ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 42 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 821 - 840 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
821 | ขออนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 22 | ทส | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๒ รวม ๙ ประเด็น ได้แก่ (๑) การพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำดอนสะโฮงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และโครงการพัฒนาอื่น ๆ ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง (๒) การสนับสนุนงบประมาณของประเทศสมาชิกแก่คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (๓) การศึกษาการจัดการและพัฒนาแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน รวมทั้งผลกระทบจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขงสายประธาน (Council Study) (๔) กฎระเบียบวิธีปฏิบัติของคณะมนตรีและคณะกรรมการร่วม (๕) โครงสร้างองค์กรของสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และการบริหารบุคลากร (๖) ยุทธศาสตร์การพัฒนาลุ่มน้ำ (BDS) บนฐานการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๐ (๗) แผนกลยุทธ์คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๐ (๘) การถ่ายโอนภารกิจหลักด้านการจัดการลุ่มน้ำจากคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ให้แก่ประเทศสมาชิก และการจัดสรรงบประมาณ และ (๙) ความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาและประชาคมโลก ๑.๒ เห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยหารือกับประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงตามประเด็นในกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๒ เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานและความร่วมมือเป็นไปตามพันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๓๘ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานด้านการจัดการลุ่มน้ำของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และประเด็นเกี่ยวกับมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำประเด็นเกี่ยวกับการสร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชนในการดำเนินความร่วมมือในการใช้แม่น้ำโขงร่วมกันอย่างยั่งยืนไปหารือในการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๒ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้วย ๔. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
|||||||||||||||||||||||||||
822 | กฎระเบียบวิธีปฏิบัติของคณะมนตรีและคณะกรรมการร่วม ภายใต้กรอบความร่วมมือคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง | ทส | 12/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างกฎระเบียบวิธีปฏิบัติของคณะมนตรีและคณะกรรมการร่วม ภายใต้กรอบความร่วมมือคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ได้แก่ ๑.๑ กฎระเบียบวิธีปฏิบัติของคณะมนตรี (Rules of Procedures of the MRC Council) ซึ่งได้รับการอนุมัติและประกาศใช้เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๓๘ มีสาระสำคัญกำหนดกรอบการดำเนินงานและความร่วมมือของคณะมนตรี ประกอบด้วย โครงสร้างการบริหารงาน สมัยประชุม การตัดสินใจ การสนับสนุนจากผู้อุปถัมภ์ (Donor) และบททั่วไป ๑.๒ กฎระเบียบวิธีปฏิบัติของคณะกรรมการร่วม (Rules of Procedures of the MRC Joint Committee) เพื่อใช้เป็นกรอบการดำเนินงานและความร่วมมือขององค์กรบริหารถาวรทั้งสอง และให้คณะมนตรีทำหน้าที่พิจารณาอนุมัติ ซึ่งได้รับการอนุมัติและประกาศใช้เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๓๘ ประกอบด้วย โครงสร้างการบริหารงาน สมัยประชุม การตัดสินใจ การสนับสนุนจากผู้อุปถัมภ์ (Donor) และบททั่วไป ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้แทนไทยในคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง หรือผู้ได้รับมอบหมาย ร่วมลงนามในกฎระเบียบ วิธีปฏิบัติคณะมนตรีและคณะกรรมการร่วม ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำ หรือสาระสำคัญของร่างกฎระเบียบวิธีปฏิบัติทั้งสองฉบับ ที่ไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยจะมีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง |
|||||||||||||||||||||||||||
