ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 36 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 701 - 720 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
701 | การขออนุมัติใช้เงินงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพิ่มเติม ปี 2559 | ทส | 20/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการให้ใช้เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๔๙๙.๑๖๒๙ ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพิ่มเติม ปี ๒๕๕๙ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้แก่เกษตรกร ของกรมทรัพยากรน้ำ จำนวน ๕๐ รายการ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการดำเนินโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำเพื่อดำเนินการแก้ปัญหาเร่งด่วนให้แก่เกษตรกรให้แล้วเสร็จทันฤดูฝนในปี ๒๕๖๐ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์กับราษฎรที่ประสบความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้งและอุทกภัย และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดจากการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
702 | การเจรจาการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (Voluntary Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป | ทส | 20/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาและท่าทีการเจรจาการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (Voluntary Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (Forest Law Enforcement, Governance and Trade : FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป (EU) และหลักการในการดำเนินการตามกรอบการเจรจาการจัดทำ VPA โดยกรอบการเจรจาและท่าทีดังกล่าวจะใช้เป็นแนวทางในการจัดทำ VPA ซึ่งหาก VPA สำเร็จจนประเทศไทยได้รับสิทธิในการออกใบรับรองเฟล็กที (FLEGT License) จะช่วยให้ผู้ส่งออกสินค้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ของไทยสามารถส่งสินค้าไปยังสหภาพยุโรปได้สะดวก และขยายโอกาสทางการค้าของประเทศไทยในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับเรื่องการให้มีมาตรการช่วยเหลือจากสหภาพยุโรปฯ เช่น การสนับสนุนให้ใช้สินค้าไม้ของไทยผ่านการจัดซื้อจัดจ้างที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (Green Procurement) อาจเป็นประเด็นที่เชื่อมโยงกับเรื่องการเข้าสู่ตลาดในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และการเปิดเสรีสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จึงควรหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาท่าทีในการเจรจาอย่างรอบคอบต่อไป และควรเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อกรอบการเจรจานั้นด้วย เพื่อให้การเจรจามีความสมบูรณ์และเป็นที่ยอมรับ ตลอดจนเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับผู้ที่อาจมีผลกระทบ หรือมีภาระความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น รวมทั้งผู้ที่จำเป็นต้องปรับตัวต่อหลักเกณฑ์ที่จะถูกกำหนดขึ้นภายหลังการจัดทำข้อตกลงและมีผลบังคับใช้แล้ว นอกจากนี้ การดำเนินการด้านธุรการและสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการต่าง ๆ ในการอำนวยความสะดวกในการเจรจาทุกระดับ ประสานงาน จัดการประชุม ปฏิบัติงานร่วมหรือสนับสนุนการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ Thai-EU FLEGT VPA อาจกำหนดให้สำนักแผนงานและสารสนเทศดำเนินการ และการดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบออกใบรับรองเฟล็กที (FLEGT License) ในระยะแรก อาจกำหนดให้กองการอนุญาต กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบงานดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งส่วนราชการขึ้นใหม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายในการประชุมตามกระบวนการเจรจาฯ ที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของกรมป่าไม้ที่ได้รับจัดสรรไว้ภายใต้โครงการความร่วมมือการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคและเศรษฐกิจโลก ส่วนภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เห็นควรให้กรมป่าไม้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
703 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (จำนวน 11 คน 1. นายปานเทพ รัตนากร ฯลฯ) | ทส | 13/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ จำนวน ๑๑ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายปานเทพ รัตนากร ประธานกรรมการ ๒. นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ กรรมการ (เป็นบุคคลจากบัญชีรายชื่อฯ) ๓. นายชวลิต ชูขจร กรรมการ (เป็นบุคคลจากบัญชีรายชื่อฯ) ๔. นายเวทย์ นุชเจริญ กรรมการ (เป็นบุคคลจากบัญชีรายชื่อฯ) ๕. นางนันทริกา ชันซื่อ กรรมการ ๖. นางกุณฑลทิพย พานิชภักดิ์ กรรมการ ๗. นายปัณรส มาลากุล ณ อยุธยา กรรมการ ๘. นายสมบัติ อนันตรัมพร กรรมการ (เป็นบุคคลจากบัญชีรายชื่อฯ) ๙. นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ กรรมการ (เป็นบุคคลจากบัญชีรายชื่อฯ) ๑๐. พันเอก ขจรศักดิ์ ไทยประยูร กรรมการ ๑๑. นางสาวพรวิลัย เดชอมรชัย กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
