ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 38 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 741 - 760 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
741 | ขอความเห็นชอบและอนุมัติการลงนามใน MoU โครงการ Implementing the Strategic Action Programme (SAP) for the South China Sea | ทส | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการลงนามบันทึกความเข้าใจในกลุ่มประเทศแถบทะเลจีนใต้เกี่ยวกับการประสานงานการดำเนินโครงการตามแผนปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์สำหรับทะเลจีนใต้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งเป็นการจัดทำความตกลงในระดับหน่วยงานมิใช่ระดับรัฐและไม่เข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๒๓ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการของประเทศเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของแผนปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์ ควรมีการประสานกับหน่วยงานและสถาบันการศึกษาที่มีการดำเนินงานวิจัยเกี่ยวข้องกับทรัพยากรชีวภาพชายฝั่งทะเลรวมถึงเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยแห่งชาติ เพื่อประสานและเสริมการทำงานร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น รวมทั้งควรมีการเตรียมการรองรับการดำเนินงานภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ทั้งในประเด็นการแบ่งมอบหน่วยงานรับผิดชอบและการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประเทศไทยสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีได้อย่างเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
742 | ร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 22 และร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 13 | ทส | 17/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๒ และร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ สำหรับการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๓ ซึ่งร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ทั้งสองฉบับเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อแสดงจุดยืนและการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) เป็นผู้ให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ทั้ง ๒ ฉบับนี้ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแถลงการณ์ร่วมอาเซียนฯ ทั้ง ๒ ฉบับในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
743 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าทับกวางและป่ามวกเหล็ก แปลงที่ 1 และป่าดงพญาเย็น ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง ตำบลหนองย่างเสือ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย) | ทส | 09/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าทับกวางและป่ามวกเหล็ก แปลงที่ ๑ และป่าดงพญาเย็น ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง ตำบลหนองย่างเสือ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย) ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดบริเวณที่ดินป่าทับกวางและป่ามวกเหล็ก แปลงที่ ๑ และป่าดงพญาเย็น ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง ตำบลหนองย่างเสือ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
744 | ร่าง Roadmap on ASEAN Cooperation towards Transboundary Haze Pollution Control with Means of Implementation | ทส | 09/08/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการต่อร่าง Roadmap on ASEAN Cooperation towards Transboundary Haze Pollution Control with Means of Implementation เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางหลักในการประสานการดำเนินงานระหว่างประเทศอาเซียน ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือ การแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล แนวทางปฏิบัติที่ดี และเทคโนโลยีในการแก้ไขปัญหา รวมถึงการพัฒนาศักยภาพบุคลากร เพื่อให้สามารถรับมือกับปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ๑.๒ เห็นชอบให้ประเทศไทยเสนอร่าง Roadmap on ASEAN Cooperation towards Transboundary Haze Pollution Control with Means of Implementation ต่อที่ประชุมประเทศภาคีต่อข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๑๒ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ ณ ประเทศมาเลเซีย เพื่อขอความเห็นชอบและนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป ๑.๓ เห็นชอบให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยเห็นชอบต่อร่าง Roadmap on ASEAN Cooperation towards Transboundary Haze Pollution Control with Means of Implementation ในระหว่างการประชุมประเทศภาคีต่อข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๑๒ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งดำเนินการตาม Roadmap on ASEAN Cooperation towards Transboundary Haze Pollution Control with Means of Implementation ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่เสี่ยงในการเกิดปัญหาหมอกควันเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่าง Roadmap ดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๓. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