823 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ฉบับที่..) พ.ศ. ... มีสาระสำคัญเป็นการขยายวงเงินกู้ยืมที่สามารถดำเนินการได้ต่อครั้ง และเพิ่มอำนาจในการออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน รวมทั้งกำหนดให้ผู้รักษาการแทนผู้อำนวยการมีอำนาจและหน้าที่อย่างเดียวกับผู้อำนวยการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้แก้ไขให้ผู้รักษาการแทนผู้อำนวยการมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้อำนวยการโดยไม่มีข้อยกเว้น เพื่อให้สามารถเข้าประชุมคณะกรรมการและปฏิบัติหน้าที่ได้โดยไม่กระทบต่อองค์ประกอบและองค์ประชุมของคณะกรรมการ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการเสนอขอเพิ่มอำนาจการดำเนินงานในร่างมาตรา ๗ (๘) โดยกำหนดให้ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุน ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อนนั้น ต้องปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง การพิจารณาวงเงินให้มีความเหมาะสมกับภารกิจหน้าที่ ตามกฎหมายที่จะต้องใช้เงินในการส่งเสริมการดำเนินการให้เกิดสภาพคล่อง คำนึงถึงต้นทุนทางการเงินที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุนด้วยการออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใด โดยยึดประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย และการขยายวงเงินกู้ยืมเงินที่หน่วยงานสามารถดำเนินการได้ต่อครั้งนั้น ควรกำหนดวงเงินทั้งหมดที่สามารถดำเนินการได้ โดยยึดหลักการด้านการเงินการบัญชี รวมทั้งรัฐบาลควรสนับสนุนให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้มีบทบาทเป็นผู้นำในการส่งเสริมการปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจในระยะยาว เพื่ออนุรักษ์ ฟื้นฟู และสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
824 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ป่าน้ำเปื๋อย ป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว และป่าแม่ยม ในท้องที่ตำบลชนแดน ตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และตำบลร่มเย็น ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน) | ทส | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ป่าน้ำเปื่อย ป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว และป่าแม่ยม ในท้องที่ตำบลชนแดน ตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และตำบลร่มเย็น ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ป่าน้ำเปื่อย ป่าน้ำหย่วน และป่าน้ำลาว และป่าแม่ยม ในท้องที่ตำบลชนแดน ตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน และตำบลร่มเย็น ตำบลแม่ลาว อำเภอเชียงคำ ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เพื่อสงวนไว้ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิม มิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่อประโยชน์แก่การศึกษาและรื่นรมย์ของประชาชน และเพื่ออำนวยประโยชน์อื่นแก่รัฐและประชาชน และให้ดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการแก้ไขแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้ และรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการบริหารจัดการพื้นที่โดยรอบพื้นที่อุทยานดังกล่าว โดยส่งเสริมเครือข่ายอนุรักษ์และป้องกันการบุกรุกป่าไม้ โดยภาคประชาชนและชุมชน ส่งเสริมหลักการชุมชนอยู่ร่วมกับป่า และควรจำกัดกิจกรรมในการใช้ประโยชน์ให้สอดคล้องกับแนวทางการรักษาพื้นที่ป่า ไม่ควรให้มีการปลูกพืชเชิงเดี่ยว และใช้สารเคมีการเกษตร รวมทั้งควรส่งเสริมให้มีการทำเกษตรแบบอินทรีย์ร่วมกับการปลูกป่า และใช้ประโยชน์จากป่าที่ปลูกอย่างเหมาะสม ลดผลกระทบที่จะมีต่อพื้นที่อนุรักษ์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
825 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นายวรศาสน์ อภัยพงษ์) | ทส | 05/01/2559 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
826 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งมีข้อเสนอการปฏิรูปรวม ๔ ประเด็น ได้แก่ (๑) การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๒) การปฏิรูประบบโครงสร้างองค์กรและกฎหมายด้านการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๓) การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องมือและกลไกในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ (๔) การสร้างความเป็นหุ้นส่วนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมของคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
827 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) | ทส | 29/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูปการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเห็นด้วยกับการแบ่งเขตการใช้ประโยชน์และกำหนดพื้นที่คุ้มครองทางทะเล เนื่องจากจะเป็นการปกป้องผลประโยชน์ทางทะเล ส่งเสริมให้มีการจัดการทะเลไทยอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเห็นด้วยกับการปรบสมดุลการพัฒนาทะเลไทยตามแนวทางมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เนื่องจากจะเป็นการลดความขัดแย้งของการใช้ทรัพยากรทางทะเล รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของทรัพยากรทางทะเล ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
