ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 32 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 621 - 640 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
621 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
622 | ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน | ทส | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาและผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติกับที่ดินเอกชนทับซ้อนกัน และกรณีราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการทวงคืนผืนป่าตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย เช่น แก้ไขนิยามคำว่า “ป่า” แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ และแก้ไขเงื่อนเวลายื่นคำร้องตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็นต้น ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รวบรวมผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและข้อเสนอในการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน เรียบร้อยแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
623 | สรุปผลการประชุม Asia-Pacific Ministerial Summit on the Environment | ทส | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม Asia-Pacific Ministerial Summit on the Environment ระหว่างวันที่ ๕-๘ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการประชุมที่ควบรวมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้องค์การสหประชาชาติของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกไว้ด้วยกัน ได้แก่ การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสำหรับเอเชียและแปซิฟิกของเอสแคป (Ministerial Conference on Environment and Development in Asia and Pacific : MCED) ครั้งที่ ๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกในกรอบโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UN Environment’s Forum of Ministers and Environment Authorities of Asia Pacific) ครั้งที่ ๒ โดยมีหัวข้อหลัก คือ “Towards a resource efficient and pollution free Asia-Pacific” โดยมีประเด็นการประชุมที่สำคัญ เช่น (๑) การทบทวนความก้าวหน้าการดำเนินงานที่สำคัญจากการประชุม MCED ครั้งที่ ๖ โดยมีการหารือถึงความร่วมมือทั้งในระดับภูมิภาค ความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน และความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนากับประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อแก้ไขปัญหาในภูมิภาค (๒) การหารือถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานตามข้อมติ UNEA สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและประเด็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของภูมิภาค รวมถึงข้อคิดเห็นต่อการประชุม UNEA สมัยที่ ๓ ในประเด็นหัวข้อ “Towards to a pollution free planet” และร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับสูง และ (๓) การอภิปราย Ministerial Dialogue : “Towards a resource-efficient and pollution free Asia-Pacific region” เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับมาตรการที่จะมุ่งไปสู่การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และภาวะปลอดมลพิษในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
624 | การขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาย่างกุ้ง (Yangon Declaration) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ครั้งที่ 3 (3rd Asia-Pacific Water Summit) | ทส | 12/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาย่างกุ้ง (Yangon Declaration) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๓ (3rd Asia-Pacific Water Summit) มีสาระสำคัญเป็นการให้ความสำคัญกับเส้นทางที่จะนำไปสู่การยกระดับนวัตกรรมและการปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านน้ำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เช่น การดำเนินการเพื่อการจัดการวัฏจักรน้ำที่ดี การเสริมสร้างธรรมาภิบาลสำหรับข้อแก้ไขปัญหาที่เป็นที่ยอมรับของสังคมและการเจริญเติบโตในทุกด้านเพื่อให้มั่นใจว่า “จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” การเชื่อมโยงช่องว่างทางการเงินระหว่างการเจริญเติบโตอย่างมีพลวัตและการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านน้ำ และการส่งเสริมความร่วมมือในทุกระดับ โดยจะมีการรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุมฯ ครั้งที่ ๓ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ นครย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองในปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
