ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 46 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 901 - 920 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
901 | การจัดทำปฏิญญาระดับรัฐมนตรีในการประชุมภาคีป่าไม้แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 11 (The eleventh session of the United Nations Forum on Forests : UNFF11) | ทส | 12/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการต่อเอกสาร Non-Paper on Possible Elements for Inclusion in the Ministerial Declaration of UNFF11 และเอกสาร Non-Paper on Possible Elements for Inclusion in the UNFF11 Resolution on the IAF Beyond 2015 ของการประชุม United Nations Forums on Forests สมัยที่ ๑๑ โดยร่างเอกสารทั้ง ๒ ฉบับ เป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง ซึ่งมีสาระสำคัญอยู่ที่การยืนยันความสำคัญในด้านต่าง ๆ ของป่าไม้ รวมถึงความก้าวหน้าและความท้าทายของการดำเนินการ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายข้อตกลงต่าง ๆ ด้านการป่าไม้ระหว่างประเทศ และเน้นย้ำถึงบทบาทที่สำคัญของตราสารที่ไม่ผูกพันทางกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ทุกชนิด และเป้าหมายระดับสากลเกี่ยวกับป่าไม้ ซึ่งจะนำไปสู่การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ๒. เห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์สำหรับหัวหน้าคณะผู้แทนไทย (Statement by Head of Delegation, Thailand at the High Levels Segment of the Eleventh Session of the United Nations Forum on Forests) ซึ่งกล่าวถึงการแบ่งปันประสบการณ์ในการจัดการที่ดี (Best Practice) ผ่านยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ในการจัดการป่าไม้ที่จะนำไปสู่ความยั่งยืน เช่น การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคมในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ การน้อมนำแนวทางพระราชดำริของราชวงศ์ไทยมาใช้เป็นแนวทางในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ ตลอดจนการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการทำลายป่าและลดความเสื่อมโทรมของป่า การสนับสนุนแนวทางในการพัฒนาความร่วมมือในระดับนานาชาติ เพื่อการตรวจติดตาม การประเมินผล และการรายงานสถานการณ์ด้านป่าไม้ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดการป่าไม้ในระดับนานาชาติ (IAF) ๓. มอบหมายให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุม United Nations Forums on Forests สมัยที่ ๑๑ เป็นผู้พิจารณาให้การรับรองปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) และร่างข้อมติ International Arrangement on Forest (IAF) Beyond 2015 ของการประชุม United Nations Forums on Forests สมัยที่ ๑๑ ๔. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขถ้อยคำของเอกสาร Non-Paper ทั้ง ๒ ฉบับ และร่างแถลงการณ์สำหรับหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการต่อไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
||||||||||||||||||||||||
902 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2556 | ทส | 07/05/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบแล้ว ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขา ประกอบด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภาวะโลกร้อน ความหลากหลายทางชีวภาพ ทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรพลังงาน ทรัพยากรดิน การใช้ประโยชน์ที่ดิน และแร่ธาตุ สิ่งแวดล้อมชุมชน สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม มลพิษ ๒. ประเด็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ประกอบด้วย ภัยแล้งและภาวการณ์ขาดแคลนน้ำ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศแม่น้ำโขง การสูญพันธุ์และสูญเสียระบบนิเวศกับการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ๓. ข้อเสนอแนะเชิงบูรณาการ ประกอบด้วย ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และข้อเสนอแนะด้านมาตรการ
|
||||||||||||||||||||||||
903 | การจัดทำตราสารยอมรับการแก้ไขพิธีสารเกียวโตและภาคผนวกของพิธีสารเกียวโต | ทส | 28/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบตัวบทสุดท้ายของการแก้ไขพิธีสารเกียวโตและภาคผนวกของพิธีสารเกียวโต โดยมีประเด็นที่สำคัญคือ กำหนดให้ประเทศภาคีในภาคผนวกที่ ๑ ต้องมีเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร่วมกัน ในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๓ (ค.ศ. ๒๐๑๓-๒๐๒๐) ในระดับที่ต่ำกว่าปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี พ.ศ. ๒๕๓๓ (ค.ศ. ๑๙๙๐) อันเป็นปีฐานอย่างน้อยร้อยละ ๑๘ โดยที่สาระอื่น ๆ ในพิธีสารเกียวโตยังคงไว้เช่นเดิมตามที่ประเทศไทยได้เคยให้สัตยาบันไว้แล้ว ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประทศจัดทำและส่งตราสารยอมรับการแก้ไขพิธีสารเกียวโตและภาคผนวกของพิธีสารเกียวโตต่อเลขาธิการสหประชาชาติในฐานะผู้เก็บรักษาเอกสาร ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||
