ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 35 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 681 - 700 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
681 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติการลงนามในเอกสารโครงการ Scaling up the Implementation of the Sustainable Development Strategy for the Seas of East Asia และบันทึกความตกลงการขยายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทะเลเอเชียตะวันออกในประเทศไทย | ทส | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารโครงการ Scaling up the Implementation of the Sustainable Development Strategy for the Seas of East Asia และอนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการ Scaling up the Implementation of the Sustainable Development Strategy for the Seas of East Asia in Thailand (2015-2019) โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในเอกสารโครงการฯ ๑.๒ เห็นชอบบันทึกความตกลงการขยายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทะเลเอเชียตะวันออกในประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในบันทึกความตกลงฯ ร่วมกับหุ้นส่วนเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมทางทะเลในเอเชียตะวันออก (Partnerships in Environmental Management for the Seas of East Asia : PEMSEA) ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ในการลงนามบันทึกความตกลงฯ ให้ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนาม ๑.๔ ในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องปรับปรุงถ้อยคำหรือสาระสำคัญของบันทึกความตกลงฯ ที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติหรือเห็นชอบไปแล้ว หากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ อาทิ การพิจารณาเพิ่มเติมชื่อกรมเจ้าท่าไว้ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบร่วม การจัดทำแผนปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม หากมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพิ่มเติมจากการดำเนินการดังกล่าว และกำหนดเวลาของการดำเนินโครงการฯ ที่ไม่เป็นปัจจุบัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
682 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ 13 การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ 8 และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ 8 | ทส | 25/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสียอันตรายและการกำจัด สมัยที่ ๑๓ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ สมัยที่ ๘ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มว่าด้วยสารมลพิษที่ตกค้างยาวนาน สมัยที่ ๘ ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๔ เมษายน-๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส โดยคณะผู้แทนไทยที่จะเข้าร่วมการประชุมฯ รวมทั้งสิ้น ๑๗ คน ประกอบด้วย (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย (๒) อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (๓) ประธานและผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการอนุสัญญาฯ (๔) ผู้แทนกระทรวงอุตสาหกรรม (๕) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และ (๖) เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ๒. เห็นชอบต่อร่างปฏิญญาร่วมอาเซียนว่าด้วยการจัดการสารเคมีและของเสีย (ASEAN Joint Declaration on Hazardous Chemicals and Wastes Management) มีสาระสำคัญเป็นการระลึกถึงวิสัยทัศน์ของประชาคมอาเซียน ปี พ.ศ. ๒๕๖๘ และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี พ.ศ. ๒๕๗๓ โดยเฉพาะการบรรลุเป้าหมายของการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ๓. เห็นชอบต่อท่าทีของไทยสำหรับใช้ในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาบาเซลฯ สมัยที่ ๑๓ การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมฯ สมัยที่ ๘ และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสตอกโฮล์มฯ สมัยที่ ๘ โดยไทยจะสนับสนุนการดำเนินงานให้เป็นไปตามหลักการและจุดมุ่งหมายของทั้ง ๓ อนุสัญญาฯ ในการคุ้มครองสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยคำนึงถึงสภาพการณ์ต่าง ๆ โดยเฉพาะความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มขีดความสามารถในระดับประเทศด้านการจัดการสารเคมีอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดวงจร ผ่านการให้ความช่วยเหลือทางด้านเทคนิคและทางด้านการเงิน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคีต่าง ๆ รวมทั้งสนับสนุนความร่วมมือและการบูรณาการร่วมกันในการดำเนินงานตามพันธกรณีข้อตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง ๔. หากมีข้อเจรจาใดที่นอกเหนือจากท่าทีการเจรจาฯ และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally Binding) ต่อประเทศไทย ให้เป็นดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเป็นผู้พิจารณา โดยไม่ต้องนำกลับมาเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหม่จนสิ้นสุดการประชุมรัฐภาคีฯ ในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
