ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 44 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 861 - 880 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
861 | การเข้าร่วมเป็นสมาชิกของไทยในองค์กรความร่วมมือด้านไม้ไผ่และหวายระหว่างประเทศ (International Network for Bamboo and Rattan - INBAR) | ทส | 06/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของไทยในองค์กรความร่วมมือด้านไม้ไผ่และหวายระหว่างประเทศ (International Network for Bamboo and Rattan-INBAR) โดยให้กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการตามกระบวนการภาคยานุวัติหลังจากที่ได้รับความเห็นชอบการเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงในการจัดตั้งองค์กรความร่วมมือด้านไม้ไผ่และหวายระหว่างประเทศ (Agreement on the Establishment of the International Network for Bamboo and Rattan-INBAR) จากคณะมนตรี (Council) ของ INBAR ๑.๓ เห็นชอบในหลักการการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุน/สนับสนุนรายปีให้แก่กรมป่าไม้ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกปีละ ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ ๘๒๕,๐๐๐ บาท อัตราแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน) ตลอดระยะเวลาที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกฯ โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป ๒. ในส่วนของค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นค่าสมาชิกรายปี ให้กรมป่าไม้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มาดำเนินการในโอกาสแรกก่อน สำหรับค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงบประมาณ ที่เห็นว่าหากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยืนยันได้ว่า ในชั้นการภาคยานุวัติความตกลงฯ ไม่มีความจำเป็นต้องให้สถานะทางกฎหมายหรือเอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ INBAR หรือเจ้าหน้าที่ของ INBAR กรณีจะไม่จำต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา อีกทั้งไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาประเภทอื่นตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จึงไม่ต้องได้รับความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อย่างไรก็ดี เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมกับการจัดการทรัพยากรไม้ไผ่และหวายอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงประโยชน์ที่ทางราชการและภาคประชาชนจะได้รับจากการเป็นสมาชิกในองค์กรดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบุคคลผู้บริโภคและผู้ผลิตไผ่และหวายในประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้เกษตรกรมีการปลูกต้นไผ่และหวายในพื้นที่ป่าเศรษฐกิจและป่าชุมชนเพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกษตรกรมีรายได้และยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชนท้องถิ่นให้ดีขึ้นต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
862 | การรักษาราชการแทน (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 06/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการในการมอบหมายผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
|
||||||||||||||||||||||||
863 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (จำนวน 4 ราย 1. นางสาวอาระยา นันทโพธิเดช ฯลฯ) | ทส | 06/10/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวอาระยา นันทโพธิเดช ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายชลธิศ สุรัสวดี ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ ๔. นางสาวสุทธิลักษณ์ ระวิวรรณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
|
||||||||||||||||||||||||
864 | (ร่าง) ข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายหลังปี ค.ศ. 2020 | ทส | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. (ร่าง) ข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ (Intended Nationally Determined Contribution : INDC) และเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจก ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ (พ.ศ. ๒๕๗๓) โดยกำหนดเป้าหมายขั้นต่ำที่ร้อยละ ๒๐ จากกรณีปกติ และกำหนดเป้าหมายขั้นสูงที่ร้อยละ ๒๕ จากกรณีปกติ โดยมีเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๖๓ (ค.ศ. ๒๐๒๐) ขั้นต่ำที่ร้อยละ ๒๐ และกำหนดเป้าหมายขั้นสูงที่ร้อยละ ๒๕ ๒. ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยประสานงานกลางของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยื่นข้อเสนอการมีส่วนร่วมของประเทศในการลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐ (INDC) ต่อสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อไป ๓. ให้เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นนโยบายสำคัญของประเทศ โดยเริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกดังกล่าวและการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อไป รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศสนับสนุนการประสานงานกับองค์กรและกองทุนระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของประเทศไทยให้สามารถบรรลุเป้าหมายขั้นสูงได้ |
||||||||||||||||||||||||