828 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูประบบการประเมิน ผลกระทบสิ่งแวดล้อม) | ทส | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ (เรื่อง การปฏิรูประบบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับข้อเสนอการปฏิรูปและแนวทางการดำเนินการ ได้แก่ (๑) การบูรณาการสิ่งแวดล้อมสู่นโยบายโดยใช้กระบวนการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment) (๒) ระบบการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment) และ (๓) ระบบติดตามตรวจสอบและประเมินผล (Monitoring Evaluation and Auditing : ME&A) รวมทั้งเห็นด้วยกับกลไกการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ ได้แก่ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการปรับปรุงองค์กร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการแจ้งผลการพิจารณาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเพื่อนำเสนอสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
829 | การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล | ทส | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมโดยมิให้กรรมสิทธิ์ แต่อนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของรัฐเป็นกลุ่มหรือชุมชนตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติกำหนดในรูปแบบสหกรณ์ หรือรูปแบบอื่นที่เหมาะสม โดยการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวให้หน่วยงานของรัฐซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของประเภทที่ดินกำหนดระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อกำหนด หรือเงื่อนไขภายใต้ความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. รับทราบกระบวนการการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติพื้นที่ดำเนินการ ระยะที่ ๑ กระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ ส.ป.ก. สำหรับพื้นที่ดำเนินการระยะที่ ๒ และผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการจัดให้ชุมชนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริหารจัดการที่ดินทำกินตามนโยบายรัฐบาลให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจัดให้มีการปลูกป่าเพิ่มเติมในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม รวมทั้งพิจารณาออกกฎหมายเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐแต่ไม่สามารถนำมาเรียกร้องให้รัฐออกเอกสารสิทธิ เช่น โฉนดที่ดินให้ในภายหลัง ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติควรคำนึงถึงความจำเป็นในการช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนเป็นหลักสำคัญมากกว่าสิทธิในการจัดสรร และเพื่อเป็นการลดข้อพิพาทระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน และควรมีการประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่าง ๆ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการจัดระเบียบการใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าสงวนแห่งชาติให้กับประชาชนทั่วไปทราบในวงกว้างควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และในกระบวนการดำเนินการจัดที่ดินให้เกษตรกรควรเพิ่มกระบวนการประเมินและเตรียมความพร้อมของกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้มีทักษะหรือองค์ความรู้ในการบริหารจัดการทรัพยากรให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการจัดสรรที่ดิน และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมสำหรับสมาชิกทุกคน ลดความเสี่ยงต่อการเกิดความขัดแย้งในการใช้ทรัพยากรที่ดินร่วมกันจนอาจทำให้การดำเนินกระบวนการจัดหาที่ดินไม่บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ ควรมีหลักเกณฑ์ในการแก้ปัญหากลุ่มเกษตรกรไม่สามารถรวมกันได้ หรือไม่ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการที่ดินที่ได้รับไปแล้ว รวมทั้งควรดำเนินการให้สอดคล้องและถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
830 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน (ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 22/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งประกอบด้วย ๓ โครงการ ๑๑ กิจกรรม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ท่องธรรมชาติฟรีทั่วไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ๑.๑ เปิดให้บริการเข้าอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่าโดยไม่คิดค่าบริการ ๑.๒ เข้าชมฟรีสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (Aquarium) จังหวัดภูเก็ต ๑.๓ การยกเว้นค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์สิรินธร อำเภอสหัสขันธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ๑.๔ การยกเว้นค่าเข้าชมศูนย์วิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ จังหวัดขอนแก่น ๑.