ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 1 หน้า แสดงรายการที่ 1 - 1 จากข้อมูลทั้งหมด 1 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 1 | ทส | 13/01/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย (ฉบับแก้ไข) ประกอบด้วย ๑.๑ การออกระเบียบและกฎหมาย ได้ออกกฎหมายหลัก ๒ ฉบับ คือ พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ (ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗) และพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. .... (อยู่ระหว่างการนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย) สำหรับกฎหมายลำดับรองได้มีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการสัตว์พาหนะ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามพระราชบัญญัติสัตว์พาหนะ พ.ศ. ๒๔๘๒ นอกจากนี้ได้ยกร่างกฎหมายเพื่อรองรับการออกพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๓ ฉบับ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอตามขั้นตอนเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป และได้ยกร่างกฎหมายเพื่อรองรับการออกพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. .... จำนวน ๑๓ ฉบับ เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. .... ยังมิได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา อยู่ระหว่างขั้นตอนเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมายต่อไป ๑.๒ การจัดทำระบบทะเบียนข้อมูล ได้รวบรวมและตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนพาณิชย์ของผู้ประกอบการงาช้าง ตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลงาช้างของกลางที่อยู่ในความดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมศุลกากร รวมทั้งอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการรับแจ้งข้อมูลการครอบครองงาช้างบ้านและงาช้างแอฟริกาที่ถูกกฎหมาย โดยในขณะนี้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชอยู่ระหว่างการจัดหาแม่ข่ายและพัฒนาโปรแกรมระบบทะเบียนข้อมูลการค้าและการครอบครองงาช้าง ๑.๓ การกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมาย ได้มีการตั้งสายตรวจร้านค้างาช้าง การจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาและข้อมูลเกี่ยวกับการค้างาช้าง การตั้งชุดปฏิบัติการร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย นอกจากนี้ มีการใช้เทคนิคใหม่ ๆ ในการติดตามและตรวจสอบการกระทำผิด เช่น การใช้ระบบสืบสวนจัดการคดี CMIS (Case Management Investigation System) ในการวิเคราะห์การข่าว การใช้เทคนิคการประเมินความเสี่ยงของสินค้านำเข้าและส่งออกของกรมศุลกากร เป็นต้น รวมทั้งการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีดำผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า ผ่านเครือข่ายตำรวจสากล และได้มีการประสานงานกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นอกจากนี้ได้จัดทำคู่มือการจำแนกงาช้างแจกให้แก่เจ้าหน้าที่ และได้จัดอบรม ประชุม ประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงาช้าและการค้างาช้าง การจำแนกชนิดงาช้างและการจัดทำเครื่องหมาย ๑.๔ การประชาสัมพันธ์ โดยมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายและเนื้อหาการประชาสัมพันธ์ในกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ ได้แก่ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบกิจการค้างาช้าง ผ่านสื่อหลัก ๕ สื่อ ได้แก่ สิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต และนิทรรศการ และผ่านช่องทางประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ เช่น ช่องทางทางการทูต สนามบิน สายการบิน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน ลด ละ เลิก การบริโภคงาช้างและปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายผ่านการจัดค่ายเยาวชน จัดแสดงนิทรรศการและประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่ตามโรงเรียนต่าง ๆ ๑.๕ การติดตามและประเมินผล ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการด้านต่าง ๆ ๔ ชุด ได้แก่ คณะอนุกรรมการด้านการออกระเบียบและกฎหมาย คณะอนุกรรมการด้านการจัดทำระบบทะเบียนข้อมูล คณะอนุกรรมการด้านกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย และคณะอนุกรรมการด้านประชาสัมพันธ์ และได้มีการจัดประชุมของคณะอนุกรรมการชุดต่าง ๆ รวมทั้งการประชุมของคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่ใกล้สูญพันธุ์ประจำประเทศไทย ๒. รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑ ประกอบด้วย ความเป็นมาและสาระสำคัญแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย (ฉบับแก้ไข) เนื้อหาที่เกี่ยวกับรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ตามรูปแบบที่สำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) กำหนด รวมทั้งภาคผนวก เป็นข้อมูลสนับสนุน เช่น รูปภาพ ตาราง แผนผัง เป็นต้น และหากจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขรายงานฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง และให้จัดส่งรายงานฯ ให้สำนักเลขาธิการ CITES ตามระยะเวลาที่กำหนด
|
.....