ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 35 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 681 - 700 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
681 | ยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ 20 ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. 2560 - 2564 | ทส | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน ลด และควบคุมมลพิษที่มีประสิทธิผล สร้างระบบและกลไกการบริหารจัดการมลพิษที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม และบุคลากรให้มีศักยภาพในการจัดการมลพิษ รวมทั้งสร้างหุ้นส่วนการมีส่วนร่วมในการจัดการมลพิษ ประกอบด้วย ๓ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (๒) เพิ่มประสิทธิภาพในการบำบัด กำจัดของเสียและควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด และ (๓) การพัฒนาระบบการบริหารจัดการมลพิษ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี โดยเฉพาะในระยะ ๕ ปีแรก และดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ และแผนการจัดการดังกล่าวต่อไป ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการปรับปรุงเป้าหมายของยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี ให้สะท้อนภาพอนาคตในระยะ ๒๐ ปี ซึ่งกำหนดว่า “การพัฒนาประเทศเป็นไปตามหลักสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Cabon Society) และไร้ของเสีย (Zero Waste)” รวมทั้งควรเพิ่มตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายเพื่อวัดการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ ๓ เนื่องจากไม่สามารถสะท้อนความก้าวหน้าในการดำเนินงานเพื่อใช้ในการติดตามประเมินผล และในส่วนของแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ หน่วยงานที่รับผิดชอบและทิศทางการดำเนินงานในระยะยาวควรมีความสอดคล้องกับโครงการ/กิจกรรมสำคัญในระยะ ๕ ปี ควรมีการกำหนดหน่วยงานสนับสนุนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมนอกจากหน่วยงานหลักเพื่อความชัดเจนในการดำเนินงานร่วมกัน และควรมีการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนปฏิบัติการและการดำเนินงานตามแผนจัดการดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง สำหรับงบประมาณในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อดำเนินการในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอและมีความจำเป็นเร่งด่วนก็ให้เสนอขอรับการสนับสนุนจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำข้อเสนองบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์เชื่อมโยงผ่านการจัดทำแผนพัฒนาภาค แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้ครอบคลุมครบถ้วน รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ทุกภาคส่วนให้ตระหนักถึงโทษและอันตรายที่เกิดขึ้นจากมลพิษต่าง ๆ หากไม่ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือและเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ๔. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเรื่อง ยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ให้คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเตรียมการยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
682 | ร่างพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อให้มีบทบัญญัติสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) และอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity : CBD) เพื่อให้รองรับสิทธิของประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ในการมีส่วนร่วมบริหารจัดการ คุ้มครอง ดูแล รักษาหรือบำรุงทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฯ บางประการไปประกอบการพิจารณาด้วย รวมทั้งให้พิจารณาความเชื่อมโยงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ากับคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ที่จะเข้าศึกษาข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพต้องทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ทางการค้า เพื่อควบคุม ดูแล อนุรักษ์ ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความรอบคอบในการตราพระราชบัญญัติฯ และในการใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งจะต้องทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ควรมีการเตรียมความพร้อมในการดูแลการเข้าถึงความหลากหลายทางชีวภาพเมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับ รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าตามร่างพระราชบัญญัติฯ ควรมีความเชื่อมโยงกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
683 | ร่างพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยให้ประชาชนและชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ คุ้มครอง บำรุงรักษาฟื้นฟู การจัดการ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศตามพันธกรณีที่ไทยเป็นภาคีสมาชิก ตลอดจนเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินในป่าอนุรักษ์ที่ไม่เหมาะสม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฯ บางประการไปประกอบการพิจารณาด้วย รวมทั้งให้พิจารณาความเชื่อมโยงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติกับคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ที่จะเข้าศึกษาข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพต้องทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ทางการค้า เพื่อควบคุม ดูแล อนุรักษ์ ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความรอบคอบในการตราพระราชบัญญัติฯ และในการใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งจะต้องทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ควรมีการเตรียมความพร้อมในการดูแลการเข้าถึงความหลากหลายทางชีวภาพเมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับ รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าตามร่างพระราชบัญญัติฯ ควรมีความเชื่อมโยงกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
