ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 37 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 721 - 740 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
721 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่แห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่แห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่แห่งชาติ โดยมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดยุทธศาสตร์ นโยบาย และแผนการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ของประเทศในภาพรวมที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และประโยชน์ของประเทศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณที่เห็นควรเพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่แห่งชาติ และให้มีการตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่แห่งชาติแยกเป็นอิสระ โดยไม่ต้องบรรจุไว้ในร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... เพิ่มบทบาท อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ กำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการให้เหมาะสมกับภารกิจ นอกจากนี้ ร่างข้อ ๑๐ ควรเพิ่มเติมการจัดทำข้อมูลระบบนิเวศในพื้นที่ รวมทั้งประเมินคุณค่าของระบบนิเวศ และความเสี่ยงในเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนปรับข้อความในข้อ ๑๘ วรรคสอง ออก และให้กรมทรัพยากรธรณีพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวก่อนในโอกาสแรก สำหรับในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีความความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณาเพื่อให้ได้ข้อยุติเกี่ยวกับการนำหลักการให้มีคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่แห่งชาติ ไปกำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
722 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2559 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 3/2559 | ทส | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ (เพิ่มเติม) จำนวน ๑ เรื่อง ได้แก่ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ กรณีปรับปรุงรูปแบบอาคารจอดรถสถานีแยกนนทบุรี ๑ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างอาคารพักอาศัย (แปลง G) โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดงของการเคหะแห่งชาติ (๒) โครงการระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและจัดการโลจิสติกส์ (ระยะที่ ๑) แนวเส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๓) โครงการระบบรถไฟทางคู่เพื่อการขนส่งและจัดการโลจิสติกส์ (ระยะที่ ๑) แนวเส้นทางนครปฐม-ชุมทางหนองปลาดุก-หัวหิน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และ (๔) ข้อชี้แจงการดำเนินการตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าระบบแรงดัน ๑๑๕ กิโลโวลต์ ช่วงสถานีไฟฟ้าฮอด อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ถึงสถานีไฟฟ้าแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
723 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคม แห่งสาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 04/10/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน และคมนาคมแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (Memorandum of Understanding on Cooperation in the Field of Water Resources Between the Ministry of Natural Resources and Environment of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Land, Infrastructure and Transport of the Republic of Korea) มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับนโยบายด้านน้ำ กฎหมายและองค์กร เทคโนโลยี และการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการดำเนินงานในสาขาทรัพยากรน้ำของทั้งสองประเทศ รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับทวิภาคี ซึ่งจะดำเนินการในรูปแบบของการแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ การศึกษาดูงาน การวิจัยและพัฒนาร่วม การจัดประชุมและสัมมนาร่วม และความร่วมมือในรูปแบบอื่นที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ในระหว่างการเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐเกาหลี ในวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ ๒ และการหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรี ๑.๒ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
724 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าลำน้ำภาคและป่าลำแควน้อยฝั่งซ้าย ป่าแดงและป่าชาติตระการ และป่าเนินเพิ่ม ในท้องที่ตำบลน้ำกุ่ม ตำบลนครชุม ตำบลยางโกลน ตำบลนาบัว และตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าลำน้ำภาคและป่าลำแควน้อยฝั่งซ้าย ป่าแดงและป่าชาติตระการ และป่าเนินเพิ่ม ในท้องที่ตำบลน้ำกุ่ม ตำบลนครชุม ตำบลยางโกลน ตำบลนาบัว และตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณที่ดินป่าลำน้ำภาคและป่าลำแควน้อยฝั่งซ้าย ป่าแดงและป่าชาติตระการ และป่าเนินเพิ่ม ในท้องที่ตำบลน้ำกุ่ม ตำบลนครชุม ตำบลยางโกลน ตำบลนาบัว และตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