865 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2558 | ทส | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ มีมติให้การรับรองรายงานการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ จำนวนทั้งสิ้น ๑๒ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. โครงการโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา (ส่วนขยาย) ของโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ๒. โครงการศูนย์การแพทย์มหิดล นครสวรรค์ ของมหาวิทยาลัยมหิดล ๓. โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก นครราชสีมา ระยะที่ ๒ (เพื่อขยายโอกาสใช้พลังงานสะอาดและลดมลภาวะในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม เขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ๔. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู จังหวัดสตูล ของกรมทางหลวงชนบท ๕. การกำหนดประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice : CoP) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ที่ใช้ขยะมูลฝอยเป็นเชื้อเพลิง ที่มีกำลังผลิตกระแสไฟฟ้าตั้งแต่ ๑๐ เมกะวัตต์ ขึ้นไป ๖. ขอทบทวนมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม ๗. การขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ และประกาศกระทรวงฯ ในบริเวณพื้นที่จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ รวม ๔ ฉบับ ออกไปอีก ๑ ปี ๘. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหินและอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. .... ๙. ขอปรับปรุงร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านอาคาร การจัดสรรที่ดิน และบริการชุมชน กรุงเทพมหานคร ๑๐. โครงการระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและการจัดการโลจิสติกส์ ระยะเร่งด่วน ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ๑๑. การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๑๒. รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ภายหลังเปิดดำเนินการโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มเติม (สืบเนื่องจากการเพิ่มจำนวนผู้โดยสารในปีเปิดดำเนินการ) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
|
||||||||||||||||||||||||
866 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 39 | ทส | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๙ ระหว่างวันที่ ๒๘ มิถุนายน-๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งมีประเด็นสำคัญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรไทย ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) การรับรองอนุสรณ์สถานแหล่งต่าง ๆ และภูมิทัศน์ของเชียงใหม่ นครหลวงของล้านนา (Monument, Sites and Cultural Landscape of Chiang Mai, Capital of Lanna) ไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) (๒) การรับรองรายงานสถานภาพการอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และ (๓) ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงเอกสารสำหรับการขึ้นทะเบียนพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ๑.๒ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการมรดกโลกฯ โดยการหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การดำเนินงานตามข้อมติคณะกรรมการมรดกโลกและแผนการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อน (Road Map) พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีผลเป็นรูปธรรม ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานตามพันธกรณีอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรพิจารณาอนุญาตให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศเข้าศึกษาวิจัยเพื่อนำมาประกอบการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และร่วมกันจัดทำแผนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรมเพื่อให้พื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นมรดกโลกต่อไป รวมทั้งพิจารณากันเขตแผนงานโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานด้านแหล่งน้ำในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานออกจากแผนที่แนบท้ายการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจานก่อนเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ เพื่อให้พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานยังคงความเป็นธรรมชาติ และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
867 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนเมษายน - มิถุนายน 2558) | ทส | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติและข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๘) สรุปได้ ดังนี้