625 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 3 | ทส | 04/12/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนประเทศไทยในการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๓ (The third session of the United Nations Environment Assembly : UNEA 3) ระหว่างวันที่ ๔-๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ประกอบด้วย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา เป็นหัวหน้าคณะ ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ของ UNEA 3 เป็นเอกสารที่แสดงถึงการตระหนักว่า มลพิษที่เกิดขึ้นในทุกรูปแบบ ทั้งทางอากาศ ดิน และน้ำ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ สังคม ระบบนิเวศ เศรษฐกิจ ความมั่นคง และความอยู่รอดของมนุษย์ และยังเชื่อมโยงกับปัญหาอื่นและเกี่ยวข้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ ซึ่งการแก้ไขปัญหามลพิษเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ ทั้งการต่อสู้ความยากจน การปรับปรุงให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น การสร้างงานที่เหมาะสม การปรับปรุงให้สิ่งมีชีวิตทั้งบนบกและในน้ำให้ดีขึ้น และการลดภาวะโลกร้อน ๑.๓ เห็นชอบกรอบคำมั่นโดยสมัครใจที่ประเทศไทยจะประกาศเพื่อให้นานาชาติทราบว่า ประเทศไทยมีความตื่นตัวในการแก้ปัญหามลพิษ โดยมีกรอบคำมั่นโดยสมัครใจที่ยึดตามนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี โดยจะนำเสนอผลการดำเนินงานของรัฐบาลที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ๑.๔ อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองในร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
626 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเกาะพะงัน ในท้องที่ตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ - หมู่เกาะพะงัน) | ทส | 28/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเกาะพะงัน ในท้องที่ตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ - หมู่เกาะพะงัน) มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและมีค่า เช่น พันธุ์ไม้ ของป่า สัตว์ป่า ตลอดจนทิวทัศน์ที่สวยงามบริเวณที่ดินป่าเกาะพะงัน ในท้องที่ตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ประมาณ ๔๓.๐๓๒๐ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๒๖,๘๙๕ ไร่ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
627 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกระบวนการและขั้นตอน การจัดทำ การเสนอ และการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้มีความโปร่งใส สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม เพื่อให้มีมาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วน และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๕๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
628 | แผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | ทส | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อควบคุมการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายของประเทศไทย และเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากการเป็นประเทศที่เกี่ยวข้องกับการค้างาช้างผิดกฎหมาย ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก ได้แก่ (๑) การออกระเบียบและกฎหมาย (๒) การบังคับใช้กฎหมายและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายในประเทศ (๓) ความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศและภูมิภาค (๔) การประชาสัมพันธ์และการสร้างความตระหนักแก่สาธารณชน และ (๕) การรายงาน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และให้จัดส่งแผนปฏิบัติการฯ และรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ให้สำนักเลขาธิการไซเตส (The CITES Secretariat International Environment House) ทราบตามระยะเวลาที่กำหนด (ภายในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณากำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดภาพรวมของร่างแผนปฏิบัติการฯ ในระดับผลลัพธ์ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามร่างแผนปฏิบัติการฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว เพื่อดำเนินการควบคุมการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาแนวทางการประเมินผลตามเกณฑ์ตัวชี้วัดโดยกำหนดเป็นช่วง ๆ ทั้งระยะสั้น (๓ เดือน) ระยะกลาง (๖ เดือน) และระยะยาว (๑๒ เดือน) เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถปรับทิศทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดจริงได้ รวมทั้งพิจารณากำหนดให้ตัวชี้วัดของแผนปฏิบัติการฯ เป็นส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อให้การดำเนินงานเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
629 | ขออนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 24 | ทส | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๔ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยกรอบการหารือมีสาระสำคัญที่เกี่ยวกับการดำเนินงานและความร่วมมือของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ภายใต้พันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๓๘ ในประเด็นที่สำคัญ เช่น แผนการดำเนินงานประจำปี ๒๕๖๑ แผนยุทธศาสตร์การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มแม่น้ำโขงและแผนปฏิบัติการ (Mekong Adaptation Strategy and Action Plan : MASAP) แผนกลยุทธ์การบริหารจัดการและการพัฒนาการประมงในระดับลุ่มน้ำ (Draft Proposal on Basin wide Fisheries Management and Development Strategy : BFMS) เป็นต้น ๑.๒ เห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยหารือกับประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงตามประเด็นในกรอบการหารือสำหรับการประชุมฯ เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานและความร่วมมือเป็นไปตามพันธกรณีของความตกลงฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
