ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 37 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 721 - 740 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
721 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน รวม 2 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าชเรือนกระจก (องค์การมหาชน)(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | ทส | 08/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างขององค์การ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่ให้ปรับแก้ข้อความในร่างมาตรา ๑๙ เป็น “การบัญชีขององค์การ ให้จัดทำตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรฐานและนโยบายการบัญชีภาครัฐ และต้องจัดให้มีการตรวจสอบภายในเกี่ยวกับการเงิน การบัญชี และการพัสดุขององค์การ ตลอดจนรายงานผลการตรวจสอบให้คณะกรรมการทราบอย่างน้อยปีละครั้ง ...” เพื่อให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) มีความชัดเจนในการเลือกใช้มาตรฐานการบัญชี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
722 | การเสนออุทยานธรณีสตูลเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) | ทส | 08/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้เสนออุทยานธรณีสตูลเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) ๑.๒ มอบหมายให้คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการเสนออุทยานธรณีสตูลเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกของยูเนสโกต่อสำนักเลขาธิการยูเนสโก ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายการเป็นสมาชิกของยูเนสโกภายหลังได้รับการรับรองการเป็นสมาชิกอุทยานธรณีโลกรายปี จำนวนปีละ ๑,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ ๓๕,๐๐๐ บาท เห็นควรให้จังหวัดสตูลจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
723 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ตามมาตรการที่ 6 การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน | ทส | 08/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ตามมาตรการที่ ๖ การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน จากสิ้นสุดโครงการเดือนกันยายน ๒๕๕๙ เป็นสิ้นสุดโครงการเดือนมกราคม ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำบาดาล) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนการดำเนินงานโครงการฯ โดยมีการวิเคราะห์ข้อมูลให้ชัดเจน รอบคอบ เช่น การกำหนดพื้นที่ การสำรวจทางธรณีฟิสิกส์ เป็นต้น สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ตั้งแต่ก่อนดำเนินงานโครงการฯ จัดทำรายงานและติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์การดำเนินโครงการดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ทั้งนี้ หากไม่สามารถดำเนินการโครงการฯ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดในคราวนี้ ก็เห็นควรให้ยกเลิกการดำเนินการและส่งคืนงบประมาณในส่วนที่เหลือ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำกับติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ แล้วรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบภายในไตรมาสที่ ๒ ของปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
724 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นายจตุพร บุรุษพัฒน์ และนายพงศ์บุณย์ ปองทอง) | ทส | 08/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ๒. นายพงศ์บุณย์ ปองทอง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
725 | ขอความเห็นชอบการยกเลิกโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 2 | ทส | 01/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการยกเลิกโครงการเงินกู้เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน : มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำแยกคลองเปรม-ประตูน้ำพระอินทร์ ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี วงเงิน ๑,๙๒๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการยกเลิกสัญญากับผู้รับจ้างเห็นควรให้คำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการและผลกระทบที่ได้รับ โดยดำเนินการตามกฎหมายและระเบียบราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับการดำเนินโครงการเงินกู้ฯ มีต้นทุนที่เป็นภาระดอกเบี้ย ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการพิจารณาความจำเป็น ความพร้อม และความซ้ำซ้อนในการดำเนินโครงการก่อนเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการอื่น ๆ ในโอกาสต่อไป รวมทั้งประสานงานกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะและกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการส่งคืนเงินกู้ตามขั้นตอนของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้ถูกต้องครบถ้วน นอกจากนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณากำกับดูแลและเร่งรัดโครงการต่าง ๆ ภายใต้โครงการเงินกู้ฯ ให้สามารถเบิกจ่ายเงินได้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