904 | การตั้งงบประมาณด้านการจัดการขยะมูลฝอย ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ | ทส | 28/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตั้งงบประมาณด้านการจัดการขยะมูลฝอย ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด จำนวน ๙๐ โครงการ วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น ๕,๖๒๐.๓๕๒๑ ล้านบาท จำแนกเป็นงบประมาณแผ่นดิน จำนวน ๕,๑๕๒.๙๓๔๔ ล้านบาท เงินกองทุนสิ่งแวดล้อม จำนวน ๓.๙๐ ล้านบาท และงบท้องถิ่นสมทบ จำนวน ๔๖๓.๕๑๗๗ ล้านบาท ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ เรื่อง แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม และได้จัดส่งรายละเอียดวงเงินและคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ สำหรับโครงการจัดการขยะมูลฝอย ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง ขอขยายระยะเวลาการจัดทำคำของบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้งบประมาณในลักษณะบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ด้านการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมสำหรับโครงการจัดการขยะมูลฝอย) ให้สำนักงบประมาณ เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๘ แล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
905 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซล สมัยที่ 12 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ 7 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ 7 | ทส | 28/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซล สมัยที่ ๑๒ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๗ และการประชุมรัฐมนตรีภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ ๗ รวมทั้งสิ้น ๑๕ คน ประกอบด้วย (๑) อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทน ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย (๒) ประธานและผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการอนุสัญญาฯ ภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (๓) ผู้แทนกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (๔) ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข (๕) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และ (๖) เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำหนังสือแต่งตั้งคณะผู้แทนไทยต่อไป ๒. เห็นชอบต่อท่าทีของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซล สมัยที่ ๑๒ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๗ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ ๗ โดยจะสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการและจุดมุ่งหมายของทั้ง ๓ อนุสัญญาฯ ในการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมโดยคำนึงถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ และความต้องการจำเพาะของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในระดับประเทศด้านการจัดการสารเคมีอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจร โดยผ่านการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและทางด้านการเงิน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคีต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนความร่วมมือและการบูรณาการร่วมกันในการดำเนินงานตามพันธกรณีข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องที่ประเทศไทยเป็นภาคี และข้อตกลงที่สอดคล้องกับศักยภาพและขีดความสามารถของประเทศ ๓. หากมีข้อเจรจาใดที่นอกเหนือจากท่าทีการเจรจาฯ และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally Binding) ต่อประเทศไทย ให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่จนสิ้นสุดการประชุมรัฐภาคีฯ ในวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส
|
||||||||||||||||||||||||
906 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2557 และ ครั้งที่ 1/2558 | ทส | 20/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ ได้รับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ และครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๘ จำนวนทั้งสิ้น ๑๓ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๗ จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ ๑.๑ โครงการก่อสร้างศูนย์การแพทย์พร้อมระบบสาธารณูปโภค โรงพยาบาลศิริราช ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ๑.๒ โครงการศูนย์บริการการแพทย์เฉพาะทางชั้นเลิศและศูนย์อุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน โรงพยาบาลศรีนครินทร์ ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ๑.๓ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่เมืองศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี ๑.