684 | แนวทางในการแก้ปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย กรณีนำเรือออกนอกระบบ จำนวน 3 ลำ | ทส | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรณีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจัดซื้อเรือประมง น.เจริญชัยสมุทร ๑ พร้อมเครื่องยนต์และอุปกรณ์ จำนวน ๑ ลำ ในวงเงิน ๑๒,๕๓๖,๑๖๓.๐๔ บาท โดยเห็นควรให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเสนอขอยกเว้นผ่อนผันการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามขั้นตอนต่อไป และรับทราบการดำเนินการตามแนวทางในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย กรณีที่ไม่สามารถนำเรือออกนอกระบบได้ จำนวน ๒ ลำ และจะนำงบประมาณรายจ่ายเพื่อการดังกล่าวไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำและวางปะการังเทียม และคุ้มครองป้องกันการบุกรุกทำลายระบบนิเวศน์ปะการังเทียมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หากมีประเด็นที่ไม่สามารถดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในขั้นตอนใดบ้าง ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งขอยกเว้น/ผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบฯ ต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุต่อไป และให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการตรวจรับให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นตามแบบรูปและรายละเอียด ข้อกำหนด และขอบเขตของงานตามที่กำหนดไว้ในสัญญาด้วย รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการในการควบคุมกรณีที่ต้องลดจำนวนเรือให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำ เพื่อเป็นการรักษาดุลทางธรรมชาติ และไม่กระทบต่อเงื่อนไขหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
685 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2559 | ทส | 14/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่มีมติเห็นชอบ จำนวน ๓ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. โครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ โครงการทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ระยะที่ ๑ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลบางโปรง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ๓. โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดสระแก้ว ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
686 | ขออนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ ตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพิ่มเติม ปี 2559 โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 6 ตำบล อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี | ทส | 07/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้ใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพิ่มเติม ปี ๒๕๕๙ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ๖ ตำบล อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี วงเงินงบประมาณ ๓๑๘.๐๓๑๗ ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล) เร่งรัดการดำเนินโครงการดังกล่าวให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งมีการประเมินผลโครงการดังกล่าว โดยรายงานผลการดำเนินโครงการให้คณะรัฐมนตรีรับทราบภายหลังจากเสร็จสิ้นโครงการ และให้กรมทรัพยากรน้ำจัดส่งรายละเอียดความพร้อมของโครงการ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณงบกลาง เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณต่อสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
687 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. 2557 และ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยในท้องที่จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระบุรี พ.ศ. 2557 พ.ศ. .... | ทส | 07/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๗ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยในท้องที่จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๗ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ยกเลิกระเบียบทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าวเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน และป้องกันมิให้มีการปฏิบัติงานซ้ำซ้อนกัน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