726 | สรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการความร่วมมือของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMTV เพื่อผืนป่าอาเซียน (The Regional Workshop on CLMTV Forest Partnership Dialogue) | ทส | 01/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการความร่วมมือของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMTV เพื่อผืนป่าอาเซียน (The Regional Workshop on CLMTV Forest Partnership Dialogue) ระหว่างวันที่ ๕-๘ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ จังหวัดอุดรธานี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ ได้มีการหารือในประเด็นการส่งเสริมการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน การฟื้นฟูป่า และการปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับภูมิภาค ASEAN รวมถึงการพัฒนาศักยภาพการรับมือกับปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น และประสบการณ์ ด้านนโยบายการบริหารจัดการ และการดำเนินงานที่เป็นผลสำเร็จของแต่ละประเทศ ในประเด็นการส่งเสริมการฟื้นฟูป่า การหยุดยั้งการตัดไม้ทำลายป่า และความเสื่อมโทรมของป่า การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน การพัฒนาป่าชุมชน การเสริมสร้างศักยภาพของป่าในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. กลุ่มประเทศ CLMTV เห็นชอบกับแนวคิดริเริ่มการจัดทำความร่วมมือเพื่อเป็นหุ้นส่วนดำเนินการด้านป่าไม้ (The initiative on the CLMTV Forest Partnership) เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูป่าไม้ในภูมิภาคอาเซียน และส่งเสริมการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน รวมทั้งใช้เป็นแนวทางในการกำหนดกรอบความร่วมมือและจัดทำกิจกรรมร่วมกันในการฟื้นฟูและฟื้นคืนสภาพภูมิทัศน์ป่าไม้ในอนาคต โดยการเสริมสร้างศักยภาพการมีส่วนร่วมของชุมชนในการจัดการป่าไม้ ๓. ประเทศไทย โดยกรมป่าไม้ ได้นำสรุปผลการประชุมฯ ไปรายงานต่อที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านป่าไม้ (The Meeting of ASEAN Senior Officials on Forestry : ASOF) ครั้งที่ ๑๙ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อเดือนสิงหาคม ๒๕๕๙ เพื่อทราบแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
727 | การรับรองร่างปฏิญญาแอดิเลด 3R ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ก้าวไปสู่สังคมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ภายใต้วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 (Adelaide 3R Declaration towards the Promotion of Circular Economy in Achieving the Resource Efficient Societies in Asia and the Pacific under the 2030 Agenda for Sustainable Development) | ทส | 01/11/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาแอดิเลด 3R ว่าด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ก้าวไปสู่สังคมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ภายใต้วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ (Adelaide 3R Declaration towards the Promotion of Circular Economy in Achieving the Resource Efficient Societies in Asia and the Pacific under the 2030 Agenda for Sustainable Development) สำหรับการประชุม The Seventh Regional 3R Forum in Asia and the Pacific ระหว่างวันที่ ๒-๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ เมืองแอดิเลด รัฐออสเตรเลียใต้ เครือรัฐออสเตรเลีย มีสาระสำคัญเป็นการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการมีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเป็นการส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และองค์กรด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป อีกทั้งเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยกระตุ้นกลไกการบริหารจัดการของเสียภายในประเทศให้เป็นไปตามหลักการสากล ๑.๒ อนุมัติให้รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองในร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
728 | รายงานการรับรองปฏิญญาลิมา (Lima Declaration) และแผนปฏิบัติการลิมา (Lima Action Plan) สำหรับปี ค.ศ. 2016 - 2025 | ทส | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการรับรองปฏิญญาลิมา (Lima Declaration) และแผนปฏิบัติการลิมา (Lima Action Plan) สำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๕ ที่ได้มีการรับรองในที่ประชุม World Congress of Biosphere Reserves ครั้งที่ ๔ เมื่อวันที่ ๑๔-๑๗ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ปฏิญญาลิมา มีสาระสำคัญตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี โดยได้เพิ่มเนื้อความเกี่ยวกับกิจกรรมโครงการมนุษย์และชีวมณฑลในแถบประเทศหมู่เกาะแคริบเบียน ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย และการสนับสนุนการใช้พื้นที่สงวนชีวมณฑลเป็นพื้นที่สาธิตในการดำเนินกิจกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน การสำรวจ วิจัย ติดตามการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสนับสนุนความร่วมมือกับภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่สงวนชีวมณฑล ซึ่งไม่มีข้อผูกมัดในการดำเนินการ และสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทย ๒. แผนปฏิบัติการลิมา สำหรับปี ค.