ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 45 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 881 - 900 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
881 | (ร่าง) แผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2558 - 2593 | ทส | 14/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๙๓ จัดทำขึ้นเพื่อให้ประเทศมีกรอบแนวทางในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดผลสัมฤทธิ์ และสามารถนำพาประเทศสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำภายในปี พ.ศ. ๒๕๙๓ โดย (ร่าง) แผนแม่บทฯ กำหนดแนวทางการดำเนินงานใน ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) ด้านการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation) (๒) ด้านการลดก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการเติบโตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ (Mitigation) และ (๓) ด้านการสร้างขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Capacity building) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปเป็นกรอบในการดำเนินงานและกรอบในการจัดตั้งงบประมาณรองรับต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำ (ร่าง) แผนแม่บทฯ ไปเป็นกรอบในการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เฉพาะเรื่องหรือเฉพาะรายสาขา หรือแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเฉพาะในเรื่องที่มีความสำคัญหรือจำเป็นในระยะเร่งด่วน เช่น เรื่องการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ เพื่อการป้องกันอุทกภัยและภัยแล้ง การจัดการความเสี่ยงในภาคเกษตรและการสร้างความพร้อมในการรับมือและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของเกษตรกร และการวางแผนป้องกันเมืองและพื้นที่ชายฝั่ง เป็นต้น โดยกำหนดกรอบระยะเวลาของการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เฉพาะเรื่อง หรือเฉพาะรายสาขา หรือแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ให้สอดคล้องกับระยะเวลาของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
882 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (จำนวน 5 ราย 1. นายวิจารย์ สิมาฉายา ฯลฯ) | ทส | 14/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนและทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายวิจารย์ สิมาฉายา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควงคุมมลพิษ ๒. นายวิเชียร จุ่งรุ่งเรือง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๔. นายปราณีต ร้อยบาง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางรวีวรรณ ภูริเดช ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||||||||
883 | การจัดการป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน (เขาหัวโล้น) | ทส | 07/07/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบแนวทางการจัดการป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน (เขาหัวโล้น) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า ในรอบ ๑๐ ปีที่ผ่านมา พื้นที่ป่าต้นน้ำ ๑๓ จังหวัดภาคเหนือซึ่งเป็นต้นกำเนิดแม่น้ำหลัก ๔ สาย ปิง วัง ยม น่าน ถูกบุกรุกทำลายประมาณ ๘.๖ ล้านไร่ มีผู้บุกรุกประมาณ ๘๐๐,๐๐๐ คน ส่งผลให้เกิดปัญหาลำน้ำแห้งขอดในช่วงฤดูแล้งจนเกษตรกรในพื้นที่ราบไม่สามารถเพาะปลูกได้ ปัญหาน้ำป่าไหลหลากในช่วงฤดูฝนจนเกิดเป็นอุทกภัยและดินโคลนถล่ม และปัญหาการไหลเปื้อนของสารเคมีจากยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลงสู่พื้นที่ราบ สร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า ๔๖๙,๐๐๐ ล้านบาท รัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและได้สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว โดยมีแนวทางการจัดการป่าเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน (เขาหัวโล้น) ดังนี้ ๑.๑ แนวคิดในการดำเนินการแบ่งเป็น (๑) การควบคุมดูแลพื้นที่ (๒) การดูแลคน และ (๓) การพัฒนาด้านการเกษตร ๑.๒ ยุทธศาสตร์การบูรณาการจัดการป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชัน (เขาหัวโล้น) ภายใต้วิสัยทัศน์ “เพิ่มพื้นที่สีเขียวบนพื้นที่ป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพที่สูงชันอย่างยั่งยืน” มีเป้าหมายคือ (๑) ฟื้นฟูสภาพป่าต้นน้ำเสื่อมสภาพบนพื้นที่สูงชันไม่น้อยกว่า ๘.