704 | ขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2523 ในกรณีจังหวัดอุตรดิตถ์ขอใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำปาด เพื่อก่อสร้างตลาด การค้าชายแดน ณ ช่องภูดู่ ท้องที่จังหวัดอุตรดิตถ์ | ทส | 07/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๒๓ (เรื่อง การเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้) เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย โดยให้จังหวัดอุตรดิตถ์ใช้พื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำปาด เพื่อก่อสร้างตลาดการค้าชายแดน ณ ช่องภูดู่ และปรับปรุงถนนสายบ้านม่วงเจ็ดต้น-ด่านภูดู่ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดจำนวนพื้นที่ที่ต้องการขอผ่อนผันเท่าที่จำเป็นให้ชัดเจน ส่วนพื้นที่ที่เหลือให้กำหนดเป็นพื้นที่ป่าและมีการปลูกป่าทดแทนต่อไป และพิจารณาหาแนวทาง มาตรการในการป้องกันการละเมิดกฎหมายการเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ของหน่วยงานรัฐก่อนได้รับอนุญาตในอนาคตที่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ในการดำเนินการโครงการต่อไปนั้น ควรจะดำเนินการให้ถูกต้องเหมาะสม โดยให้ดำเนินการตามเงื่อนไขและขั้นตอนที่กำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และยึดหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาสเสนอความเห็นและมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการดำเนินโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) พิจารณาดำเนินการ ๒.๑ เร่งรัดการตรวจสอบการเข้าใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทั้งหมดที่ยังมิได้ขออนุมัติการเข้าใช้พื้นที่ให้ครบถ้วนทุกกรณีในภาพรวมของทั้งประเทศ และประสานกับส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐดังกล่าวเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนและเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.๒ ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และขั้นตอนปฏิบัติที่เกี่ยวข้องในการขออนุมัติใช้พื้นที่ป่าไม้ของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้มีความคล่องตัว สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น ๒.๓ กำกับให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในความรับผิดชอบอย่างเคร่งครัดเพื่อให้การดูแลและบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งป่าไม้ทุกประเภทให้เป็นไปอย่างยั่งยืนตามยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ของรัฐบาล เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใดเข้าใช้ประโยชน์ภายในพื้นที่ป่าไม้ทุกประเภทก่อนได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
705 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2559 (เพิ่มเติม) และ ครั้งที่ 4/2559 | ทส | 22/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ (เพิ่มเติม) และครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
๑. การประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ (เพิ่มเติม) ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแผนการดำเนินงานแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนสารตะกั่วบริเวณห้วยคลิตี้ (จังหวัดกาญจนบุรี) ระยะที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔ ๒. การประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๙ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ๒.๑ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. .... ๒.๒ ร่างแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ๒.๓ ร่างกรอบทิศทางการสนับสนุนเงินกองทุนสิ่งแวดล้อมตามมาตรา ๒๓ (๔) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ๒.๔ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่อำเภอปลวกแดง อำเภอบ้านค่าย และอำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ๒.๕ โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดานเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) รวมจำนวน ๓๕ แปลง ใบอนุญาตปลูกสร้างอาคารเกี่ยวกับการทำเหมือง และจัดตั้งสถานที่เพื่อการแต่งแร่นอกเขตเหมืองแร่ จำนวน ๔ แปลง และคำขอใบอนุญาตปลูกสร้างอาคารเกี่ยวกับการทำเหมือง และจัดตั้งสถานที่เพื่อการแต่งแร่นอกเขตเหมืองแร่ จำนวน ๑ แปลง ตั้งอยู่ที่ตำบลทับกวาง และตำบลท่าคล้อ อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ๒.๖ โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และเพื่อทำปูนขาว คำขอประทานบัตรที่ ๒/๒๕๕๒ ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนชาติแคลเซี่ยม 888 ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับประทานบัตรที่ ๒๘๐๔๔/๑๔๘๘๐ ของบริษัท เซเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ๒.๗ การปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการลำดับที่ ๓ โครงการระบบขนส่งปิโตรเลียมและน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อ ๒.๘ การขอยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานการให้ความเห็นชอบขององค์การอิสระในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง พ.ศ. ๒๕๕๓ และบรรดาอนุบัญญัติทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
706 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 13 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง และร่างปฏิญญาแคนคูน ว่าด้วยการบูรณาการการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี | ทส | 22/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๓ (The Twelfth Conference of the Parties to the Convention on Biological Diversity : COP13) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๒-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ ณ เมืองแคนคูน สหรัฐเม็กซิโก โดยประเทศไทยจะแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนกับประชาคมโลก โดยเฉพาะการบูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพในภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ เห็นชอบในการรับรองร่างปฏิญญาแคนคูนว่าด้วยการบูรณาการการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี โดยไม่มีการลงนาม มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการบูรณาการการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน สนับสนุนการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ แผนกลยุทธ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ค.