ศ. ๒๐๑๖-๒๐๒๕ มีสาระสำคัญโดยมีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มถ้อยคำให้ครอบคลุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการมนุษย์และชีวมณฑล ในภาพรวมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยถ้อยคำที่ปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมนั้น ไม่กระทบสาระสำคัญเดิมตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแต่อย่างใด ๓. การดำเนินการภายหลังการรับรองปฏิญญาลิมา และแผนปฏิบัติการลิมา คณะกรรมการโครงการมนุษย์และชีวมณฑลของคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้แต่งตั้งคณะทำงานร่างยุทธศาสตร์การบริหารจัดการพื้นที่สงวนชีวมณฑลของประเทศไทยขึ้นเพื่อจัดทำร่างยุทธศาสตร์ดังกล่าว ๔. การพัฒนาความร่วมมือกับเครือข่ายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เห็นชอบให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดประชุมเครือข่ายพื้นที่สงวนชีวมณฑลในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ครั้งที่ ๑๐ [(10th Southeast Asian Biosphere Reserve Network (SeaBRnet) Meeting] ในปีงบประมาณ ๒๕๖๐ ณ จังหวัดเชียงใหม่
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
729 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 22 (COP 22) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 12 (CMP12) และการประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 1 (CMA 1) | ทส | 25/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (the Conference of the Parties to the UNFCCC : COP) สมัยที่ ๒๒ (COP 22) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต (the Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Kyoto Protocol : CMP) สมัยที่ ๑๒ (CMP 12) และการประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส (the Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Paris Agreement) สมัยที่ ๑ (CMA 1) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ เมืองมาร์ราเกซ ราชอาณาจักรโมร็อกโก ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในระหว่างการประชุมระดับสูง และมอบหมายให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ผู้แทนพิเศษของประธานกลุ่ม ๗๗ สำหรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รองหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย กรณีที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทยไม่ได้พำนักในราชอาณาจักรโมร็อกโก รวมทั้งเอกอัครราชทูต ณ กรุงราบัต ราชอาณาจักรโมร็อกโก ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ เห็นชอบต่อกรอบท่าทีเจรจาของไทยสำหรับใช้ในการประชุม COP 22 การประชุม CMP 12 และการประชุม CMA 1 มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำการดำเนินงานภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงภายใต้ความตกลงปารีส จะคำนึงถึงหลักการของความเป็นธรรม ความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างโดยคำนึงถึงขีดความสามารถของแต่ละประเทศ และมุ่งหวังให้รัฐภาคียกระดับการดำเนินงานตามพันธกรณีของตนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาฯ พิธีสารเกียวโต และความตกลงปารีส รวมทั้งเรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มระดับการดำเนินงานในช่วงก่อนปี ค.ศ. ๒๐๒๐ อย่างจริงจัง เพื่อนำไปสู่หลักการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นธรรม รวมทั้งยกระดับการให้การสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาด้านการเงิน การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า หากในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติฯ จะมีการจัดทำความตกลงระหว่างรัฐภาคี จะต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาก่อนการทำความตกลงนั้นตามมาตรา ๔ (๗) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. ๒๕๔๘ และหากความตกลงดังกล่าวมีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างกันตามกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งเข้าข่ายลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขกรอบท่าทีการเจรจาของไทยฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
730 | ท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 40 (ต่อเนื่อง) | ทส | 18/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๑.๑ เห็นชอบการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ดังนี้ ๑.๑.๑ ราชอาณาจักรไทยควรเร่งหารือเพื่อทำความเข้าใจกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาก่อนการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ ที่ทำการใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ๑.๑.๒ ยืนยันตามร่างข้อมติคณะกรรมการมรดกโลกที่ให้ Refer เพื่อชะลอการขึ้นทะเบียนพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก และพยายามไม่ให้มีถ้อยคำเกี่ยวกับ “เขตแดน” ไว้ในข้อมติของคณะกรรมการมรดกโลก ๑.๑.๓ กรณีมีประเด็นอื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นนั้น ๆ ทั้งนี้ ให้คณะผู้แทนไทยพิจารณาร่วมกันระหว่างการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) โดยคำนึงถึงหลักการของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และข้อมูลด้านเทคนิคและวิชาการจากองค์กรที่ปรึกษา ๑.๒ มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานหลักในการจัดคณะผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือและทำความเข้าใจร่วมกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาในเรื่องข้อห่วงกังวลในเรื่องค่าพิกัดของพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ก่อนการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ๑.