๖ ล้านไร่ ภายในระยะเวลา ๒๐ ปี (๒) พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและชุมชนในพื้นที่สูงให้สามารถอยู่ได้อย่างพอเพียงและยั่งยืนตามแนวพระราชดำริ (๓) สร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ (๔) ลดมูลค่าความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ประกอบด้วย ๗ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การสร้างความเข้าใจทุกภาคส่วน (กระทรวงมหาดไทย) การจัดระเบียบคนและพื้นที่ (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) การป้องกันและรักษาป่า (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) การฟื้นฟูระบบนิเวศ (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) การพัฒนาและส่งเสริมอาชีพ (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) การสร้างองค์ความรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กระทรวงศึกษาธิการ) และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน (กระทรวงมหาดไทย) ๑.๓ สำหรับแผนการปฏิบัติต่อไป จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานในกรอบของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ในพื้นที่นำร่อง (จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดน่าน) และนำผลการปฏิบัติในพื้นที่นำร่องมาจัดทำแผนแม่บทและแนวทางดำเนินงาน (Road Map) รวมทั้งขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป ๒. ในการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและคำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับประชาชนในพื้นที่และผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นอันดับแรก
|
|||||||||||||||||||||||||||
884 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติ สรุปได้ ดังนี้
๑. มอบหมายให้กรมป่าไม้ยกร่างกฎกระทรวงและระเบียบกรมป่าไม้ที่จะออกตามความในพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยคำนึงถึงการอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ไม่ก่อให้เกิดภาระโดยไม่จำเป็น และควรให้บริการประชาชนในลักษณะแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (one stop services) ๒. กรมป่าไม้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำโครงสร้างของกรมป่าไม้ใหม่ โดยได้ดำเนินการจัดทำคำขอจัดตั้งหน่วยราชการในภูมิภาค (ป่าไม้จังหวัด) แล้ว โดยได้รับคำแนะนำจากสำนักงาน ก.พ.ร. ว่าให้ดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างของกรมป่าไม้ในภาพรวมทั้งหมดในคราวเดียว ๓. กรณีที่ราษฎรครอบครองที่ดินโดยไม่ถูกต้อง แล้วได้ทำการปลูกป่า จะต้องพิจารณาในข้อกฎหมายประกอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากสาเหตุใด เช่น กรณีเป็นที่ดินที่ไม่อยู่ในเขตที่ดินของรัฐ ซึ่งอาจอยู่ในข่ายที่สามารถขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินตามกฎหมายที่ดินได้ ราษฎรต้องไปติดต่อประสานงานกับหน่วยงานของกรมที่ดินในท้องที่นั้น หรือกรณีเป็นที่ดินที่เคยได้รับหนังสืออนุญาตจากหน่วยงานของรัฐแล้ว แต่ครบกำหนดเวลาการอนุญาตไปแล้ว ต้องติดต่อกรมป่าไม้เพื่อพิจารณา ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการบุกรุกพื้นที่ป่าใหม่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ซึ่งหากหน่วยงานที่รับผิดชอบที่ดินที่ราษฎรครอบครองอยู่ไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติ ควรให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบที่ดินดังกล่าวแจ้งเรื่องมาที่กรมป่าไม้เพื่อรวบรวมส่งให้สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาตินำเสนอให้ที่ประชุมซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณาต่อไป ๔. มอบหมายให้กรมป่าได้ดำเนินการบรรจุเรื่องดำเนินการตามพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไว้ในคำของบประมาณประจำปี ๒๕๕๙ โดยได้เตรียมการจัดอบรมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติของกรมป่าไม้และจัดพิมพ์เอกสารเผยแพร่แก่ประชาชนด้วยแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||
885 | การปรับปรุงเพิ่มเติมร่างแผนขับเคลื่อน (Road Map) พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น - เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน | ทส | 30/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนขับเคลื่อน (Road Map) พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ฉบับปรับปรุง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ให้พิจารณาดำเนินการจัดทำแผนขับเคลื่อน (Road Map) ในลักษณะเดียวกันนี้สำหรับพื้นที่อุทยานทางทะเลและพื้นที่อื่น ๆ ด้วย ไปดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