ศ. ๒๐๑๑-๒๐๒๐ และเป้าหมายไอจิ รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุวาระการพัฒนาปี ค.ศ. ๒๐๓๐ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ในมิติต่าง ๆ เช่น การปกป้องคุ้มครองและจัดการระบบนิเวศอย่างยั่งยืน ความมั่นคงทางอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน เป็นต้น ทั้งนี้ จะมีการรับรองร่างปฏิญญาแคนนูนฯ ในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาฯ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองปฏิญญาแคนคูนฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับท่าทีไทยสำหรับการประชุมระดับสูง เรื่อง การบูรณาการด้านความหลากหลายทางชีวภาพในภาคป่าไม้ ที่ระบุว่า ประเทศไทยจะมีการดำเนินนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกและการบริหารจัดการพื้นที่ป่าไม้ ควรพิจารณาเพิ่มเติมการดำเนินนโยบายด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศป่าไม้ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บทบูรณาการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔ และแผนปฏิบัติการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนท่าทีไทยสำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาฯ และร่างปฏิญญาแคนคูนฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
707 | ขออนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 23 | ทส | 22/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๓ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินงานและความร่วมมือของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงภายใต้พันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๓๘ เช่น การกำหนดให้สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission Secretariat : MRCS) มีที่ตั้งเหลือ ๑ แห่ง ณ นครหลวงเวียงจันทน์ และกำหนดให้ศูนย์บริหารจัดการและบรรเทาอุทกภัยระดับภูมิภาคประจำอยู่ ณ กรุงพนมเปญ เช่นเดิม การเพิ่มพูนความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา (จีน-เมียนมา) แผนการดำเนินงานประจำปี ค.ศ. ๒๐๑๗ ระเบียบปฏิบัติการใช้น้ำและบทเรียนจากกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า กรณีโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี และดอนสะโฮง ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และการถ่ายโอนภารกิจหลักด้านการบริหารจัดการลุ่มน้ำจากคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงให้แก่ประเทศสมาชิก ค.ศ. ๒๐๑๗ เป็นต้น ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ เมืองปากเซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ๒. เห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยหารือกับประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ตามประเด็นในกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๓ เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานและความร่วมมือเป็นไปตามพันธกรณีของความตกลงฯ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
708 | ร่างกรอบความร่วมมือระหว่างโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) และเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (EANET) ในการบริหารจัดการข้อกำหนดการให้บริการของสำนักเลขาธิการ EANET (Framework between the United Nations Environment Programme (UNEP) and the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET) on Arrangements for UNEP's Provision of Secretariat Services to the EANET) | ทส | 15/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกรอบความร่วมมือระหว่างโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme : UNEP) และเครือข่ายการติดตามตรวจสอบการตกสะสมของกรดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก (The Acid Deposition Monitoring Network in East Asia : EANET) ในการบริหารจัดการข้อกำหนดการให้บริการของสำนักเลขาธิการ EANET (Framework between the United Nations Environment Programme (UNEP) and the Acid Deposition Monitoring Network in East Asia (EANET) on Arrangements for UNEP''s Provision of Secretariat Services to the EANET) ซึ่งจัดทำขึ้นทดแทนฉบับเดิมเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการและแนวทางการดำเนินงานของสำนักเลขาธิการ EANET รวมถึงการประสานงานร่วมกับประเทศเครือข่ายและศูนย์เครือข่าย EANET โดยมีข้อกำหนดทั้งสิ้น ๑๔ ข้อ และตั้งใจให้มีรูปแบบที่ไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ หรือไม่อยู่ภายใต้บังคับกฎหมายระหว่างประเทศ ๑.๒ ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเห็นชอบต่อร่างกรอบความร่วมมือฯ ในระหว่างการประชุมระดับรัฐบาล (Intergovernmental Meeting : IG) ครั้งที่ ๑๘ (IG18) ของ EANET ในระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาสาระของกรอบความร่วมมือฯ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ ๑๔ อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเลและทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน ในเป้าประสงค์ที่ ๑๔.๓ ลดและแก้ปัญหาผลกระทบของการเป็นกรดในมหาสมุทร โดยผ่านทางความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ในทุกระดับ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