688 | ขออนุมัติยกเลิกรายการและปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ภายใต้แผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ | ทส | 07/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติยกเลิกรายการและเห็นชอบการปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ภายใต้แผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินกู้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณากลั่นกรองความจำเป็น ความพร้อม และความซ้ำซ้อนในพื้นที่ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลฯ ก่อนเสนอขออนุมัติโครงการ และเร่งรัดการดำเนินงานในพื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนใหม่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สำหรับวงเงินคงเหลือจากการยกเลิกรายการที่ไม่สามารถดำเนินการได้จากการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ให้ดำเนินการส่งคืนเป็นเงินเหลือจ่ายต่อไป นอกจากนี้ เห็นควรเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงในรายละเอียดด้านงบประมาณกับสำนักงบประมาณ รวมทั้งประสานงานกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการส่งคืนเงินกู้ตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคให้ทันในช่วงฤดูแล้งนี้ โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้บูรณาการแผนการดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลฯ ให้สอดคล้องกับแผนเตรียมความพร้อมเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยแล้งด้านการเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแผนการดำเนินโครงการเกี่ยวกับแหล่งน้ำของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
689 | โครงการจัดทำบานประตูที่ทำมาจากไม้ของกลางที่ตกเป็นของแผ่นดิน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ปี พ.ศ. 2554 | ทส | 07/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ (เรื่อง ขออนุมัติงบกลางเพื่อให้จังหวัดและส่วนราชการใช้จ่ายในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย) โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้) นำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ไปใช้ในการดำเนินการเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยและภัยพิบัติสาธารณะอื่น ๆ ได้ ตามความจำเป็นและเหมาะสม หรือตามที่ส่วนราชการร้องขอ โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้สอดคล้องกับระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมและจำหน่ายพัสดุ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
690 | สรุปผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 23 (The 23rd Meeting of Mekong River Commission Council) | ทส | 31/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๓ (The 23rd Meeting of Mekong River Commission Council) ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ เมืองปากเซ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยมีปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยสรุปสาระสำคัญของการประชุมและการหารือได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติ รวม ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) กำหนดให้สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงมีที่ตั้ง ๑ แห่ง ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว และกำหนดแนวทางการบริหารศูนย์บริหารจัดการและบรรเทาอุทกภัยระดับภูมิภาค ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา และ (๒) อนุมัติแผนการดำเนินงานประจำปี ค.ศ. ๒๐๑๗ ประกอบด้วย รายรับ ๑๘.๔๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ รายจ่าย ๑๕.๖๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการบริหารองค์กรและดำเนินกิจกรรมหลัก ๒๙ ด้าน ๒. ที่ประชุมฯ มีมติรับทราบ รวม ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) การดำเนินความร่วมมือระหว่างคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงกับองค์กรภายนอกที่มีมาอย่างต่อเนื่อง (สาธารณรัฐประชาชนจีน-สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา) (๒) ความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามระเบียบปฏิบัติการใช้น้ำ จำนวน ๕ ฉบับ รวมถึงรับทราบบทเรียนจากการดำเนินกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า กรณีโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีและดอนสะโฮงของ สปป.ลาว และ (๓) ความก้าวหน้าของการดำเนินงานการถ่ายโอนภารกิจหลักด้านการบริหารจัดการลุ่มน้ำโขงให้แก่ประเทศสมาชิก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
691 | ขอความเห็นชอบแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ปี 2560 และขออนุมัติใช้งบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 เพื่อดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือปี 2560 | ทส | 31/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนี้
๑. เห็นชอบแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ปี ๒๕๖๐ เพื่อกำหนดให้เป็นนโยบายรัฐบาล โดยมีรายละเอียดมาตรการ/แนวทางการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ อาทิ ใช้ระบบ Single Command ในการบริหารจัดการ บูรณาการข้อมูลและแจ้งเตือนสถานการณ์หมอกควัน จัดการเชื้อเพลิงและบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงเพื่อลดการเผา ห้ามเผาอย่างเด็ดขาดในช่วงวิกฤต สนับสนุนให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกและลดการเผาเศษวัสดุภาคการเกษตร สื่อสารประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้เข้าถึงพื้นที่เสี่ยงและชุมชนเป้าหมาย และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติต่อไป ๒. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวม ๑๕๔.๓๗๓๓ ล้านบาท เพื่อดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ปี ๒๕๖๐ โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหน่วยงานเจ้าของงบประมาณ ขอทำความตกลงในรายละเอียดด้านงบประมาณตามขั้นตอนกับสำนักงบประมาณแทนจังหวัดดังกล่าว สำหรับการดำเนินงานในปีถัดไป ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีโครงการ/กิจกรรมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า จัดทำแผนการดำเนินงานและรายละเอียดค่าใช้จ่าย และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ภายใต้แผนงานบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประเด็นการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