725 | ขอขยายระยะเวลาลงนามในสัญญารายการงบลงทุนที่ได้รับงบประมาณปี พ.ศ. 2559 | ทส | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรยกเว้นการดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ ที่ให้ส่วนราชการฯ ลงนามจัดซื้อจัดจ้างภายในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ โดยอนุมัติให้หน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรน้ำ และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขยายระยะเวลาการดำเนินการและลงนามสัญญา รายการงบประมาณรายจ่ายลงทุน จำนวน ๑๑ รายการ ภายในวงเงินทั้งสิ้น ๓๐๕,๒๙๐,๑๐๐ บาท ได้เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับรายการที่เหลือ จำนวน ๘ รายการ วงเงินทั้งสิ้น ๕๖๐,๘๗๔,๖๐๐ บาท ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๕๙ เรื่อง มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพิ่มเติม กรณีที่มีความจำเป็นและไม่สามารถดำเนินการก่อหนี้ผูกพันได้ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการลงนามในสัญญารายการงบลงทุนที่ได้รับงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
726 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นายไพโรจน์ สัตยสัณห์สกุล) | ทส | 27/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายไพโรจน์ สัตยสัณห์สกุล ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ และการกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ ตามมติคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ ครั้งที่ ๔/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
727 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ปฏิรูปที่ดินและการจัดการที่ดินและร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชนนอกเขตอนุรักษ์ พ.ศ. ....) | ทส | 20/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ปฏิรูปที่ดินและการจัดการที่ดินและร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชนนอกเขตอนุรักษ์ พ.ศ. ....) โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รวบรวมผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งโดยภาพรวมแล้วเห็นชอบในหลักการข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปดังกล่าว โดยมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมบางประเด็น เช่น การตรวจสอบข้อมูลการครอบครองและใช้ประโยชน์จากที่ดินและการจัดสรรที่ดินคืนให้เกษตรกรควรพิจารณาถึงศักยภาพแร่สภาพทางธรณีวิทยา เหตุผลความจำเป็น ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นสำคัญ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการส่งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
728 | แผนปฏิบัติการ "ประเทศไทย ไร้ขยะ" ตามแนวทาง "ประชารัฐ" ระยะ 1 ปี (พ.ศ. 2559 - 2560) | ทส | 20/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบทั้ง ๒ ข้อ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบแผนปฏิบัติการ “ประเทศไทย ไร้ขยะ” ตามแนวทาง “ประชารัฐ” ระยะ ๑ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) ภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔ เพื่อใช้เป็นแผนปฏิบัติการในการดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยในระยะสั้น (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยตามแผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าว ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำและใช้จ่ายงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับแผนงานบูรณาการการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อม แผนงานบูรณาการส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และแผนงานบูรณาการส่งเสริมการพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตลอดจนพิจารณาทบทวนปรับปรุงเป้าประสงค์และตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับเป้าหมายการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ และเพิ่มบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของภาคส่วนอื่น เช่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ในแผนปฏิบัติการฯ ตามหลักการประชารัฐ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
729 | การประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 17 (CITES CoP17) การประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ 67 และครั้งที่ 68 (SC67 - SC68) และการประชุมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Lekgotla) | ทส | 20/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) กรอบท่าทีของประเทศไทยต่อวาระการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๗ (The 17th meeting of the Conference of the Parties to CITES : CITES CoP17) ทั้งในส่วนของวาระการประชุมที่เกี่ยวกับการดำเนินงานให้เป็นไปตามอนุสัญญา CITES (Working documents) และข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงบัญชีชนิดพันธุ์ (Proposals) โดยการประชุมฯ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔ กันยายน-๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ นครโจฮันเนสเบิร์ก สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ มีวาระสำคัญ เช่น (๑) กระบวนการเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งชาติ (๒) การปิดตลาดการค้างาช้างภายในประเทศ (๓) การรายงานของคณะกรรมการด้านสัตว์ (Animals Committee : AC) ของอนุสัญญา CITES และ (๔) วาระที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงบัญชีชนิดพันธุ์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการวางแผนระยะสั้นและระยะยาวให้สอดคล้องกับท่าทีของที่ประชุม CITES โดยลดค่านิยมของการบริโภคผลิตภัณฑ์จากงาช้าง ตลอดจนทำความเข้าใจกับผู้ผลิต เพื่อให้มีการปรับเปลี่ยนอาชีพให้สอดคล้องกับสถานการณ์เพื่อเตรียมความพร้อมในอนาคตถ้าหากที่ประชุม CITES ได้มีข้อตกลงให้มีการปิดตลาดการค้างาช้างภายในประเทศ โดยจะทำให้ประเทศไทยสามารถให้ความร่วมมือกับ CITES ดำเนินการตามข้อตกลงได้อย่างราบรื่น ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงกรอบท่าทีของประเทศไทยต่อวาระการประชุม CITES ที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลังพร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
730 | การจัดทำสัตยาบันสารความตกลงปารีส | ทส | 13/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้ประเทศไทยให้สัตยาบันเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลงปารีส และให้เสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป เพื่อให้ทันก่อนการประชุม High-level Event on the Entry into Force of the Paris Agreement เพื่อให้นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลสามารถประกาศเจตนารมณ์ในการให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคีความตกลงปารีสในการประชุมดังกล่าว ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๙ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในช่วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ ๒๑ เพื่อแสดงการมีส่วนร่วมกับประชาคมโลกในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำและส่งมอบสัตยาบันสารความตกลงปารีส ต่อเลขาธิการสหประชาชาติในฐานะผู้เก็บรักษาเอกสาร ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
731 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (จำนวน 5 ราย 1. นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ฯลฯ) | ทส | 13/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป เพื่อทดแทนผู้เกษียณอายุราชการและสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๒. นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ๓. นายสากล ฐินะกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๔. นายเสริมยศ สมมั่น ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
732 | รายงานผลการจัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการจัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระหว่างวันที่ ๕-๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ดำเนินการจัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ภายใต้แนวคิด “ทส.ตลาดสร้างสรรค์ ของขวัญจากทรัพยากรธรรมชาติ” มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เพิ่มช่องทางการตลาดทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการรายย่อย กลุ่มเกษตรกร ฯลฯ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตพบกับผู้บริโภคโดยตรง รวมถึงส่งเสริมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร อีกทั้งเพื่อประชาสัมพันธ์ภารกิจของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและภาคีเครือข่ายให้สาธารณชนได้รับรู้โดยทั่วกัน ๒. กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย (๑) การจัดจำหน่ายสินค้าและบริการ (๒) กิจกรรมภาคบันเทิงและกิจกรรมส่งเสริมการขาย และ (๓) กิจกรรมส่งเสริมการสร้างวินัยคนในชาติในการจัดการขยะอย่างยั่งยืน โดยมีผู้เข้าชมและซื้อสินค้า ๖๖,๖๘๙ คน ยอดจำหน่ายสินค้า ๒๔,๖๒๕,๗๐๐ บาทและผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้า ๓๘๗ บูธ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
733 | ขอความเห็นชอบส่งคืนพื้นที่สวนป่าสมเด็จ เนื้อที่ 900 ไร่ ให้กรมป่าไม้ เพื่อนำพื้นที่เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล | ทส | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ส่งคืนพื้นที่สวนป่าสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ แปลงปลูกปี ๒๕๒๖ เนื้อที่ ๑๐๐ ไร่ และแปลงปลูกปี ๒๕๒๒ เนื้อที่ ๘๐๐ ไร่ รวมเนื้อที่ ๙๐๐ ไร่ ให้กรมป่าไม้เพื่อนำพื้นที่ดังกล่าว เข้าสู่กระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำความเข้าใจต่อประชาชนที่มีความขัดแย้งในการดำเนินการของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมาให้ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายและแนวทางแก้ปัญหาของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และดำเนินการช่วยเหลือตามกระบวนการที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติกำหนด รวมทั้งการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนดังกล่าวจะต้องไม่มีความซ้ำซ้อนและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการ และประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างแท้จริงเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ในส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นภายหลังที่กรมป่าไม้ได้รับมอบพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามแผนงานบูรณาการจัดการปัญหาที่ดินทำกิน ได้เสนอตั้งงบประมาณ จำนวน ๕๑,๕๒๔,๐๐๐ บาท หากไม่เพียงพอให้เสนอปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๓. สำหรับการนำพื้นที่สวนป่าสมเด็จเพื่อนำไปจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ให้เป็นไปตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติต่อไป และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
734 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 40 | ทส | 06/09/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ และการขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตราย การดำเนินการของคณะผู้แทนไทยในการหารือร่วมกับกรรมการมรดกโลก ศูนย์มรดกโลก องค์กรที่ปรึกษา และรัฐภาคี และข้อมติคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ ที่เกี่ยวข้องกับไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการดำเนินการตามข้อมติที่ประชุมคณะกรรมการฯ ที่ขอให้ไทยยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรว่าโครงการขยายทางหลวงหมายเลข ๓๔๘ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการ นั้น จะส่งผลให้กระทรวงคมนาคมโดยกรมทางหลวงไม่สามารถดำเนินการพัฒนาเส้นทางดังกล่าวได้อีก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
735 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนเมษายน - มิถุนายน 2559) | ทส | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๙) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ/องค์การมหาชน จากงบประมาณทั้งสิ้น ๓๗,๕๔๒.๙๖๑๕ ล้านบาท เบิกจ่ายได้ ๑๘,๓๙๒.๒๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๓ ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Assembly : UNEA) ของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๒ การจัดทำความตกลง/บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งสหพันธรัฐรัสเซียและสาธารณรัฐเกาหลี กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย แผนงานการเจรจาหรือจัดทำความตกลงฯ ล่วงหน้าโครงการพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ อย่างเคร่งครัด การประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจได้ทราบล่วงหน้าในระบบ e-GP และเว็บไซต์ของหน่วยงานให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องและดำเนินการอย่างโปร่งใส การจัดทำมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบ แจ้งเวียนขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างฯ ให้หน่วยงานภายในทราบและถือปฏิบัติ พร้อมทั้งจัดทำคู่มือขั้นตอนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และเผยแพร่บนเว็บไซต์ของหน่วยงาน ตลอดจนกำชับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามกระบวนการ ข้อระเบียบ กฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแจ้งข้อมูลข่าวสารให้หน่วยงานภายนอกทราบ ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีการขับเคลื่อนกฎหมาย รวมจำนวน ๑๕ ฉบับ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการ ๓ ประการ คือ (๑) ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย (๒) พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และ (๓) ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดยเคร่งครัด ๒. เรื่อง/โครงการสำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการด้านพลังงาน อยู่ระหว่างเตรียมการจัดทำโครงการสร้างโรงไฟฟ้าจาก RDF (Refuse Derived Fuel) ในพื้นที่ทหาร โดยให้เอกชนลงทุน ๒.๒ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ การจัดทำโครงการแก้มลิงเพื่อเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ราชการ หรือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อการอุปโภค บริโภค และนิคมอุตสาหกรรม ๒.๓ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การดำเนินการกำหนดแนวทางและมาตรการเชิงรุกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรในระยะยาวเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒.๔ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร โดยแนวทางการจัดหาที่ดินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ และแนวทางการจัดพื้นที่ทำกินในลักษณะป่าเศรษฐกิจตามแนวทางโครงการธนาคารอาหารชุมชนตามพระราชดำริ (Food Bank) ๒.๕ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย องค์การจัดการน้ำเสียได้ดำเนินการโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย โดยสามารถบำบัดน้ำได้ตามมาตรฐานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดไว้ก่อนระบายลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดทำคู่มือประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice : COP) และกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๒.๖ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ให้บริการประชาชนเกี่ยวกับการรับแจ้งเรื่องร้องเรียนและประสานส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ ๒.๗ การรวบรวมกฎหมายระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย ปรับปรุงกฎหมายเดิมและเสนอร่างกฎหมายใหม่ จำนวน ๑๕ ฉบับ ประกาศใช้แล้ว ๕ ฉบับ อยู่ระหว่างดำเนินการ ๑๐ ฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
