ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 49 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 961 - 980 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
961 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 20 (COP20) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 10 (CMP10) | ทส | 25/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๐ (COP20) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๐ (CMP10) ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เอกอัครราชทูต ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมทั้งสิ้น ๕๐ คน ๑.๒ เห็นชอบต่อท่าทีการเจรจาของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๐ (COP20) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๐ (CMP10) ซึ่งเน้นย้ำการดำเนินงานภายใต้อนุสัญญาฯ โดยมุ่งหวังให้รัฐภาคียกระดับการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจก การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสนับสนุนทางการเงินและเทคโนโลยีจากประเทศพัฒนาแล้ว ทั้งนี้ เรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้ว ต้องเป็นผู้นำในการดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจก และการให้การสนับสนุนทางการเงิน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านวิชาการและประสบการณ์ ๑.๓ หากมีข้อเจรจาใดที่นอกเหนือจากท่าทีการเจรจาฯ และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally Binding) ต่อประเทศไทย ขอให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่จนสิ้นสุดการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๐ (COP20) และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๐ (CMP10) ในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านการต่างประเทศ ที่ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะไปประชุมระดับนานาชาติ และจะเสนอตัวให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงานหรือการประชุมระดับนานาชาติต่าง ๆ รายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรกโดยเคร่งครัดด้วย |
||||||||||||||||||||||||
962 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 18/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๘ คณะ ดังนี้
๑. คณะกรรมการอำนวยการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ๒. คณะกรรมการบริหารโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ๓. คณะกรรมการกองทุนโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ๔. คณะกรรมการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ประจำจังหวัด ๕. คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ๖. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ๗. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ ๘. คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระดับประเทศ (ฝ่ายไทย)
|
||||||||||||||||||||||||
963 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการ วิจัย และอนุรักษ์พื้นที่คุ้มครองและอุทยานแห่งชาติ ระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกรมบริการอุทยานแห่งชาติเกาหลี สาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 12/11/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการ วิจัย และอนุรักษ์พื้นที่คุ้มครองและอุทยานแห่งชาติ ระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทย และกรมบริการอุทยานแห่งชาติเกาหลี สาธารณรัฐเกาหลี มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุน ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างอุทยานแห่งชาติทั้งสองประเทศ และพัฒนาศักยภาพทรัพยากรบุคคลเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ โดยแบ่งปันประสบการณ์ การทำกิจกรรมร่วมกัน การฝึกอบรม แลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการ และการหารือในประเด็นที่สนใจร่วมกันเพื่อพัฒนาความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์พื้นที่คุ้มครองและอุทยานแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. เพื่อให้มีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนถูกต้องกรณีการจัดทำหนังสือสัญญา (เช่น บันทึกความเข้าใจ ความตกลง ความร่วมมือ) ที่หน่วยงานเจ้าของเรื่องสามารถดำเนินการได้ตามอำนาจหน้าที่โดยไม่ต้องนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี จึงมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย ระเบียบหลักเกณฑ์และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
964 | (ร่าง) กรอบข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพและทรัพยากรพันธุกรรมอย่างยุติธรรมและเท่าเทียม | ทส | 28/10/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยืนยันความเห็นเดิมของประเทศไทย ที่จะไม่ดำเนินการเกี่ยวกับ (ร่าง) กรอบข้อตกลงอาเซียนว่าด้วยการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพและทรัพยากรพันธุกรรมอย่างยุติธรรมและเท่าเทียม เนื่องจากประเทศสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่ประสงค์จะเป็นภาคีของพิธีสารนาโงยาว่าด้วยการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมและการแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากการใช้ทรัพยากรพันธุกรรมอย่างยุติธรรมและเท่าเทียม ซึ่งเป็นกรอบการดำเนินงานระดับโลกที่ครอบคลุมการดำเนินงานด้านการเข้าถึงและการแบ่งปันผลประโยชน์อยู่แล้ว และเพื่อหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนของกฎหมาย โดยสมาชิกอาเซียนอาจพิจารณารายละเอียดการดำเนินงานของพิธีสารนาโงยาฯ เพิ่มเติมต่อเนื่องร่วมกันเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสมาชิกอาเซียน ๑.๒ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขความเห็น ตามข้อ ๑.๑ ที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการเสนอร่างกฎหมายเพื่อการคุ้มครองดูแลทรัพยากรชีวภาพที่มีความหลากหลายของประเทศไทยตามขั้นตอนให้ครบถ้วนต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณานำองค์ความรู้จากปราชญ์ชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องมาใช้เป็นข้อมูลในการศึกษา วิจัยและพัฒนาเพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นรูปธรรมต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