886 | รายงานผลการประชุม 22nd Intergovernmental Meeting of the Coordinating Body on the Seas of East Asia (COBSEA IGM) | ทส | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมระหว่างรัฐบาลของสมาชิกองค์กรสิ่งแวดล้อมทางทะเลของภูมิภาคเอเชียตะวันออก สมัยที่ ๒๒ (22nd Intergovernmental Meeting of the Coordinating Body on the Seas of East Asia : COBSEA IGM) ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๘ เมษายน ๒๕๕๘ ณ กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมได้มีการพิจารณาในหัวข้อ (๑) การรายงานผลการดำเนินกิจกรรมของ COBSEA ระหว่างปี ค.ศ. ๒๐๑๓-๒๐๑๔ (๒) ประเทศที่ตั้งสำนักเลขาธิการ COBSEA (๓) แผนงานและงบประมาณของ COBSEA สำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๕-๒๐๑๖ (๔) สถานะปัจจุบันของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งประกอบด้วยโครงการ Implementing the Strategic Action Programme for the South China Sea และโครงการ Establishment and Operation of a Regional System of Fisheries Refugia in the South China Sea and Gulf of Thailand และ (๕) ร่างระเบียบทางการเงิน (Financial rules and procedures for COBSEA) ๒. การพิจารณาประเทศที่ตั้งสำนักเลขาธิการ COBSEA ที่ประชุมได้ใช้วิธีการลงคะแนนเสียงลับ โดยผลการลงคะแนนเสียง ครั้งที่ ๑ ประเทศไทยได้รับคะแนนเสียง ๔ คะแนน สาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับคะแนนเสียง ๓ คะแนน และสาธารณรัฐเกาหลีได้รับคะแนนเสียง ๑ คะแนน และเนื่องจากไม่มีประเทศที่ได้รับคะแนนเสียงแบบเด็ดขาด จึงต้องมีการลงคะแนนเสียงครั้งที่ ๒ ซึ่งผลการลงคะแนนเสียงครั้งที่ ๒ ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนได้รับคะแนนเสียงเท่ากัน คือ ๔ คะแนน ด้วยการลงคะแนนเสียงที่เท่ากันของทั้ง ๒ ประเทศ จึงจำเป็นต้องให้ประธานการประชุมจับสลากรายชื่อประเทศที่จะได้รับเลือกให้เป็นประเทศที่ตั้งสำนักเลขาธิการ COBSEA ซึ่งประเทศไทยได้รับคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพสำนักเลขาธิการ COBSEA จากผลการจับสลากดังกล่าว ๓. จากการที่ประเทศสมาชิกยังไม่ได้ยืนยันการเพิ่มเงินสนับสนุนครบตามจำนวนที่ได้ตกลงในที่ประชุมระหว่างรัฐบาลของ COBSEA สมัยที่ ๒๑ ประเทศสมาชิกจึงต้องร่วมกันหาแนวทางแก้ไขเพื่อให้ COBSEA มีงบประมาณในการสนับสนุนการดำเนินงานที่เพียงพอและมีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็งต่อไป โดยที่ประชุมขอให้ประเทศสมาชิกพิจารณาเพิ่มเงินสนับสนุนอย่างน้อยตามจำนวนที่ระบุในมติที่ประชุมระหว่างรัฐบาลของ COBSEA สมัยที่ ๒๑ ๔. ที่ประชุมได้กำหนดจัดประชุม Extra-ordinary Intergovernmental Meeting of COBSEA ครั้งที่ ๒ ประมาณต้นปี พ.ศ. ๒๕๕๙ และการประชุม 23rd Intergovernmental Meeting of COBSEA ในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme : UNEP) จะประสานกับประเทศสมาชิกเพื่อพิจารณารับเป็นประเทศเจ้าภาพในการจัดประชุมทั้งสองรายการดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
887 | ร่างความตกลงระหว่างองค์การสวนสัตว์แห่งราชอาณาจักรไทย และสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เรื่อง การขยายเวลาความร่วมมือในด้านการวิจัยและอนุรักษ์หมีแพนด้า | ทส | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำความตกลงระหว่างองค์การสวนสัตว์แห่งราชอาณาจักรไทย และสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เรื่อง การขยายเวลาความร่วมมือในด้านการวิจัยและอนุรักษ์หมีแพนด้า โดยร่างความตกลงฯ มีความมุ่งหมายที่จะส่งเสริมให้ความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในการวิจัยและอนุรักษ์หมีแพนด้าดำเนินการต่อไป โดยขยายเวลาการอาศัยอยู่ของหมีแพนด้า “ช่วงช่วง” และ “หลินฮุ่ย” ในประเทศไทยตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป จนถึงวันที่โครงการความร่วมมือในการอนุรักษ์และวิจัยรอบใหม่จะเริ่มต้น หรือจนถึงเดือนตุลาคม ๒๕๖๖ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขถ้อยคำในร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหารือร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาดำเนินการโดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ๑.