683 | เกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทธรณีสัณฐานและภูมิลักษณวรรณา ภูเขา และน้ำตก | ทส | 18/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทธรณีสัณฐานและภูมิลักษณวรรณา ภูเขา และน้ำตก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งเป็นการจัดทำค่าเกณฑ์ที่แสดงถึงคุณภาพของสภาวะแวดล้อม ภายใต้แนวคิดที่ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อม ต้องอยู่ภายใต้ระดับที่ยอมรับหรือกำหนดขึ้น อันจะไม่ทำให้แหล่งธรรมชาติเกิดความเสื่อมโทรม เพื่อรักษาคุณค่าของสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาตินั้นไว้เพื่อประโยชน์แก่สังคมโดยรวม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ประกอบด้วย
๑. ปัจจัยชี้วัดแต่ละด้าน รวม ๔ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านองค์ประกอบของระบบนิเวศ/สิ่งแวดล้อม (๒) ด้านองค์ประกอบภูมิสถาปัตยกรรมและสถาปัตยกรรม (๓) ด้านผลผลิตจากการบริการสิ่งแวดล้อมของแหล่ง และ (๔) ด้านการบริหารจัดการ ๒. ระดับเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กำหนดเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ (๑) ระดับสูงหรือดี คือ ไม่มีผลกระทบหรือมีระดับผลกระทบน้อย (๒) ระดับปานกลาง คือ มีระดับผลกระทบปานกลาง และ (๓) ระดับต่ำ คือ มีระดับผลกระทบมากหรือรุนแรง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
684 | การเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเปลี่ยนโฆษกประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จาก นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เป็น นายประลอง ดำรงค์ไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
685 | การลงนามเอกสารโครงการและหนังสือความตกลงรับทุนสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกภายใต้โครงการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำผ่านระบบการจัดการเมืองอย่างยั่งยืน | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการลงนามเอกสารโครงการและหนังสือความตกลงรับทุนสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก (Global Environment Facility : GEF) ร่วมกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) ภายใต้โครงการพัฒนาเมืองคาร์บอนต่ำผ่านระบบการจัดการเมืองอย่างยั่งยืน (Achieving Low Carbon Growth in Cities through Sustainable Urban Systems Management in Thailand Project) ๒. มอบหมายให้ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกเป็นผู้ลงนามเอกสารโครงการและหนังสือความตกลงรับการสนับสนุนฝ่ายไทย ๓. มอบหมายให้องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ทำหน้าที่เป็นหน่วยดำเนินโครงการ (Implementing Agency) เพื่อดำเนินงานดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
686 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสวนพฤกษศาสตร์สาธารณรัฐสิงคโปร์ คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์แห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาศักยภาพบุคลากร | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสวนพฤกษศาสตร์สาธารณรัฐสิงคโปร์ คณะกรรมการอุทยานแห่งชาติแห่งสาธารณรัฐสิงคโปร์และสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์แห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาศักยภาพบุคลากร มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมแลกเปลี่ยนตามความสนใจของแต่ละฝ่าย ประกอบด้วย การแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านวิชาการ วิจัย และอื่น ๆ การพัฒนาบุคลากรร่วมกันโดยการฝึกอบรมหรือถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการ ความร่วมมือด้านการค้นคว้าวิจัยที่หน่วยงานทั้งสองสนใจร่วมกัน และการดำเนินการแลกเปลี่ยนความร่วมมืออื่นใด ภายใต้การเจรจาตกลงเป็นรายกรณี ๑.๒ ให้ผู้อำนวยการองค์การสวนพฤกษศาสตร์เป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
687 | ขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เมืองเก่าราชบุรี เมืองเก่าสุรินทร์ เมืองเก่าภูเก็ต และเมืองเก่าระนอง | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า เมืองเก่าราชบุรี เมืองเก่าสุรินทร์ เมืองเก่าภูเก็ต และเมืองเก่าระนอง เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ รวมทั้งกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาเป็นแนวทางในการจัดทำแผนแม่บทและผังแม่บท กลไก และกระบวนการบริหารจัดการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่เมืองเก่า เพื่อให้บริเวณเมืองเก่าได้รับการคุ้มครอง ดูแลอย่างถูกต้องเหมาะสม มีการบริหารจัดการอย่างเป็นรูปธรรม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ พร้อมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับกรณีขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าที่มีพื้นที่คาบเกี่ยวหรืออยู่ในเส้นทาง/เขตทาง/พื้นที่ ของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท การรถไฟแห่งประเทศไทย และกรมเจ้าท่า ซึ่งอาจมีการดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่เมืองเก่าต้องมีการตรวจสอบร่วมกันอีกครั้ง และพิจารณาแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่าและกรอบเวลาให้ชัดเจนเพื่อให้หน่วยงานสามารถวางแผนงาน/โครงการได้ รวมทั้งขยายขอบเขตพื้นที่เมืองเก่าราชบุรีออกไปให้ครอบคลุมพื้นที่วัดสัตตนารถปริวัตร เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นโบราณสถานตามความในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ ที่แก้ไขเพิ่มเติม นอกจากนี้ การดำเนินการใด ๆ กับโบราณสถาน ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติดังกล่าวอย่างเคร่งครัด และให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้ความสำคัญต่อการนำกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่เมืองเก่าไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
688 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2559 | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ได้แก่ ขยะมูลฝอยเก่าตกค้างและการใช้สารอันตรายมีปริมาณลดลง ระดับเสียงในบริเวณพื้นที่ทั่วไปและริมถนนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และคุณภาพน้ำบาดาลอยู่ในเกณฑ์ดี การใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงขึ้น พื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้น รวมทั้งพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้น ส่วนสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่มีแนวโน้มเสื่อมโทรมลง เช่น พื้นที่ป่าไม้ และพื้นที่ชุ่มน้ำหลายแห่งถูกบุกรุกและเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ รวมถึงภัยพิบัติมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น สถิติการร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่เพิ่มขึ้น การกัดเซาะชายฝั่งรุนแรงในบริเวณอ่าวไทย หญ้าทะเลเสื่อมโทรม และพบปะการังฟอกขาว เป็นต้น ๒. สถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่ศึกษา ได้แก่ (๑) ปัญหาการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และการจัดการธุรกิจรีไซเคิลขยะ (๒) ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าและการจัดการป่าอย่างยั่งยืน (๓) สถานการณ์น้ำและภัยแล้ง และมาตรการบริหารจัดการภัยแล้ง (๔) ปัญหาการทำประมงทะเลเกินขนาดและการจัดการประมงทะเลอย่างยั่งยืน และ (๕) สถานการณ์การปล่อยก๊าซเรือนกระจกและแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ๓. การคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย มีประเด็นปัญหาสำคัญที่ควรเร่งดำเนินการ ได้แก่ (๑) การสูญเสียพื้นที่ป่า (๒) การขาดแคลนน้ำ (๓) ขยะอิเล็กทรอนิกส์ และ (๔) การกัดเซาะชายฝั่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
689 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ (จำนวน 9 คน 1. รองศาสตราจารย์ปานเทพ รัตนากร ฯลฯ) | ทส | 11/04/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ จำนวน ๙ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสองปีแล้ว เมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๑ เมษายน ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. รองศาสตราจารย์ปานเทพ รัตนากร ผู้แทนมูลนิธิช้างแห่งประเทศไทย ๒. นายศศิน เฉลิมลาภ ผู้แทนมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ๓. พลเอก สุรัตน์ วรรักษ์ ผู้แทนมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ ๕ จังหวัด ๔. รองศาสตราจารย์นริศ ภูมิภาคพันธ์ ผู้แทนสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ ๕. นายอนรรฆ พัฒนวิบูลย์ ผู้แทนสมาคมอนุรักษ์สัตว์ป่าแห่งประเทศไทย ๖. นายชลธิศ สุรัสวดี ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคมหรือมูลนิธิ ๗. นายธิติ กนกทวีฐากร ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคมหรือมูลนิธิ ๘. นางสาวธำรงลักษณ์ ลาพินี ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคมหรือมูลนิธิ ๙. นางสาวสุภาภรณ์ ปิติพร ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้มาจากสมาคมหรือมูลนิธิ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
690 | ข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) | ทส | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาและผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ เรื่อง ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติของประเทศไทย และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ) ข้อ ๑๐ “ให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) สำหรับโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ออกตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕” นั้น ขอยืนยันตามเดิมเนื่องจากมีความชัดเจนเพียงพอในการนำไปสู่การปฏิบัติ ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีแผนการปรับปรุงประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นแผนระยะสั้นภายใน ๓ ปี