965 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Joint Statement on Climate Change 2014) | ทส | 28/10/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ASEAN Joint Statement on Climate Change 2014) ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการดำเนินการให้การผลักดันการลดก๊าซเรือนกระจก และการปรับตัวด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งมีความสอดคล้องต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะช่วยให้บรรลุผลในเรื่องความมั่นคงทางอาหารและการแก้ไขปัญหาความยากจนในภูมิภาคอาเซียน ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ให้การรับรองในร่างแถลงการณ์ร่วมฯ นี้ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ ให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่จนสิ้นสุดกระบวนการกล่าวถ้อยแถลง ณ ที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญา สมัยที่ ๒๐ ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแสดงจุดยืนของไทยที่มีความตั้งใจและสนับสนุนการดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ด้านการต่างประเทศเกี่ยวกับการกำหนดประเด็นและท่าทีของไทยให้ครอบคลุมทั้งในฐานะของประเทศไทยและในฐานะที่ไทยเป็นสมาชิกของอาเซียนด้วย |
||||||||||||||||||||||||
966 | แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า | ทส | 21/10/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเป็นกรรมการในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า จำนวน ๗ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายสุวิชญ์ รัศมิภูติ ๒. นายภราเดช พยัฆวิเชียร ๓. นายบวรเวท รุ่งรุจี ๔. รองศาสตราจารย์ บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย ๕. รองศาสตราจารย์ ศิริวรรณ ศิลาพัชรนันท์ ๖. รองศาสตราจารย์ โรจน์ คุณเอนก ๗. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ยงธนิศร์ พิมลเสถียร
|
||||||||||||||||||||||||
967 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 14/10/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมอบหมายให้ พลเอก สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ และไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ตามนัยมาตรา ๔๒ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
968 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 14/10/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดนิยามคำว่า “การบริหารจัดการ” “ที่ดิน” และ “ทรัพยากรดิน” ๑.๒ กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า คทช. ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง เป็นรองประธานกรรมการ คนที่ ๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นรองประธานกรรมการ คนที่ ๒ มีกรรมการโดยตำแหน่งอีก ๙ คน และมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกิน ๑๐ คน ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรเอกชนที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทย โดยมีเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและเลขานุการ และข้าราชการในสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวนไม่เกิน ๒ คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ๑.๓ กำหนดให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ ๔ ปี นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง และอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่ต้องไม่เกิน ๒ วาระติดต่อกัน ๑.๔ กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ๑.๕ กำหนดค่าใช้จ่ายสำหรับเบี้ยประชุม ค่าตอบแทน รวมทั้งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและคณะอนุกรรมการ ๒. อนุมัติให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๒๕ (เรื่อง นโยบายการใช้และกรรมสิทธิ์ที่ดิน และนโยบายเกี่ยวกับการจัดตั้งธนาคารที่ดิน) เฉพาะในส่วนของข้อ ฉ (ที่กำหนดให้การจัดที่ดินซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันให้ดำเนินการต่อไป แต่ไม่ให้ขยายพื้นที่ดำเนินการ และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทำแผนปฏิบัติการ หรือโครงการในการจัดที่ดินที่เหลืออยู่ให้เสร็จสิ้นภายใน ๕ ปี) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||
969 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 5 ราย) (1. นางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ ฯลฯ) | ทส | 14/10/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง จำนวน ๕ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางสาวอาระยา นันทโพธิเดช ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายชัยพร ศิริพรไพบูลย์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นางรวีวรรณ ภูริเดช ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
970 | ร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน ในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 12 และร่างปฏิญญากังวอนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน | ทส | 07/10/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๒ โดยร่างแถลงการณ์ฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันในระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม ๑.๒ เห็นชอบในการรับรองร่างปฏิญญากังวอนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน และการประชุมที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีการลงนาม และมอบหมายให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้ร่วมรับรองปฏิญญาฯ ๑.๓ เห็นชอบประเด็นนำเสนอแลกเปลี่ยนสำหรับหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย การบูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและวาระหลังปี ๒๐๑๕ การบูรณาการแผนปฏิบัติการความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติสู่การพัฒนาในระดับประเทศและท้องถิ่น การวางแผนพัฒนาและกลยุทธ์ขจัดความยากจน การใช้ระบบนิเวศที่สมบูรณ์เพื่อบรรเทาผลกระทบ/แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ท้าทายในระดับโลก และความหลากหลายทางชีวภาพและเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์ ๑.๔ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างแถลงการณ์ฯ และร่างปฏิญญาฯ ที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) เกี่ยวกับด้านต่างประเทศด้วย |
