ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 34 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 661 - 680 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
661 | การเป็นเจ้าภาพร่วมการจัดประชุมสัมมนาวิชาการในระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสด้าน 3R ของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ 9 (The High - level Ninth Regional 3R Forum in Asia and the Pacific) | ทส | 20/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมสัมมนาวิชาการในระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโส 3R (Reduce Reuse Recycle : 3R) ของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๙ (The High-level Ninth Regional 3R Forum in Asia and the Pacific) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้มีความประหยัดและเกิดผลสัมฤทธิ์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการจัดประชุมในส่วนที่ประเทศไทยรับผิดชอบ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมควบคุมมลพิษ) จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
662 | การแต่งตั้งผู้มีอำนาจ (Designated Authority) สำหรับกองทุน Green Climate Fund ของประเทศไทย | ทส | 13/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ทำหน้าที่เป็นผู้มีอำนาจ (Designated Authority) สำหรับกองทุน Green Climate Fund ของประเทศไทย ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามในหนังสือแจ้งการแต่งตั้งผู้มีอำนาจ (Designated Authority) สำหรับกองทุน Green Climate Fund ของประเทศไทย ๓. เห็นชอบต่อกระบวนการพิจารณาโครงการฯ ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้จัดทำกฎหมาย กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ ตลอดจนรูปแบบวิธีการอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องกำหนดหรือบัญญัติขึ้นภายในประเทศเพื่อรองรับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเป็นผู้พิจารณาโครงการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ของประเทศไทยที่ต้องการขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากกองทุน Green Climate Fund ให้ถูกต้องตามระเบียบราชการต่อไป ๔. กำหนดชื่อกองทุน Green Climate Fund เป็นภาษาไทย โดยใช้ชื่อว่า “กองทุนภูมิอากาศสีเขียว”
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
663 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2559 (เพิ่มเติม) และ ครั้งที่ 1/2560 | ทส | 13/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ (เพิ่มเติม) จำนวน ๖ เรื่อง และครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๐ จำนวน ๕ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ ได้แก่ ๑.๑ ร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๒ ร่างมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการลักลอบทิ้งและบริหารจัดการกากอุตสาหกรรมที่เป็นอันตรายและมูลฝอยติดเชื้อ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ๑.๓ เกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทธรณีสัณฐานและภูมิลักษณวรรณา ภูเขา และน้ำตก ๑.๔ ร่างยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ๑.๕ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-นครสวรรค์ ของกรมทางหลวง ๑.๖ โครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๑๒ ตอน อ.หล่มสัก-แยก อ.คอนสาร ของกรมทางหลวง ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ ได้แก่ ๒.๑ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (สุขุมวิท ๘๑-สำโรง) และโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท (สำโรง-สมุทรปราการ) ของกรุงเทพมหานคร (ปัจจุบันการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการ) กรณีขอเปลี่ยนแปลงอาคารจอดรถเป็นลานจอดรถ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ๒.๒ รายงานการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติราชบุรี-วังน้อย ครั้งที่ ๒ (โครงการสถานีเพิ่มความดันก๊าซธรรมชาติวังน้อยฯ) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ที่ตำบลวังจุฬา อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ๒.๓ รายงานผลการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ โครงการโรงไฟฟ้าบางปะกง (ทดแทนเครื่องที่ ๑-๒) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ๒.๔ การขอเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสมทบเข้าสู่กองทุนสิ่งแวดล้อม ๒.๕ การให้ภาคยานุวัติเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