๔ แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๕ รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ โครงการโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ ๔-๗ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ๑.๖ โครงการศึกษาทบทวนเพื่อเพิ่มศักยภาพการเก็บน้ำโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้ จังหวัดพะเยา ของกรมชลประทาน ๒. การประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ จำนวน ๗ เรื่อง ได้แก่ ๒.๑ แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม ๒.๒ ขอทบทวนมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง การจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ ๒.๓ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ ๔ (ระยอง-แก่งคอย) ครั้งที่ ๓ (โครงการสถานีเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติกลางทางบนระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ ๔) ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ๒.๔ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๒.๕ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-ลำสาลี-มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ๒.๖ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ๒.๗ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ บริเวณทางลอดบางพลัด ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
|
||||||||||||||||||||||||
907 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (เพิ่มเติม) (จำนวนรวม 3 คน 1. นายเวทย์ นุชเจริญ ฯลฯ) | ทส | 20/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (เพิ่มเติม ) จำนวนรวม ๓ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ เมษายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายเวทย์ นุชเจริญ (เป็นผู้มีรายชื่อตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง บัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๒. นายนภศูล อังคทะวานิช ๓. นายสุรพงษ์ เจียสกุล (ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์)
|
||||||||||||||||||||||||
908 | มาตรการป้องกันการทุจริตและการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ | ทส | 07/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยงานราชการเกี่ยวกับมาตรการป้องกันการทุจริตและการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ในมาตรการด้านนโยบาย มาตรการด้านบริหารจัดการ และมาตรการด้านกฎหมาย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานภายนอกกระทรวง จำนวน ๑๔ หน่วยงาน และหน่วยงานภายในกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เพื่อร่วมกันกำหนดวิธีการและแนวทางในการปฏิบัติให้สามารถตอบสนองมาตรการป้องกันการทุจริตและการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งทุกหน่วยงานได้ร่วมกันกำหนดแนวทางและวิธีการปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวแล้วเสร็จ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
909 | การเข้าเป็นภาคีความตกลงว่าด้วยไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ ค.ศ. 2006 | ทส | 07/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงว่าด้วยไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ ค.ศ. ๒๐๐๖ (International Tropical Timber Agreement 2006 : ITTA 2006) และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามขั้นตอนการเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงว่าด้วยไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ ค.ศ. ๒๐๐๖ (ITTA 2006) ต่อไป ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าสมาชิกรายปี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบเงินอุดหนุน รายการค่าสมาชิกองค์การไม้เขตร้อนระหว่างประเทศ จำนวน ๑,๙๕๓,๖๐๐ บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้กรมป่าไม้เสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการไปประชุมในคณะมนตรีองค์การไม้เขตร้อนระหว่างประเทศควรต้องมีการจัดเตรียมประเด็นท่าทีของไทยในการเจรจา กำหนดวัตถุประสงค์และประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ รวมทั้งผลกระทบในการดำเนินการของไทย โดยที่ประเทศไทยไม่เสียเปรียบหรือประเทศอื่นได้เปรียบ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยมักจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการไปเจรจาเนื่องจากไม่มีข้อมูลและไม่ได้มุ่งผลเป็นรูปธรรม ไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