692 | การเสนอพระธาตุพนม เพื่อบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก | ทส | 24/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เอกสารนำเสนอพระธาตุพนม ภายใต้ชื่อ PHRA THAT PHANOM, ITS RELATED HISTORIC BUILDING AND ASSOCIATED LANDSCAPE เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ๒. ให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ลงนามในหนังสือถึงศูนย์มรดกโลก เพื่อนำเสนอพระธาตุพนมภายใต้ชื่อ PHRA THAT PHANOM, ITS RELATED HISTORIC BUILDING AND ASSOCIATED LANDSCAPE เข้าสู่บัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
693 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 22 (COP 22) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 12 (CMP 12) และการประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 1 (CMA 1) ณ เมืองมาร์ราเกซราชอาณาจักรโมร็อกโก | ทส | 24/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๒ (COP 22) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๒ (CMP 12) และการประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๑ (CMA 1) ระหว่างวันที่ ๕-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ ณ เมืองมาร์ราเกซ ราชอาณาจักรโมร็อกโก และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อกำหนดรายละเอียดการดำเนินงานภายใต้ความตกลงปารีสร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านกลไกคณะทำงานเจรจาสำหรับการประชุมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ คณะอนุกรรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติด้านการประสานท่าทีเจรจาและความร่วมมือระหว่างประเทศ และคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ๑.๒ หน่วยงานที่มีการดำเนินภารกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) จัดสรรงบประมาณเพื่อเข้าร่วมการประชุมภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การประชุมเชิงปฏิบัติการ และการประชุมที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเชื่อมโยงการดำเนินงานในกรอบระหว่างประเทศและการดำเนินงานตามภารกิจภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและชัดเจน ๑.๓ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) จัดทำแผนการเสริมสร้างศักยภาพการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมร่วมกับสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำนักงานโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อเผยแพร่และสร้างความตระหนักรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้แก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ และจัดทำหลักสูตรร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้สอดคล้องกับนโยบายและแผนที่เกี่ยวข้อง ๑.๕ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เร่งวิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสีย และศึกษาศักยภาพความพร้อมของประเทศไทยในการดำเนินความร่วมมือลดก๊าซเรือนกระจกผ่านกลไกตลาดระหว่างประเทศ เช่น กรอบทวิภาคีและกรอบพหุภาคีอื่น ๆ เพื่อนำเสนอต่อหน่วยงานด้านนโยบาย ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติพิจารณาให้ความเห็นต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณากำหนดกรอบเวลา การศึกษา และ/หรือการจัดทำแผนและนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ การศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างแนวทางดำเนินการของประเทศไทยภายใต้กลไกของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับแนวทางการดำเนินการของประเทศไทยภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนให้เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องเป็นแนวทางเดียวกัน การพิจารณาเพิ่มเติมในส่วนของการให้ความช่วยเหลือของประเทศพัฒนาแล้ว ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำ อาหาร และพลังงานแบบเชื่อมโยงกัน (Water-Food-Energy Nexus) การพิจารณาให้มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการพัฒนาในสาขาต่าง ๆ ที่คำนึงถึงปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ในลักษณะบูรณาการ และการพิจารณานำข้อเสนอของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูป เรื่อง การปฏิรูปการดำเนินการด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทยและแนวทางการดำเนินงานไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ได้รับการจัดสรร จำนวน ๔๑๒.๐๑๗๗ ล้านบาท หากมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มเติมขอให้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามความจำเป็นและเหมาะสมไปดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
694 | ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 17/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง โดยการบูรณาการ การกระจายอำนาจ การมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน และภูมิสังคม และแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (คจช.) ให้ชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของ คทช. ตามที่ คทช. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสภาเกษตรกรแห่งชาติที่มีความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ว่า ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของ คจช. ยังมีความซ้ำซ้อนและคาบเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ คทช. จึงควรพิจารณาทบทวนความจำเป็นของ คจช. โดยควรมีการวิเคราะห์ผลกระทบกรณีมีและไม่มี คจช. ภายใต้การมีร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... สำหรับการกำหนดให้มีการจัดตั้งสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในภาพรวม นั้น เพื่อความเหมาะสม ประหยัด และไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการบริหารจัดการ สำหรับกรณีบุคลากรควรจะกำหนดให้มีการตัดโอนอัตรากำลังของหน่วยงานเดิมให้ชัดเจน นอจากนี้ ควรเพิ่มเติมในเรื่ององค์ประกอบของ คทช. ให้มีตัวแทนที่สภาเกษตรกรแห่งชาติสรรหาเข้ามาร่วมเป็นกรรมการใน คทช. ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรองและกรอบระยะเวลาของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวม ๒ ฉบับ ตามที่ คทช. เสนอ ๓. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. ที่เห็นควรตัดโอนภารกิจและอัตรากำลังของงาน คจช. จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปให้กับกรมที่ดิน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๔. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปดำเนินการตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอนการจัดตั้งหน่วยงานของรัฐ) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงาน ก.พ.ร. แล้วให้แจ้งผลการดำเนินงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯ ต่อไป ๕. มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาทบทวนอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่ดินของประเทศไทยเพื่อให้มีความเชื่อมโยงกับ คทช. ตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ ตามความเห็นของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
695 | แผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2560 - 2564 | ทส | 10/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ซึ่งแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมดังกล่าวจะเป็นแนวทางให้การดำเนินงานในระดับปฏิบัติมีทิศทางที่ชัดเจน สามารถขับเคลื่อนงานด้านการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ และการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยได้ให้ความสำคัญกับหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน หลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนประเด็นการปฏิรูปประเทศที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่างกรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ ๒๐ ปี และทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
696 | ผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 17 (CITES CoP17) การประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญา CITES ครั้งที่ 67 และครั้งที่ 68 (SC67 - SC68) และการประชุมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Lekgotla) | ทส | 04/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๗ (CITES CoP17) การประชุมคณะกรรมการบริหารอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ครั้งที่ ๖๗ และครั้งที่ ๖๘ (SC67-SC68) และการประชุมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Lekgotla) จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๓ กันยายน-๕ ตุลาคม ๒๕๕๙ นครโจฮันเนสเบิร์ก สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งจากผลการประชุมดังกล่าวได้มีการลงมติรับรองมติที่ประชุม (Resolutions) และข้อตัดสินใจ (Decisions) เพื่อให้ภาคีแห่งอนุสัญญา CITES นำไปปฏิบัติเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งอนุสัญญา รวมถึงมีการลงมติรับรองการเปลี่ยนแปลงบัญชีชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าแนบท้ายอนุสัญญา CITES ๑.๒ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมประมง กรมการปกครอง กรมปศุสัตว์ เป็นต้น ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ เช่น การออกระเบียบและกฎหมายกำหนดชนิดสัตว์ป่าและซากของสัตว์ป่าที่ห้ามนำเข้าหรือส่งออก รวมถึงปรับปรุงพืชอนุรักษ์เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงบัญชีของชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าในการประชุม CITES CoP17 การพัฒนา/ปรับปรุงระบบฐานข้อมูล การกำกับดูแลและการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะในเรื่องการค้างาช้างภายในประเทศ เพื่อป้องกันมิให้มีการนำงาช้างที่ผิดกฎหมายมาสวมในตลาดค้างาช้าง เป็นต้น ๑.๓ เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ออกไปอีกหนึ่งปี จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ (๓๐ กันยายน ๒๕๖๐) ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นภายหลังที่มีการปรับปรุงและแก้ไขกฎระเบียบกำหนดชนิดสัตว์ป่าและซากของสัตว์ป่าที่ห้ามนำเข้าหรือส่งออกดังกล่าว ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามความจำเป็นและเหมาะสมไปดำเนินการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอและมีความจำเป็นเร่งด่วนก็ให้เสนอขอรับการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามขั้นตอนของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ส่วนค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ควรมีแนวทางในการเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการกำหนดกฎหมาย/มาตรการต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องเสือ และเรื่องช้าง สำหรับเรื่องไม้พะยูง ควรพิจารณาแนวทางเพื่อส่งเสริมการปลูกไม้พะยูงเพื่อสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