664 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2560 | ทส | 13/06/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ โดยที่ประชุมมีมติรับทราบและพิจารณาผลการดำเนินการ สรุปได้ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานตามมติ คทช. ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ประกอบด้วย (๑) การติดตามผลการดำเนินงานภายใต้แผนบูรณาการ (๒) การกำหนดพื้นที่เป้าหมายการจัดหาที่ดินทำกินให้ชุมชน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (๓) การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๘-๒๕๕๙ (๔) การดำเนินงานการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ ในพื้นที่เป้าหมายปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๕๙ (๕) การดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย ๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๘) โดยการจัดเตรียมที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานในชุมชนที่มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม พร้อมระบบสาธารณูปโภค สาธารณูปการที่จำเป็นในระดับราคาที่กลุ่มเป้าหมายสามารถรับภาระได้ และ (๖) การติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์โครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดเชียงใหม่ อุดรธานี นครพนม และยโสธร ๒. รับทราบการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กรณีการแก้ปัญหาการถือครองที่ดินของราษฎรในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ๓. รับทราบการจำแนกประเภทที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ น่าน และลำปาง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ ๔. ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องต่าง ๆ และมีมติ ดังนี้ (๑) เห็นชอบร่างนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ(พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๗๙) (๒) เห็นชอบกระบวนการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ที่ดินราชพัสดุ (๓) รับทราบหลักการร่างพระราชบัญญัติธนาคารที่ดิน พ.ศ. .... และ (๔) เห็นชอบในหลักการของข้อเสนอโครงสร้างสำนักงานเลขาธิการ คทช. ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ และให้ฝ่ายเลขานุการ คทช. นำไปพิจารณาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
665 | ท่าทีไทยในการประชุม United Nations Conference to Support the Implementation of Sustainable Development Goal 14 | ทส | 30/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติท่าทีไทยสำหรับการประชุม United Nations Conference to Support the Implementation of Sustainable Development Goal 14 ซึ่งกำหนดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๕-๙ มิถุนายน ๒๕๖๐ ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยในการประชุมฯ จะมีการแสดงท่าทีว่า ประเทศไทยมีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนกับประชาคมโลก มีความก้าวหน้าที่ชัดเจนตามเป้าประสงค์ต่าง ๆ และมีการดำเนินงานสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยจะประกาศคำมั่นโดยสมัครใจ (Voluntary Commitments) ใน ๓ หัวข้อ ได้แก่ (๑) การประมงยั่งยืน (๒) หัวข้อมลพิษทางทะเล และ (๓) หัวข้อการบริหารจัดการ ปกป้องและอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง ๒. เห็นชอบร่างเอกสาร Our Ocean, Our Future : Call for Action ซึ่งจะมีการรับรองในการประชุมฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเป้าหมายที่ ๑๔ ให้ได้ตามกำหนดเวลา ๓. เห็นชอบร่างเนื้อหาคำมั่นโดยสมัครใจ (Voluntary Commitments) ที่ประเทศไทยจะประกาศ ๔. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสาร Our Ocean, Our Future : Call for Action และร่างเนื้อหาคำมั่นโดยสมัครใจที่ประเทศไทยจะประกาศที่มิใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณาโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
666 | (ร่าง) แผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 - 2573 (Thailand's Nationally Determined Contribution Roadmap on Mitigation 2021 - 2030) | ทส | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบ (ร่าง) แผนที่นำทางการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๗๓ (Thailand’s Nationally Determined Contribution Roadmap on Mitigation 2021-2030) เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานที่จะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศร้อยละ ๒๐ หรือที่ ๑๑๑ ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ โดยดำเนินการใน ๓ สาขาหลัก (๑๕ มาตรการ) ได้แก่ สาขาพลังงานและขนส่ง สาขากระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ และสาขาการจัดการของเสีย ซึ่งเป็นสาขาที่หน่วยงานมีความพร้อมและมีศักยภาพที่สามารถลดก๊าซเรือนกระจก ณ ปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ทั้งสิ้น ๑๑๕.๖ ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ๑.๒ มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนศักยภาพการดำเนินงานตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ เพื่อสนับสนุนศักยภาพการดำเนินงานของหน่วยงานโดยครอบคลุมข้อจำกัด ความต้องการด้านการสนับสนุน และระบบ/กรอบการติดตามและรายงานผลการดำเนินงานของมาตรการต่าง ๆ ๑.๓ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของหน่วยงานเพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ ๑.