910 | ร่างปฏิญญารัฐมนตรีในการประชุมเรื่องน้ำโลก ครั้งที่ 7 (The 7th World Water Forum) | ทส | 07/04/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญารัฐมนตรี (Ministerial Declaration) สำหรับการประชุมเรื่องน้ำโลก ครั้งที่ ๗ (The 7th World Water Forum) มีเนื้อหาประกอบด้วยเจตนารมณ์ซึ่งเน้นความสำคัญของน้ำ ๑.๒ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมรับรองปฏิญญารัฐมนตรีฯ ๑.๓ หากมีการปรับปรุงแก้ไขร่างปฏิญญาฯ ที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้อยู่ในอำนาจและดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรให้เพิ่มเติมข้อความ “....การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ (IWRM) จำเป็นต้องจัดทำแผนงานร่วมกันทั้งในระดับประเทศเชื่อมโยงถึงระดับชุมชนที่มีการบริหารจัดการน้ำชุมชนอย่างมีระบบ ...” ในร่างปฏิญญาฯ ไปประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
911 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ พ.ศ. .... | ทส | 31/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย กรอบทิศทาง และแนวทาง รวมถึงการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยเกี่ยวกับการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมที่เห็นควรแก้ไขสาระในร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ได้แก่ คำว่า “สำนักงานฯ” เป็น “สำนักงาน” (ตัดเครื่องหมาย “ฯ” ออก) และ “แหล่งมรดกทางวัฒนธรรม” แก้ไขเป็น “มรดกทางวัฒนธรรม” (ตัด “แหล่ง” ออก) รวมทั้งองค์ประกอบของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เห็นควรให้แต่งตั้ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม” เป็นรองประธานกรรมการเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||
912 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งตำแหน่งกรรมการและเลขานุการ โดยให้เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการ แทนเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
913 | ร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 ว่าด้วยการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ | ทส | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ ว่าด้วยการนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ มีสาระสำคัญเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ในการป้องกันมิให้มีการนำใบเบิกทางไปใช้ในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
914 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2557 ข้อ 3 เกี่ยวกับการจัดการและการใช้ประโยชน์จากงาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างของกลาง ที่อยู่ในความครอบครองของทางราชการ และขอความเห็นชอบแนวทางการจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลาง | ทส | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ [เรื่อง ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย (Thailand National Ivory Action Plan) ฉบับแก้ไข เพื่อนำส่งสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES)] ข้อ ๓ ซึ่งได้กำหนดแนวทางจัดการและใช้ประโยชน์จากงาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างของกลางที่อยู่ในความครอบครองของทางราชการให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่นำไปเผาทำลาย ๑.๒ แนวทางการจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลาง ได้แก่ ๑.๒.๑ งาช้างของกลางที่ดำเนินคดีสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดินแล้ว ให้พิจารณาคัดเลือกเพื่อนำมาใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรมของหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา พิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้สอดคล้องตามข้อกำหนดของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ๑.๒.๒ งาช้างของกลางที่คดีสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดินแล้วและไม่เหมาะสมที่จะเก็บรักษาไว้ใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรม ตามข้อ ๑.๒.๑ ให้พิจารณาตรวจสอบคัดเลือกมาทำลาย เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของประเทศไทยในการต่อต้านและแก้ไขปัญหาการลักลอบค้างาช้างที่ผิดกฎหมาย และเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในด้านการอนุรักษ์สัตว์ป่าในระดับสากล ๑.๒.๓ มอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข ในการจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลาง และพิจารณาคัดเลือกงาช้างของกลางเพื่อการใช้ประโยชน์และเพื่อทำลาย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานกรรมการ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมการปกครอง กรมศิลปากร เป็นต้น เป็นกรรมการ และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นกรรมการและเลขานุการ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการให้คณะกรรมการเพื่อพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข ในการจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลางและพิจารณาคัดเลือกงาช้างของกลางเพื่อการใช้ประโยชน์และเพื่อทำลาย ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะแต่งตั้งขึ้น พิจารณาหาแนวทางที่เหมาะสมในการจัดการกับงาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างของกลางที่อยู่ในความครอบครองของกรมศุลกากร เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติศุลกากร พุทธศักราช ๒๔๖๙ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