๒ เห็นชอบให้ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามความตกลงฯ ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่ฝ่ายไทยต้องสนับสนุนเงินเพื่อเป็นกองทุนสำหรับการอนุรักษ์หมีแพนด้าของสาธารณรัฐประชาชนจีนตามข้อตกลงฯ ปีละ ๕๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จำนวน ๒ ปี รวมทั้งสิ้น ๑,๐๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ที่องค์การสวนสัตว์ได้รับการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดทำความตกลงฯ หากมีการจัดทำเป็นคู่ฉบับภาษาอังกฤษและภาษาจีน ก็ควรยืนยันให้มีการจัดทำความตกลงฯ เป็นคู่ฉบับภาษาไทยด้วย รวมทั้งเห็นควรเร่งดำเนินการจัดทำความตกลงฯ โดยเร็ว เนื่องจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้มอบหมีแพนด้า (Giant Panda) ให้ประเทศไทยในฐานะทูตสันถวไมตรีเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศประกอบกับความตกลงฯ ฉบับเดิมได้สิ้นสุดลงตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๖ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
888 | ท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 39 (39th Session of the World Heritage Committee) ระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน - 8 กรกฎาคม 2558 ณ กรุงบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐ เยอรมนี | ทส | 23/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกต่อการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๙ ใน ๓ ประเด็น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นด้วยกับร่างข้อมติคณะกรรมการมรดกโลก ทั้ง ๓ วาระ ๑.๑.๑ วาระที่ 39COM 7B.71 รายงานสถานภาพการอนุรักษ์นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา (State of conservation of Historic City of Ayutthaya) ๑.๑.๒ วาระที่ 39COM 7B.17 รายงานสถานภาพการอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ (State of conservation of Dong Phayayen-Khaoyai Forest Complex) ๑.๑.๓ วาระที่ 39COM 8B.5 การขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน (Nominations of Kaeng Krachan Forest Complex to the World Heritage List) ๑.๒ เห็นชอบกับร่างแผนขับเคลื่อน (Road Map) พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน และหากคณะกรรมการมรดกโลกและ/หรือองค์กรที่ปรึกษา มีข้อสงสัยและขอให้ชี้แจงเพิ่มเติม ให้คณะผู้แทนไทยยึดแนวทางตามที่ระบุไว้ในแผนขับเคลื่อนเป็นกรอบในการชี้แจง ๑.๓ กรณีมีประเด็นอื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ ทั้งนี้ ให้คณะผู้แทนไทยพิจารณาร่วมกันระหว่างการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๙ โดยคำนึงถึงหลักการของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และข้อมูลด้านเทคนิคและวิชาการจากองค์กรที่ปรึกษา ทั้งนี้ ในการพิจารณากำหนดท่าทีประเด็นอื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยใช้ดุลยพินิจได้เฉพาะกรณีประเด็นทางเทคนิคเท่านั้น หากเป็นกรณีประเด็นเชิงนโยบายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลอนุรักษ์พื้นที่นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน โดยเฉพาะพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ซึ่งมีการบุกรุกพื้นที่ โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติให้ดำเนินการตามแผนขับเคลื่อน (Road Map) ของทั้ง ๒ พื้นที่อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
889 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2558) | ทส | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการหรือเรื่องทั่วไป ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ในไตรมาสที่ ๑-๒ (ตุลาคม ๒๕๕๗-มีนาคม ๒๕๕๘) คิดเป็นร้อยละ ๔๒ จำนวน ๑๓,๓๐๖.๕๒ ล้านบาท ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้มีการประชุมในระดับทวิภาคีและระดับรัฐมนตรีกับกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง รวมทั้งมีการสัมมนาระดับสูง ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๕ อย่างเคร่งครัด และดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขการทุจริตและประพฤติมิชอบและส่งเสริมคุ้มครองจริยธรรม รวมทั้งมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติตามหลักการ ๓ ประการ ในการเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๐ มิถุนายน ๒๕๕๗) โดยเคร่งครัด ๒. ประเด็นเรื่อง/โครงการสำคัญเร่งด่วน ๒.