๓ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดส่งเอกสารค่าพิกัดตำแหน่งที่ตั้งของพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานในเอกสารเสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลก จากเดิม ๔ ตำแหน่ง เป็น ๑ ตำแหน่ง ต่อศูนย์มรดกโลกรับทราบ ๑.๔ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ตามองค์ประกอบเดิมในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ โดยมอบหมายให้เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส (นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว) เป็นหัวหน้าคณะ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมอบหมายให้ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเลขานุการหัวหน้าคณะ ๒. หากมีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
731 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การมหาชน รวม 4 ฉบับ (ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ) (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ) | ทส | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ แก้ไขเพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ โดยให้คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ และลูกจ้างขององค์การ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรปรับแก้ไขข้อความในร่างพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการบัญชีเพื่อให้มีความชัดเจนในการเลือกใช้มาตรฐานการบัญชี ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานดังกล่าว เห็นควรให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
732 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นายวิจารย์ สิมาฉายา) | ทส | 11/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิจารย์ สิมาฉายา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
733 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่แห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่แห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่แห่งชาติ โดยมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ของประเทศในภาพรวมที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และประโยชน์ของประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นควรเพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่แห่งชาติ และให้มีการตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่แห่งชาติแยกเป็นอิสระ โดยไม่ต้องบรรจุไว้ในร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... เพิ่มบทบาท อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการให้เหมาะสมกับภารกิจ นอกจากนี้ ร่างข้อ ๑๐ ควรเพิ่มเติมการจัดทำข้อมูลระบบนิเวศในพื้นที่ รวมทั้งประเมินคุณค่าของระบบนิเวศ และความเสี่ยงในเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนปรับข้อความในข้อ ๑๘ วรรคสอง ออก และให้กรมทรัพยากรธรณีพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวก่อนในโอกาสแรก สำหรับในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีความความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณาเพื่อให้ได้ข้อยุติเกี่ยวกับการนำหลักการให้มีคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่แห่งชาติ ไปกำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
734 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2559 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 3/2559 | ทส | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (เพิ่มเติม) จำนวน ๑ เรื่อง ได้แก่ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ กรณีปรับปรุงรูปแบบอาคารจอดรถสถานีแยกนนทบุรี ๑ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างอาคารพักอาศัย (แปลง G) โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงของการเคหะแห่งชาติ (๒) โครงการระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและจัดการโลจิสติกส์ (ระยะที่ ๑) แนวเส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๓) โครงการระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและจัดการโลจิสติกส์ (ระยะที่ ๑) แนวเส้นทางนครปฐม-ชุมทางหนองปลาดุก-หัวหิน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และ (๔) ข้อชี้แจงการดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าระบบแรงดัน ๑๑๕ กิโลโวลต์ ช่วงสถานีไฟฟ้าฮอด อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ถึงสถานีไฟฟ้าแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
735 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคม แห่งสาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Memorandum of Understanding on Cooperation in the Field of Water Resources Between the Ministry of Natural Resources and Environment of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Land, Infrastructure and Transport of the Republic of Korea) มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับนโยบายด้านน้ำ กฎหมายและองค์กร เทคโนโลยี และการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการดำเนินงานในสาขาทรัพยากรน้ำของทั้งสองประเทศ รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับทวิภาคี ซึ่งจะดำเนินการในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ การศึกษาดูงาน การวิจัยและพัฒนาร่วม การจัดประชุมและสัมมนาร่วม และความร่วมมือในรูปแบบอื่นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในระหว่างการเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๒ และการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี ๑.๒ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