๔ มอบหมายให้สำนักงบประมาณสนับสนุนและจัดสรรงบประมาณแก่หน่วยงานในการเตรียมความพร้อมและปฏิบัติการตามแผนดังกล่าว รวมถึงพิจารณาการจัดสรรงบประมาณในรูปแบบบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติในประเด็นการสร้างแรงจูงใจโดยการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการเพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้เอกชนให้ความสนใจในการมีส่วนร่วมหรือลงทุนเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการขับเคลื่อน ระยะที่ ๒ ในส่วนของการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เครื่องมือและกลไกในการลดก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งการส่งเสริม สนับสนุน และการบังคับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ อย่างเข้มงวดและตรวจสอบประเมินผลได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย สำหรับงบประมาณในการเตรียมความพร้อมและปฏิบัติการตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณไว้ในแผนงานยุทธศาสตร์จัดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศและภัยพิบัติแล้ว แต่เนื่องจากในชั้นนี้ (ร่าง) แผนที่นำทางฯ ยังขาดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะใช้เป็นกรอบในการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ จึงเห็นควรให้จัดทำแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนศักยภาพการดำเนินงานตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ และแผนการใช้จ่ายงบประมาณ พร้อมทั้งเป้าหมายและตัวชี้วัดให้แล้วเสร็จก่อน แล้วจึงนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณากำหนดประเด็นสำคัญในการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้ให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนเกี่ยวกับการดำเนินการตาม (ร่าง) แผนที่นำทางฯ และร่วมกันบูรณาการและสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้สามารถดำเนินการตามแผนได้ครอบคลุมในทุกมิติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
667 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ป่าชายเลน ในท้องที่ อำเภอท่าศาลา อำเภอเมือง และอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช และจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชนในท้องที่จังหวัดชายฝั่งทะเล 18 จังหวัด | ทส | 23/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ เพื่อนำที่ดินที่เป็นป่าชายเลน ในท้องที่อำเภอท่าศาลา อำเภอเมือง และอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เนื้อที่ประมาณ ๑๒,๐๐๐ ไร่ โดยแบ่งเป็นจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ๕,๐๐๐ ไร่ และทำการปลูกฟื้นฟูป่าชายเลน ๗,๐๐๐ ไร่ และจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชนในท้องที่จังหวัดชายฝั่งทะเล ๑๘ จังหวัด เนื้อที่ประมาณ ๕,๔๕๘-๑-๓๓ ไร่ ประกอบด้วย จังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด ชลบุรี เพชรบุรี สมุทรสงคราม ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล สงขลา และปัตตานี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการกำหนดแนวทางการดำเนินการที่ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบุกรุกป่าชายเลนเพิ่มเติมและรักษาป่าชายเลนไว้ให้ได้อย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๒. ตามที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้มีมติเกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดินในเรื่องต่าง ๆ ไปแล้วนั้น ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบ ติดตาม และเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วภายในปี ๒๕๖๐
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
668 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 (งบกลาง) | ทส | 09/05/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (งบกลาง) ภายใต้โครงการบูรณาการมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งปี ๒๕๕๘/๕๙ ตามมาตรการที่ ๖ มีเป้าหมายเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน จำนวน ๒,๑๙๕ แห่ง วงเงิน ๗๓๕,๗๖๓,๐๐๐ บาท ดำเนินการในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๘-มกราคม ๒๕๖๐ มีผลการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่ ๑๗ จังหวัดในลุ่มน้ำเจ้าพระยา จำนวน ๒,๑๗๖ แห่ง คิดเป็นร้อยละ ๙๙.๑๓ ของเป้าหมาย โดยสามารถเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนได้ จำนวน ๑๙๐.๖๑๗๖ ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่ได้รับประโยชน์ ๖๕,๒๘๐ ไร่ และไม่สามารถดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลฯ ได้ ๑๙ แห่ง เนื่องจากเป็นพื้นที่ไม่มีศักยภาพน้ำบาดาล ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