709 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าชเรือนกระจก (องค์การมหาชน)(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | ทส | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างขององค์การ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้ปรับแก้ข้อความในร่างมาตรา ๑๙ เป็น “การบัญชีขององค์การ ให้จัดทำตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐ และต้องจัดให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการพัสดุขององค์การ ตลอดจนรายงานผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการทราบอย่างน้อยปีละครั้ง ...” เพื่อให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) มีความชัดเจนในการเลือกใช้มาตรฐานการบัญชี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
710 | การเสนออุทยานธรณีสตูลเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้เสนออุทยานธรณีสตูลเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) ๑.๒ มอบหมายให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการเสนออุทยานธรณีสตูลเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายการเป็นสมาชิกของยูเนสโกภายหลังได้รับการรับรองการเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกรายปี จำนวนปีละ ๑,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๓๕,๐๐๐ บาท เห็นควรให้จังหวัดสตูลจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
711 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ตามมาตรการที่ 6 การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน | ทส | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ตามมาตรการที่ ๖ การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน จากสิ้นสุดโครงการเดือนกันยายน ๒๕๕๙ เป็นสิ้นสุดโครงการเดือนมกราคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำบาดาล) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนการดำเนินงานโครงการฯ โดยมีการวิเคราะห์ข้อมูลให้ชัดเจน รอบคอบ เช่น การกำหนดพื้นที่ การสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ เป็นต้น สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ตั้งแต่ก่อนดำเนินงานโครงการฯ จัดทำรายงานและติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินโครงการดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ทั้งนี้ หากไม่สามารถดำเนินการโครงการฯ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดในคราวนี้ ก็เห็นควรให้ยกเลิกการดำเนินการและส่งคืนงบประมาณในส่วนที่เหลือ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำกับติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ แล้วรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
712 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นายจตุพร บุรุษพัฒน์ และนายพงศ์บุณย์ ปองทอง) | ทส | 08/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ๒. นายพงศ์บุณย์ ปองทอง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
713 | ขอความเห็นชอบการยกเลิกโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 | ทส | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำแยกคลองเปรม-ประตูน้ำพระอินทร์ ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี วงเงิน ๑,๙๒๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการยกเลิกสัญญากับผู้รับจ้างเห็นควรให้คำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการและผลกระทบที่ได้รับ โดยดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับการดำเนินโครงการเงินกู้ฯ มีต้นทุนที่เป็นภาระดอกเบี้ย ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาความจำเป็น ความพร้อม และความซ้ำซ้อนในการดำเนินโครงการก่อนเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการอื่น ๆ ในโอกาสต่อไป รวมทั้งประสานงานกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะและกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการส่งคืนเงินกู้ตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ถูกต้องครบถ้วน นอกจากนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณากำกับดูแลและเร่งรัดโครงการต่าง ๆ ภายใต้โครงการเงินกู้ฯ ให้สามารถเบิกจ่ายเงินได้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
714 | สรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการความร่วมมือของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMTV เพื่อผืนป่าอาเซียน (The Regional Workshop on CLMTV Forest Partnership Dialogue) | ทส | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการความร่วมมือของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMTV เพื่อผืนป่าอาเซียน (The Regional Workshop on CLMTV Forest Partnership Dialogue) ระหว่างวันที่ ๕-๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ จังหวัดอุดรธานี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ ได้มีการหารือในประเด็นการส่งเสริมการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน การฟื้นฟูป่า และการปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับภูมิภาค ASEAN รวมถึงการพัฒนาศักยภาพการรับมือกับปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ ด้านนโยบายการบริหารจัดการ และการดำเนินงานที่เป็นผลสำเร็จของแต่ละประเทศ ในประเด็นการส่งเสริมการฟื้นฟูป่า การหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า และความเสื่อมโทรมของป่า การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน การพัฒนาป่าชุมชน การเสริมสร้างศักยภาพของป่าในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. กลุ่มประเทศ CLMTV