||||||||||||||||||||||||
971 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2557 | ทส | 01/10/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยคณะกรรมการฯ มีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน ในการประชุมครั้งที่ ๕๕/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๗ ซึ่งให้ความเห็นต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยให้โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าดำเนินการ ดังนี้
๑. ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างอาคารเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ของโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน ในการประชุมครั้งที่ ๕๕/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๗ ๒. รับผิดชอบในการขอจัดสรรงบประมาณเพื่อดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ ๓. ให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณา ตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
972 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 3 ราย) (1. นายเสรี โสภณดิเรกรัตน์ ฯลฯ) | ทส | 01/10/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายเสรี โสภณดิเรกรัตน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ๓. นายปราณีต ร้อยบาง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
|
||||||||||||||||||||||||
973 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 16/09/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง พลเอก เอกชัย จันทร์ศรี ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ กันยายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
974 | ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย (Thailand National lvory Action Plan) ฉบับแก้ไข เพื่อนำส่งสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) | ทส | 16/09/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ฉบับแก้ไข ซึ่งมีสาระสำคัญประกอบด้วย ๕ หมวดกิจกรรม ได้แก่ การออกระเบียบและกฎหมาย การจัดทำระบบทะเบียนข้อมูล การกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมาย การประชาสัมพันธ์ และการติดตามและประเมินผล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีกฎหมายควบคุมการค้าและการครอบครองงาช้างภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และกำหนดบทลงโทษที่เข้มงวดกรณีที่มีการครอบครองหรือการค้าที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งให้มีกฎหมายในการควบคุมการจดทะเบียนงาช้างภายในประเทศ ระบบการจดทะเบียนและออกใบอนุญาตผู้ค้างาช้างที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนติดตามและควบคุมผู้ค้างาช้าง การจัดทำข้อมูลงาช้างและการบังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามการค้างาช้างที่ผิดกฎหมาย โดยให้กำหนดตัวชี้วัดที่สามารถตรวจสอบการดำเนินงานได้ ๑.๒ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง และให้จัดส่งแผนปฏิบัติการฯ และรายงานผลความคืบหน้าให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ตามระยะเวลาที่กำหนด ๑.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการฯ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ต่อไป ๑.๔ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ฉบับภาษาอังกฤษ โดยให้จัดส่งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภายในวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๗ เพื่อจัดส่งให้สำนักเลขาธิการ CITES ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ และให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้ประเทศสมาชิก CITES ทราบถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาการค้างาช้างของประเทศไทย ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ครอบครองและผู้ค้างาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างที่มีอยู่เดิม ภายหลังจากที่แผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย (Thailand National Ivory Action Plan) จะมีผลบังคับใช้ ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางจัดการและใช้ประโยชน์จากงาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างของกลางที่อยู่ในความครอบครองของทางราชการให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่นำไปเผาทำลาย เช่น นำงาช้างไปจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความเป็นไปได้ตามระเบียบ หลักเกณฑ์ ข้อกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ ร่วมกันให้มีประสิทธิภาพและเป็นระบบ เช่น ปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับช้าง การครอบครอง ควบคุม และการใช้ประโยชน์จากช้าง การดูแลรักษาช้างป่วยและบาดเจ็บ เป็นต้น |
||||||||||||||||||||||||
975 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์) | ทส | 16/09/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ ให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ กันยายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
976 | ขอความเห็นชอบหลักการเกี่ยวกับการเสนอร่างพระราชบัญญัติไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [ร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | ทส | 16/09/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้เสนอร่างพระราชบัญญัติสวนป่า (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติเห็นชอบให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว และให้เสนอคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