ซึ่งจะได้นำประเด็นที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ชุ่มน้ำและทางหลวงหรือถนนตามข้อเสนอแนะไปประกอบการปรับปรุงประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานฯ ให้มีความเหมาะสมต่อไป ๓. ข้อเสนอให้มีแนวทางการบูรณาการการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) หรือการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการใด ๆ ที่มีการดำเนินการตั้งแต่ ๒ โครงการขึ้นไป ซึ่งเป็นโครงการที่เกี่ยวเนื่องกันโดยรวมจัดทำเป็นรายงานฉบับเดียวกัน นั้น เห็นควรให้เจ้าของโครงการเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมเป็นกรณีไป ๔. ข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองไม่ให้เกิดช่องว่างในการใช้บังคับกฎหมาย กระทรวงมหาดไทย โดยกรมโยธาธิการและผังเมืองอยู่ระหว่างเสนอร่างพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. .... เพื่อปรับปรุงพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๑๘ ทั้งฉบับ โดยปรับรูปแบบและวิธีการวางและจัดทำผังเมืองทั้งระบบ รวมทั้งกำหนดให้ผังเมืองแต่ละประเภทไม่มีอายุการใช้บังคับ แต่ใช้ระบบประเมินผลผังในรอบระยะเวลา ๕ ปี
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
691 | ผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 13 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | ทส | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๓ (Conference of the Parties to the Convention on Biological Diversity : COP13) และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๔-๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๙ ณ เมืองแคนคูน สหรัฐเม็กซิโก ซึ่งในการประชุมระดับสูงได้มีการอภิปรายในหัวข้อ “การบูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี” โดยได้มีการรับรองปฏิญญาแคนคูนว่าด้วยการบูรณาการการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนเพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ส่วนการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ได้มีการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๓ และการประชุมสมัชชาภาคีพิธีสารคาร์ตาเฮนาว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ สมัยที่ ๘ โดยมีข้อมติที่ประเทศไทยควรดำเนินการ ประกอบด้วย (๑) ข้อมติที่ต้องดำเนินการเนื่องจากเป็นพันธกรณีที่ระบุไว้ในมาตราต่าง ๆ ของอนุสัญญาฯ และเป็นนโยบายที่มีลำดับความสำคัญของประเทศ (๒) ข้อมติที่ควรดำเนินการเพื่อสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับอนุสัญญาฯ และภาคีอนุสัญญาฯ อื่น ๆ และ (๓) ข้อมติที่สมารถพิจารณาดำเนินการได้โดยความสมัครใจ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศให้เป็นไปตามข้อมติจากการประชุมฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ อาทิ เนื้อหาบางส่วนของปฏิญญาแคนคูนฯ ระบุว่าประเทศภาคีอนุสัญญาฯ มีเจตจำนงที่จะปฏิบัติ (Commit) ในประการต่าง ๆ ดังนั้น หน่วยงานที่มีการดำเนินการเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพจึงจำเป็นต้องศึกษาและพิจารณาเพื่อดำเนินการในสิ่งที่ได้แสดงจำนงไว้ การขับเคลื่อนการดำเนินงานตามข้อมติจากผลการประชุมฯ ในส่วนของการดำเนินกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจและความตระหนักเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพแก่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ควรพิจารณามอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจด้านการอนุรักษ์ การสร้างความตระหนัก การวิจัยพัฒนา และองค์การท้องถิ่น ร่วมเป็นเครือข่ายในการขับเคลื่อนการดำเนินกิจกรรมดังกล่าว และ ในการดำเนินงานเพื่ออนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ ควรพิจารณาเพิ่มเติมแนวทางป้องกันรักษาป่าไม้ซึ่งเป็นแหล่งรวมความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญ รวมทั้งกระบวนการติดตามตรวจสอบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เห็นว่าการประชุมภาคีอนุสัญญาฯ หลายประเทศ ได้เสนอให้เพิ่มเติมเรื่องการบูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพไว้ในภาคพลังงาน เหมืองแร่ และการสาธารณสุขด้วย ประเทศไทยจึงควรเตรียมความพร้อม โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนลักษณะการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