736 | ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณ และปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี 2558/59 ตามมาตรการที่ 6 การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน | ทส | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรและการใช้จ่ายงบประมาณ จากวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๙ เป็นวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ และรับทราบการปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้งระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ปี ๒๕๕๘/๕๙ ตามมาตรการที่ ๖ การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน จำนวนทั้งสิ้น ๒๒๓ แห่ง ซึ่งเป็นการรับเปลี่ยนภายในจังหวัดเดิม เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์น้ำที่เปลี่ยนแปลงไป ศักยภาพน้ำบาดาล และปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดิน รวมทั้งปรับให้ตรงกับความต้องการของประชาชน โดยยังอยู่ภายใต้กรอบวัตถุประสงค์ วงเงินงบประมาณที่ได้รับอนุมัติ และสอดคล้องกับกรอบแนวทางที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติกำหนดไว้ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเกี่ยวกับการเร่งรัดการดำเนินงานภายใต้โครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ทันในฤดูแล้งปีต่อไป สำหรับการปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินงานโครงการฯ เนื่องจากในปัจจุบันเป็นห้วงฤดูฝน ซึ่งมีบางพื้นที่ประสบภาวะน้ำท่วมจึงให้พิจารณาปรับเปลี่ยนพื้นที่ดำเนินการเฉพาะที่สามารถดำเนินการได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
737 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2559 | ทส | 30/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ กรณีเรื่องใดที่เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีในการให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.๑ เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๗ เรื่อง ได้แก่ (๑) สถานการณ์น้ำและการเตรียมความพร้อมในฤดูฝน (๒) แนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม และการฟื้นฟูป่าไม้ในพื้นที่ลุ่มน้ำยม (๓) ผลการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี ๒๕๕๗-๒๕๕๙ (๔) ผลการดำเนินงานบูรณาการขุดลอกแหล่งน้ำ (๕) ผลการหารือการขอความร่วมมือขอใช้พื้นที่ป่าสำหรับโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๖) โครงการศึกษาแนวทางการบริหารจัดการเพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำระหว่างประเทศ จำนวน ๓ โครงการ และ (๗) การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินจากแผ่นดินไหว (เขื่อนศรีนครินทร์) ๑.๒ เรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) แผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพิ่มเติม ปี ๒๕๕๙ และ (๒) แนวทางการฟื้นฟูเขาหัวโล้น จังหวัดน่าน ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามนโยบาย แผนงาน/โครงการต่าง ๆ ดังกล่าว เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ผลการศึกษา จัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และงบประมาณที่ชัดเจนแล้ว ให้ใช้จ่ายจากเงินเหลือจ่าย หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณไปดำเนินการในโอกาสแรกก่อน รวมทั้งแหล่งงบประมาณอื่นตามนัยมติของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน นอกจากนี้ควรเร่งรัดดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางการฟื้นฟูเขาหัวโล้น จังหวัดน่าน ต้องเร่งรัดดำเนินการโดยความร่วมมือทั้งจากหน่วยงานรับผิดชอบ ภาคเอกชน และองค์กรพัฒนาต่าง ๆ เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
738 | ผลการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 2 | ทส | 23/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (The United Nations Environment Assembly : UNEA) สมัยที่ ๒ จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๓-๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ สำนักงานใหญ่โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมเต็มคณะ (Plenary) ของ Committee of the Whole เป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่เพื่อรับทราบเกี่ยวกับนโยบายสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ประเด็นด้านการบริหาร รายงานผลการดำเนินงานตามแผนงานปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ และผลการดำเนินงานตามข้อมติการประชุม UNEA สมัยที่ ๑ รวมถึงร่วมกันพิจารณาร่างข้อมติที่เกี่ยวข้อง