ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 39 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 761 - 780 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
761 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ และนายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์) | ทส | 21/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๒. นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง |
||||||||||||||||||||||||||||||
762 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าขุนแม่กวง ป่าสันทราย ป่าแม่ออน ป่าขุนแม่ทา ป่าดอยขุนตาล และป่าแม่ธิ แม่ตีบ แม่สาร ในท้องที่ตำบลเทพเสด็จ ตำบลลวงเหนือ ตำบลป่าเมี่ยง ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด ตำบลห้วยแก้ว ตำบลออนเหนือ ตำบลออนกลาง ตำบลทาเหนือ ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบล บ้านธิ อำเภอบ้านธิ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้) | ทส | 14/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าขุนแม่กวง ป่าสันทราย ป่าแม่ออน ป่าขุนแม่ทา ป่าดอยขุนตาล และป่าแม่ธิ แม่ตีบ แม่สาร ในท้องที่ตำบลเทพเสด็จ ตำบลลวงเหนือ ตำบลป่าเมี่ยง ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด ตำบลห้วยแก้ว ตำบลออนเหนือ ตำบลออนกลาง ตำบลทาเหนือ ตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน ตำบลออนใต้ อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ และตำบลห้วยยาบ ตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้) เพื่อสงวนไว้ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติดังเดิม มิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่อประโยชน์แก่การศึกษาและรื่นรมย์ของประชาชน และเพื่ออำนวยประโยชน์อื่นแก่รัฐและประชาชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจแก่ชุมชนในท้องถิ่นเกี่ยวกับการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ โดยเปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาพื้นที่ป่า และในส่วนของพื้นที่ซึ่งได้กันออกจากเขตอุทยานแห่งชาติเพื่อจัดสรรเป็นที่ดินทำกินแก่ประชาชน ควรมีการส่งเสริมแนวทางการทำเกษตรกรรมที่เหมาะสมสอดคล้องกับแนวทางการอนุรักษ์พื้นที่ป่า รวมถึงส่งเสริมแนวทางดำรงชีพตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
763 | การขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชลบุรี และจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. 2553 รวม 3 ฉบับ ออกไปอีก 2 ปี | ทส | 07/06/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม ๓ ฉบับ ซึ่งจะหมดอายุการใช้บังคับในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙ และขอขยายบังคับใช้ต่อไปอีก ๒ ปี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ดังนี้ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบ้านแหลม อำเภอเมืองเพชรบุรี อำเภอท่ายาง และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี อำเภอหัวหิน และอำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๓ ๑.๓ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๕๓ ๒. ให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการออกประกาศกระทรวงฯ ฉบับใหม่ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้การกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดังกล่าวมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งเห็นควรจัดทำแผนงานและเร่งรัดดำเนินการปรับปรุงการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทั้งหมดที่รับผิดชอบให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นสุดอายุการใช้บังคับ เพื่อให้การกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมมีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงในปัจจุบันและสามารถใช้บังคับตามกฎหมายได้อย่างต่อเนื่อง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
764 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลพระธาตุผาแดง ตำบลแม่ตาว และตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | ทส | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลพระธาตุผาแดง ตำบลแม่ตาว และตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้พื้นที่ตำบลพระธาตุผาแดง ตำบลแม่ตาว และตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดมาตรการห้ามกระทำการหรือประกอบกิจการมาตรการบริหารจัดการและกำกับดูแลผลการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และการจัดทำแผนการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติได้รับการฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพตามระบบนิเวศดั้งเดิม คุณภาพสิ่งแวดล้อมและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับข้อยกเว้นสำหรับโรงงานบางจำพวกและกิจการเป้าหมายสำหรับการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตามนโยบายของรัฐ ในพื้นที่บริเวณที่ ๒ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ริมฝั่งลำน้ำ และกำหนดให้ตั้งอยู่ในระยะ ๕๐ เมตรห่างจากลำน้ำนั้น ในทางปฏิบัติ อาจพิจารณาให้ถอยร่นมาถึงระยะ ๒๐๐ เมตร เพื่อป้องกันการรั่วไหลของมลพิษลงในลำน้ำ และให้มีการติดตามตรวจสอบมลพิษในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