915 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ฉบับแก้ไข ครั้งที่ 2 (Thailand's Revised National Ivory Action Plan - NIAP) | ทส | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ฉบับแก้ไข ครั้งที่ ๒ (Thailand’s Revised National Ivory Action Plan : NIAP) ซึ่งประเทศไทยจะต้องจัดส่งรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ ให้แก่สำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ภายในวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๘ โดยสาระสำคัญของรายงานดังกล่าว ประกอบด้วย การออกระเบียบและกฎหมาย การจัดทำระบบทะเบียนข้อมูล การกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย และการประชาสัมพันธ์ ๒. หากจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ฉบับแก้ไข ครั้งที่ ๒ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง และจัดส่งรายงานความก้าวหน้าฯ ครั้งที่ ๒ ให้สำนักเลขาธิการ CITES ตามระยะเวลาที่กำหนด
|
||||||||||||||||||||||||
916 | สรุปสถานการณ์ไฟป่าและมลพิษหมอกควันในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคเหนือ | ทส | 27/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า ได้จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันเพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับความร่วมมือจากประเทศสิงคโปร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงกลาโหม ในการใช้อากาศยานแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้ปริมาณฝุ่นละอองในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงต้องเฝ้าระวังพื้นที่รอเผาที่มีโอกาสจะเผาอีกประมาณ ๑,๑๓๔,๔๒๙ ไร่ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะดำเนินการจัดลำดับให้มีการเผาทีละพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาไฟป่าและหมอกควันขึ้นอีก ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ใช้ภาษาถิ่นในการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนป้องกันไฟป่าและหมอกควันร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง สรุปสถานการณ์ไฟป่าและมลพิษหมอกควันในพื้นที่ ๑๐ จังหวัดภาคเหนือ) โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาเครื่องมืออุปกรณ์ดับไฟป่าให้ได้มาตรฐานสากลและสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อกำหนดประเด็นการแก้ไขปัญหาหมอกควันให้เป็นวาระสำคัญในการหารือภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียนด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
917 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (จำนวน 3 คน 1. นายเอกสิทธิ์ วัฒนปรีชานนท์ ฯลฯ) | ทส | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ จำนวนรวม ๓ คน เนื่องจากกรรมการเดิมได้ลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ มีนาคม ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายเอกสิทธิ์ วัฒนปรีชานนท์ (ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิชาการเกษตรทรงคุณวุฒิ สำนักพระราชวัง) เป็นกรรมการ ๒. นางสาวเยาวนุช วิยาภรณ์ (ผู้อำนวยการสำนักกฎหมายรักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมายและระเบียบการคลัง กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง) เป็นกรรมการ (กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง) ๓. นายจรูญ อิ่มเอิบสิน (ผู้ช่วยเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สำนักพระราชวัง) เป็นกรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||
918 | สรุปสถานการณ์ไฟป่าและมลพิษหมอกควันในพื้นที่ 10 จังหวัดภาคเหนือ | ทส | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่า ๑.๑ จุดความร้อน (Hot Spots) ในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ มีจำนวนจุดความร้อน (Hot Spots) รวม ๔,๐๔๒ จุด แบ่งเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ร้อยละ ๔๓ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ร้อยละ ๔.๑ และพื้นที่เกษตร ร้อยละ ๑๖ โดยจังหวัดที่พบจุดความร้อน (Hot Spots) มากที่สุด คือ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน ๘๕๘ จุด รองลงมา คือ จังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน ๗๖๗ จุด ๑.๒ สาเหตุของการเกิดไฟป่าและหมอกควันยังคงเกิดจากสาเหตุภายในประเทศ ได้แก่ การเผาป่าเพื่อหาของป่าหรือล่าสัตว์ การเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่เกษตรกรรม (ส่วนใหญ่เป็นข้าวโพด) ทั้งนี้ ในพื้นที่ของตนเอง และในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือป่าอนุรักษ์ (ซึ่งเป็นพื้นที่ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๔๑) หรือไฟลุกลามมาจากพื้นที่ของชาวบ้าน และสาเหตุภายนอกประเทศ คือ ลมพัดหมอกควันมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ๑.