๑. เรื่องที่เป็นหลักการหรือเรื่องทั่วไป ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้จัดทำแผนปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ รวมทั้งติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายเงินงบประมาณ โดยมีผลการเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสที่ ๑-๓ (ตุลาคม ๒๕๕๗-มิถุนายน ๒๕๕๘) จำนวน ๒๐,๗๒๗.๓๘ ล้านบาท ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้รับผิดชอบเกี่ยวกับการประชุมระหว่างประเทศ จำนวน ๕ ครั้ง และรับผิดชอบการเจรจา/จัดทำความตกลง/บันทึกความเข้าใจ จำนวน ๓ รายการ ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการตามระเบียบเกี่ยวกับการพัสดุที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดและโปร่งใส และได้ทำมาตรการการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ๑.๔ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีเวลาเพียงพอที่จะช่วยพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเคร่งครัด ๒. เรื่องหรือโครงการที่สำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การจัดทำแผนงานการเจรจาหรือจัดทำความตกลงฯ ล่วงหน้า ๖ เดือน ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีแผนงานความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติ จำนวน ๑๓ เรื่อง ๒.๒ การปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการด้านพลังงาน ได้จัดทำบันทึกความตกลงร่วมกัน (MOU) ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรื่อง การนำร่องการจัดการขยะมูลฝอยเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel : RDF) และต่อยอดสู่การผลิตพลังงานทดแทน ๒.๓ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ ได้ดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาการตื้นเขินและเสื่อมสภาพของแหล่งน้ำพื้นที่ชุ่มน้ำให้คืนสู่ความสมบูรณ์ บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำและปัญหาน้ำท่วม ๒.๔ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร ได้ส่งมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติภายใต้โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล รวมเนื้อที่ ๑๕,๒๐๘ ไร่ มีประชาชนได้รับประโยชน์ จำนวนรวม ๒,๖๑๒ ราย ๒.๕ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย ได้ดำเนินโครงการบริหารระบบบำบัดน้ำเสีย จัดทำคู่มือประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice : COP) ดำเนินโครงการสร้างวินัยของคนในชาติมุ่งการจัดการที่ยั่งยืนตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และจัดทำโครงการการประเมินการรับรู้ของประชาชน ๒.๖ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้ประสานการดำเนินงานร่วมกับศูนย์บริการร่วม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการให้บริการประชาชนเกี่ยวกับการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน และประสานส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒.๗ การรวบรวมกฎหมาย ระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย มีการเสนอกฎหมาย รวมจำนวน ๒๐ ฉบับ ประกอบด้วย ร่างพระราชบัญญัติ ๑๘ ฉบับ และร่างพระราชกฤษฎีกา ๒ ฉบับ
|
||||||||||||||||||||||||
868 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อนำที่ดินที่เป็นป่าชายเลนในท้องที่อำเภอเมือง และอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล | ทส | 30/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ เพื่อนำที่ดินที่เป็นป่าชายเลนในท้องที่อำเภอเมือง และอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อที่ ๒๗,๐๐๐ ไร่ ไปจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดมาตรการป้องกันการบุกรุกพื้นที่ จำนวน ๑๖,๐๐๐ ไร่ ที่จะนำไปฟื้นฟูให้เป็นป่าชายเลนและจัดทำเป็นป่าชุมชนหรือป่าเศรษฐกิจ และให้ดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ให้ประเมินผลการดำเนินการเกี่ยวกับการฟื้นฟูพื้นที่ป่าและมาตรการป้องกันการบุกรุกพื้นที่ป่าดังกล่าวและรายงานคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
869 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ และนายนิวัติชัย คัมภีร์) | ทส | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายนิวัติชัย คัมภีร์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||
870 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (พลเอก อรรถนพ ศิริศักดิ์) | ทส | 08/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง พลเอก อรรถนพ ศิริศักดิ์ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ กันยายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
871 | รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ฉบับแก้ไข (Thailand's Revised National Ivory Action Plan - NIAP) เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ 66 | ทส | 08/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ฉบับแก้ไข (๑ เมษายน-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘) มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการออกระเบียบและกฎหมาย การจัดทำระบบทะเบียนข้อมูล การกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย การประชาสัมพันธ์ รวมทั้งการติดตามและประเมินผล ๒. รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ฉบับแก้ไข (Thailand’s Revised National Ivory Action Plan : NIAP) เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ครั้งที่ ๖๖ ประกอบด้วย (๑) บทสรุปย่อผลการดำเนินงานตาม NIAP มีเนื้อหาเกี่ยวกับความก้าวหน้าในการดำเนินงานตาม NIAP อย่างย่อในภาพรวมจนถึงปัจจุบัน แนวทางการดำเนินงานในอนาคต (๒) สรุปการประเมินระดับความก้าวหน้ารายกิจกรรม เป็นการประเมินระดับความก้าวหน้าตามรายกิจกรรมเป็น “Substantially achieved, On track, Challenging, Unclear” ตามรูปแบบตารางที่กำหนด (๓) รายละเอียดการประเมินระดับความก้าวหน้ารายกิจกรรม เป็นการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินงานในรายกิจกรรม และระดับความก้าวหน้าตามรูปแบบตารางที่กำหนด (๔) ตัวชี้วัด เป็นการแสดงข้อมูลการดำเนินการตามตัวชี้วัดที่ระบุไว้ใน NIAP (๕) ข้อชี้แจงต่อคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ต่อการดำเนินงานตาม NIAP ของประเทศไทย และ (๖) ภาคผนวก เป็นการแสดงข้อมูลสนับสนุนต่าง ๆ เช่น ภาพถ่าย รายละเอียด ตัวอย่างเอกสาร เป็นต้น แยกตามหมวดกิจกรรม ๓. หากจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขรายงานฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง และให้จัดส่งรายงานฯ ให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญา CITES ตามระยะเวลาที่กำหนด