765 | ร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา บางส่วน ในท้องที่ตำบลน้ำหมัน ตำบลจริม ตำบลท่าปลา ตำบลร่วมจิต อำเภอท่าปลา และตำบลขุนฝาง อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... | ทส | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา บางส่วน ในท้องที่ตำบลน้ำหมัน ตำบลจริม ตำบลท่าปลา ตำบลร่วมจิต อำเภอท่าปลา และตำบลขุนฝาง อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญให้เพิกถอนป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา บางส่วน ในท้องที่ตำบลน้ำหมัน ตำบลจริม ตำบลท่าปลา ตำบลร่วมจิต อำเภอท่าปลา และตำบลขุนฝาง อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘๖๒ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ (เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลเขาย่า อำเภอศรีบรรพต และตำบลชะมวง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ....) ในส่วนพื้นที่ทับซ้อนกับส่วนราชการอื่น ได้แก่ พื้นที่ในความรับผิดชอบของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ในท้องที่อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ เนื่องจากยังไม่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดินในท้องที่ดังกล่าว และพื้นที่ในความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช คือ อุทยานแห่งชาติลำน้ำน่าน และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลำน้ำน่านฝั่งขวา ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลำน้ำน่านฝั่งขวาฯ ที่มีการทับซ้อนกับแนวเขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำน่านฯ หากกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ตรวจสอบพื้นที่ที่ทับซ้อนจนได้ข้อยุติ ก็ควรดำเนินการเสนอร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ ป่าลำน้ำน่านฝั่งขวาฯ ให้คงเหลือแนวเขตอุทยานแห่งชาติอย่างเดียว เพื่อมิให้การบังคับใช้กฎหมายในเขตป่าเดียวกันมีความซ้ำซ้อนกัน และควรดำเนินการบริหารจัดการที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนที่ถูกเพิกถอนภายใต้กลไกและแนวทางที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติกำหนด เพื่อให้การปฏิบัติงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความสอดคล้องตามนโยบายและทิศทางเดียวกัน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งรัดการเสนอร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน ในท้องที่อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
766 | การเข้าร่วมโครงการ The ratification and early implementation of the Minamata Convention on Mercury | ทส | 31/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการของบันทึกข้อตกลงโครงการ The ratification and early implementation of the Minamata Convention on Mercury ซึ่งเป็นการดำเนินการเพื่อประเมินกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการปรอท และการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท การประเมินผลกระทบและผลประโยชน์ รวมทั้งการวิเคราะห์กฎหมายที่จำเป็นสำหรับการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯ การจัดเตรียมแผนการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯ และการจัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯ โดยหน่วยงาน United Nation Institute for Training and Research (UNITAR) จะให้การสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการ ๒๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒ เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเข้าร่วมดำเนินโครงการฯ และมอบหมายให้อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในบันทึกข้อตกลงโครงการฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มหน่วยงานระดับชาติและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับโครงการในภาคผนวก ๑ ให้ครอบคลุมหน่วยงานที่จะมีส่วนสำคัญในช่วงปฏิบัติการตามอนุสัญญาฯ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งมีหน้าที่บริหารจัดการขยะที่สามารถเป็นแหล่งปลดปล่อยปรอทที่สำคัญ ทั้งจากซากผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอทที่หมดอายุแล้ว และนำมาทิ้งปะปนกับขยะชุมชน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอทตามที่ระบุในข้อ ๔ และภาคผนวก A และจากการเผาไหม้ขยะชุมชน ตามที่ระบุในข้อ ๘ การปลดปล่อย และภาคผนวก D ของอนุสัญญาฯ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
767 | ผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยในการพัฒนามาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการปรอท สมัยที่ 7 | ทส | 24/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยในการพัฒนามาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการปรอท สมัยที่ ๗ (the Seventh session Intergovernmental Negotiating Committee (INC) to prepare a global legally binding instrument on mercury ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๕ มีนาคม ๒๕๕๙ ณ ศูนย์ประชุม the King Hussein Bin Talal Convention Centre ราชอาณาจักรฮัชไมต์จอร์แดน สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมฯ มีมติรับรองโดยชั่วคราวระหว่างรอการพิจารณารับรองอย่างเป็นทางการโดยที่ประชุมรัฐภาคีสมัยแรก ในประเด็นต่าง ๆ ได้แก่ (๑) คำแนะนำเพื่อช่วยเหลือภาคีในการกรอกแบบฟอร์มต่าง ๆ ภายใต้ข้อ ๓ (แหล่งอุปทานปรอทและการค้าปรอท) (๒) แนวทางการพัฒนาแผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อลดการใช้ปรอทในเหมืองแร่ทองคำพื้นบ้านและขนาดเล็ก และ (๓) แนวทางเพื่อลดการปลดปล่อยปรอทสู่อากาศ ๒. ที่ประชุมฯ ยังไม่บรรลุข้อตกลงในประเด็นต่าง ๆ และมีมติให้นำเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมในโอกาสถัดไป ได้แก่ (๑) ร่างคำแนะนำในการระบุคลังปรอทหรือสารประกอบปรอท (individual stocks) ที่มีปริมาณมากกว่า ๕๐ เมตริกตัน และแหล่งอุปทานปรอท (sources of mercury supply generating stocks) ที่ก่อให้เกิดปรอทหรือสารประกอบปรอทมากกว่า ๑๐ เมตริกตันต่อปี (๒) Roadmap สำหรับการพัฒนาแนวทางการเก็บกักอย่างชั่วคราวของปรอทที่ไม่ใช่ของเสียปรอทแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (๓) การกำหนดค่า mercury thresholds เพื่อพิจารณาว่าของเสียนั้นเป็นของเสียปรอท และ (๔) แนวทางการจัดพื้นที่ปนเปื้อนปรอท ๓. สิ่งที่ประเทศไทยจะต้องดำเนินการต่อไป คือ เตรียมการภาคยานุวัติในอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท เพื่อประโยชน์ในการลดความเสี่ยงอันตรายของสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากปรอทและสารประกอบปรอทอันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป และการดำเนินการเพื่อรองรับการมีผลใช้บังคับของอนุสัญญามินามาตะฯ อาทิ การเผยแพร่ข้อมูล และเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางต่าง ๆ ที่ได้มีการพัฒนาขึ้นภายใต้อนุสัญญามินามาตะฯ หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมดำเนินการให้สอดคล้องกับแนวทางต่าง ๆ ดังกล่าว ดำเนินมาตรการเพื่อลดการปลดปล่อย และการปล่อยปรอทและสารประกอบปรอทสู่อากาศ แหล่งน้ำ และดิน และติดตามตรวจสอบปรอทและสารประกอบปรอทในสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
768 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | ทส | 24/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม โดยครอบคลุมพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ให้เป็นเขตควบคุมมลพิษ เขตผังเมืองรวม และเขตอนุรักษ์ โดยแบ่งพื้นที่การใช้บังคับออกเป็น ๒ บริเวณ คือ พื้นที่บนแผ่นดินใหญ่และพื้นที่น่านน้ำทะเล โดยกำหนดห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารให้เป็นอาคารประกอบกิจกรรมที่อาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์ และกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นหรือรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นว่า ร่างประกาศดังกล่าวกำหนดมาตรการปกป้องคุ้มครองเขตพื้นที่ต่อเนื่องจากเขตโบราณสถานซึ่งเป็นเขตพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้กฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และควรแก้ไขข้อความในร่างประกาศฯ ข้อ ๑๔ เป็น “... ผู้แทนของส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้อง ...” เพื่อให้ผู้แทนของสำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี สังกัดกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม สามารถเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการ ในฐานะกรรมการจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ นอกจากนี้ การประกอบกิจการโรงงานทุกประเภทหรือทุกขนาดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ต้องห้ามตามประกาศนี้ ถ้าได้รับคำขออนุญาตหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายใดไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้คงดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น แต่จะดำเนินการอื่นเพิ่มเติมหรือนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับไม่ได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
769 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 2 | ทส | 24/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยในการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๒ ประกอบด้วย (๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย (๒) ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (๓) ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และ (๔) ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๒ เป็นแนวทางการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก รวมทั้งเป็นแนวทางการบูรณาการมิติสิ่งแวดล้อมเข้าสู่มิติสังคมและมิติเศรษฐกิจเพื่อการบรรลุวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐ และมีสาระสำคัญเป็นการปกป้องสิ่งแวดล้อมซึ่งถือเป็นส่วนร่วมหนึ่งที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเน้นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมทั่วโลกในประเด็นสำคัญ การสร้างความเข้มแข็งและประสานงานด้านสิ่งแวดล้อมที่ใกล้ชิดมากขึ้น รวมถึงส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างข้อตกลงพหุภาคีด้านสิ่งแวดล้อม ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองในร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