๕ งานช้างไทย ตำนานยิ่งใหญ่แห่งแผ่นดิน ประจำปี ๒๕๕๙ (The Great Legend of Thai Elephant) ณ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง ๑.๖ “Gift Vouchers ของขวัญวันปีใหม่ ๒๕๕๙” เป็นบัตรเข้าสวนสัตว์ในสังกัดองค์การสวนสัตว์ทั้ง ๗ แห่งฟรี ๑.๗ ของขวัญวันเด็กแห่งชาติ ปี ๒๕๕๙ โดยองค์การสวนสัตว์มอบความสุขให้แก่เด็ก ๆ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ๙ มกราคม ๒๕๕๙ ให้เด็กที่สูงต่ำกว่า ๑๓๕ เซนติเมตร เข้าชมสวนสัตว์ในสังกัดองค์การสวนสัตว์ฟรี อีกทั้งได้ของขวัญของรางวัลมากมาย ๒. คนกับป่าพึ่งพาสู่ความยั่งยืน ได้แก่ ๒.๑ จำหน่ายผลิตภัณฑ์ไม้สักที่ทำจากสวนป่าปลูกขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ๒.๒ การจัดที่ดินให้ผู้ไร้ที่ทำกิน โดยมอบหนังสืออนุญาตให้ราษฎรเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเลนปากน้ำ ตำบลปากพูน อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อที่ประมาณ ๑,๖๐๐ ไร่ ๒.๓ ครูป่าไม้ให้บริการประชาชน รวมทั้งการให้ความรู้ คำแนะนำทางวิชาการด้านป่าไม้ ๓. ทส. ลดโลกร้อนเพื่อประชาชน ได้แก่ โครงการจัดทำเกมส์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
|
|||||||||||||||||||||||||||
831 | การแต่งตั้งรองผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (จำนวน 3 คน 1. นายพิชัย รุจิโรจน์สุวรรณ ฯลฯ) | ทส | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งรองผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จำนวน ๓ คน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายพิชัย รุจิโรจน์สุวรรณ ๑.๒ นายเกษม วัยวุฒิ ๑.๓ นางพรเพ็ญ วรวิลาวัณย์ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขกฎหมายจัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เพื่อให้การแต่งตั้งรองผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเช่นเดียวกับการแต่งตั้งผู้บริหารของรัฐวิสาหกิจอื่น ๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
832 | ร่างกฎกระทรวง ออกตามความในพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ. 2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 จำนวน 3 ฉบับ | ทส | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นคำขอจดทะเบียน และการออกหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นสวนป่า ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขว่าด้วยการรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการยื่นคำขอ การออกใบสำคัญ และการเพิกถอนใบสำคัญรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาตให้ใช้สถานที่เพื่อทำการแปรรูปไม้ที่ได้มาจากการทำสวนป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอใบอนุญาตและการอนุญาตให้ใช้สถานที่เพื่อทำการแปรรูปไม้ที่มาจากการทำสวนป่า ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขว่าด้วยการรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน พ.ศ. .... ควรกำหนดคำนิยามของคำว่า “หน่วยงานรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน” ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรทำการศึกษารูปแบบหรือเงื่อนไขความเหมาะสมที่จะให้สถาบันหรือองค์กรอื่น ๆ สามารถออกใบสำคัญรับรองการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน เพื่อให้เกิดประสิทธิผลในการดำเนินการตามกฎหมายและทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศ ไปพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
833 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขากะทูน และป่าปลายกะเบียด ในท้องที่ตำบลกะทูน และตำบลเขาพระ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 15/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขากะทูน และป่าปลายกะเบียด ในท้องที่ตำบลกะทูน และตำบลเขาพระ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเพื่อรักษาไว้ซึ่งพันธุ์สัตว์ป่าและพื้นที่ป่าให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัย รวมทั้งเป็นการรักษาแหล่งต้นน้ำลำธารและป่าไม้ที่มีอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ให้คงอยู่อย่างถาวรตลอดไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