745 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 (เพิ่มเติม) และ ครั้งที่ 2/2559 | ทส | 26/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เพิ่มเติม) จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำท้ายเขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ (๒) ร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการวังหีบ จังหวัดนครศรีธรรมราช ของกรมชลประทาน (๒) โครงการทางพิเศษสายพระราม ๓-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ด้านตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย และ (๓) (ร่าง) กรอบแนวคิดและทิศทางของแผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
746 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ติดตาม และแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | ทส | 12/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ติดตาม และแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้พิจารณาประเด็นต่าง ๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นต่าง ๆ เช่น ควรปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรน้ำให้มีแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติต้องกำหนดนโยบายการวางแผนทรัพยากรน้ำในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวมทั้งควรจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเป็นหน่วยงานกลางทำหน้าที่ประสานงานและบูรณาการการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
747 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปเพื่อรับมือวิกฤตการณ์น้ำทะเลขึ้นสูงและแผ่นดินทรุดพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) | ทส | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เรื่อง การปฏิรูปเพื่อรับมือวิกฤตการณ์น้ำทะเลขึ้นสูงและแผ่นดินทรุดพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ได้จัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมเห็นชอบกับข้อเสนอแนะดังกล่าว และมีข้อสังเกตเพิ่มเติมในการปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการ ได้แก่ คณะกรรมการยุทธศาสตร์แห่งชาติ คณะกรรมการสร้างความรู้ความเข้าใจและการมีส่วนร่วมภายใต้การปฏิรูปด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและผู้ได้รับผลกระทบ และองค์ประกอบของกลไกวิชาการเฉพาะภายใต้การปฏิรูปกลไกด้านวิชาการ การใส่ที่มาในการอ้างอิงรูปภาพที่ปรากฏในรายงานวาระการปฏิรูป รวมทั้งการเสนอมาตรการที่ชัดเจนในการควบคุมการทรุดตัวของแผ่นดิน เนื่องจากน้ำหนักกดทับในรายงานวาระการปฏิรูป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งรายงานผลการพิจารณาของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คณะกรรมการประสานงาน รวม ๓ ฝ่าย (คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ) เพื่อพิจารณาความสอดคล้องและความเหมาะสมกับการปฏิรูปประเทศต่อไป และแจ้งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
748 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนมกราคม - มีนาคม 2559) | ทส | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ๒๕๕๙) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ/องค์การมหาชน จากงบประมาณทั้งสิ้น ๓๗,๕๔๒.๙๖๑๕ ล้านบาท เบิกจ่ายได้ ๑๐,๘๕๒.๑๕ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๒๙ ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การสัมมนาระดับสูง เรื่องสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืน ครั้งที่ ๗ (7th High Level Seminar on Environmentally Sustainable Cities : 7th HLS ESC) การประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Environment Assembly : UNEA) การประชุมหารือระดับรัฐมนตรี (Ministerial-level policy review session) โครงการพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และการจัดทำยุทธศาสตร์ความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ อย่างเคร่งครัด การประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจได้ทราบล่วงหน้าในระบบ e-GP และเว็บไซต์ของหน่วยงานให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องและโปร่งใส การจัดทำมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบ แจ้งเวียนขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างฯ ให้หน่วยงานภายในทราบและถือปฏิบัติ พร้อมทั้งจัดทำคู่มือขั้นตอนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง และเผยแพร่บนเว็บไซต์ของหน่วยงาน ตลอดจนกำชับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามกระบวนการ ข้อระเบียบ กฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งแจ้งข้อมูลข่าวสารให้หน่วยงานภายนอกทราบ ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีการขับเคลื่อนกฎหมาย รวม ๑๒ ฉบับ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการ ๓ ประการ คือ (๑) ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย (๒) พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และ (๓) ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดยเคร่งครัด ๒. เรื่อง/โครงการสำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการด้านพลังงาน อยู่ระหว่างเตรียมการจัดทำโครงการสร้างโรงไฟฟ้าจาก RDF (Refuse Derived Fuel) ในพื้นที่ทหาร โดยให้เอกชนลงทุน ๒.