669 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติการลงนามในเอกสารโครงการ Scaling up the Implementation of the Sustainable Development Strategy for the Seas of East Asia และบันทึกความตกลงการขยายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทะเลเอเชียตะวันออกในประเทศไทย | ทส | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารโครงการ Scaling up the Implementation of the Sustainable Development Strategy for the Seas of East Asia และอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการ Scaling up the Implementation of the Sustainable Development Strategy for the Seas of East Asia in Thailand (2015-2019) โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในเอกสารโครงการฯ ๑.๒ เห็นชอบบันทึกความตกลงการขยายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทะเลเอเชียตะวันออกในประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความตกลงฯ ร่วมกับหุ้นส่วนเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมทางทะเลในเอเชียตะวันออก (Partnerships in Environmental Management for the Seas of East Asia : PEMSEA) ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ในการลงนามบันทึกความตกลงฯ ให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนาม ๑.๔ ในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องปรับปรุงถ้อยคำหรือสาระสำคัญของบันทึกความตกลงฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติหรือเห็นชอบไปแล้ว หากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ อาทิ การพิจารณาเพิ่มเติมชื่อกรมเจ้าท่าไว้ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบร่วม การจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม หากมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมจากการดำเนินการดังกล่าว และกำหนดเวลาของการดำเนินโครงการฯ ที่ไม่เป็นปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
670 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ 13 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ 8 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 8 | ทส | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ ๑๓ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ ๘ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ ๘ ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๔ เมษายน-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยคณะผู้แทนไทยที่จะเข้าร่วมการประชุมฯ รวมทั้งสิ้น ๑๗ คน ประกอบด้วย (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย (๒) อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (๓) ประธานและผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการอนุสัญญาฯ (๔) ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม (๕) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และ (๖) เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ๒. เห็นชอบต่อร่างปฏิญญาร่วมอาเซียนว่าด้วยการจัดการสารเคมีและของเสีย (ASEAN Joint Declaration on Hazardous Chemicals and Wastes Management) มีสาระสำคัญเป็นการระลึกถึงวิสัยทัศน์ของประชาคมอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๖๘ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี พ.ศ. ๒๕๗๓ โดยเฉพาะการบรรลุเป้าหมายของการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ๓. เห็นชอบต่อท่าทีของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ ๑๓ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๘ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ ๘ โดยไทยจะสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการและจุดมุ่งหมายของทั้ง ๓ อนุสัญญาฯ ในการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในระดับประเทศด้านการจัดการสารเคมีอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจร ผ่านการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและทางด้านการเงิน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคีต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนความร่วมมือและการบูรณาการร่วมกันในการดำเนินงานตามพันธกรณีข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ๔. หากมีข้อเจรจาใดที่นอกเหนือจากท่าทีการเจรจาฯ และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally Binding) ต่อประเทศไทย ให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่จนสิ้นสุดการประชุมรัฐภาคีฯ ในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
671 | เกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทธรณีสัณฐานและภูมิลักษณวรรณา ภูเขา และน้ำตก | ทส | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทธรณีสัณฐานและภูมิลักษณวรรณา ภูเขา และน้ำตก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งเป็นการจัดทำค่าเกณฑ์ที่แสดงถึงคุณภาพของสภาวะแวดล้อม ภายใต้แนวคิดที่ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อม ต้องอยู่ภายใต้ระดับที่ยอมรับหรือกำหนดขึ้น อันจะไม่ทำให้แหล่งธรรมชาติเกิดความเสื่อมโทรม เพื่อรักษาคุณค่าของสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาตินั้นไว้เพื่อประโยชน์แก่สังคมโดยรวม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ประกอบด้วย