834 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนกรกฎาคม - กันยายน 2558) | ทส | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ของส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ/องค์การมหาชน จากงบประมาณทั้งสิ้น ๓๑,๙๗๕.๕๔๑๕ ล้านบาท เบิกจ่ายได้ ๒๘,๔๘๗.๖๖๖๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๙ ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๒๖ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย การจัดทำแผนงานความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ การเข้าเป็นภาคีองค์กรความร่วมมือด้านไม้ไผ่และหวายระหว่างประเทศ และการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ อย่างเคร่งครัด การประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจได้ทราบล่วงหน้าในระบบ e-GP และเว็บไซต์ของหน่วยงานให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องและดำเนินการอย่างโปร่งใส การจัดทำมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบ และแจ้งเวียนขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีการเสนอกฎหมาย รวมจำนวน ๒๐ ฉบับ ประกอบด้วย ร่างพระราชบัญญัติ ๑๘ ฉบับ และร่างพระราชกฤษฎีกา ๒ ฉบับ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทั้ง ๓ ประการ คือ (๑) ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย (๒) พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และ (๓) ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีเวลาเพียงพอที่จะช่วยพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเคร่งครัด ๒. เรื่อง/โครงการที่สำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการด้านพลังงาน ได้จัดทำบันทึกความตกลง (MOU) ร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง การนำร่องการจัดการขยะมูลฝอยเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงขยะ [Refuse Derived Fuel (RDF)] และต่อยอดสู่การผลิตพลังงานทดแทน ๒.๒ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ กรมทรัพยากรน้ำได้ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อแก้ปัญหาการตื้นเขินและเสื่อมสภาพของแหล่งน้ำพื้นที่ชุ่มน้ำให้คืนสู่ความสมบูรณ์บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำและปัญหาน้ำท่วม ๒.๓ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การดำเนินการกำหนดแนวทางและมาตรการเชิงรุกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรในระยะยาวเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒.๔ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร ได้แก่ การจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และกลไกอื่น ๆ เพื่อจัดหาพื้นที่แก่ผู้ไร้ที่ทำกินเข้าใช้ประโยชน์และการพัฒนาคุณภาพชีวิต การดำเนินการตามกฎหมายของหน่วยงานตามประเภทที่ดินของรัฐภายใต้การกำกับของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ การกำหนดพื้นที่เป้าหมายการดำเนินงาน การส่งข้อมูลพื้นที่เป้าหมายที่จะนำไปจัดเป็นที่ดินทำกินให้ชุมชน การจัดทำข้อมูลการสำรวจพื้นที่ ๔ จังหวัด การเตรียมพื้นที่ดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๕๘ และมอบ “หนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ” ๒.๕ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย องค์การจัดการน้ำเสียได้ดำเนินการโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย โดยสามารถบำบัดน้ำได้ตามมาตรฐานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดไว้ก่อนระบายลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ และกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๒.๖ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้ดำเนินงานร่วมกับศูนย์บริการร่วม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการให้บริการประชาชนเกี่ยวกับการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน และประสานส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒.๗ การรวบรวมกฎหมายระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย ดำเนินการปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย รวมจำนวน ๒๐ ฉบับ ประกอบด้วยร่างพระราชบัญญัติ ๑๘ ฉบับ และร่างพระราชกฤษฎีกา ๒ ฉบับ โดยมีร่างกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และประกาศใช้เป็นกฎหมาย จำนวน ๕ ฉบับ
|
|||||||||||||||||||||||||||
835 | การสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ทส | 08/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการสมทบงบประมาณโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัดในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๘ โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน ๖ แห่ง ปรับลดเงินสมทบงบประมาณจากร้อยละ ๑๐ เหลือร้อยละ ๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ในโอกาสต่อไปหากมีการแก้ไขกฎหมายหรือมีการกำหนดมาตรการจัดเก็บรายได้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บรายได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก็เห็นควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการใช้จ่ายรายได้สมทบงบประมาณค่าก่อสร้างระบบการจัดการน้ำเสียและมูลฝอยชุมชนภายใต้หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย และเห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามประเมินผลการดำเนินงาน ตลอดจนผลสัมฤทธิ์ของโครงการอย่างใกล้ชิด โดยผ่านกลไกคณะอนุกรรมการกำกับการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี ๒๕๕๙ เพื่อให้โครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