๑ ด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ ได้ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อแก้ปัญหาการตื้นเขินและเสื่อมสภาพของแหล่งน้ำพื้นที่ชุ่มน้ำให้คืนสู่ความสมบูรณ์ บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำและปัญหาน้ำท่วม การพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค น้ำดื่มสะอาดให้แก่โรงเรียน และพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออก รวมทั้งดำเนินโครงการคืนคลองให้น้ำไหล คืนความใสให้แม่น้ำทั่วประเทศ และการจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร ปี ๒๕๕๘ มีเป้าหมายส่งมอบที่ดิน จำนวน ๑๖๐,๓๒๗ ไร่ และเตรียมพื้นที่สำหรับดำเนินการจัดที่ดินทำกินชุมชน ระยะที่ ๒ ในพื้นที่ ๘ จังหวัด ๕๑,๙๒๙ ไร่ รวมทั้งดำเนินโครงการสนับสนุนป่าพื้นบ้านธนาคารอาหารชุมชน (FOOD BANK) ในพื้นที่ ๖๔ จังหวัด ๒๖๐,๐๐๐ ไร่ ๒.๒ ด้านสังคม ได้แก่ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย ได้ดำเนินการจัดทำโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ ในระยะยาว ๑๕ ปี จำนวน ๑๙ พื้นที่ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ๒ โครงการ ๘ พื้นที่ ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และดำเนินโครงการสร้างวินัยของคนในชาติมุ่งการจัดการที่ยั่งยืน ตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้มีการประสานการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียน จำนวน ๖๑๗ เรื่อง และมีการประสานแจ้งให้หน่วยงานต่าง ๆ นำเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการแล้ว ๒.๓ ด้านกฎหมาย การรวบรวมกฎหมาย ระเบียบที่ล้านสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วน และจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย รวมจำนวน ๑๘ ฉบับ และมีกฎหมายที่ประกาศใช้แล้ว ได้แก่ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||
890 | ขอความเห็นชอบโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและแรงจูงใจในการอนุรักษ์สัตว์ป่าในผืนป่าตะวันตก (Strengthening Capacity and Incentives for Wildlife Conservation in the Western Forest Complex) | ทส | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ โครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพและแรงจูงใจในการอนุรักษ์สัตว์ป่าในผืนป่าตะวันตก (Strengthening Capacity and Incentives for Wildlife Conservation in the Western Forest Complex) โดยโครงการฯ มีเป้าหมายในการส่งเสริมกระบวนการพัฒนาแห่งชาติต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม และมีวัตถุประสงค์เพื่อการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการ และงบประมาณที่ยั่งยืนสำหรับพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้ง และกระตุ้นให้ชุมชนท้องถิ่นช่วยกันดูแลรักษาพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติ ๑.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงนามร่วมกับผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Program : UNDP) ประเทศไทย ในเอกสารโครงการฯ ๒. ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||
891 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าทุ่งมน ป่าบักได และ ป่าตาเบา แปลงที่สาม ป่าห้วยทับทัน แปลงที่หนึ่ง แปลงที่สอง แปลงที่สาม บางส่วน ในท้องที่ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. .... (เพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน - ห้วยสำราญ) | ทส | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ป่าทุ่งมน ป่าบักได และป่าตาเบา แปลงที่สาม ป่าห้วยทับทัน แปลงที่หนึ่ง แปลงที่สอง แปลงที่สาม บางส่วน ในท้องที่ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้เพิกถอนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ออกจากการเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
892 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่เมืองศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... | ทส | 16/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่เมืองศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่บางส่วนที่ได้มีการกำหนดให้เป็นเขตผังเมืองรวมจังหวัดปราจีนบุรี ในพื้นที่เมืองศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อการอนุรักษ์ การปกป้อง และการฟื้นฟูบูรณะและการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมศิลปกรรมที่มีคุณค่าและความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีสมัยทวารวดีที่เป็นแหล่งศิลปกรรมสำคัญระดับชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรติดตามประเมินผลการประกาศเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวหลังประกาศกระทรวงฯ ดังกล่าวมีผลใช้บังคับไปแล้ว ๓ ปี รวมทั้งสื่อสาร สร้างความเข้าใจ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่เพื่อเตรียมจัดทำร่างประกาศฉบับใหม่ ก่อนประกาศฉบับที่มีผลบังคับใช้อยู่จะสิ้นสุดการบังคับใช้ เพื่อให้สามารถประกาศใช้ได้ทัน และดำเนินการสำรวจแหล่งโบราณคดี แหล่งประวัติศาสตร์สำคัญในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศที่มีลักษณะการเสื่อมสภาพจากการใช้งานและปัจจัยภายนอก แล้วจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงเพื่อพิจารณาประกาศเป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมและศิลปกรรมตามความเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