770 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพบางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | ทส | 16/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน ในท้องที่ตำบลสุเทพ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ รวมเนื้อที่ ๒,๓๔๙ ไร่ ๓ งาน ๘ ตารางวา เพื่อให้หน่วยงานดำเนินการใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติพิเศษป่าดอยสุเทพตามภารกิจได้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรพิจารณาให้ความเห็นชอบการให้เข้าทำประโยชน์และให้เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ ในส่วนที่เกี่ยวกับ (๑) การก่อสร้างโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยแม่เหียะน้อย เนื้อที่ประมาณ ๘๙ ไร่ ๕๗ ตารางวา (๒) การดำเนินการของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) ในส่วนเนื้อที่ประมาณ ๒๙๕ ไร่ ๑ งาน ๗๔ ตารางวา (๓) การดำเนินการของศูนย์ผลิตผลโครงการหลวง เนื้อที่ประมาณ ๑๐๔ ไร่ ๒๒ ตารางวา (๔) การดำเนินการของศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวเชียงใหม่ กรมการข้าว เนื้อที่ประมาณ ๗๔ ไร่ ๓ งาน ๗๒ ตารางวา (๕) การดำเนินการของศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ (ผึ้ง) กรมส่งเสริมการเกษตร เนื้อที่ประมาณ ๗๙ ไร่ ๑ งาน ๕๙ ตารางวา และ (๖) การดำเนินการของศูนย์บริหารศัตรูพืชจังหวัดเชียงใหม่ กรมส่งเสริมการเกษตร เนื้อที่ประมาณ ๓๓ ไร่ ๓ งาน ๗๗ ตารางวา พร้อมกับการพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกานี้ไปในคราวเดียวกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
771 | ขอความเห็นชอบโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ | ทส | 16/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินการโครงการบูรณาการการขุดลอกแหล่งน้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในฤดูฝน และเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ในการอุปโภค บริโภค และการเกษตร สำหรับช่วงปลายฤดูฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ทำลายระบบนิเวศทางธรรมชาติ โดยให้จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของโครงการเพื่อให้สามารถเริ่มดำเนินโครงการได้ภายใน ๑ เดือน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนินโครงการในระยะแรกให้คณะรัฐมนตรีทราบด้วย ๒. ให้หน่วยงานผู้ปฏิบัติหารือรายละเอียดโครงการและงบประมาณที่จะดำเนินการกับสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมการทหารช่าง หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทยในการดำเนินโครงการฯ ๔. กรณีการเปลี่ยนแปลง/ยกเลิกสถานที่ดำเนินการ ค่าที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างภายในเขตพื้นที่จังหวัดเดียวกัน และการเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายต่าง ๆ ภายใต้แผนงานเดียวกันให้ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ โดยกรณีที่จะกำหนดให้หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานดำเนินการ มีอำนาจเปลี่ยนแปลง/ยกเลิกสถานที่ดำเนินการ ค่าที่ดินหรือสิ่งก่อสร้างภายในเขตพื้นที่จังหวัดเดียวกัน และมีอำนาจเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายต่าง ๆ ภายใต้แผนงานเดียวกันได้ นั้น เห็นสมควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้ครอบคลุมครบถ้วน และมีความชัดเจน แต่หากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสถานที่หรือรายการที่เป็นสาระสำคัญ ก็ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของระเบียบที่เกี่ยวข้อง และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ๕. ให้ยกเว้นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) |
||||||||||||||||||||||||||||||
772 | รายงานสรุปสถานการณ์และการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือของประเทศไทย ปี 2559 | ทส | 16/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอรายงานสรุปสถานการณ์และการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือของประเทศไทย ปี ๒๕๕๙ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ สรุปสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑ มกราคม ถึง๑๕ เมษายน ๒๕๕๙ พบว่าตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เป็นต้นมา พื้นที่ภาคเหนือมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่นเป็นบริเวณกว้างต่อเนื่องหลายวัน สาเหตุหลักเกิดจากกิจกรรมการเผาในพื้นที่ ลักษณะภูมิประเทศและสภาพอุตุนิยมวิทยาของภาคเหนือที่เป็นแอ่งกระทะ ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง และหมอกควันข้ามแดน พบจุดความร้อนและหมอกควันหนาแน่นในอนุภูมิภาคแม่โขง อย่างไรก็ตาม พบว่า ๕ จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง น่าน และตาก มีสถานการณ์ดีขึ้น ทั้งจำนวนวันที่ฝุ่นละอองสูงเกินมาตรฐานและปริมาณฝุ่นละอองสูงสุดมีค่าลดลง ๑.๒ สรุปการดำเนินงานเพื่อป้องกันและรับมือสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ได้แก่ การมอบนโยบายและซักซ้อมความเข้าใจหน่วยงานในพื้นที่ การดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ปี ๒๕๕๙ และการดำเนินงานในระดับพื้นที่ ๙ จังหวัดภาคเหนือ ๑.๓ สรุปสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๖ เมษายน ถึง ๒๙ เมษายน ๒๕๕๙ กลับสู่สภาวะปกติ ฝุ่นละอองอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานี แต่ในปีนี้เกิดความแห้งแล้งต่อเนื่องและยาวนาน ทำให้พื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์หมอกควันอย่างต่อเนื่อง ๑.๔ มาตรการเร่งด่วนรับมือสถานการณ์ และการแก้ไขปัญหาหมอกควันอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้กำชับทุกหน่วยให้ยังคงเฝ้าระวังสถานการณ์หมอกควันอย่างต่อเนื่อง โดยให้มีการสับเปลี่ยนกำลังพลเพื่อลดความเหนื่อยล้า เน้นย้ำให้จังหวัดกำหนดมาตรการควบคุมการเผาหลังพ้นช่วงเวลาห้ามเผาที่กำหนด รวมทั้งได้ขอให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการลดและควบคุมการเผาในที่โล่งอย่างต่อเนื่อง ระดมสรรพกำลังเฝ้าระวังและดับไฟอย่างเต็มที่ เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณากำหนดแนวทางการสร้างจิตสำนึกในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับรู้และตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