โดยมีประเด็นสำคัญ เช่น การจัดการสารเคมี การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน การจัดการขยะในทะเล การแก้ไขปัญหาการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย ๒. การหารือระดับนโยบายในช่วงการประชุมระดับสูง (High-level segment) ประกอบด้วย ๒ หัวข้อ ได้แก่ (๑) การนำมิติสิ่งแวดล้อมของวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ ลงสู่การปฏิบัติ เน้นถึงความเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และการวางนโยบาย และ (๒) สิ่งแวดล้อมดี-สุขภาพดี เน้นความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ความสำคัญของข้อตกลงปารีส ซึ่งเป็นข้อตกลงที่มีการคำนึงถึงการดำเนินงานหลายด้าน เช่น ภูมิอากาศ สิทธิมนุษยชน เศรษฐกิจ และหลักธรรมาภิบาล ความสำคัญของการป้องกันโรคที่เกิดจากมลพิษทางอากาศด้วยการปรับปรุงด้านพลังงานและการขนส่ง ๓. ผลลัพธ์การประชุม ที่ประชุม UNEA สมัยที่ ๒ รับรองข้อมติจำนวน ๒๕ ข้อมติ ประกอบด้วยประเด็นด้านระเบียบปฏิบัติ ๑ ข้อมติ และประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ๒๔ ข้อมติ ซึ่งมีประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจ เช่น การจัดการสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ความขัดแย้ง ทุนธรรมชาติ (Natural Capital) สารเคมีและของเสีย ทรายและพายุฝุ่น และข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ทั้งนี้ ที่ประชุมไม่มีการนำร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๒ ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเข้าสู่การพิจารณา เนื่องจากในช่วงปิดการประชุมมีความยืดเยื้อจากการที่ที่ประชุมไม่สามารถร่วมกันรับรองอย่างเป็นฉันทามติในร่างข้อมติเรื่องการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ฉนวนกาซา (Field-based environment assessment of the Gaza Strip) ซึ่งไม่เกิดผลเสียต่อการดำเนินงานของไทยแต่อย่างใด ๔. การประชุม UNEA สมัยที่ ๓ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๔-๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ สำนักงานโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
739 | ผลการประเมินก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงจากมาตรการในภาคพลังงานปี พ.ศ. 2557 | ทส | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประเมินก๊าซเรือนกระจกที่ลดลงจากมาตรการในภาคพลังงานปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งประเทศไทยสามารถลดก๊าซเรือนกระจกในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จากมาตรการด้านพลังงานได้ทั้งสิ้น ๓๗.๔๗ ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือคิดเป็นการลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณร้อยละ ๑๐ เทียบกับกรณีปกติ เป็นปริมาณซึ่งถือได้ว่าบรรลุเป้าหมายขั้นต่ำที่ร้อยละ ๗ จากการดำเนินการเองภายในประเทศ ที่ได้แสดงเจตจำนงการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกที่เหมาะสมของประเทศไทย (Nationally Appropriate Mitigation Actions : NAMAs) โดยเสนอตัวเลขของศักยภาพในการลดก๊าซเรือนกระจกเป็นช่วง (Range) ระหว่างร้อยละ ๗-๒๐ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ในภาคพลังงานและภาคขนส่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
740 | รายงานการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งชาติ เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ 67 | ทส | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งชาติที่จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ครั้งที่ ๖๗ ซึ่งมีสาระสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การออกระเบียบและกฎหมาย (๒) การพัฒนา/ปรับปรุงระบบฐานข้อมูล (๓) การกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย (๔) การศึกษาวิจัยและการเสริมสร้างศักยภาพ (๕) การประชาสัมพันธ์ และ (๖) การติดตามและประเมินผล ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มความเข้มข้นของการดำเนินงานในมิติความร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการสนับสนุนหรือร่วมอุปถัมภ์ในข้อมติ/ข้อเสนอในประเด็นที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประเทศไทย และสะท้อนการดำเนินงานที่ผ่านมาในการรับมือกับปัญหา โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างผิดกฎหมายเพื่อแสดงความมุ่งมั่นอย่างจริงจังและส่งเสริมการดำเนินการของประเทศไทยในเรื่องนี้ รวมทั้งควรเพิ่มการให้ความสำคัญ ได้แก่ การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าที่นำเข้าหรือส่งออกบริเวณด่านชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบค้างาช้างผิดกฎหมาย และเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวไทยทราบถึงการห้ามไม่ให้นำงาช้างและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากงาช้างออกจากประเทศไทย รวมถึงการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและสร้างการรับรู้ให้นานาชาติทราบถึงความก้าวหน้าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการค้างาช้างของประเทศไทยไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
.....