893 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พิทักษ์ จันทร์เจริญ และนางจิราวรรณ แย้มประยูร) | ทส | 09/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ เนื่องจากประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ลาออกจากตำแหน่ง จำนวน ๒ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๙ มิถุนายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิทักษ์ จันทร์เจริญ ประธานกรรมการ ๒. นางจิราวรรณ แย้มประยูร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
|
|||||||||||||||||||||||||||
894 | รายงานผลการเข้าร่วมการประชุมเรื่องน้ำโลก ครั้งที่ 7 (The 7th World Water Forum) | ทส | 02/06/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมการประชุมเรื่องน้ำโลก ครั้งที่ ๗ (The 7th World Water Forum) ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ เมษายน ๒๕๕๘ ณ เมืองแทกู จังหวัดคยองบุก สาธารณรัฐเกาหลี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมเรื่องน้ำโลก ครั้งที่ ๗ (The 7th World Water Forum) จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “น้ำเพื่ออนาคตของเรา” (Water for our Future) มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอกลไกและเครื่องมือในการดำเนินงานเชิงรุกที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ โดยในการประชุมดังกล่าวมีการประชุมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Conference) ในวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เป็นผู้แทนประเทศไทยเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น โดยได้กล่าวเน้นย้ำถึงนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ว่า “การป้องกันภัยพิบัติเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากที่สุด” และได้นำเสนอยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศไทยซึ่งกำลังจะมีพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำมากำกับดูแลและแก้ไขปัญหาด้านน้ำของประเทศใน ๓ มิติ คือ อุทกภัย ภัยแล้ง และคุณภาพน้ำ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยต้องบูรณาการร่วมกับแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และแผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศ เพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งได้ยกตัวอย่างโครงการตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เช่น โครงการแก้มลิง โครงการสร้างฝายแม้ว การใช้ไม้ไผ่เป็นแนวกันชนเพื่อชะลอคลื่น ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง และเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน ตลอดจนการสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยเป็นการใช้ธรรมชาติควบคุมธรรมชาติ เพื่อให้มนุษย์ได้รับประโยชน์จากธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ประชุมได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เข้าร่วมรับรองปฏิญญารัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุม ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของสาธารณรัฐเกาหลี ในประเด็นเรื่องการบริหารจัดการขยะ ซึ่งเกาหลียินดีให้การสนับสนุนด้านองค์ความรู้และเทคโนโลยี พร้อมทั้งเชิญชวนให้รัฐบาลไทยและข้าราชการที่เกี่ยวข้องเข้ามาศึกษาดูงานและฝึกอบรมด้านการบริหารจัดการขยะในเกาหลีด้วย ๓. การประชุมเรื่องน้ำโลก ครั้งที่ ๘ (The 8th World Water Forum) กำหนดจะจัดขึ้น ณ กรุงบราซิเลีย สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ในปี ๒๐๑๘
|
|||||||||||||||||||||||||||