773 | รายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่าง เดือนตุลาคม - ธันวาคม 2558) | ทส | 10/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามประเด็นเรื่องสำคัญตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และข้อสั่งการของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๘) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ประเด็นเรื่องที่เป็นหลักการ ๑.๑ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ของส่วนราชการ/รัฐวิสาหกิจ/องค์การมหาชน จากงบประมาณทั้งสิ้น ๓๗,๕๔๒.๙๖๑๕ ล้านบาท เบิกจ่ายได้ ๔,๕๔๖.๙๗๔๐ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๑๒ ๑.๒ การเจรจาหรือจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ได้แก่ การประชุม Ad Hoc Working Group on the Durban Platform for Enhanced Action (ADP) การประชุมอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๓ การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๔ การประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๒ การจัดทำความร่วมมือทวิภาคี Joint Crediting Mechanism (JCM) ไทย-ญี่ปุ่น บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในสาขาทรัพยากรน้ำระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงน้ำแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ๑.๓ การจัดทำโครงการต่าง ๆ ของส่วนราชการ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ อย่างเคร่งครัด การประกาศเชิญชวนผู้ที่สนใจได้ทราบล่วงหน้าในระบบ e-GP และเว็บไซต์ของหน่วยงานให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องและดำเนินการอย่างโปร่งใส การจัดทำมาตรการป้องกันและลดโอกาสการทุจริตและประพฤติมิชอบ แจ้งเวียนขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง และจัดเวทีแสดงความคิดเห็นของประชาชน ๑.๔ การเสนอร่างกฎหมายต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมจำนวน ๒๐ ฉบับ ประกอบด้วย ร่างพระราชบัญญัติ ๑๘ ฉบับ และร่างพระราชกฤษฎีกา ๒ ฉบับ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการทั้ง ๓ ประการ คือ (๑) ต้องเป็นการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่แท้จริงของการบังคับใช้กฎหมาย (๒) พึงระวังการแก้ไขกฎหมายที่เป็นการเพิ่มอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และ (๓) ให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงหลักการและเหตุผลด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ๑.๕ การแต่งตั้งคณะกรรมการในรัฐวิสาหกิจ ได้แจ้งรัฐวิสาหกิจในสังกัดถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ โดยเคร่งครัด ๒. เรื่อง/โครงการสำคัญเร่งด่วน ๒.๑ การปรับโครงสร้างและการบริหารจัดการด้านพลังงาน อยู่ระหว่างเตรียมการจัดทำโครงการสร้างโรงไฟฟ้าจาก RDF (Refuse Derived Fuel) ในพื้นที่ทหาร โดยให้เอกชนลงทุน ๒.๒ การบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ การจัดทำโครงการแก้มลิงเพื่อเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำ โดยใช้พื้นที่ราชพัสดุ พื้นที่ราชการหรือพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อการอุปโภค บริโภค และนิคมอุตสาหกรรม ๒.๓ การแก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรในระยะยาวและการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรกรรม (Zoning) การดำเนินการกำหนดแนวทางและมาตรการเชิงรุกในการดำเนินการแก้ไขปัญหาพืชผลทางการเกษตรในระยะยาวเป็นอำนาจหน้าที่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒.๔ การจัดหาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกร โดยดำเนินการ ๒ แนวทาง ได้แก่ แนวทางการจัดหาที่ดินให้แก่เกษตรกรในลักษณะที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่อนุญาตให้เกษตรกรใช้ประโยชน์จากที่ดินประเภทต่าง ๆ และแนวทางการจัดพื้นที่ทำกินในลักษณะป่าเศรษฐกิจตามแนวทางโครงการธนาคารอาหารชุมชนตามพระราชดำริ (Food Bank) ๒.๕ การจัดการขยะมูลฝอยและน้ำเสีย องค์การจัดการน้ำเสียได้ดำเนินการโครงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย โดยสามารถบำบัดน้ำได้ตามมาตรฐานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดไว้ก่อนระบายลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ และกรมควบคุมมลพิษได้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๒.๖ การจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ได้ดำเนินงานร่วมกับศูนย์บริการร่วม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการให้บริการประชาชนเกี่ยวกับการรับแจ้งเรื่องร้องเรียน และประสานส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขตามอำนาจหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง ๒.๗ การรวบรวมกฎหมายระเบียบที่ล้าสมัยหรือเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและพิจารณาความจำเป็นเร่งด่วนและจัดลำดับความสำคัญของร่างกฎหมาย ดำเนินการปรับปรุงกฎหมายเดิมและเสนอร่างกฎหมายใหม่ จำนวน ๒๐ ฉบับ ซึ่งประกาศใช้แล้ว ๕ ฉบับ และอยู่ระหว่างดำเนินการ เช่น ร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่..) พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์และซากผลิตภัณฑ์อื่น พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||