692 | (ร่าง) แผนปฏิบัติการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. 2560 - 2564 | ทส | 28/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ประกอบด้วยแผนปฏิบัติการ ๑๐ เรื่อง ภายใต้ ๔ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) บูรณาการคุณค่าและการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพโดยการมีส่วนร่วมในทุกระดับ (๒) อนุรักษ์และฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ (๓) ปกป้องคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประเทศ และบริหารจัดการเพื่อเพิ่มพูนและแบ่งปันผลประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพโดยสอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจสีเขียว และ (๔) พัฒนาองค์ความรู้และระบบฐานข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพให้เป็นมาตรฐานสากล วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑๒,๖๓๔.๑๘ ล้านบาท และมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบภายใต้ (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ดำเนินการขอตั้งงบประมาณตามแผนงาน/โครงการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตาม (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณากำหนดกลไกขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการฯ ในลักษณะเชิงรุกที่อำนวยความสะดวกให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการแผนปฏิบัติการย่อยให้บรรลุผลสำเร็จ และควรพิจารณาการพัฒนากลไกการจัดการความรู้ในภาพรวมของแผนปฏิบัติการฯ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการร่วมกันของหน่วยงานในอนาคต รวมถึงพิจารณากำหนดแนวทางการนำข้อได้เปรียบจากความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยไปสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานชีวภาพ (Bio-Economy) ตามนโยบายของรัฐบาล และต่อยอดพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการผลิตและพัฒนากำลังคนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีส่วนช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการปกป้องคุ้มครอง อนุรักษ์ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ควรมีการกำหนดพื้นที่เป้าหมายสำหรับการสร้างความเข้าใจและความตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยให้ความสำคัญกับประชาชนในพื้นที่โดยรอบเขตอนุรักษ์เป็นหลักในลำดับแรก และควรมีการออกแบบโครงสร้างฐานข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพให้เป็นระบบและเชื่อมโยงกันมากยิ่งขึ้นเพื่อให้สามารถนำไปใช้กำหนดนโยบาย ตลอดจน ควรจะกำหนดแนวทางการศึกษาวิจัยให้เป็นระบบและมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน และจัดลำดับความสำคัญให้เหมาะสม สามารถตอบสนองทิศทางการพัฒนาได้จริง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
693 | ยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ 20 ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. 2560 - 2564 | ทส | 14/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน ลด และควบคุมมลพิษที่มีประสิทธิผล สร้างระบบและกลไกการบริหารจัดการมลพิษที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม และบุคลากรให้มีศักยภาพในการจัดการมลพิษ รวมทั้งสร้างหุ้นส่วนการมีส่วนร่วมในการจัดการมลพิษ ประกอบด้วย ๓ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ (๑) การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทาง (๒) เพิ่มประสิทธิภาพในการบำบัด กำจัดของเสียและควบคุมมลพิษจากแหล่งกำเนิด และ (๓) การพัฒนาระบบการบริหารจัดการมลพิษ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการประจำปี โดยเฉพาะในระยะ ๕ ปีแรก และดำเนินการตามยุทธศาสตร์ฯ และแผนการจัดการดังกล่าวต่อไป ตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการปรับปรุงเป้าหมายของยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี ให้สะท้อนภาพอนาคตในระยะ ๒๐ ปี ซึ่งกำหนดว่า “การพัฒนาประเทศเป็นไปตามหลักสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Cabon Society) และไร้ของเสีย (Zero Waste)” รวมทั้งควรเพิ่มตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายเพื่อวัดการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ ๓ เนื่องจากไม่สามารถสะท้อนความก้าวหน้าในการดำเนินงานเพื่อใช้ในการติดตามประเมินผล และในส่วนของแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ หน่วยงานที่รับผิดชอบและทิศทางการดำเนินงานในระยะยาวควรมีความสอดคล้องกับโครงการ/กิจกรรมสำคัญในระยะ ๕ ปี ควรมีการกำหนดหน่วยงานสนับสนุนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมนอกจากหน่วยงานหลักเพื่อความชัดเจนในการดำเนินงานร่วมกัน และควรมีการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนปฏิบัติการและการดำเนินงานตามแผนจัดการดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง สำหรับงบประมาณในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อดำเนินการในโอกาสแรกก่อน หากไม่เพียงพอและมีความจำเป็นเร่งด่วนก็ให้เสนอขอรับการสนับสนุนจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้จัดทำข้อเสนองบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์เชื่อมโยงผ่านการจัดทำแผนพัฒนาภาค แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้ครอบคลุมครบถ้วน รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ทุกภาคส่วนให้ตระหนักถึงโทษและอันตรายที่เกิดขึ้นจากมลพิษต่าง ๆ หากไม่ดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือและเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม ๔. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งเรื่อง ยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี และแผนจัดการมลพิษ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ ให้คณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติทราบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการเตรียมการยุทธศาสตร์ในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