๒ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ การจัดทำโครงการแก้มลิงเพื่อเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ราชการหรือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อการอุปโภค บริโภค และนิคมอุตสาหกรรม ๒.๓ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การดำเนินการกำหนดแนวทางและมาตรการเชิงรุกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรในระยะยาวเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒.๔ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร โดยแนวทางการจัดหาที่ดินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ ๒.๕ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย องค์การจัดการน้ำเสียได้ดำเนินการโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย โดยสามารถบำบัดน้ำได้ตามมาตรฐานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดไว้ก่อนระบายลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดทำคู่มือประมวลหลักการปฏิบัติ (Code of Practice : COP) และกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๒.๖ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้ดำเนินงานร่วมกับศูนย์บริการร่วม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการให้บริการประชาชนเกี่ยวกับการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน และประสานส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒.๗ การรวบรวมกฎหมายระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย การปรับปรุงกฎหมายเดิมและเสนอร่างกฎหมายใหม่ตามแผนเสนอร่างกฎหมายของ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม จำนวน ๑๒ ฉบับ เช่น ร่างพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
749 | ท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 40 | ทส | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการกำหนดท่าทีของราชอาณาจักรไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ ระหว่างวันที่ ๑๐-๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ นครอิสตันบูล สาธารณรัฐตุรกี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รายงานสถานภาพการอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยชี้แจงทำความเข้าใจและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก ๒๑ ประเทศ องค์กรที่ปรึกษา และศูนย์มรดกโลก เพื่อไม่ให้พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกในภาวะอันตราย ๑.๒ การขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยและรองหัวหน้าคณะผู้แทนไทยชี้แจงทำความเข้าใจและโน้มน้าวคณะกรรมการมรดกโลก ๒๑ ประเทศ องค์กรที่ปรึกษา และศูนย์มรดกโลก เกี่ยวกับสถานการณ์และวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน และสนับสนุนไทยในการขอปรับแก้ร่างข้อมติที่จะส่งผลต่อการดำเนินงานของไทยในอนาคต ๑.๓ การขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกโลกอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จังหวัดอุดรธานี ให้ถอน (Withdraw) วาระการนำเสนออุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเป็นมรดกโลกออกจากวาระการประชุม ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือประสานสถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศรัฐภาคีสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก ๒๑ ประเทศ เพื่อขอให้สนับสนุนท่าทีของไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ ๓. กรณีมีประเด็นอื่นที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ให้อยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการพิจารณากำหนดท่าทีในประเด็นอื่น ๆ โดยคำนึงถึงหลักการของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และข้อมูลด้านเทคนิคและวิชาการจากองค์กรที่ปรึกษา ๔. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๐ โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะ และเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีสเป็นรองหัวหน้าคณะ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมอบหมายให้ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเลขานุการหัวหน้าคณะ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอองค์ประกอบของคณะผู้แทนไทยเพื่อเข้าร่วมประชุมระหว่างประเทศและกรอบการเจรจา) ๕. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
750 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ (จำนวน 12 คน 1. นางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ ฯลฯ) | ทส | 05/07/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ จำนวน ๑๒ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ ด้านสิ่งแวดล้อม ๒. ศาสตราจารย์เผดิมศักดิ์ จารยะพันธุ์ ด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเล ๓. ศาสตราจารย์ชุมพร ปัจจุสานนท์ ด้านนิติศาสตร์ ๔. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๕. นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ด้านเศรษฐศาสตร์ ๖. นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ ด้านทรัพยากรธรณี ๗. นายประวิทย์ อินอ่วม ผู้แทนชุมชนชายฝั่งพื้นที่ จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ กรุงเทพฯ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี ๘. นายไพวัลย์ สิอิ้น ผู้แทนชุมชนชายฝั่งพื้นที่ จังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง ๙. นายประมวล รัตนานุพงศ์ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งพื้นที่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ๑๐. นายวชิรพงศ์ สกุลรัตน์ ผู้แทนชุมชนชายฝั่งพื้นที่ จังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ๑๑. นายธนู แนบเนียร ผู้แทนชุมชนชายฝั่งพื้นที่ จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต ๑๒. นายบรรจง นฤพรเมธี ผู้แทนชุมชนชายฝั่งพื้นที่ จังหวัดกระบี่ ตรัง สตูล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