895 | การจัดทำหนังสือแลกเปลี่ยนโครงการ Clean Air for Smaller Cities in the ASEAN Region ระยะที่ 2 | ทส | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนโครงการ Clean Air for Smaller Cities in the ASEAN Region (CASC) ระยะที่ ๒ และร่างความตกลงว่าด้วยการดำเนินโครงการ (Implementation Agreement) โดยร่างหนังสือแลกเปลี่ยนโครงการฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตจำนงของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีและอาเซียนที่จะร่วมดำเนินโครงการ CASC ระยะที่ ๒ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมศักยภาพเมืองขนาดเล็กและกลางในภูมิภาคอาเซียนในการพัฒนาและดำเนินการตามแผนอากาศสะอาดเพื่อนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสอดคล้องกับแผนงานอาเซียนเพื่อให้เมืองมีสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน สำหรับร่างความตกลงสำหรับการดำเนินโครงการฯ ประกอบด้วยกิจกรรมโครงการสนับสนุนการปรับปรุงนโยบาย กฎ ระเบียบ และมาตรฐานเพื่อคุณภาพอากาศที่ดีขึ้น โดยมีการจัดทำแผนอากาศสะอาดซึ่งมีการนำตัวอย่างมาตรการอากาศสะอาดไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม รวมถึงการนำหลักสูตรการฝึกอบรมที่พัฒนาโดยโครงการในหัวข้อ “การจัดการคุณภาพอากาศสำหรับเมืองขนาดเล็ก (Train-for-Clean-Air)” มาจัดฝึกอบรมและเผยแพร่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๘ ๑.๒ เห็นชอบให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าว ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารทั้งสองฉบับที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำกลับเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่ ๑.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งความเห็นของรัฐบาลไทยต่อร่างเอกสารทั้งสองฉบับดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการอาเซียนทราบต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นควรพิจารณาขยายระยะเวลาดำเนินการหรือเสนอขยายเวลาให้เหมาะสมเพื่อให้การดำเนินโครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการและตัวชี้วัด และควรมีกิจกรรมที่สอดคล้องกับการเสริมสร้างขีดความสามารถในการดำเนินงานของเมืองที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งขยายผลไปยังเมืองที่มิได้เข้าร่วมโครงการ เพื่อนำไปสู่การประเมินตัวชี้วัดสำหรับวัดระดับความสำเร็จของโครงการภายหลังเสร็จสิ้นการดำเนินงาน นอกจากนี้ ควรขยายระยะเวลาของโครงการออกไปเพื่อประโยชน์แก่ฝ่ายไทยและประเทศอาเซียนอื่น ๆ ได้มากขึ้น และหากเห็นว่าควรยุติการดำเนินโครงการตามกำหนดเวลาภายในสิ้นปี ๒๕๕๘ ก็ย่อมกระทำได้ตามกรอบเวลาตามความตกลงดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
896 | แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นายเกษมสันต์ จิณณวาโส) | ทส | 26/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายเกษมสันต์ จิณณวาโส ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งเดิมได้รับแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งอื่น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
897 | ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขเครื่องแบบพิเศษสำหรับข้าราชการกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อให้สอดคล้องกับระบบจำแนกตำแหน่งใหม่ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
898 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น พ.ศ. .... | ทส | 19/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายว่าด้วยการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณากรณีที่ร่างพระราชบัญญัติฯ ไม่ใช้บังคับกับการจัดการต่าง ๆ เช่น สิ่งปฏิกูล วัสดุ มูลฝอยติดเชื้อ ของเสียจากสารกัมมันตรังสี ซึ่งอยู่ภายใต้กฎหมายหลายฉบับ จึงอาจทำให้พระราชบัญญัติฉบับนี้บังคับใช้ได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ และไม่สอดคล้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เกี่ยวกับการกำหนดสถานที่ตั้งของศูนย์รับคืนซากผลิตภัณฑ์และโรงงานที่ให้บริการจัดการซากผลิตภัณฑ์ให้มีความเหมาะสมและปลอดภัยแก่ประชาชน การกำหนดให้อาคารของศูนย์รับคืนซากฯ และโรงงาน มีระบบป้องกันการปล่อยสารที่เป็นอันตรายกับประชาชนและสภาพแวดล้อม การกำหนดกรอบการนำเงินค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บให้กรมสรรพสามิตหรือกรมศุลกากรไปใช้เฉพาะการดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเท่านั้น และหากมีเงินเหลือจ่ายให้นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน การกำหนดนิยามความหมายของคำสำคัญเพิ่มเติม เช่น อัตราค่าธรรมเนียม ผลิตภัณฑ์ แผนความรับผิดชอบในการจัดการซากผลิตภัณฑ์ และศูนย์ข้อมูลซากผลิตภัณฑ์ เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อผู้นำไปปฏิบัติ รวมทั้งเพิ่มเติมผู้แทนจากกรมสรรพสามิตและผู้แทนจากกรมศุลกากรเป็นกรรมการในคณะกรรมการจัดการซากผลิตภัณฑ์ และเพิ่มเติมบทบาทของกลุ่มผู้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนความรับผิดชอบในการจัดการซากผลิตภัณฑ์ที่ผลิตหรือจำหน่าย จากเดิมที่กำหนดเฉพาะกลุ่มผู้ผลิต ให้ครอบคลุมรวมถึงกลุ่มผู้จัดจำหน่าย เช่น ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ ตลอดจนปรับปรุงเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่หรือวัตถุประสงค์และการจัดการเงินรายได้ของกองทุนสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้ส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปดำเนินการเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลซากผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ (เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเสนอร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการภายในกรมตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน) และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๔๒ (เรื่อง ข้อสังเกตของ ก.พ. เกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการไว้ในกฎหมาย) แล้วแจ้งผลการดำเนินการให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
899 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เมืองเก่าเชียงราย เมืองเก่าสุพรรณบุรี เมืองเก่าระยอง เมืองเก่าบุรีรัมย์ และเมืองเก่าตะกั่วป่า | ทส | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าเชียงราย เมืองเก่าสุพรรณบุรี เมืองเก่าระยอง เมืองเก่าบุรีรัมย์ และเมืองเก่าตะกั่วป่า เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ รวมทั้งกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาและจัดทำรายละเอียดเพื่อดำเนินการต่อไป ตามมติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการพิจารณาแนวทางและกรอบเวลาให้ชัดเจนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถวางแผนงาน/โครงการได้ การออกประกาศและระเบียบเพื่อใช้บังคับในเขตเมืองเก่าดังกล่าวควรสอดคล้องกับบทบัญญัติของพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ การเปิดโอกาสให้คณะกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้นโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนได้มีโอกาสกำหนดแนวทางดำเนินการอนุรักษ์และพัฒนาของตนเองภายใต้บริบทของแต่ละพื้นที่ เพื่อให้การดำเนินการอนุรักษ์และพัฒนามีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าประสานความร่วมมือกับภาคประชาชนและหน่วยงานในระดับพื้นที่หรือท้องถิ่นเพื่อให้มีความเข้าใจและมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าดังกล่าว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
900 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2552 เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 1 สิงหาคม 2543 เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ข้อ 10 | ทส | 12/05/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับข้อเสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุมน้ำ) ข้อ ๑๐ เป็น “ให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) สำหรับโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ออกตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕” จะทำให้มีแนวทางที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐต่อไป อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ถ้อยคำตามมติคณะรัฐมนตรีสอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย จึงให้แก้ไขถ้อยคำเป็น “ให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) สำหรับโครงการหรือกิจการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตามประกาศที่ออกตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕” ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับคณะอนุกรรมการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำดำเนินการจัดทำบัญชีรายชื่อประเภทและขนาดของโครงการพัฒนาที่ไม่เข้าข่ายเป็นโครงการต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๓๕ แต่มีความล่อแหลมและเป็นอันตราย อาจส่งผลกระทบเสียหายต่อพื้นที่ชุ่มน้ำเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม อาทิ การจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Examination : IEE) หรือมาตรการอื่น ๆ ซึ่งสอดคล้องกับมติที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....