694 | ร่างพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. .... | ทส | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และเพื่อให้มีบทบัญญัติสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง อันได้แก่ อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) และอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity : CBD) เพื่อให้รองรับสิทธิของประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน ในการมีส่วนร่วมบริหารจัดการ คุ้มครอง ดูแล รักษาหรือบำรุงทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฯ บางประการไปประกอบการพิจารณาด้วย รวมทั้งให้พิจารณาความเชื่อมโยงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ากับคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ที่จะเข้าศึกษาข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพต้องทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ทางการค้า เพื่อควบคุม ดูแล อนุรักษ์ ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความรอบคอบในการตราพระราชบัญญัติฯ และในการใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งจะต้องทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ควรมีการเตรียมความพร้อมในการดูแลการเข้าถึงความหลากหลายทางชีวภาพเมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับ รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าตามร่างพระราชบัญญัติฯ ควรมีความเชื่อมโยงกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
695 | ร่างพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... | ทส | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยให้ประชาชนและชุมชนท้องถิ่นมีส่วนร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ คุ้มครอง บำรุงรักษาฟื้นฟู การจัดการ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน และเพื่อให้สอดคล้องกับข้อตกลงระหว่างประเทศตามพันธกรณีที่ไทยเป็นภาคีสมาชิก ตลอดจนเพื่อแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินในป่าอนุรักษ์ที่ไม่เหมาะสม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฯ บางประการไปประกอบการพิจารณาด้วย รวมทั้งให้พิจารณาความเชื่อมโยงอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติกับคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ [เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกำหนดให้ผู้ที่จะเข้าศึกษาข้อมูลด้านความหลากหลายทางชีวภาพต้องทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ทางการค้า เพื่อควบคุม ดูแล อนุรักษ์ ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความรอบคอบในการตราพระราชบัญญัติฯ และในการใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพซึ่งจะต้องทำข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ควรมีการเตรียมความพร้อมในการดูแลการเข้าถึงความหลากหลายทางชีวภาพเมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ มีผลใช้บังคับ รวมทั้งอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าตามร่างพระราชบัญญัติฯ ควรมีความเชื่อมโยงกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
696 | แนวทางในการแก้ปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย กรณีนำเรือออกนอกระบบ จำนวน 3 ลำ | ทส | 07/03/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบกรณีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจัดซื้อเรือประมง น.เจริญชัยสมุทร ๑ พร้อมเครื่องยนต์และอุปกรณ์ จำนวน ๑ ลำ ในวงเงิน ๑๒,๕๓๖,๑๖๓.๐๔ บาท โดยเห็นควรให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเสนอขอยกเว้นผ่อนผันการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามขั้นตอนต่อไป และรับทราบการดำเนินการตามแนวทางในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย กรณีที่ไม่สามารถนำเรือออกนอกระบบได้ จำนวน ๒ ลำ และจะนำงบประมาณรายจ่ายเพื่อการดังกล่าวไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทำและวางปะการังเทียม และคุ้มครองป้องกันการบุกรุกทำลายระบบนิเวศน์ปะการังเทียมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นว่า หากมีประเด็นที่ไม่สามารถดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในขั้นตอนใดบ้าง ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งขอยกเว้น/ผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบฯ ต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุต่อไป และให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งดำเนินการตรวจรับให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นตามแบบรูปและรายละเอียด ข้อกำหนด และขอบเขตของงานตามที่กำหนดไว้ในสัญญาด้วย รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการในการควบคุมกรณีที่ต้องลดจำนวนเรือให้เหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำ เพื่อเป็นการรักษาดุลทางธรรมชาติ และไม่กระทบต่อเงื่อนไขหรือข้อตกลงเกี่ยวกับการทำประมงที่ผิดกฎหมาย ขาดรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