630 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (จำนวน 8 คน 1. นายชัชชม อรรฆภิญญ์ ฯลฯ) | ทส | 21/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จำนวน ๘ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายชัชชม อรรฆภิญญ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม ๒. นายสุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสาธารณสุขและสุขภาพ ๓. นายอนรรฆ พัฒนวิบูลย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านทรัพยากรป่าไม้และนิเวศวิทยา ๔. นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านเศรษฐศาสตร์และสิ่งแวดล้อม ๕. นางบรรรโศภิษฐ์ เมฆวิชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านอนุรักษ์ศิลปกรรม/ภูมิสถาปัตย์ และสิ่งแวดล้อมเมือง ๖. นายปานเทพ รัตนากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๗. นายธเรศ ศรีสถิตย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านมลพิษสิ่งแวดล้อม ๘. นายเติมศักดิ์ สุขวิบูลย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสังคมและการมีส่วนร่วม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
631 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ในท้องที่ตำบลผาทอง ตำบลแสนทอง ตำบลศรีภูมิ ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา ตำบลบ่อ ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน และตำบลบ้านพี้ ตำบลสวด ตำบลบ้านฟ้า อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาตินันทบุรี) | ทส | 14/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ในท้องที่ตำบลผาทอง ตำบลแสนทอง ตำบลศรีภูมิ ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา ตำบลบ่อ ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน และตำบลบ้านพี้ ตำบลสวด ตำบลบ้านฟ้า อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการออกกฎกระทรวง เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เห็นควรปรับแนวเขตอุทยานแห่งชาติขึ้นใหม่และเปลี่ยนแปลงจำนวนเนื้อที่ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ควรเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อรักษาสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ และควรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อคำนึงถึงขอบเขตการซ้อนทับของพื้นที่ รวมถึงโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
632 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2560 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 3/2560 | ทส | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ (เพิ่มเติม) และครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ ได้พิจารณาเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๑๔ เรื่อง ยังคงมีเรื่องที่มีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเพิ่มเติมอีก จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากสถานีควบคุมความดันก๊าซฯ ราชบุรี-วังน้อย ที่ ๖ (RA6) ไปยังจังหวัดราชบุรี ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ (๒) ข้อเสนอเชิงนโยบายการอนุรักษ์และฟื้นฟูย่านชุมชนเก่า ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ จำนวน ๑๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล (๒) เกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทน้ำ (๓) ร่างแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระยะที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ (๔) การปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลกลุ่มสารอาหาร (๕) โครงการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำประปาลอดใต้ทะเลไปยังเกาะสมุย (โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาเกาะสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะที่ ๑ ส่วนที่ ๒ ปีงบประมาณ ๒๕๕๘) และ (๖) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
633 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าแม่ปราบ ป่าแม่อาบ และป่าแม่ลี้ ในท้องที่ตำบลนายาง อำเภอสบปราบ ตำบลแม่ถอด ตำบลนาโป่ง อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง และตำบลลี้ ตำบลดงดำ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ให้เป็นอุทยาน แห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติดอยจง) | ทส | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าแม่ปราบ ป่าแม่อาบ และป่าแม่ลี้ ในท้องที่ตำบลนายาง อำเภอสบปราบ ตำบลแม่ถอด ตำบลนาโป่ง อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง และตำบลลี้ ตำบลดงดำ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติดอยจง) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ ในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
634 | (ร่าง) นโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2560 - 2579 | ทส | 07/11/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) นโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙ ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดย (ร่าง) นโยบายและแผนฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบนโยบายและทิศทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างบูรณาการในระยะ ๒๐ ปีข้างหน้า และเพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องใช้เป็นกรอบแนวทางในการจัดทำแผนแม่บทและแผนปฏิบัติการระยะกลาง (๕ ปี) และสามารถนำไปขับเคลื่อนให้การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย ๔ นโยบายหลัก คือ (๑) จัดการฐานทรัพยากรธรรมชาติอย่างมั่นคงเพื่อความสมดุล เป็นธรรม