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำที่อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนตลอดริมฝั่งแม่น้ำโขง
|
||||||||||||||||||||||||
932 | ร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 10/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติประจำจังหวัด คณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดหรืออายัดทรัพย์สินหรือของกลางที่ได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิด รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับบทกำหนดโทษให้มีอัตราโทษสูงขึ้นด้วย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปชี้แจงในประเด็นกระบวนการบริหารจัดการในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||
933 | การดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย | ทส | 10/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้บูรณาการการทำงานเกี่ยวกับการกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน เป็นต้น รวมทั้งได้จัดกิจกรรมรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างค่านิยมในการทิ้งขยะของประชาชนให้ถูกต้องและกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง และจะมีการยกร่างกฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติมความคืบหน้าในการดำเนินงานตาม Roadmap การกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ดังนี้ ๑.๑ การกำจัดขยะค้างสะสม (ขยะเก่า) จำนวน ๓๐.๘๓ ล้านตัน มีการดำเนินการกำจัดขยะ ๓ วิธี ได้แก่ การฝังกลบชั่วคราว การขนย้ายไปกำจัดอย่างถูกต้อง และการนำขยะไปผลิตเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel : RDF) คาดว่าจะสามารถกำจัดขยะค้างสะสม (ขยะเก่า) ได้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๐ ๑.๒ การกำจัดขยะใหม่จะดำเนินการ ๓ มาตรการ ได้แก่ การลดขยะและคัดแยกขยะมูลฝอยจากต้นทาง การจัดการขยะมูลฝอยแบบศูนย์รวม และการกำจัดขยะโดยเทคโนโลยีแบบผสมผสานที่เน้นการแปรรูปเป็นพลังงาน โดยส่งเสริมให้ภาคเอกชนร่วมลงทุน ๑.๓ มีแผนจะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะจำนวนทั้งสิ้น ๕๓ แห่ง ขณะนี้เปิดดำเนินการแล้ว ๒ แห่ง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ๓ แห่ง อยู่ระหว่างลงนามในสัญญา/บันทึกความเข้าใจ (MOU) ๒ แห่ง และอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ๑ แห่ง และอยู่ระหว่างการเจรจา ๔๕ แห่ง ๑.๔ การดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายจะดำเนินการใน ๖ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครปฐม สระบุรี ลพบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนในทุกจังหวัดดังกล่าว ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ๑.๔.๑ กระทรวงมหาดไทย กำหนดนโยบายให้จังหวัด/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการลดคัดแยกขยะมูลฝอย ณ แหล่งกำเนิด กำกับดูแลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเกี่ยวกับคัดแยกขยะมูลฝอยและค่าธรรมเนียมเก็บขนและกำจัด รวมทั้งกำกับ ดูแลจังหวัด/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๔.๒ กระทรวงสาธารณสุข ออกกฎกระทรวง เรื่อง การคัดแยก เก็บขนแบบแยกประเภท/สุขลักษณะการจัดการมูลฝอยทั่วไป/อัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการ (เก็บขนและกำจัด) และออกคำแนะนำ เรื่อง แนวทางการควบคุมการประกอบกิจการรับเก็บขน หรือกำจัดขยะมูลฝอยทั่วไป ที่ทำเป็นธุรกิจหรือได้รับผลตอบแทนจากการคิดค่าบริการ ๑.๔.๓ กระทรวงศึกษาธิการ กำหนดให้มีหลักสูตรการเรียนเกี่ยวกับการลด การคัดแยกขยะมูลฝอย และการจัดการขยะมูลฝอย ตั้งแต่ระดับเยาวชน และส่งเสริมสถานศึกษาดำเนินกิจกรรมลด คัดแยก และนำขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปตาม Roadmap ต่อไป ๓. เห็นชอบให้ถอนข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๗ ไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติม ๔. เห็นชอบแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสมของจังหวัดอยุธยา ฉบับแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติม โดยสาระสำคัญในการขอปรับแผนปฏิบัติการฯ (ระยะเร่งด่วน ๖ เดือน) คือ การขนย้ายขยะมูลฝอยตกค้างสะสมของเทศบาล จำนวน ๑๔ แห่ง (จากเดิม ๓ แห่ง) จำนวนปริมาณขยะมูลฝอยตกค้างสะสมรวม ๑๘๘,๒๒๐ ตัน และเพิ่มการจัดตั้งศูนย์รวบรวมของเสียอันตรายของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รายการค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสม (ระยะเร่งด่วน ๖ เดือน) ที่กรมควบคุมมลพิษได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ภายในกรอบวงเงิน ๑๑๖,๔๙๔,๐๐๐ บาท โดยให้กรมควบคุมมลพิษขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณสำหรับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการและตาม Roadmap ดังกล่าวให้เหมาะสมเพียงพอด้วย ๕. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เกี่ยวกับการจัดการของเสียอันตรายอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งก่อให้เกิดภาระต่อประเทศ จึงควรเร่งออกกฎหมายโดยใช้หลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ส่วนการฝึกอบรมและจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ควรมีการดำเนินการอย่างทั่วถึงและครอบคลุมประเด็นสำคัญของการจัดการของเสียอันตรายอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ รวมทั้งควรมีการจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของพนักงานและศูนย์รวบรวมของเสียอันตรายชุมชนของจังหวัด ตลอดจนอุปกรณ์เพื่อการจำกัดขอบเขตการรั่วไหลของสารอันตรายสู่ชุมชนข้างเคียงกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และมีมาตรการฟื้นฟูพื้นที่วิกฤตเดิมหลังจากขนย้ายขยะมูลฝอยตกค้างเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ เห็นควรเร่งรัดติดตามการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตาม Roadmap ในส่วนที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน มีการรายงานผลความคืบหน้าตามห้วงเวลา การปฏิบัติเร่งด่วนตามแนวทางที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนด เช่น การปรับปรุงฟื้นฟูสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย การนำขยะมูลฝอยมากำจัดในลักษณะรวมศูนย์ การจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอย และการจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยแบบเตาเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ให้มีผลอย่างเป็นรูปธรรม สามารถนำมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปทราบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๖. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายให้ประชาชนได้รับทราบการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องดังกล่าวอย่างถูกต้องโดยทั่วกันด้วย |
||||||||||||||||||||||||