๓ การดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีผู้กระทำความผิด จำนวน ๑๐ คดี ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และลำพูน ๑.๔ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เช่น การออกประกาศห้ามเข้าไปในเขตป่าอนุรักษ์ทุกพื้นที่อย่างเด็ดขาดตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ การออกประกาศห้ามเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติทุกพื้นที่เว้นจะได้รับอนุญาตตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘ การจัดกำลังหมู่ดับไฟจากนอกพื้นที่มาเสริมกำลัง การจัดอากาศยาน (เฮลิคอปเตอร์) สำหรับการบินลาดตระเวนและการบินดับไฟ การจัดเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอและตำบลชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน การจัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขลงพื้นที่เพื่อให้คำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพอนามัยและแจกอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น ๒. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรายงานว่า ได้จัดส่งอากาศยานของกองทัพบกและกองทัพอากาศเพื่อสนับสนุนภารกิจการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในภาคเหนือเพิ่มเติมจากที่หน่วยทหารในพื้นที่มีอยู่เดิม ประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์ลำแลียงแบบ ๑๗ (MI-17) จำนวน ๑ ลำ เฮลิคอปเตอร์ใช้งนทั่วไป แบบ ๑ (UH1H) จำนวน ๒ ลำ และเครื่องบินลำเลียง C130 จำนวน ๑ ลำ นอกจากนี้ทางกองทัพสิงคโปร์ซึ่งขณะนี้ทำการฝึกร่วม COPE Tiger 2015 อยู่ในประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนเครื่องบินลำเลียง Chinook จำนวน ๒ ลำ พร้อมตะกร้าบรรจุน้ำเข้าร่วมภารกิจดับไฟป่าและหมอกควันในขณะนี้ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อวางแผนการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชนให้ตระหนักถึงอันตรายและผลกระทบจากไฟป่าและหมอกควัน รวมถึงพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพและทันสมัยเพื่อการดำเนินการดังกล่าวทั้งทางพื้นดินและทางอากาศ โดยประสานขอความร่วมมือจากภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ ให้รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ดังนี้ ๓.๑ การเกิดไฟป่าและหมอกควันในประเทศไทยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานและต่อเนื่องทุกปี โดยมีสาเหตุจากปัจจัยเดิมและยังไม่สามารถที่จะป้องกันหรือแก้ไขปัญหาได้อย่างเด็ดขาด เช่น ทัศนคติเกี่ยวกับการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกที่ผิดของเกษตรกร การขาดบุคลากร เครื่องมือ อุปกรณ์ที่เหมาะสมและเพียงพอในการดับไฟป่า รวมถึงวิธีการจัดการในการดับไฟที่ยังไม่สามารถดับไฟได้อย่างรวดเร็ว จึงเห็นควรให้มีหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพหลักในการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อจัดทำแผนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ในกรณีที่เกิดไฟป่าควรมีการเตรียมแผนการดับไฟ โดยแบ่งเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ ระยะเริ่มต้น ระยะลุกลาม และระยะแพร่กระจาย เพื่อให้สามารถวางแผนการดับไฟป่าได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ ๓.๒ การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเกิดไฟป่าและหมอกควัน ควรคำนึงถึงประเด็นดังต่อไปนี้ด้วย ๓.๒.๑ ปรับวิธีการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร โดยเปลี่ยนจากวิธีการเผาป่าเป็นวิธีอื่น เช่น การไถกลบและใช้น้ำเป็นตัวเร่งการเน่าเปื่อย การใช้รถไถผลาญ ทั้งนี้ ในกรณีที่ใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ในการดำเนินการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ควรพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ร่วมกัน เช่น การใช้กลไกสหกรณ์ ๓.๒.๒ ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าประจำภาควางแผนการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการดับไฟป่าร่วมกัน ๓.๒.๓ ทุกภาคส่วนควรมีส่วนร่วมในการจัดทำแผนและการดำเนินงานอย่างทั่วถึง ตลอดทั้งกระบวนการ ตั้งแต่การป้องกัน การแก้ไขปัญหา การดับไฟป่า รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเยียวยา
|
||||||||||||||||||||||||