977 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ (จำนวน 9 คน 1. นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ ฯลฯ) | ทส | 02/09/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ จำนวน ๙ คน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติมีมติ (๒ กันยายน ๒๕๕๗) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ ผู้แทนสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ ๒. นายอาชว์ เตาลานนท์ ผู้แทนสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ๓. รองศาสตราจารย์ปานเทพ รัตนากร ผู้แทนมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย ๔. นางรตยา จันทรเทียร ผู้แทนมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ๕. พลเอก สุรัตน์ วรรักษ์ ผู้แทนมูลนิธิอนุรักษ์ผืนป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด ๖. นายธิติ กนกทวีฐากร ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคม/มูลนิธิ ๗. รองศาสตราจารย์อุทิศ กุฏอินทร์ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคม/มูลนิธิ ๘. นางสาวธำรงลักษณ์ ลาพินี ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคม/มูลนิธิ ๙. นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคม/มูลนิธิ
|
||||||||||||||||||||||||
978 | การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และการแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสมในพื้นที่วิกฤต | ทส | 26/08/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติ
๑. เห็นชอบ Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤตที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสม (ระยะเร่งด่วน ๖ เดือน) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ประกอบด้วย ๔ ขั้นตอน คือ การกำจัดขยะมูลฝอยตกค้างสะสมในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยในพื้นที่วิกฤติ (ขยะมูลฝอยเก่า) การสร้างรูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายที่เหมาะสม (ขยะมูลฝอยใหม่) การวางระเบียบมาตรการการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และการสร้างวินัยของคนในชาติมุ่งสู่การจัดการที่ยั่งยืน มีแนวทางการขับเคลื่อนในระยะเร่งด่วน (๖ เดือน) ระยะปานกลาง (๑ ปี) และระยะยาว (๑ ปีขึ้นไป) พื้นที่เป้าหมายระยะเร่งด่วน ๑๑ จังหวัด ระยะปานกลาง ๒๐ จังหวัด และระยะยาว ๔๖ จังหวัด ๑.๒ แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤตที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสม มีค่าใช้จ่ายรวม ๕๒๖.๙๔ ล้านบาท แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน คือ ๑.๑.๑ ดำเนินการใน ๔ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี นครปฐม และสระบุรี เพื่อกำจัดขยะมูลฝอยตกค้างสะสมในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๑.๑.๒ ดำเนินการใน ๒ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดปทุมธานี และสมุทรปราการ เนื่องจากสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยเป็นของเอกชน ในเบื้องต้นจะให้ราชการส่วนท้องถิ่นบังคับใช้กฎหมายให้เอกชนรับผิดชอบดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยที่ตกค้างสะสมด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่ถูกต้อง ในกรณีที่ไม่เป็นผลจะได้ร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ เสนอแนะแนวทางปฏิบัติต่อไป ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี นครปฐม และสระบุรี เนื่องจากไม่ได้เสนอตั้งงบประมาณและเพื่อให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ เห็นควรอนุมัติในหลักการให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๕๒๖.๙๔ ล้านบาท โดยให้จังหวัดที่เกี่ยวข้องเป็นหน่วยงานดำเนินการ รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย โดยคำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วนและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการกำหนดให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่จัดทำแผนแม่บทและบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายในภาพรวมของจังหวัด ควรให้มีผู้แทนจากภาคประชาสังคมอยู่ในองค์ประกอบของคณะกรรมการดังกล่าว การกำหนดมาตรการควบคุมในเชิงปริมาณให้มีความถูกต้องและตรวจสอบได้ รวมทั้งการกำจัดขยะมูลฝอยในกรณีที่ก่อให้เกิดมูลค่าจากการใช้เทคโนโลยีแปลงขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel : RDF) ให้ระมัดระวังในเรื่องประโยชน์ต่างตอบแทนหรือประโยชน์ทับซ้อนเพื่อให้การดำเนินงานมีความโปร่งใสตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
979 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2556 เพื่อเปลี่ยนแปลงวันที่และสถานที่จัดการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 20 | ทส | 24/06/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติเห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๖ (เรื่อง ผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๑๙ และการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๐) เพื่อเปลี่ยนแปลงวันเวลา และสถานที่จัดการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๐ จากเดิม “ช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่” เป็น “วันที่ ๒๕-๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ ณ โรงแรมรอยัล ออร์คิด เชอราตัน โฮเต็ล แอนด์ ทาวเวอร์ กรุงเทพมหานคร” ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
980 | ขออนุมัติองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 20 | ทส | 24/06/2557 | |||||||||||||||||||||
คณะรักษาความสงบแห่งชาติลงมติอนุมัติองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๐ ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. นายสุรพล ปัตตานี รองหัวหน้าคณะผู้แทนไทย รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนไทยสำรองในคณะกรรมการร่วม คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ๓. นายชัยพร ศิริพรไพบูลย์ ผู้แทนไทย รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ผู้แทนไทยสำรองในคณะกรรมการร่วม คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ๔. นายชัยยุทธ สุขศรี ผู้แทนไทย กรรมการในคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ๕. ผู้แทนกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ผู้แทนไทย กระทรวงการต่างประเทศ ๖. ผู้แทนกรมองค์การระหว่างประเทศ ผู้แทนไทย กระทรวงการต่างประเทศ |
.....