934 | มติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า เรื่อง การกำหนดขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2552 เรื่อง มาตรการในการควบคุมการก่อสร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมี ในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ ให้ครอบคลุมพื้นที่เมืองเก่าด้วย | ทส | 10/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ๔ เมือง ได้แก่ เมืองเก่าแพร่ เมืองเก่าเพชรบุรี เมืองเก่าจันทบุรี และเมืองเก่าปัตตานี เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ ๑.๒ เห็นชอบให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒ โดยเห็นชอบมาตรการในการควบคุมการก่อสร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ และในบริเวณเมืองเก่าที่ได้ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยให้หน่วยราชการต่าง ๆ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีที่จะดำเนินการก่อสร้างภายในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ และในบริเวณเมืองเก่าที่ได้ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าตามมติคณะรัฐมนตรี ส่งเรื่องและแบบแปลนให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า โดยผ่านทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าแล้ว จึงให้เสนอสำนักงบประมาณเพื่อขอจัดตั้งงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาครัฐ ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงวัฒนธรรมเกี่ยวกับเขตพื้นที่เมืองเก่ามีขอบเขตครอบคลุมเขตทางและที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอาจมีการดำเนินกิจกรรมใด ๆ อันอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่เมืองเก่า จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีพื้นที่เมืองเก่าที่ทับซ้อนกับพื้นที่เมืองโบราณและโบราณสถานทั้งที่ประกาศขึ้นทะเบียนแล้วและที่ยังไม่ประกาศขึ้นทะเบียน การก่อสร้างหรือรื้อถอนอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐอย่างอื่น รวมทั้งเอกชนที่พึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ และในบริเวณเมืองเก่าที่ได้ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าตามมติคณะรัฐมนตรี ยังคงต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากรตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
935 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตหรือใบรับรอง และการออกใบอนุญาตหรือใบรับรอง นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 10/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตหรือใบรับรอง และการออกใบอนุญาตหรือใบรับรอง นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตหรือใบรับรอง และการออกใบอนุญาตหรือใบรับรอง นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งสัตว์ป่า ซากของสัตว์ป่า หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากซากของสัตว์ป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
936 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการพิจารณาโครงการภาคสมัครใจ และการพิจารณาให้ใช้เครื่องหมายรับรอง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
937 | ร่างกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. 2558 | ทส | 03/02/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง รวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตให้นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งงาช้าง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาตและการอนุญาตให้นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งงาช้าง ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาตการค้า และการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตให้ค้างาช้าง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาตการค้า และการพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตให้ค้างาช้าง ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าด้วยงาช้าง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ค้างาช้าง ใบอนุญาตให้นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านซึ่งงาช้าง และใบแทนใบอนุญาต
|
||||||||||||||||||||||||
938 | ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 4 | ทส | 27/01/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๔ (Greater Mekong Sub-region Fourth Environment Ministers’ Meeting Joint Ministerial Statement) ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันมีสาระสำคัญเพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการส่งเสริมความร่วมมือในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งแสวงหาแนวทางความร่วมมือในการนำหลักการด้านเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมมาใช้ในการปกป้องและฟื้นฟูทรัพยากร ซึ่งเป็นต้นทุนทางธรรมชาติในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเป็นกรอบแนวทางกว้าง ๆ ในการดำเนินงานเพื่อส่งเสริมความร่วมมือภายใต้โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และไม่มีข้อผูกมัด ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เป็นผู้ให้การรับรองในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณาโดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่ |
||||||||||||||||||||||||
939 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 27/01/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ผู้รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การจัดการน้ำเสียสามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสียได้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
940 | การเพิ่มเงินสนับสนุนสมทบและการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพสำนักเลขาธิการ COBSEA | ทส | 27/01/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้เพิ่มเงินสนับสนุนสมทบค่าธรรมเนียมสมาชิกองค์กรสิ่งแวดล้อมทางทะเลของภูมิภาคเอเชียตะวันออก (Coordinating Body on the Seas of East Asia : COBSEA) จากเดิม ๒๐,๙๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี เป็น ๔๒,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ๑.๒ ให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพสำนักเลขาธิการ COBSEA ๒. งบประมาณสำหรับเป็นเงินสนับสนุนสมทบค่าธรรมเนียมสมาชิกของ COBSEA ให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้สำหรับเป็นค่าธรรมเนียมสมาชิกของ COBSEA จำนวน ๖๖๘,๘๐๐ บาท (๒๐,๙๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ) และส่วนที่จะต้องสมทบเพิ่มขึ้นอีก จำนวน ๒๑,๑๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการโดยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม |
.....