836 | ข้อเสนอร่างบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ | ทส | 01/12/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกับองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature : IUCN) มีสาระสำคัญเป็นการมุ่งเน้นเสริมสร้างความร่วมมือในการทำกิจกรรมเพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ที่มีร่วมกันด้านการอนุรักษ์และการจัดการพื้นที่ทางทะเลชายฝั่งอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางและมาตรการคุ้มครองภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการระหว่างกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกับ IUCN ควรมีการประสานการดำเนินงานและบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
837 | รายงานผลการจัดการและการใช้ประโยชน์จากงาช้างของกลางที่อยู่ในความครอบครองของทางราชการ | ทส | 24/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลางที่อยู่ในความครอบครองของทางราชการ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาการจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลางของประเทศไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การจัดการและการใช้ประโยชน์งาช้างของกลางที่คดีสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดิน (๑) ส่งมอบงาช้างให้ส่วนราชการ สถาบันการศึกษา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษา จำนวน ๕๓๘.๔๔ กิโลกรัม (๒) เก็บรักษางาช้างเอเชียที่คดีสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดิน จำนวน ๑๖.๒๐ กิโลกรัม ไว้ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และ (๓) ทำลายงาช้างของกลางที่คดีสิ้นสุดและตกเป็นของแผ่นดินที่เก็บรักษาไว้ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ และกรมศุลกากร รวมจำนวน ๒,๑๑๔.๒๗ กิโลกรัม โดยวิธีการบดทำลายและเผา ทั้งนี้ การส่งมอบงาข้างของกลางให้หน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ และการทำลายงาช้างของกลาง ดำเนินการแล้วในพิธีทำลายงาช้างของกลาง เมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๘ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี ๒. งาช้างของกลางที่คดียังไม่สิ้นสุด รวมจำนวน ๑๕,๒๔๕.๐๑ กิโลกรัม ให้เก็บรักษาไว้ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ จำนวน ๓,๘๑๘.๑๙ กิโลกรัม และกรมศุลกากร จำนวน ๑๑,๔๒๖.๘๒ กิโลกรัม
|
|||||||||||||||||||||||||||
838 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิกในสถาบันเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลก (Global Green Growth Institute - GGGI) | ทส | 24/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกในสถาบันเพื่อการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโลก (Global Green Growth Institute-GGGI) ๑.๒ เห็นชอบสัญญาในการจัดตั้งสถาบัน GGGI โดยมีสาระสำคัญ ประกอบด้วย ๑.๒.๑ วัตถุประสงค์ : เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศกำลังพัฒนา ประเทศเกิดใหม่ และประเทศพัฒนาน้อยที่สุด โดยสนับสนุนและเผยแพร่กระบวนทัศน์ใหม่ของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ กำหนดเป้าหมายลักษณะสำคัญของประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ โดยความร่วมมือกันระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา และภาครัฐและเอกชน ๑.๒.๒ กิจกรรม : สนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเกิดใหม่ด้วยการสร้างขีดความสามารถในการออกแบบและดำเนินการตามแผนการเจริญเติบโตสีเขียวในระดับชาติ ภูมิภาค หรือท้องถิ่น อำนวยความสะดวกให้มีความร่วมมือภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ๑.๒.๓ สมาชิกภาพ : รัฐจะเป็นสมาชิกของสถาบัน GGGI โดยการเข้าเป็นคู่สัญญาในการจัดตั้งสถาบัน GGGI และให้สัตยาบัน โดยการจัดส่งตราสารแบบของการเข้าร่วมของสถาบัน GGGI ให้กับสถาบัน GGGI จะมีผลบังคับใช้วันที่สามสิบหลังจากการฝากตราสารฯ ให้กับผู้อำนวยการใหญ่สำนักเลขาธิการในฐานะผู้เก็บรักษาสัญญา ๑.๒.๔ การเงิน : สถาบัน GGGI จะได้รับแหล่งการเงินจากการให้เงินสนับสนุนโดยสมัครใจจากสมาชิก (ไม่จำเป็นต้องเสียค่าสมาชิก) ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำและส่งมอบตราสารแบบของการเข้าร่วมของสถาบัน GGGI ต่อผู้อำนวยการใหญ่ของสำนักเลขาธิการ ในฐานะผู้เก็บรักษาสัญญา ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับคำนิยามสมาชิกใน Article 3 DEFINITIONS ได้แสดงลักษณะของสมาชิก ๒ ประเภท คือ Contributing member (สมาชิกที่สนับสนุนด้านการเงิน) และ Participating member (สมาชิกที่เข้าร่วม) โดยใช้การตัดสินใจของสมัชชา (Assembly) หรือ สภา (Council) ประกอบกับเนื้อหาใน Article 12 FINANCE ได้แสดงให้เห็นถึงความต้องการให้สมาชิกให้เงินสนับสนุนรายปีโดยสมัครใจ ดังนั้น การพิจารณาจึงต้องให้ครอบคลุมถึงงบประมาณในการสนับสนุนด้านการเงินแก่สถาบัน GGGI และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาขอบเขตความร่วมมือที่เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