เห็นชอบกับแนวคิดริเริ่มการจัดทำความร่วมมือเพื่อเป็นหุ้นส่วนดำเนินการด้านป่าไม้ (The initiative on the CLMTV Forest Partnership) เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูป่าไม้ในภูมิภาคอาเซียน และส่งเสริมการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน รวมทั้งใช้เป็นแนวทางในการกำหนดกรอบความร่วมมือและจัดทำกิจกรรมร่วมกันในการฟื้นฟูและฟื้นคืนสภาพภูมิทัศน์ป่าไม้ในอนาคต โดยการเสริมสร้างศักยภาพการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการป่าไม้ ๓. ประเทศไทย โดยกรมป่าไม้ ได้นำสรุปผลการประชุมฯ ไปรายงานต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านป่าไม้ (The Meeting of ASEAN Senior Officials on Forestry : ASOF) ครั้งที่ ๑๙ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ เพื่อทราบแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
715 | การรับรองร่างปฏิญญาแอดิเลด 3R ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ก้าวไปสู่สังคมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ภายใต้วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 (Adelaide 3R Declaration towards the Promotion of Circular Economy in Achieving the Resource Efficient Societies in Asia and the Pacific under the 2030 Agenda for Sustainable Development) | ทส | 01/11/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาแอดิเลด 3R ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ก้าวไปสู่สังคมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ (Adelaide 3R Declaration towards the Promotion of Circular Economy in Achieving the Resource Efficient Societies in Asia and the Pacific under the 2030 Agenda for Sustainable Development) สำหรับการประชุม The Seventh Regional 3R Forum in Asia and the Pacific ระหว่างวันที่ ๒-๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ เมืองแอดิเลด รัฐออสเตรเลียใต้ เครือรัฐออสเตรเลีย มีสาระสำคัญเป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการมีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเป็นการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และองค์กรด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป อีกทั้งเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยกระตุ้นกลไกการบริหารจัดการของเสียภายในประเทศให้เป็นไปตามหลักการสากล ๑.๒ อนุมัติให้รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองในร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
716 | รายงานการรับรองปฏิญญาลิมา (Lima Declaration) และแผนปฏิบัติการลิมา (Lima Action Plan) สำหรับปี ค.ศ. 2016 - 2025 | ทส | 25/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการรับรองปฏิญญาลิมา (Lima Declaration) และแผนปฏิบัติการลิมา (Lima Action Plan) สำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๕ ที่ได้มีการรับรองในที่ประชุม World Congress of Biosphere Reserves ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๑๔-๑๗ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ปฏิญญาลิมา มีสาระสำคัญตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี โดยได้เพิ่มเนื้อความเกี่ยวกับกิจกรรมโครงการมนุษย์และชีวมณฑลในแถบประเทศหมู่เกาะแคริบเบียน ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย และการสนับสนุนการใช้พื้นที่สงวนชีวมณฑลเป็นพื้นที่สาธิตในการดำเนินกิจกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน การสำรวจ วิจัย ติดตามการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสนับสนุนความร่วมมือกับภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่สงวนชีวมณฑล ซึ่งไม่มีข้อผูกมัดในการดำเนินการ และสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทย ๒. แผนปฏิบัติการลิมา สำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๕ มีสาระสำคัญโดยมีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มถ้อยคำให้ครอบคลุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการมนุษย์และชีวมณฑล ในภาพรวมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยถ้อยคำที่ปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมนั้น ไม่กระทบสาระสำคัญเดิมตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด ๓. การดำเนินการภายหลังการรับรองปฏิญญาลิมา และแผนปฏิบัติการลิมา คณะกรรมการโครงการมนุษย์และชีวมณฑลของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้แต่งตั้งคณะทำงานร่างยุทธศาสตร์การบริหารจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลของประเทศไทยขึ้นเพื่อจัดทำร่างยุทธศาสตร์ดังกล่าว ๔. การพัฒนาความร่วมมือกับเครือข่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เห็นชอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดประชุมเครือข่ายพื้นที่สงวนชีวมณฑลในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ ๑๐ [(10th Southeast Asian Biosphere Reserve Network (SeaBRnet) Meeting] ในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ณ จังหวัดเชียงใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