|
||||||||||||||||||||||||
872 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาลดำเนินการโดยกองทัพบก พ.ศ. 2558 | ทส | 01/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กองทัพบกดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้งระยะเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๖๔ โครงการ ในลักษณะของงานดำเนินการเอง ๒. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๔๑๖,๘๘๒,๓๐๐ บาท เพื่อดำเนินการตามข้อ ๑ และให้กองทัพบกจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางและขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยตรงต่อไป ทั้งนี้ ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการเสนอเรื่องงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||
873 | ขอความเห็นชอบโครงการ Conserving Habitats for Globally Important Flora and Fauna in Production Landscape | ทส | 11/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างข้อเสนอโครงการ Conserving Habitats for Globally Important Flora and Fauna in Production Landscape มีวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์ชนิดพันธุ์และถิ่นที่อยู่อาศัยของชนิดพันธุ์ที่มีความสำคัญระดับโลกและอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ โดยให้ความสำคัญกับชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ จำนวนรวม ๓ ชนิด ได้แก่ (๑) นกชายเลนปากช้อน ในพื้นที่อ่าวไทยตอนใน (๒) นกกระเรียน ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และ (๓) พลับพลึงธาร ในพื้นที่จังหวัดระนองและจังหวัดพังงา ๑.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการ Conserving Habitats for Globally Important Flora and Fauna in Production Landscape โดยมอบหมายให้เลขาธิการสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายลงนามร่วมกับผู้แทนสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Program : UNDP) ในเอกสารโครงการ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างข้อเสนอโครงการดังกล่าวในประเด็นที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ส่งผลกระทบผูกพันเชิงนโยบาย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับเงินสมทบของรัฐบาลไทยควรพิจารณาให้เหมาะสมกับการจัดสรรงบประมาณของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งให้สอดคล้องกับลำดับความสำคัญของยุทธศาสตร์ประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
874 | การจัดประชุมวิชาการนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พืชวงศ์ขิง - ข่า ครั้งที่ 7 "ขิง - ข่า เพื่อชีวิต" (The 7th International Symposium on the Family ZINGIBERACEAE : Gingers for Life) | ทส | 11/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดการประชุมวิชาการนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พืชวงศ์ขิง-ข่า ครั้งที่ ๗ “ขิง-ข่า เพื่อชีวิต” (The 7th International Symposium on the Family ZINGIBERACEAE : Gingers for Life) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. ประเทศไทย โดยองค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับเลือกจากนานาชาติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมฯ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส โรงแรมดิเอ็มเพรส อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในฐานะที่ทรงเป็น “พระมารดาแห่งการคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ” และเพื่อเฉลิมพระเกียติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสปีพระราชสมภพครบ ๖๐ พรรษา ซึ่งทรงเป็นองค์อุปถัมภ์สำคัญด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรพืชของประเทศไทย รวมทั้งเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ วิชาชีพ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพืชวงศ์ขิง-ข่าและวงศ์ใกล้เคียงสู่การอนุรักษ์อย่างยั่งยืน และนานาประเทศจะได้รับทราบบทบาทความเป็นผู้นำด้านการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรพันธุ์พืชพื้นเมืองของไทยให้เป็นที่ประจักษ์ระดับประชาคมอาเซียนและระดับโลก ๒. องค์การสวนพฤกษศาสตร์ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตอบรับเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดการประชุมฯ ในวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ โดยจะทรงมีพระราชดำรัสเปิดการประชุมและจะทรงแสดงปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ขิง-ข่า ในวัฒนธรรมไทย” รวมทั้งทรงประทับฟังการบรรยายพิเศษเรื่อง “The World of Gingers : What We Know, What We Do Not Know, and What We Must Know.” โดย Professor Dr.W. J.Kress, Smithsonian Institution, USA. (Chairman of International Scientific Committee) และทอดพระเนตรผลงานวิจัยและนิทรรศการด้วย ๓. คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมการประชุมฯ จำนวน ๒๕๐ คน ประกอบด้วย นักวิชาการ นักวิจัย ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ รวมทั้งผู้ประกอบการ เกษตรกร นักศึกษา ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