919 | ร่างยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ ปี พ.ศ. 2557 - 2564 | ทส | 17/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างยุทธศาสตร์การจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เชิงบูรณาการ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๔ จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นกรอบนโยบายการบริหารจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นทางซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าฯ ให้มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมทัดเทียมระดับสากล จนถึงปลายทางซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนากลไกการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าฯ อย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำหน้าที่ประสานงานและติดตามการดำเนินงานให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ฯ และจัดทำรายงานเสนอต่อรัฐบาล ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวง กรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์ฯ และจัดทำรายงานเสนอต่อรัฐบาล ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามแผนปฏิบัติการภายใต้ยุทธศาสตร์ฯ ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ เพื่อดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ฯ ให้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนปฏิบัติการที่จะดำเนินการในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน ๙ เดือน และ ๑ ปี ให้ชัดเจนตามแนวทางของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องประเภทนโยบาย แผนงานโครงการต่อคณะรัฐมนตรี) รวมทั้งกำหนดแนวทางให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการตามแผน โดยเฉพาะธุรกิจที่เป็นผู้ผลิตหรือนำเข้าผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประสานงานในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินโครงการตามแผนเกิดความชัดเจน และควร notify ให้องค์การการค้าโลก (WTO) ได้รับทราบด้วย เพื่อประโยชน์ต่อการค้าระหว่างประเทศของไทย รวมทั้งส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพัฒนาระบบฐานข้อมูลของผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการสะสม การผลิต การรับซื้อขาย การถอดแยก การรีไซเคิลซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ รายย่อย และรายที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนโรงงานแต่รับซื้อซากผลิตภัณฑ์มาทำการถอดแยกอย่างไม่เหมาะสม เพื่อเป็นข้อมูลนำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงกลไกการคัดแยก เก็บรวบรวม และขนส่งซากผลิตภัณฑ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนเร่งรัดการประกาศใช้ (ร่าง) พระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เพื่อให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว พร้อมทั้งเร่งพิจารณาจัดทำร่างกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินตามยุทธศาสตร์ฯ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ ปี พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔ ที่ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว นอกจากนี้ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมทำการศึกษาวิเคราะห์บริบทการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในระดับโลก และระดับภูมิภาค ที่จะส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย เช่น กฎกติการะหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง และกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสังคมระหว่างประเทศต่าง ๆ และนำมาประกอบการพิจารณาปรับเพิ่มเติมเป้าหมายของยุทธศาสตร์ฯ เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
920 | (ร่าง) แผนแม่บทบูรณาการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. 2558 - 2564 | ทส | 10/03/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แผนแม่บทบูรณาการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔ พร้อมทั้ง (ร่าง) เป้าหมายระดับชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพ และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ๑.๒ มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ภายใต้ (ร่าง) แผนแม่บทฯ ดำเนินการขับเคลื่อนและติดตามประเมินผลการดำเนินงานตาม (ร่าง) แผนแม่บทฯ และ (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ๑.๓ มอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบตาม (ร่าง) แผนแม่บทฯ ดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ และตั้งงบประมาณรองรับสำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายระดับชาติด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่กำหนดไว้ใน (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการฯ ในช่วงระยะเวลา ๓ เดือน ๖ เดือน ๙ เดือน และ ๑ ปี ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และให้มีการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานให้สาธารณชนได้รับทราบโดยทั่วกันด้วย ทั้งนี้ งบประมาณที่ต้องใช้ตามแผนปฏิบัติการฯ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนและจัดลำดับความสำคัญอีกครั้งหนึ่ง โดยบูรณาการร่วมกับภารกิจพื้นฐานของหน่วยงานการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนของความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งแหล่งทุนอื่นในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิ องค์กรพัฒนาเอกชน แหล่งทุนจากต่างประเทศ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มเติม ให้ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
.....