717 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 22 (COP 22) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 12 (CMP12) และการประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 1 (CMA 1) | ทส | 25/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (the Conference of the Parties to the UNFCCC : COP) สมัยที่ ๒๒ (COP 22) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต (the Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Kyoto Protocol : CMP) สมัยที่ ๑๒ (CMP 12) และการประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส (the Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Paris Agreement) สมัยที่ ๑ (CMA 1) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ เมืองมาร์ราเกซ ราชอาณาจักรโมร็อกโก ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในระหว่างการประชุมระดับสูง และมอบหมายให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ผู้แทนพิเศษของประธานกลุ่ม ๗๗ สำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รองหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย กรณีที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยไม่ได้พำนักในราชอาณาจักรโมร็อกโก รวมทั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต ราชอาณาจักรโมร็อกโก ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ เห็นชอบต่อกรอบท่าทีเจรจาของไทยสำหรับใช้ในการประชุม COP 22 การประชุม CMP 12 และการประชุม CMA 1 มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำการดำเนินงานภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงภายใต้ความตกลงปารีส จะคำนึงถึงหลักการของความเป็นธรรม ความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างโดยคำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละประเทศ และมุ่งหวังให้รัฐภาคียกระดับการดำเนินงานตามพันธกรณีของตนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฯ พิธีสารเกียวโต และความตกลงปารีส รวมทั้งเรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มระดับการดำเนินงานในช่วงก่อนปี ค.ศ. ๒๐๒๐ อย่างจริงจัง เพื่อนำไปสู่หลักการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นธรรม รวมทั้งยกระดับการให้การสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาด้านการเงิน การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า หากในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติฯ จะมีการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐภาคี จะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนการทำความตกลงนั้นตามมาตรา ๔ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และหากความตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเข้าข่ายลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกรอบท่าทีการเจรจาของไทยฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
718 | ท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 40 (ต่อเนื่อง) | ทส | 18/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.๑ เห็นชอบการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ดังนี้ ๑.๑.๑ ราชอาณาจักรไทยควรเร่งหารือเพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาก่อนการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ ที่ทำการใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๑.๑.๒ ยืนยันตามร่างข้อมติคณะกรรมการมรดกโลกที่ให้ Refer เพื่อชะลอการขึ้นทะเบียนพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และพยายามไม่ให้มีถ้อยคำเกี่ยวกับ “เขตแดน” ไว้ในข้อมติของคณะกรรมการมรดกโลก ๑.๑.๓ กรณีมีประเด็นอื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ ทั้งนี้ ให้คณะผู้แทนไทยพิจารณาร่วมกันระหว่างการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) โดยคำนึงถึงหลักการของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และข้อมูลด้านเทคนิคและวิชาการจากองค์กรที่ปรึกษา ๑.๒ มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานหลักในการจัดคณะผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือและทำความเข้าใจร่วมกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาในเรื่องข้อห่วงกังวลในเรื่องค่าพิกัดของพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ก่อนการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดส่งเอกสารค่าพิกัดตำแหน่งที่ตั้งของพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานในเอกสารเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลก จากเดิม ๔ ตำแหน่ง เป็น ๑ ตำแหน่ง ต่อศูนย์มรดกโลกรับทราบ ๑.๔ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ตามองค์ประกอบเดิมในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ โดยมอบหมายให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส (นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว) เป็นหัวหน้าคณะ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมอบหมายให้ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเลขานุการหัวหน้าคณะ ๒. หากมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
719 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน รวม 4 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ) (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ) | ทส | 11/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างขององค์การ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรปรับแก้ไขข้อความในร่างพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการบัญชีเพื่อให้มีความชัดเจนในการเลือกใช้มาตรฐานการบัญชี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานดังกล่าว เห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
720 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นายวิจารย์ สิมาฉายา) | ทส | 11/10/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิจารย์ สิมาฉายา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
.....