751 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (จำนวน 7 คน 1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิทักษ์ จันทร์เจริญ ฯลฯ) | ทส | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ จำนวน ๗ คน เนื่องจากประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสี่ปี เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิทักษ์ จันทร์เจริญ ประธานกรรมการ ๒. นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาบริหารเศรษฐกิจการเกษตร ๓. นายสันติ บุญประคับ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ๔. นางดรุณี เอ็ดเวิร์ดส กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นายสุพัฒน์ เอี้ยวฉาย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาการเงิน ๖. นางกอบบุญ ศรีชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขาบริหารธุรกิจ ๗. นายรัต ตระกูลฮุน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สาขานิติศาสตร์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
752 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 5 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | ทส | 28/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เป็นการแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของประเทศไทยที่มีส่วนร่วมดำเนินงานดูแล อนุรักษ์ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการร่วมมือดำเนินงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับประเทศสมาชิกอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อีกทั้งยังส่งเสริมบทบาทผู้นำของประเทศไทยในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในการดำเนินงานด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแสดงถึงความพร้อมตลอดจนภาพลักษณ์ที่ดีในการส่งเสริมความร่วมมือในอนุภูมิภาค ๒. การจัดประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง มีกำหนดจัดขึ้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน หรือเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยช่วงระยะเวลาในการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีฯ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศสมาชิกทั้ง ๖ ประเทศก่อน ทั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะต้องแจ้งการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ดังกล่าวต่อที่ประชุมประจำปีคณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๒๒ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และจัดทำคำของบประมาณประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมต่อไป ซึ่งขณะนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอยู่ระหว่างการเตรียมการจัดทำรายละเอียดวงเงินและคำของบประมาณ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ในวงเงิน ๑๒,๓๐๐,๐๐๐ บาท |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
753 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2559 | ทส | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบกระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ปฏิรูปที่ดิน พื้นที่สาธารณประโยชน์ และพื้นที่ป่าชายเลน ในภาพรวม ๑.๒ รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) มีประเด็นเกี่ยวกับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล รวม ๑๑ ประเด็น ได้แก่ (๑) รับทราบมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ เรื่อง การจัดการที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (๒) รับทราบนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (๓) รับทราบกรณีจังหวัดยโสธรได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าโคกนาโก (๔) พื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ (๕) เห็นชอบกระบวนการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ปฏิรูปที่ดิน พื้นที่สาธารณประโยชน์ และพื้นที่ป่าชายเลน (๖) เห็นชอบให้แต่งตั้งกรรมการในคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ภายใต้ คทช. (๗) ผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการบูรณาการกฎหมายการบริหารจัดการที่ดิน (๘) รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ (๙) รับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการประเมินผลสัมฤทธิ์การจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน (๑๐) รับทราบความก้าวหน้าการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้ คทช. ในเขตปฏิรูปที่ดิน จังหวัดกาฬสินธุ์ และ (๑๑) รับทราบข้อมูลผู้ยากไร้ที่ดินทำกิน ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นจากการดำเนินภารกิจการจัดที่ดินทำกินฯ เห็นควรให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ภายใต้แผนงานบูรณาการจัดการปัญหาที่ดินทำกิน ซึ่งได้จัดสรรงบประมาณรองรับไว้แล้ว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. กรณีเรื่องใดเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีในการให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติให้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