839 | ร่างพระราชบัญญัติความปลอดภัยทางชีวภาพ พ.ศ. .... | ทส | 24/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักการร่างพระราชบัญญัติความปลอดภัยทางชีวภาพ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเพื่อพัฒนากฎหมายในประเทศที่จะใช้ในการดำเนินการควบคุมดูแลการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ให้เกิดความปลอดภัยต่อความหลากหลายทางชีวภาพและคำนึงถึงความเสี่ยงต่อสุขภาพของมนุษย์ และสอดคล้องกับการดำเนินงานในระดับสากล ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการกำหนดให้มีการรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายอันเป็นผลมาจากการประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่ไม่อยู่ในบัญชีปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมให้รวมถึงสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมทั้งที่อยู่และไม่อยู่ในบัญชีปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม การออกกฎหมายลูกที่รัดกุมหรือกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับการรายงานการขนส่ง เคลื่อนย้าย การเก็บรักษา การบรรจุ การปิดฉลาก และการจัดทำเอกสารกำกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมในประเทศ และมีข้อยกเว้นในกรณีที่พิสูจน์ได้ว่าความเสียหายเกิดขึ้นจากเหตุสุดวิสัยหรือการกระทำของผู้ได้รับความเสียหายเองด้วย การครอบครอง นำเข้า ส่งออก หรือนำผ่านสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่ไม่อยู่ในบัญชีปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมกำหนดให้แจ้งหรือขออนุญาตพร้อมแนบหลักปฏิบัติที่ชัดเจน การกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมให้คำนึงถึงบทบาทภารกิจหลักและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่กำหนดไว้เดิม รวมทั้งความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ปริมาณงานในความรับผิดชอบ จำนวนบุคลากรและผลกระทบต่องบประมาณรายจ่ายภาครัฐ การบัญญัติให้ชัดเจนในลักษณะที่ห้ามมิให้ผลิต นำเข้า หรือส่งออกสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมทุกชนิด เว้นแต่รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการความปลอดภัยทางชีวภาพจะได้ประกาศยกเว้นไว้ และเพิ่มเติมมาตรการคุ้มครองระบบเกษตรกรรมอินทรีย์และเกษตรกรรมรายย่อยโดยเฉพาะกรณีเจ้าของหรือผู้ปลูกพืชดัดแปลงพันธุกรรมทำให้เกิดการปนเปื้อนทางพันธุกรรมกับพืชทั่วไป พืชที่ปลูกในระบบเกษตรอินทรีย์ หรือทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อระบบนิเวศ ไปประกอบการพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
840 | การเข้าร่วมรับรองและลงนามในปฏิญญานครนิวยอร์กว่าด้วยป่าไม้ (New York Declaration on Forests) | ทส | 24/11/2558 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมรับรองปฏิญญานครนิวยอร์กว่าด้วยป่าไม้ (New York Declaration on Forests) ในการประชุมภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๑ ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๘ โดยปฏิญญาดังกล่าวมีเป้าหมายระดับสูงเพื่อหยุดการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ (ค.ศ. ๒๐๓๐) และกำหนดให้ประเทศที่เข้าร่วมลงนามในปฏิญญาฯ ลดอัตราการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ลงให้ได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งภายในปี ๒๕๖๓ (ค.ศ. ๒๐๒๐) ส่งเสริมการฟื้นฟูสภาพป่าไม้และพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งเชื่อมโยงไปถึงเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ภายใต้กรอบการดำเนินงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการทำลายป่าและความเสื่อมโทรมของป่า และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามขั้นตอนการเข้าร่วมเป็นภาคีในปฏิญญาดังกล่าวต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า เมื่อประเทศไทยเข้าร่วมรับรองและลงนามในปฏิญญาดังกล่าวแล้ว ควรปรับกรอบแนวทางดำเนินงานโครงการพัฒนาของหน่วยงานต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับปฏิญญาฯ โดยให้ความสำคัญของการรักษาพื้นที่ป่าเป็นหลักมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในกระบวนการตัดสินใจในโครงการพัฒนาที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ป่า เพื่อให้ลดความขัดแย้งและนำไปสู่ความร่วมมือในการรักษาพื้นที่ป่าที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
.....