๑. ปัจจัยชี้วัดแต่ละด้าน รวม ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านองค์ประกอบของระบบนิเวศ/สิ่งแวดล้อม (๒) ด้านองค์ประกอบภูมิสถาปัตยกรรมและสถาปัตยกรรม (๓) ด้านผลผลิตจากการบริการสิ่งแวดล้อมของแหล่ง และ (๔) ด้านการบริหารจัดการ ๒. ระดับเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กำหนดเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ (๑) ระดับสูงหรือดี คือ ไม่มีผลกระทบหรือมีระดับผลกระทบน้อย (๒) ระดับปานกลาง คือ มีระดับผลกระทบปานกลาง และ (๓) ระดับต่ำ คือ มีระดับผลกระทบมากหรือรุนแรง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
672 | การเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จาก นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เป็น นายประลอง ดำรงค์ไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
673 | การลงนามเอกสารโครงการและหนังสือความตกลงรับทุนสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกภายใต้โครงการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำผ่านระบบการจัดการเมืองอย่างยั่งยืน | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการลงนามเอกสารโครงการและหนังสือความตกลงรับทุนสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Facility : GEF) ร่วมกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) ภายใต้โครงการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำผ่านระบบการจัดการเมืองอย่างยั่งยืน (Achieving Low Carbon Growth in Cities through Sustainable Urban Systems Management in Thailand Project) ๒. มอบหมายให้ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกเป็นผู้ลงนามเอกสารโครงการและหนังสือความตกลงรับการสนับสนุนฝ่ายไทย ๓. มอบหมายให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ทำหน้าที่เป็นหน่วยดำเนินโครงการ (Implementing Agency) เพื่อดำเนินงานดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
674 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสวนพฤกษศาสตร์สาธารณรัฐสิงคโปร์ คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์แห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาศักยภาพบุคลากร | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสวนพฤกษศาสตร์สาธารณรัฐสิงคโปร์ คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์แห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาศักยภาพบุคลากร มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมแลกเปลี่ยนตามความสนใจของแต่ละฝ่าย ประกอบด้วย การแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านวิชาการ วิจัย และอื่น ๆ การพัฒนาบุคลากรร่วมกันโดยการฝึกอบรมหรือถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการ ความร่วมมือด้านการค้นคว้าวิจัยที่หน่วยงานทั้งสองสนใจร่วมกัน และการดำเนินการแลกเปลี่ยนความร่วมมืออื่นใด ภายใต้การเจรจาตกลงเป็นรายกรณี ๑.๒ ให้ผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
675 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เมืองเก่าราชบุรี เมืองเก่าสุรินทร์ เมืองเก่าภูเก็ต และเมืองเก่าระนอง | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า เมืองเก่าราชบุรี เมืองเก่าสุรินทร์ เมืองเก่าภูเก็ต และเมืองเก่าระนอง เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ รวมทั้งกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาเป็นแนวทางในการจัดทำแผนแม่บทและผังแม่บท กลไก และกระบวนการบริหารจัดการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่เมืองเก่า เพื่อให้บริเวณเมืองเก่าได้รับการคุ้มครอง ดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสม มีการบริหารจัดการอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ พร้อมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าที่มีพื้นที่คาบเกี่ยวหรืออยู่ในเส้นทาง/เขตทาง/พื้นที่ ของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมเจ้าท่า ซึ่งอาจมีการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เมืองเก่าต้องมีการตรวจสอบร่วมกันอีกครั้ง และพิจารณาแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าและกรอบเวลาให้ชัดเจนเพื่อให้หน่วยงานสามารถวางแผนงาน/โครงการได้ รวมทั้งขยายขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าราชบุรีออกไปให้ครอบคลุมพื้นที่วัดสัตตนารถปริวัตร เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นโบราณสถานตามความในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ที่แก้ไขเพิ่มเติม นอกจากนี้ การดำเนินการใด ๆ กับโบราณสถาน ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการนำกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่เมืองเก่าไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