754 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลทรงคนอง ตำบลบางกระสอบ ตำบลบางน้ำผึ้ง ตำบลบางยอ ตำบลบางกะเจ้า และตำบลบางกอบัว อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม และข้อเสนอเชิงนโยบาย | ทส | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลทรงคนอง ตำบลบางกระสอบ ตำบลบางน้ำผึ้ง ตำบลบางยอ ตำบลบางกะเจ้า และตำบลบางกอบัว อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ตำบลทรงคนอง ตำบลบางกระสอบ ตำบลบางน้ำผึ้ง ตำบลบางยอ ตำบลบางกะเจ้า และตำบลบางกอบัว อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ โดยกำหนดมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม มาตรการห้ามกระทำการหรือกิจกรรม มาตรการบริหารจัดการและกำกับดูแลผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และการจัดทำแผนฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมดังกล่าวต้องคำนึงถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งจากภาครัฐและเอกชน และต้องมีอุตสาหกรรมการบริการและเพื่อการสาธารณูปโภคสำหรับรองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยวและสำหรับการบริการเพื่อความสะดวกของประชาชนในพื้นที่ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบข้อเสนอเชิงนโยบาย ประกอบด้วย ข้อเสนอแนะเพื่อการอนุรักษ์พื้นที่บางกะเจ้า การจัดการระบบนิเวศน์ การดำเนินการเกี่ยวกับผังเมือง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับข้อเสนอฯ ในประเด็นการสร้างแรงจูงใจให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่บางกะเจ้า ที่จะไม่ละทิ้งพื้นที่และช่วยรักษาต้นไม้และระบบนิเวศน์ โดยการลดค่าใช้จ่ายในการใช้สาธารณูปโภค การสนับสนุนด้านการสาธารณสุขในการเข้าไปรักษาพยาบาลของรัฐในกรุงเทพมหานคร การชดเชยที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงินเพื่อให้ประชาชนไม่ละทิ้งพื้นที่และช่วยรักษาต้นไม้และระบบนิเวศน์ดังกล่าว รวมทั้งข้อเสนอฯ ในประเด็นรัฐบาลควรมีนโยบายที่จะย้ายโรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้าออกจากพื้นที่บางกะเจ้า ไปพิจารณาด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
755 | ผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2559 | ทส | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เรื่องเพื่อทราบ จำนวน ๔ เรื่อง ได้แก่ (๑) สถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ (๒) การจัดการน้ำในต่างประเทศ (ประเทศสิงคโปร์และประเทศอิสราเอล) (๓) แผนและผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี ๒๕๕๗-๒๕๕๙ และกรอบการดำเนินงานปี ๒๕๖๐-๒๕๖๙ และ (๔) ประชารัฐ : บริหารจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริสู่ความยั่งยืน ๑.๒ เรื่องเพื่อพิจารณา จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑) การปรับแผน (เพิ่มเติม) ภายใต้ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (๒) แนวทางการพิจารณาใช้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มาตรา ๔๔ (๓) โครงการผันน้ำหลากลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง (๔) โครงการบรรเทาอุทกภัยเขตเศรษฐกิจเมืองสุโขทัย (๕) โครงการพัฒนาแหล่งน้ำและการเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำ และ (๖) การเชื่อมโยงและทำงานร่วมกันระหว่างคลังข้อมูลน้ำและภูมิอากาศแห่งชาติ และคณะกรรมการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงพลังงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับโครงการต่าง ๆ ที่ดำเนินการในหลายพื้นที่ควรจะต้องคำนึงถึงการบริหารจัดการและการบำรุงรักษาทางด้านเทคนิค เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของโครงการฯ สำหรับโครงการใดเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินงานให้ทันกับระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละโครงการ และดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของภาระงบประมาณที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานตามนโยบายแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ดังกล่าว เมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ผลการศึกษาจัดทำรายละเอียดแผนงาน/โครงการ และงบประมาณที่ชัดเจนแล้ว ให้หน่วยงานใช้จ่ายจากเงินเหลือจ่ายหรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีไปดำเนินการในโอกาสแรกก่อน รวมทั้งแหล่งงบประมาณอื่นตามนัยมติของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหากไม่เพียงพอ ให้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมหรือเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นเหมาะสม โดยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. กรณีเรื่องใดที่เป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีในการให้ความเห็นชอบหรืออนุมัติ ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