และยั่งยืน (๒) สร้างการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อความมั่งคั่งและยั่งยืน (๓) ยกระดับมาตรการในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ (๔) สร้างความเป็นหุ้นส่วนในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงบประมาณที่เห็นควรปรับแก้ไขข้อความบางส่วนใน (ร่าง) นโยบายและแผนฯ ให้เกิดความเหมาะสม รวมทั้งให้กระทรวงมหาดไทยปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเปิดโอกาสให้สามารถจัดเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการประเภทใหม่ ๆ ได้ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตาม (ร่าง) นโยบายและแผนฯ เห็นควรให้ดำเนินการในลักษณะบูรณาการ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมและให้ความร่วมมือในการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้มากยิ่งขึ้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
635 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | ทส | 31/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานที่เห็นควรเพิ่มเติมรายละเอียดในร่างประกาศฯ (๑) กำหนดข้อยกเว้นในข้อ ๓ เพื่อให้ยกเว้นการดำเนินการด้านความมั่นคงทางพลังงาน (๒) ในบริเวณที่ ๓ ให้ยกเว้นการใช้บังคับหลักเกณฑ์ความสูงของอาคารกับการก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารที่เป็นโครงสร้างที่ใช้ในกิจการโทรคมนาคมหรือกิจการสาธารณูปโภคของรัฐ และ (๓) ให้การกระทำใด ๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติของพื้นที่พรุ และป่าชายเลน เว้นแต่เป็นการดำเนินการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ในพื้นที่ป่าชายเลนที่ได้รับการผ่อนผันจากคณะรัฐมนตรี ให้ใช้ประโยชน์ได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมศึกษาวิเคราะห์ถึงเหตุจำเป็นหรือสภาพความรุนแรงเข้าขั้นวิกฤตที่จำเป็นจะต้องออกประกาศเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในเรื่องนี้ตามมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ และมาตรการคุ้มครองที่จะกำหนดบทพื้นฐานทางวิชาการต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมีการกำหนดขอบเขตพื้นที่แนบท้ายประกาศให้ชัดเจน และควรจัดทำฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS database) เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงพื้นที่ได้อย่างถูกต้องมากขึ้น นอกจากนี้ ในการประกาศพื้นที่เพื่อคุ้มครองทรัพยากรสำคัญที่มีมาตรการคุ้มครองในบริเวณพื้นที่ที่จะประกาศ ควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ให้ทราบและรับรู้ และควรมีมาตรการและกลยุทธ์ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติเพื่อใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรมีการบังคับใช้ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ตลอดจนคำนึงถึงผลกระทบที่อาจมีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งจากภาครัฐและเอกชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
636 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 23 (COP 23) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 13 (CMP 13) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 1.2 (CMA 1.2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 31/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๓ (COP 23) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๓ (CMP 13) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๑.๒ (CMA 1.2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างวันที่ ๖-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ เมืองบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในระหว่างการประชุมระดับสูง รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ เห็นชอบกรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๓ การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๓ การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๑.๒ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๐ และ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำการดำเนินงานภายใต้อนุสัญญาฯ การจัดทำและการดำเนินงานตามการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contributions) จะต้องอยู่ภายใต้หลักการ แนวทาง และวิธีการของอนุสัญญาฯ สะท้อนถึงขีดความสามารถของสถานการณ์ของประเทศที่แตกต่างกัน การดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะต้องไม่สร้างภาระที่เกินความจำเป็นแก่ประเทศกำลังพัฒนา การเรียกร้องให้ประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มระดับการดำเนินงานในช่วงก่อนปี ค.ศ. ๒๐๒๐ อย่างจริงจัง เพื่อนำไปสู่การลดก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับกรอบท่าทีเจรจาของไทยฯ ในประเด็นการสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาด้านการเงิน การพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี การเสริมสร้างขีดความสามารถ รวมถึงการกำหนดนโยบายและการใช้มาตรการใด ๆ ในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ควรพิจารณากลไกที่เหมาะสมโดยไม่ให้กระทบต่อการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพ การเข้าถึงเงินทุน การสร้างโอกาสให้กับอุตสาหกรรมไทย และส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการดำเนินงานลดก๊าซเรือนกระจกและการดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของภาคอุตสาหกรรมไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบท่าทีของไทยฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