736 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าลำน้ำภาคและป่าลำแควน้อยฝั่งซ้าย ป่าแดงและป่าชาติตระการ และป่าเนินเพิ่ม ในท้องที่ตำบลน้ำกุ่ม ตำบลนครชุม ตำบลยางโกลน ตำบลนาบัว และตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าลำน้ำภาคและป่าลำแควน้อยฝั่งซ้าย ป่าแดงและป่าชาติตระการ และป่าเนินเพิ่ม ในท้องที่ตำบลน้ำกุ่ม ตำบลนครชุม ตำบลยางโกลน ตำบลนาบัว และตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณที่ดินป่าลำน้ำภาคและป่าลำแควน้อยฝั่งซ้าย ป่าแดงและป่าชาติตระการ และป่าเนินเพิ่ม ในท้องที่ตำบลน้ำกุ่ม ตำบลนครชุม ตำบลยางโกลน ตำบลนาบัว และตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
737 | ขอขยายระยะเวลาลงนามในสัญญารายการงบลงทุนที่ได้รับงบประมาณปี พ.ศ. 2559 | ทส | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรยกเว้นการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ ที่ให้ส่วนราชการฯ ลงนามจัดซื้อจัดจ้างภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยอนุมัติให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรน้ำ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขยายระยะเวลาการดำเนินการและลงนามสัญญา รายการงบประมาณรายจ่ายลงทุน จำนวน ๑๑ รายการ ภายในวงเงินทั้งสิ้น ๓๐๕,๒๙๐,๑๐๐ บาท ได้เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับรายการที่เหลือ จำนวน ๘ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๕๖๐,๘๗๔,๖๐๐ บาท ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม กรณีที่มีความจำเป็นและไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการลงนามในสัญญารายการงบลงทุนที่ได้รับงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
738 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นายไพโรจน์ สัตยสัณห์สกุล) | ทส | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายไพโรจน์ สัตยสัณห์สกุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ และการกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ ตามมติคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
739 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ปฏิรูปที่ดินและการจัดการที่ดินและร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชนนอกเขตอนุรักษ์ พ.ศ. ....) | ทส | 20/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ปฏิรูปที่ดินและการจัดการที่ดินและร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชนนอกเขตอนุรักษ์ พ.ศ. ....) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รวบรวมผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโดยภาพรวมแล้วเห็นชอบในหลักการข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปดังกล่าว โดยมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมบางประเด็น เช่น การตรวจสอบข้อมูลการครอบครองและใช้ประโยชน์จากที่ดินและการจัดสรรที่ดินคืนให้เกษตรกรควรพิจารณาถึงศักยภาพแร่สภาพทางธรณีวิทยา เหตุผลความจำเป็น ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นสำคัญ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการส่งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
740 | แผนปฏิบัติการ "ประเทศไทย ไร้ขยะ" ตามแนวทาง "ประชารัฐ" ระยะ 1 ปี (พ.ศ. 2559 - 2560) | ทส | 20/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบทั้ง ๒ ข้อ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนปฏิบัติการ “ประเทศไทย ไร้ขยะ” ตามแนวทาง “ประชารัฐ” ระยะ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) ภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔ เพื่อใช้เป็นแผนปฏิบัติการในการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยในระยะสั้น (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยตามแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าว ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำและใช้จ่ายงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับแผนงานบูรณาการการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม แผนงานบูรณาการส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแผนงานบูรณาการส่งเสริมการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตลอดจนพิจารณาทบทวนปรับปรุงเป้าประสงค์และตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับเป้าหมายการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ และเพิ่มบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของภาคส่วนอื่น เช่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ในแผนปฏิบัติการฯ ตามหลักการประชารัฐ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
.....