756 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2558 | ทส | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ภาพรวมการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม ความเคลื่อนไหวที่สำคัญด้านสิ่งแวดล้อมในระดับโลก ระดับอาเซียน และในประเทศไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเน้นการเชื่อมโยงและปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับสิ่งแวดล้อม ๒. สถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อมรายสาขา พบว่า สถานการณ์สิ่งแวดล้อมมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ได้แก่ สถานการณ์มลพิษ มลภาวะจากฝุ่นละออง ขยะชุมชนและขยะตกค้างมีปริมาณลดลง รวมทั้งการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้น และสถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่มีแนวโน้มเสื่อมโทรมลง ได้แก่ การสูญเสียพื้นที่ป่า การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติและการใช้ทรัพยากรอย่างเกินความพอดี ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการเกิดปัญหาภัยแล้ง ๓. สถานการณ์สิ่งแวดล้อมที่สำคัญ ได้แก่ การมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ พื้นที่ปนเปื้อนมลพิษในประเทศไทย และการบริหารจัดการการท่องเที่ยวในพื้นที่อนุรักษ์ทางธรรมชาติ ๔. ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ได้แก่ (๑) ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น โดยควรยึดหลักการป้องกันไว้ก่อนในการกำหนดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม (๒) ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน เศรษฐกิจสีเขียว และแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง (๓) สนับสนุนการบูรณาการทางความคิด การวางแผนงาน และการดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ และ (๔) กำหนดให้มีการประเมินผลกระทบและผลได้ของนโยบายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ ๕. ข้อเสนอแนะเชิงมาตรการ ได้แก่ (๑) พัฒนาระบบสารสนเทศและการจัดเก็บข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมของหน่วยงาน โดยให้มีการรวบรวมเรื่องที่สำคัญอย่างสม่ำเสมอและเน้นการจัดเก็บข้อมูลตามสาขาสิ่งแวดล้อมอย่างบูรณาการ (๒) สนับสนุนการมีส่วนร่วมในการดูแลอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของภาคเอกชนและภาคประชาชน (๓) ใช้กลไกงบประมาณเพื่อเป็นเครื่องมือในการยกระดับความสำคัญของประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม และ (๔) พัฒนาเครื่องมือที่ทันสมัยในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
757 | กรอบนโยบายการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูง และโครงการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา ระดับประเทศ (ฝ่ายไทย) | ทส | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระดับประเทศ (ฝ่ายไทย) โดยได้มีการประชุมคณะกรรมการฯ รวม ๕ ครั้ง เพื่อกำหนดกรอบนโยบายการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน ๖ ข้อ ได้แก่ (๑) เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดน (๒) เพิ่มประสิทธิภาพของการปราบปรามการลักลอบตัดไม้พะยูง (๓) เสริมสร้างและประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในระดับจังหวัดชายแดนไทยกับจังหวัดชายแดนกัมพูชาในการลาดตระเวน (๔) ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา (๕) ส่งเสริมความร่วมมือและประสานงานทั้งในระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศ และ (๖) ในการดำเนินการใด ๆ ของฝ่ายไทยและกัมพูชา ทั้งสองประเทศจะคำนึงถึงหลักการของอำนาจอธิปไตย สิทธิมนุษยชน และกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากนี้ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระดับจังหวัด จำนวน ๗ จังหวัด ที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา กำหนดกรอบการลาดตระเวนโดยมีการประสานงาน (Coordinated Patrol) สำหรับลาดตระเวน รวมทั้งพิจารณางบประมาณสำหรับการดำเนินการแก้ไขการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ๑.๒ เห็นชอบกรอบนโยบายแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สำหรับใช้เป็นกรอบการหารือในการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมระดับประเทศกับฝ่ายกัมพูชา ๑.๓ เห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยหารือกับฝ่ายกัมพูชาตามประเด็นที่อยู่ในกรอบการหารือเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ของทั้งสองฝ่าย หากที่ประชุมได้ตกลงกันนอกเหนือจากกรอบการหารือตามที่คณะรัฐมนตรีได้เคยอนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้และการตกลงดังกล่าวจะเกิดเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหารือกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ความเห็นชอบ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ระดับประเทศ (ฝ่ายไทย)ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการจัดทำแผนงาน/โครงการรองรับตามผลการประชุมคณะกรรมการดังกล่าว และใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ภายใต้แผนบูรณาการเรื่องการรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินที่ได้รับจัดสรรจากงบประมาณ จำนวนทั้งสิ้น ๒,๑๓๗.๑๐๓๘ ล้านบาท ก่อนในโอกาสแรก หากไม่เพียงพอให้เสนอขอรับการจัดสรรจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ซึ่งได้รับความเห็นชอบในหลักการจากนายกรัฐมนตรีแล้ว ส่วนในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป รวมทั้งการดำเนินการตามมาตรา ๒๓ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงกรอบนโยบายการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