697 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (จำนวน 5 ราย 1. นายสุวัฒน์ เปี่ยมปัจจัย ฯลฯ) | ทส | 04/01/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายสุวัฒน์ เปี่ยมปัจจัย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายประลอง ดำรงค์ไทย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางสาวจงจิตร์ นีรนาทเมธีกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายอดิศร นุชดำรงค์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายสมชัย มาเสถียร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
698 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่งาวฝั่งซ้าย ป่าแม่โป่ง ป่าแม่แจ้ฟ้า ป่าแม่ตำและป่าแม่มาย ป่าแม่งาวฝั่งขวา ป่าแม่ยาง และป่าแม่อาง ป่าแม่ทรายคำ และป่าแม่เมาะ ในท้องที่ตำบลวังทอง อำเภอวังเหนือ ตำบลบ้านร้อง ตำบลปงเตา ตำบลนาแก ตำบลบ้านอ้อน ตำบลบ้านโป่ง ตำบลบ้านหวด อำเภองาว ตำบลทุ่งผึ้ง ตำบลปงดอน ตำบลแจ้ห่ม ตำบลเมืองมาย ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ และตำบลบ้านแลง ตำบลบุญนาคพัฒนา ตำบลนิคมพัฒนา ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท) | ทส | 27/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าขุนวัง แปลงที่หนึ่ง ป่าแม่งาวฝั่งซ้าย ป่าแม่โป่ง ป่าแม่แจ้ฟ้า ป่าแม่ต๋าและป่าแม่มาย ป่าแม่งาวฝั่งขวา ป่าแม่ยาง และป่าแม่อาง ป่าแม่ทรายคำ และป่าแม่เมาะ ในท้องที่ตำบลวังทอง อำเภอวังเหนือ ตำบลบ้านร้อง ตำบลปงเตา ตำบลนาแก ตำบลบ้านอ้อน ตำบลบ้านโป่ง ตำบลบ้านหวด อำเภองาว ตำบลทุ่งผึ้ง ตำบลปงดอน ตำบลแจ้ห่ม ตำบลเมืองมาย ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม ตำบลบ้านดง อำเภอแม่เมาะ และตำบลบ้านแลง ตำบลบุญนาคพัฒนา ตำบลนิคมพัฒนา ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยให้ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายพร้อมกับร่างพระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
699 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่อำเภอปลวกแดง อำเภอบ้านค่าย และอำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม | ทส | 27/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่อำเภอปลวกแดง อำเภอบ้านค่าย และอำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่อำเภอปลวกแดง อำเภอบ้านค่าย และอำเภอนิคมพัฒนา จังหวัดระยอง เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดมาตรการห้ามกระทำการหรือประกอบกิจการ มาตรการบริหารจัดการและกำกับดูแลผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และการจัดทำแผนฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อป้องกันและรักษาไว้เป็นแหล่งน้ำดิบที่มีคุณภาพสำหรับการอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และเกษตรกรรมในระยะยาวต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายของร่างกฎกระทรวงฯ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับพื้นที่สำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน อาทิ ระบบผลิต ระบบส่ง และระบบจำหน่าย ให้สามารถเข้าใช้พื้นที่ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม รวมทั้งพื้นที่ที่จะออกกฎกระทรวงกำหนดให้เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมต้องไม่ทับซ้อนกับพื้นที่ที่เป็นเขตอนุรักษ์ และควรเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและตัดสินใจเพื่อให้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมมีการพิจารณาอย่างรอบด้านเป็นที่ยอมรับและสามารถนำไปปฏิบัติได้ ตลอดจนให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลและติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ในการปฏิบัติตามกฎกระทรวงฯ เพื่อการบรรลุวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของพื้นที่ และในพื้นที่ลุ่มน้ำอ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล และอ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
700 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 40 (ต่อเนื่อง) | ทส | 27/12/2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๙ ณ ที่ทำการใหญ่องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งมีผลประชุมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรไทย คือ ข้อมติคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ (ต่อเนื่อง) ในการขึ้นทะเบียนพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน โดยคณะกรรมการมรดกโลกได้อภิปรายในประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับข้อทักท้วงของเมียนมาในเรื่องของเขตแดน และเห็นควรให้ไทยและเมียนมาไปหารือร่วมกัน ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติให้ส่งกลับเอกสารการนำเสนอ (Refer) ให้ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงดำเนินการจัดการกับข้อห่วงกังวลที่หยิบยกโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติเกี่ยวกับชุมชนกะเหรี่ยงได้อย่างเต็มที่ รวมถึงดำเนินการในกระบวนการมีส่วนร่วม สำหรับการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๑ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ณ เมือง KarKow สาธารณรัฐโปแลนด์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
.....