676 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2559 | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ได้แก่ ขยะมูลฝอยเก่าตกค้างและการใช้สารอันตรายมีปริมาณลดลง ระดับเสียงในบริเวณพื้นที่ทั่วไปและริมถนนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และคุณภาพน้ำบาดาลอยู่ในเกณฑ์ดี การใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงขึ้น พื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้น รวมทั้งพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้น ส่วนสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่มีแนวโน้มเสื่อมโทรมลง เช่น พื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่ชุ่มน้ำหลายแห่งถูกบุกรุกและเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ รวมถึงภัยพิบัติมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น สถิติการร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่เพิ่มขึ้น การกัดเซาะชายฝั่งรุนแรงในบริเวณอ่าวไทย หญ้าทะเลเสื่อมโทรม และพบปะการังฟอกขาว เป็นต้น ๒. สถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่ศึกษา ได้แก่ (๑) ปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และการจัดการธุรกิจรีไซเคิลขยะ (๒) ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าและการจัดการป่าอย่างยั่งยืน (๓) สถานการณ์น้ำและภัยแล้ง และมาตรการบริหารจัดการภัยแล้ง (๔) ปัญหาการทำประมงทะเลเกินขนาดและการจัดการประมงทะเลอย่างยั่งยืน และ (๕) สถานการณ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ๓. การคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย มีประเด็นปัญหาสำคัญที่ควรเร่งดำเนินการ ได้แก่ (๑) การสูญเสียพื้นที่ป่า (๒) การขาดแคลนน้ำ (๓) ขยะอิเล็กทรอนิกส์ และ (๔) การกัดเซาะชายฝั่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
677 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ (จำนวน 9 คน 1. รองศาสตราจารย์ปานเทพ รัตนากร ฯลฯ) | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ จำนวน ๙ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปีแล้ว เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ เมษายน ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์ปานเทพ รัตนากร ผู้แทนมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย ๒. นายศศิน เฉลิมลาภ ผู้แทนมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ๓. พลเอก สุรัตน์ วรรักษ์ ผู้แทนมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด ๔. รองศาสตราจารย์นริศ ภูมิภาคพันธ์ ผู้แทนสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ ๕. นายอนรรฆ พัฒนวิบูลย์ ผู้แทนสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งประเทศไทย ๖. นายชลธิศ สุรัสวดี ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคมหรือมูลนิธิ ๗. นายธิติ กนกทวีฐากร ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคมหรือมูลนิธิ ๘. นางสาวธำรงลักษณ์ ลาพินี ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคมหรือมูลนิธิ ๙. นางสาวสุภาภรณ์ ปิติพร ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคมหรือมูลนิธิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
678 | ข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) | ทส | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ) ข้อ ๑๐ “ให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) สำหรับโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ออกตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕” นั้น ขอยืนยันตามเดิมเนื่องจากมีความชัดเจนเพียงพอในการนำไปสู่การปฏิบัติ ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีแผนการปรับปรุงประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นแผนระยะสั้นภายใน ๓ ปี ซึ่งจะได้นำประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ชุ่มน้ำและทางหลวงหรือถนนตามข้อเสนอแนะไปประกอบการปรับปรุงประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานฯ ให้มีความเหมาะสมต่อไป ๓. ข้อเสนอให้มีแนวทางการบูรณาการการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) หรือการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการใด ๆ ที่มีการดำเนินการตั้งแต่ ๒ โครงการขึ้นไป ซึ่งเป็นโครงการที่เกี่ยวเนื่องกันโดยรวมจัดทำเป็นรายงานฉบับเดียวกัน นั้น เห็นควรให้เจ้าของโครงการเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมเป็นกรณีไป ๔. ข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองไม่ให้เกิดช่องว่างในการใช้บังคับกฎหมาย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองอยู่ระหว่างเสนอร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ ทั้งฉบับ โดยปรับรูปแบบและวิธีการวางและจัดทำผังเมืองทั้งระบบ รวมทั้งกำหนดให้ผังเมืองแต่ละประเภทไม่มีอายุการใช้บังคับ แต่ใช้ระบบประเมินผลผังในรอบระยะเวลา ๕ ปี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