758 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลบางแก้ว ตำบลบางจะเกร็ง ตำบล แหลมใหญ่ และตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัด สมุทรสงคราม เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลบางแก้ว ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ และตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่ตำบลบางแก้ว ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ และตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดมาตรการห้ามกระทำการหรือประกอบกิจการ มาตรการบริหารจัดการและกำกับดูแล ผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และการจัดทำแผนการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อรักษาพื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอดซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Site) ไม่ให้เสื่อมสภาพลงและมีระบบนิเวศน์ตามธรรมชาติที่สมบูรณ์ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรกำหนดเรื่องการทำประมงตามร่างข้อ ๗ (๑๑) ให้สอดคล้องกับพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และเห็นควรให้คลังก๊าซปิโตรเลียมเหลวของบริษัทเอ็นเอสแก๊ซ แอลพีจี จำกัด ซึ่งดำเนินการในพื้นที่บริเวณที่ ๒ ตามร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยจะต้องปฏิบัติตามข้อกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งเพิ่มผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี ร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการกำกับดูแลและติดตามผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม นอกจากนี้ การประกอบกิจการโรงงานทุกประเภทหรือทุกขนาดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ต้องห้ามตามประกาศนี้ ถ้าได้รับคำขออนุญาตหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายใดไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้คงดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น แต่จะดำเนินการอื่นเพิ่มเติมหรือนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับไม่ได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
759 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ. .... | ทส | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดสัตว์ทะเลหายาก จำนวน ๔ ชนิด เป็นสัตว์ป่าสงวน ได้แก่ ปลาฉลามวาฬ (Rhincodon typus) วาฬบรูด้า (Balaenoptera edeni) วาฬโอมูระ (Balaenoptera omurai) และเต่ามะเฟือง (Dermochelys coriacea) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
760 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่า คุ้มครอง พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | ทส | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงรวม ๓ ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สัตว์ทะเลหายาก จำนวน ๑๒ ชนิด เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้แก่ ปลากระเบนแมนต้ายักษ์ (Manta birostris) ปลากระเบนแมนต้าแนวปะการัง (Manta alfredi) ปลากระเบนปีศาจครีบสั้น (Mobula kuhlii) ปลากระเบนปีศาจหางหนาม (Mobula japonica) ปลากระเบนปีศาจครีบโค้ง (Mobula thurstoni) ปลากระเบนปีศาจแคระ (Mobula eregoodootenkee) ปลากระเบนราหูน้ำจืด (Himantura chaophraya) ปลาโรนินหรือปลากระเบนท้องน้ำ (Rhina ancylostoma) ปลาฉนากยักษ์ (Pristis pristis) ปลาฉนากปากแหลม (Anoxypristis cuspidata) ปลาฉนากเขียว (Pristis zijsron) และปลาฉนากฟันเล็ก (Pristis pectinata) ๑.๒ ร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกการกำหนดให้วาฬบรูด้า (Balaenoptera edeni) เต่ามะเฟือง (Dermochelys coriacea) และปลาฉลามวาฬ (Rhincodon typus) เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองท้ายกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. ๒๕๔๖ และกำหนดให้เป็นสัตว์ป่าสงวน ซึ่งมีมาตรการในการสงวนและคุ้มครองที่เข้มงวดกว่า ๑.๓ ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ท้ายกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ พ.ศ. ๒๕๔๖ จำนวน ๑ ชนิด โดยกำหนดให้ปลากระเบนราหูน้ำจืดหรือปลากระเบนเจ้าพระยา (Himantura chaophraya) เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่สามารถเพาะพันธุ์ได้ เพื่อป้องกันมิให้สูญพันธุ์ และเพื่ออนุญาตให้บุคคลมีไว้ในครอบครอง ค้า และเพาะพันธุ์ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการประกาศใช้บังคับร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ. .... ก่อนหรือพร้อมกับร่างกฎกระทรวงยกเลิกการกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. .... ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
.....