774 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... | ทส | 10/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตพื้นที่ที่ได้มีการกำหนดให้เป็นเขตควบคุมอาคารตามพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๓๔ เป็นเขตพื้นที่ที่ให้ใช้มาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมอันจะทำให้เกิดความสมดุลในการพัฒนาควบคู่กับการอนุรักษ์พื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเล น่านน้ำทะเล และเกาะต่าง ๆ ของจังหวัดภูเก็ต รวมทั้งศิลปกรรมหรือย่านอาคารเก่าที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ในเขตเทศบาลนครภูเก็ต และไม่เกิดช่องว่างของการบังคับใช้กฎหมายในการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการประกอบกิจการโรงงานทุกประเภทหรือทุกขนาดตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานที่ต้องห้ามตามประกาศนี้ ถ้าได้รับคำขออนุญาตหรืออยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายใดไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับให้คงดำเนินการต่อไปได้จนกว่าจะไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ได้รับการต่ออายุใบอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น แต่จะดำเนินการอื่นเพิ่มเติมหรือนอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาตไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับไม่ได้ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดการออกประกาศกระทรวงฯ เพื่อมิให้เกิดช่องว่างของการบังคับใช้ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินงานตามประกาศกระทรวงฯ เกิดผลอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
775 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งสหพันธรัฐรัสเซียและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือในการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม | ทส | 10/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งสหพันธรัฐรัสเซียและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือในการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม โดยวัตถุประสงค์ของการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ความร่วมมือทางวิชาการในการปกป้องสิ่งแวดล้อมระหว่างสองประเทศบนพื้นฐานของความเสมอภาคและผลประโยชน์ร่วมกัน ๑.๒ เห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยนำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะทำงาน (Working Group) เพื่อดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฯ ควรพิจารณาองค์ประกอบของคณะทำงานให้ครอบคลุมขอบเขตความร่วมมือ ซึ่งรวมถึงภาคการศึกษา วิจัย หน่วยงานอนุรักษ์และบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติทั้งจากภาครัฐและองค์กรนอกภาครัฐ (NGO) เพื่อให้การดำเนินงานตามความร่วมมือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งควรพิจารณาสาระของบันทึกความเข้าใจฯ ให้สอดคล้องกับวาระการพัฒนาภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยให้ความสำคัญกับสาขาความร่วมมือที่มีส่วนสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ของประเทศให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และหากมีประเด็นที่จะต้องจัดทำความตกลงในเรื่องของการดูแลสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและผลประโยชน์ที่เกิดจากกิจกรรมและโครงการความร่วมมือภายใต้ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้จัดเตรียมข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นการเฉพาะ โดยให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนเริ่มดำเนินกิจกรรมหรือโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
776 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2558 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 1/2559 | ทส | 03/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ ๑.๑ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรม ๑.๒ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง การกำหนดมาตรฐานค่าควันดำของเรือกลที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด ๑.๓ โครงการนำมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อมศิลปกรรมประเภทย่านชุมชนเก่าไปสู่การปฏิบัติ : แผนจัดการการอนุรักษ์และปรับปรุงสภาพแวดล้อมย่านชุมชนเก่าท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ๑.๔ โครงการทำเหมืองชนิดแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์) ของบริษัท ปูนซีเมนต์เอเซีย จำกัด (มหาชน) คำขอประทานบัตร ๒๓/๒๕๕๓ ร่วมแผนผังโครงการทำเมืองเดียวกันกับคำขอประทานบัตรที่ ๒๔/๒๕๕๓, ๒๕/๒๕๕๓, ๒๖/๒๕๕๓, ๒๗/๒๕๕๓ และประทานบัตรที่ ๓๒๔๕๘/๑๕๖๙๗, ๓๒๔๕๙/๑๕๖๙๘ ตั้งอยู่ที่ตำบลพุกร่าง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ๑.