679 | ผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 13 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ทส | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๓ (Conference of the Parties to the Convention on Biological Diversity : COP13) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๔-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ ณ เมืองแคนคูน สหรัฐเม็กซิโก ซึ่งในการประชุมระดับสูงได้มีการอภิปรายในหัวข้อ “การบูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี” โดยได้มีการรับรองปฏิญญาแคนคูนว่าด้วยการบูรณาการการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ส่วนการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ได้มีการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๓ และการประชุมสมัชชาภาคีพิธีสารคาร์ตาเฮนาว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ สมัยที่ ๘ โดยมีข้อมติที่ประเทศไทยควรดำเนินการ ประกอบด้วย (๑) ข้อมติที่ต้องดำเนินการเนื่องจากเป็นพันธกรณีที่ระบุไว้ในมาตราต่าง ๆ ของอนุสัญญาฯ และเป็นนโยบายที่มีลำดับความสำคัญของประเทศ (๒) ข้อมติที่ควรดำเนินการเพื่อสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับอนุสัญญาฯ และภาคีอนุสัญญาฯ อื่น ๆ และ (๓) ข้อมติที่สมารถพิจารณาดำเนินการได้โดยความสมัครใจ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศให้เป็นไปตามข้อมติจากการประชุมฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ เนื้อหาบางส่วนของปฏิญญาแคนคูนฯ ระบุว่าประเทศภาคีอนุสัญญาฯ มีเจตจำนงที่จะปฏิบัติ (Commit) ในประการต่าง ๆ ดังนั้น หน่วยงานที่มีการดำเนินการเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพจึงจำเป็นต้องศึกษาและพิจารณาเพื่อดำเนินการในสิ่งที่ได้แสดงจำนงไว้ การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามข้อมติจากผลการประชุมฯ ในส่วนของการดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพแก่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณามอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจด้านการอนุรักษ์ การสร้างความตระหนัก การวิจัยพัฒนา และองค์การท้องถิ่น ร่วมเป็นเครือข่ายในการขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมดังกล่าว และ ในการดำเนินงานเพื่ออนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ ควรพิจารณาเพิ่มเติมแนวทางป้องกันรักษาป่าไม้ซึ่งเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญ รวมทั้งกระบวนการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เห็นว่าการประชุมภาคีอนุสัญญาฯ หลายประเทศ ได้เสนอให้เพิ่มเติมเรื่องการบูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพไว้ในภาคพลังงาน เหมืองแร่ และการสาธารณสุขด้วย ประเทศไทยจึงควรเตรียมความพร้อม โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนลักษณะการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
680 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. 2560 - 2564 | ทส | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ประกอบด้วยแผนปฏิบัติการ ๑๐ เรื่อง ภายใต้ ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) บูรณาการคุณค่าและการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพโดยการมีส่วนร่วมในทุกระดับ (๒) อนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ (๓) ปกป้องคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประเทศ และบริหารจัดการเพื่อเพิ่มพูนและแบ่งปันผลประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพโดยสอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจสีเขียว และ (๔) พัฒนาองค์ความรู้และระบบฐานข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพให้เป็นมาตรฐานสากล วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑๒,๖๓๔.๑๘ ล้านบาท และมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบภายใต้ (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ดำเนินการขอตั้งงบประมาณตามแผนงาน/โครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากำหนดกลไกขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ ในลักษณะเชิงรุกที่อำนวยความสะดวกให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการแผนปฏิบัติการย่อยให้บรรลุผลสำเร็จ และควรพิจารณาการพัฒนากลไกการจัดการความรู้ในภาพรวมของแผนปฏิบัติการฯ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการร่วมกันของหน่วยงานในอนาคต รวมถึงพิจารณากำหนดแนวทางการนำข้อได้เปรียบจากความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยไปสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานชีวภาพ (Bio-Economy) ตามนโยบายของรัฐบาล และต่อยอดพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการผลิตและพัฒนากำลังคนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีส่วนช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการปกป้องคุ้มครอง อนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ควรมีการกำหนดพื้นที่เป้าหมายสำหรับการสร้างความเข้าใจและความตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยให้ความสำคัญกับประชาชนในพื้นที่โดยรอบเขตอนุรักษ์เป็นหลักในลำดับแรก และควรมีการออกแบบโครงสร้างฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพให้เป็นระบบและเชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถนำไปใช้กำหนดนโยบาย ตลอดจน ควรจะกำหนดแนวทางการศึกษาวิจัยให้เป็นระบบและมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน และจัดลำดับความสำคัญให้เหมาะสม สามารถตอบสนองทิศทางการพัฒนาได้จริง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
.....