697 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2559 | ทส | 14/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๙ ที่มีมติเห็นชอบ จำนวน ๓ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. โครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ โครงการทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ระยะที่ ๑ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตั้งอยู่ที่ตำบลบางโปรง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ๓. โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดสระแก้ว ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
698 | ขออนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ ตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพิ่มเติม ปี 2559 โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ 6 ตำบล อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี | ทส | 07/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการให้ใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการตามแผนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพิ่มเติม ปี ๒๕๕๙ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ๖ ตำบล อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี วงเงินงบประมาณ ๓๑๘.๐๓๑๗ ล้านบาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำและกรมทรัพยากรน้ำบาดาล) เร่งรัดการดำเนินโครงการดังกล่าวให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ และรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งมีการประเมินผลโครงการดังกล่าว โดยรายงานผลการดำเนินโครงการให้คณะรัฐมนตรีรับทราบภายหลังจากเสร็จสิ้นโครงการ และให้กรมทรัพยากรน้ำจัดส่งรายละเอียดความพร้อมของโครงการ แผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณงบกลาง เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณต่อสำนักงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
699 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. 2557 และ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยในท้องที่จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระบุรี พ.ศ. 2557 พ.ศ. .... | ทส | 07/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๗ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการแก้ไขปัญหาการจัดการขยะมูลฝอยในท้องที่จังหวัดนครปฐม จังหวัดปทุมธานี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระบุรี พ.ศ. ๒๕๕๗ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้ยกเลิกระเบียบทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าวเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน และป้องกันมิให้มีการปฏิบัติงานซ้ำซ้อนกัน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
700 | ขออนุมัติยกเลิกรายการและปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ภายใต้แผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ | ทส | 07/02/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติยกเลิกรายการและเห็นชอบการปรับเปลี่ยนสถานที่ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ภายใต้แผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินกู้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณากลั่นกรองความจำเป็น ความพร้อม และความซ้ำซ้อนในพื้นที่ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลฯ ก่อนเสนอขออนุมัติโครงการ และเร่งรัดการดำเนินงานในพื้นที่ที่ปรับเปลี่ยนใหม่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สำหรับวงเงินคงเหลือจากการยกเลิกรายการที่ไม่สามารถดำเนินการได้จากการดำเนินโครงการเงินกู้เพื่อการพัฒนาระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและระบบขนส่งทางถนน ระยะเร่งด่วน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ ๒ ให้ดำเนินการส่งคืนเป็นเงินเหลือจ่ายต่อไป นอกจากนี้ เห็นควรเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงในรายละเอียดด้านงบประมาณกับสำนักงบประมาณ รวมทั้งประสานงานกับสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เกี่ยวกับการส่งคืนเงินกู้ตามขั้นตอนและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคให้ทันในช่วงฤดูแล้งนี้ โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งให้บูรณาการแผนการดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลฯ ให้สอดคล้องกับแผนเตรียมความพร้อมเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยแล้งด้านการเกษตรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และแผนการดำเนินโครงการเกี่ยวกับแหล่งน้ำของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย ด้วย
|
.....