๕ การเสนอรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อเป็นกรรมการในคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ จำนวน ๑๓ เรื่อง ได้แก่ ๒.๑ โครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สายรังสิต-ชุมทาง บ้านภาชี ๒.๒ โครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สายมักกะสัน-ฉะเชิงเทรา ๒.๓ แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ เพิ่มเติม ๒.๔ ร่างกฎกระทรวง กำหนดให้พื้นที่ตำบลทรงคนอง ตำบลบางกระสอบ ตำบลบางน้ำผึ้ง ตำบลบางยอ ตำบลบางกะเจ้า และตำบลบางกอบัว อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ๒.๕ การขอขยายเวลาการบังคับใช้ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชลบุรี และจังหวัดภูเก็ต พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๓ ฉบับ ออกไปอีก ๑ ปี ๒.๖ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่อำเภอบางละมุง และอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... ๒.๗ ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พ.ศ. .... ๒.๘ ร่างกฎกระทรวง กำหนดให้พื้นที่ตำบลบางแก้ว ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ และตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม และร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในบริเวณตำบลบางแก้ว ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ และตำบลคลองโคน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม พ.ศ. .... ๒.๙ ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้พื้นที่ตำบลพระธาตุผาแดง ตำบลแม่ตาว และตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม และร่างกรอบแผนปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟูและแก้ไขปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ตาว ๒.๑๐ ร่างแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) ๒.๑๑ การแก้ไขร่างบันทึกข้อตกลงโครงการ The Ratification and Early Implementation of the Minamata Convention on Mercury ๒.๑๒ การเสนอรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อเป็นกรรมการในคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภคที่สนับสนุน ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ๒.๑๓ การแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
777 | แผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. 2559 - 2564) | ทส | 03/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการดำเนินงานตาม Road Map การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการกำจัดขยะมูลฝอยตกค้างสะสมในสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย การสร้างรูปแบบการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายที่เหมาะสม การวางระเบียบมาตรการการบริหารจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย และการสร้างวินัยของคนในการจัดการขยะมูลฝอย ๑.๒ เห็นชอบแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) โดยมีกรอบแนวคิดในการลดการเกิดขยะมูลฝอยหรือของเสียอันตรายที่แหล่งกำเนิด การนำของเสียกลับมาใช้ซ้ำและใช้ประโยชน์ใหม่ ณ แหล่งกำเนิดตามหลักการ 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) เพื่อให้เกิดการจัดการขยะมูลฝอยอย่างยั่งยืน การส่งเสริมการกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายแบบศูนย์รวม โดยใช้เทคโนโลยีแบบผสมผสานและการแปรรูปผลิตพลังงานอย่างเหมาะสม และความรับผิดชอบและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยกำกับดูแลให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำแผนการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัดให้สอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๔) และจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด เพื่อขอตั้งงบประมาณรายปีในการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการบูรณาการการดำเนินงานร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน เพื่อขับเคลื่อนแผนไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม และให้มีการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานจัดการขยะมูลฝอยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำหรับในส่วนที่เกี่ยวกับการงบประมาณ ให้จัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ กรณีการบริหารจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมให้ครอบคลุมครบถ้วน ทั้งหน่วยงานเจ้าภาพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งงบประมาณของแต่ละแนวทาง ตลอดจนมีความสอดคล้องกับปฏิทินงบประมาณอย่างเคร่งครัด และให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ประชาชนและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างความตระหนักและจิตสำนึกในการจัดการขยะมูลฝอย การติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินงานตามแผนแม่บทฯ โดยการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จทั้งในระดับประเทศและในระดับจังหวัดเพื่อให้ทราบถึงการบรรลุเป้าหมายการดำเนินงานการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหารือร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดทำแผนแม่บทการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศระยะสั้น (พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๐) และให้เร่งรัดการดำเนินการโครงการเกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะมูลฝอยทั้งในพื้นที่นำร่องและในระดับชุมชนและหมู่บ้านภายใต้ Road Map การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ของส่วนราชการเป็นลำดับแรก เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่รับรู้ถึงผลสัมฤทธิ์และตระหนักถึงความสำคัญเกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะมูลฝอย รวมทั้งให้รับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของแผนแม่บทดังกล่าวมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งปัจจุบันเงินรายได้ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเก็บและเงินอุดหนุนจากรัฐบาลไม่เพียงพอ และจำเป็นที่จะต้องได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
778 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่ตำบลน้ำตก ตำบลบัวใหญ่ ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย และตำบลเมืองลี ตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง ตำบลปิงหลวง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติขุนสถาน) | ทส | 03/05/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าฝั่งขวาแม่น้ำน่านตอนใต้ ในท้องที่ตำบลน้ำตก ตำบลบัวใหญ่ ตำบลสันทะ อำเภอนาน้อย และตำบลเมืองลี ตำบลบ่อแก้ว ตำบลนาทะนุง ตำบลปิงหลวง อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติขุนสถาน) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ควรมีแนวทางที่จะทำให้ประชาชนในพื้นที่มีทัศนคติที่ดีในการร่วมมือกับภาครัฐในการอนุรักษ์พื้นที่ป่า โดยเฉพาะชุมชนที่มีภูมิปัญญาท้องถิ่นในการดูแลรักษาพื้นที่ป่าอย่างยั่งยืน ควรส่งเสริมให้เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางการดูแลพื้นที่ป่าด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป และดำเนินการออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกานี้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มีผลใช้บังคับแล้วต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
779 | การแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด | ทส | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ .../๒๕๕๙ เรื่อง มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นการแก้ไขคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๖/๒๕๕๓ โดยแก้ไขนิยามคำว่า “สัตว์น้ำ” หมายความว่า สัตว์น้ำมาตรา ๔ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็น “สัตว์น้ำ” หมายความว่า สัตว์น้ำที่กำหนดนิยามไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการประมง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสัตว์น้ำในอนาคต และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๙ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การแก้ไขปัญหาการใช้ความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืด เกี่ยวกับการระงับความเค็มในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืดโดยด่วนต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเร่งดำเนินการศึกษาแผนแม่บทการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศให้แล้วเสร็จควบคู่กับการศึกษาผลกระทบของการเลี้ยงสัตว์น้ำด้วยระบบปิดที่มีต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่น้ำจืดในภูมิภาคต่าง ๆ และศึกษาการกำหนดเขตพื้นที่น้ำจืดใหม่ที่ชัดเจนโดยละเอียด รวมทั้งการเร่งพิจารณาและกำหนดกรอบระยะเวลาในการจัดทำและประกาศใช้แผนแม่บทการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของประเทศ การจัดเตรียมแนวทางและความพร้อมในการชี้แจงความจำเป็นในการเร่งปรับระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่น้ำจืดให้มีความยั่งยืนและการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งขาวในเบื้องต้นอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม และการพิจารณาถึงความจำเป็นและเหมาะสมในการผ่อนผันให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งขาวที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมประมงภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
780 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (จำนวน 10 คน 1. นางปัจฉิมา ธนสันติ ฯลฯ) | ทส | 26/04/2559 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ชุดใหม่ จำนวน ๑๐ คน เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้พ้นจากตำแหน่ง ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ เมษายน ๒๕๕๙) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางปัจฉิมา ธนสันติ ประธานกรรมการ ๒. นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ กรรมการ ๓. นายดุสิต เขมะศักดิ์ชัย กรรมการ ๔. นางจิราพร คูสุวรรณ กรรมการ ๕. พลตรี ณัฏฐพัชร สกุลรังสฤษฏ์ กรรมการ ๖. นายสิรินทร์ แก้วละเอียด กรรมการ ๗. นายธนิต ธงทอง กรรมการ ๘. นายจรูญ อิ่มเอิบสิน กรรมการ ๙. นางสาวสิริวรรณ สุวรรณศร กรรมการ ๑๐. นางสาวเยาวนุช วิยาภรณ์ กรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง
|
.....