637 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... | ทส | 31/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่ตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมเพื่อรักษาคุณภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตำบลปากคลอง ตำบลชุมโค ตำบลบางสน และตำบลสะพลี อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานที่เห็นควรเพิ่มเติมรายละเอียดในร่างประกาศฯ (๑) กำหนดข้อยกเว้นในข้อ ๓ เพื่อให้ยกเว้นการดำเนินการด้านความมั่นคงทางพลังงาน (๒) ในบริเวณที่ ๓ ให้ยกเว้นการใช้บังคับหลักเกณฑ์ความสูงของอาคารกับการก่อสร้างหรือดัดแปลงอาคารที่เป็นโครงสร้างที่ใช้ในกิจการโทรคมนาคมหรือกิจการสาธารณูปโภคของรัฐ และ (๓) ให้การกระทำใด ๆ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมชาติของพื้นที่พรุ และป่าชายเลน เว้นแต่เป็นการดำเนินการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ ในพื้นที่ป่าชายเลนที่ได้รับการผ่อนผันจากคณะรัฐมนตรี ให้ใช้ประโยชน์ได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมศึกษาวิเคราะห์ถึงเหตุจำเป็นหรือสภาพความรุนแรงเข้าขั้นวิกฤตที่จำเป็นจะต้องออกประกาศเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในเรื่องนี้ตามมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ และมาตรการคุ้มครองที่จะกำหนดบทพื้นฐานทางวิชาการต่อไป ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรมีการกำหนดขอบเขตพื้นที่แนบท้ายประกาศให้ชัดเจน และควรจัดทำฐานข้อมูลสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS database) เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงพื้นที่ได้อย่างถูกต้องมากขึ้น นอกจากนี้ ในการประกาศพื้นที่เพื่อคุ้มครองทรัพยากรสำคัญที่มีมาตรการคุ้มครองในบริเวณพื้นที่ที่จะประกาศ ควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ให้ทราบและรับรู้ และควรมีมาตรการและกลยุทธ์ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติเพื่อใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งควรมีการบังคับใช้ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ตลอดจนคำนึงถึงผลกระทบที่อาจมีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งจากภาครัฐและเอกชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
638 | ร่างถ้อยแถลงโซล (Seoul Statement) ในการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ 4 | ทส | 24/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างถ้อยแถลงโซล (Seoul Statement) มีสาระสำคัญในการให้ความสำคัญของป่าไม้ที่ส่งเสริมการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม การบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงความสำคัญของการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนและความพยายามที่จะดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนในภูมิภาค โดยจะมีการรับรองร่างถ้อยแถลงฯ ในการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ ๔ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ในวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ ๑.๒ อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านป่าไม้ ครั้งที่ ๔ เป็นผู้พิจารณาให้การรับรองร่างถ้อยแถลงฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
639 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นายรณรงค์ เส็งเอี่ยม) | ทส | 24/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายรณรงค์ เส็งเอี่ยม ให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์และการกำหนดอัตราเงินเดือนของผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ ตามมติคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ครั้งที่ ๕/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ และครั้งที่ ๖/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ ส่วนค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ รวมทั้งเงื่อนไขการจ้างและการประเมินผลการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๐)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
640 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง พ.ศ. 2553 และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ. .... | ทส | 10/10/2560 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง พ.ศ. ๒๕๕๓ และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการประสานงานการให้ความเห็นขององค์การอิสระในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง พ.ศ. ๒๕๕๓ และอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ รวมทั้งกำหนดการจ่ายค่าชดเชยให้แก่บุคลากรที่สนับสนุนการปฏิบัติงาน เมื่อองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพยุบเลิก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบการจ่ายค่าชดเชยบุคลากรสนับสนุนการปฏิบัติงานคณะกรรมการองค์การอิสระ โดยใช้งบประมาณจากกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรทำความเข้าใจและดำเนินการเรื่องการจ่ายค่าชดเชยและเยียวยาบุคคลที่ต้องยุติหน้าที่ตามการประกาศร่างระเบียบฯ อย่างเหมาะสมเป็นธรรมด้วยความรวดเร็ว โดยการใช้จ่ายและเบิกจ่ายค่าชดเชยดังกล่าว ต้องถือปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|