|
||||||||||||||||||||||||
875 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การนำเสนอพื้นที่อนุรักษ์ในทะเลอันดามันเป็นเขตมรดกโลก) | ทส | 04/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาและผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง การนำเสนอพื้นที่อนุรักษ์ในทะเลอันดามันเป็นเขตมรดกโลก ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสนับสนุนการนำเสนอพื้นที่อนุรักษ์ในทะเลอันดามันเป็นเขตมรดกโลก แต่ควรให้ชะลอการจัดส่งเอกสารบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) พื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันออกไปก่อน เพื่อให้มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย ข้อมูลปัจจุบันของสถานภาพทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ การมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน และผลกระทบด้านเศรษฐกิจสังคมวัฒนธรรมต่อชุมชนในพื้นที่หากได้รับการรับรองให้เป็นแหล่งมรดกโลก และได้เสนอของบประมาณเพื่อดำเนินการในปี ๒๕๕๙ ในการจัดทำโครงการจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน ประกอบด้วย (๑) ด้านการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ (๒) ด้านการมีส่วนรร่วมของชุมชนในการจัดการทรัพยากรในพื้นที่อนุรักษ์อันดามัน และ (๓) ด้านผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคมหากได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่มรดกโลก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จโดยเร็วและรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วันต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
876 | บันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและองค์กร Global Green Growth Institute (GGGI) | ทส | 04/08/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและองค์กร Global Green Growth Institute (GGGI) มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมืออย่างเป็นทางการและก่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างคู่ภาคีในการส่งเสริมการจัดทำแผนงานโครงการ การวิจัย การดำเนินกิจกรรมร่วมกัน และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามเงื่อนไขของภาคีแต่ละฝ่าย ๑.๒ ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำบันทึกความเข้าใจกับองค์กร GGGI ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับร่างบันทึกความเข้าใจฯ ข้อ ๒ ขอบเขตความร่วมมือ ควรพิจารณาให้เหมาะสม และควรระบุหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละภาคีอย่างชัดเจน และร่างข้อ ๕ การรักษาความลับ ควรพิจารณาปรับแก้ให้เป็นประโยชน์ในการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของร่างบันทึกความเข้าใจฯ รวมทั้งควรปรับแก้ไขถ้อยคำที่กำหนดวัตถุประสงค์ของความร่วมมือเพื่อการสนับสนุนการสร้างศักยภาพและการพัฒนาทางเลือกเศรษฐกิจสีเขียวสำหรับประเทศกำลังพัฒนา (“…joint activities in support of capacity building and development of green economic growth options for developing countries”) มิใช่สำหรับประเทศไทยตามคำแปลภาษาไทย นอกจากนี้ บันทึกความเข้าใจฯ มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับนโยบายที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวมของประเทศเนื่องจากกรอบแผนการลงทุนจะมีผลผูกพันกับการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลในระยะต่อไป จึงควรมีการหารือในเรื่องแผนการลงทุนที่ฝ่ายไทยต้องรับผิดชอบก่อนการทำร่างบันทึกความเข้าใจฯ อย่างเป็นทางการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
877 | แนวทางประหยัดน้ำในหน่วยงานภาครัฐ | ทส | 28/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการประหยัดน้ำในหน่วยงานภาครัฐ ตามมติคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๘ ที่ให้ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมกันประหยัดน้ำ โดยให้หน่วยงานภาครัฐลดการใช้น้ำอย่างน้อยร้อยละ ๑๐ และรายงานผลทุกเดือน ตามที่กรมทรัพยากรน้ำในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
878 | ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซล สมัยที่ 12 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ 7 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ 7 | ทส | 21/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ ๑๒ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ ๗ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ ๗ ระหว่างวันที่ ๔-๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ผลการประชุมสรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ ๑๒ มีมติเห็นชอบกรอบแผนงานที่เกี่ยวข้องด้านการจัดการอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสำหรับของเสียอันตรายและของเสียอื่น รวมทั้งรับรอง Roadmap สำหรับแผนการดำเนินงานเพื่อการปฏิบัติตามปฏิญญาคาร์ตาเฮนาและรับรองแนวทางด้านเทคนิควิชาการสำหรับการจัดการของเสียอันตรายที่เกี่ยวข้อง ๒. ที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๗ มีมติแก้ไขภาคผนวก III ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ โดยการบรรจุรายชื่อสาร methamidophos เพิ่มเติม โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งภาคีสมาชิกจะต้องดำเนินการแจ้งท่าทีตอบรับนำเข้า (Import response) ตามพันธกรณีในข้อบทที่ ๑๐ ของอนุสัญญาฯ กล่าวคือ ยินยอมให้นำเข้า ไม่ยินยอมให้นำเข้า หรือยินยอมให้นำเข้าภายใต้เงื่อนไข โดยพิจารณาตัดสินใจบนพื้นฐานของมาตรการด้านกฎหมายภายในประเทศ ๓. ที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ ฉบับที่ ๗ มีมติให้แก้ไขภาคผนวก เอ ของอนุสัญญาฯ โดยบรรจุรายชื่อสารเคมี ๓ ชนิด คือ (๑) สาร hexachlorobutadiene โดยไม่มีข้อยกเว้นพิเศษ (๒) สาร chlorinated naphthalenes โดยมีข้อยกเว้นพิเศษสำหรับเป็นสารตัวกลางในการผลิต Polyfluorinated naphthalenes และ (๓) สาร pentachlorophenol and its salts and esters โดยมีข้อยกเว้นพิเศษสำหรับการผลิตและการใช้งานในเสาไฟฟ้าและแขนกางเขนของเสาไฟฟ้า ซึ่งภาคีสมาชิกจะต้องดำเนินมาตรการในการห้ามผลิต ห้ามใช้ และกำจัดสารดังกล่าวให้หมดไป รวมทั้งเห็นชอบให้ปรับปรุงแก้ไขภาคผนวก ซี ของอนุสัญญาฯ โดยบรรจุรายชื่อสาร chlorinated naphthalenes ซึ่งภาคีสมาชิกจะต้องดำเนินมาตรการเพื่อลดและเลิกการปลดปล่อยสารดังกล่าวโดยไม่จงใจ
|
||||||||||||||||||||||||
879 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่า และพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ต่อรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทยฉบับแก้ไข (Thailand's Revised National Ivory Action Plan - NIAP) | ทส | 21/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ต่อรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ฉบับแก้ไข (Thailand’s Revised National Ivory Action Plan-NIAP) โดยเห็นว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในการดำเนินการตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ ๖๕ [Standing Committee (SC) 65] ครบถ้วนทั้ง ๓ ประเด็นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งได้แก่ (๑) การตรากฎหมายที่เหมาะสม (๒) การตรากฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง (๓) การเพิ่มความพยายามในการติดตามและควบคุมผู้ค้างาช้าง การจัดทำข้อมูลงาช้างและการบังคับใช้กฎหมายในการปราบปรามการค้างาช้างที่ผิดกฎหมาย และประเมินว่าประเทศไทยประสบความสำเร็จอย่างเป็นที่น่าพอใจในการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งทำให้ประเทศไทยไม่ถูกเสนอระงับการค้าซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา CITES จากคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES แต่ยังคงมีสถานะเป็นประเทศที่น่ากังวลอย่างมาก (Primary concern) อยู่ และยังคงต้องดำเนินการตามแผนปฏิบัติการงาช้างฯ และส่งรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการตามแผนฯ ภายในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ ให้สำนักเลขาธิการ CITES เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ ๖๖ (SC 66) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ มกราคม ๒๕๕๙ พิจารณาต่อไป ๑.๒ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.๒.๑ ให้กรมการปกครองมีมาตรการทางกฎหมายในการกำหนดอายุช้างบ้านตั้งแต่แรกเกิดจนถึง ๓ เดือน ต้องจดทะเบียนทำตั๋วรูปพรรณ และให้มีมาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวดและรัดกุมในการป้องกันไม่ให้มีการนำช้างผิดกฎหมายมาแจ้งจดทะเบียนเป็นช้างบ้าน รวมทั้งกำกับดูแลและควบคุมการตัดงาของช้างบ้านด้วย ๑.๒.๒ ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีมาตรการที่เข้มงวดและรัดกุมในการตรวจสอบการแจ้งครอบครองงาช้างบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำงาช้างแอฟริกามาแจ้งครอบครองเป็นงาช้างบ้าน รวมทั้งมีมาตรการที่เข้มงวดกวดขันในการกำกับดูแลและควบคุมร้านค้างาช้างให้ปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมาย โดยหากพบการกระทำผิดให้ดำเนินการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการรณรงค์เพื่อให้เกิดการลดลงของปริมาณและขนาดของธุรกิจการค้างาช้างจนนำไปสู่การเลิกการค้างาช้างในที่สุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
880 | การขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จังหวัดชลบุรี จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. 2553 และประกาศกระทรวงฯ ในบริเวณพื้นที่จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555 รวม 4 ฉบับ ออกไปอีก 1 ปี | ทส | 21/07/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม ๔ ฉบับ ซึ่งจะหมดอายุการใช้บังคับในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ และขอขยายเวลาการบังคับใช้ต่อไปอีกหนึ่งปี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๓ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๔ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๕ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทั้งประเทศอย่างเป็นระบบ โดยจัดทำฐานข้อมูลเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และจัดทำแผนงานการยกร่างประกาศกระทรวงฯ ในแต่ละพื้นที่ให้แล้วเสร็จและทันการประกาศใช้บังคับได้อย่างต่อเนื่อง และเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง รวมถึงต้องประสานงานกับหน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามประกาศกระทรวงฯ ให้เกิดผลอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....