ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 31 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 601 - 620 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
601 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) (นางสาวจงจิตร์ นีรนาทเมธีกุล) | ทส | 20/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวจงจิตร์ นีรนาทเมธีกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
602 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 13/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ เพื่อให้ครอบคลุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสาขาการดำเนินงานที่สำคัญ รวมทั้งไม่ให้ซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการในกฎหมายอื่น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
603 | เกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทถ้ำ | ทส | 06/02/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทถ้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ ประเภทถ้ำ ประกอบด้วย (๑) ปัจจัยชี้วัด เพื่อแสดงถึงคุณภาพของสภาวะแวดล้อมด้านต่าง ๆ รวม ๔ ด้าน ได้แก่ ด้านองค์ประกอบของระบบถ้ำและสิ่งแวดล้อม ด้านองค์ประกอบภูมิสถาปัตยกรรมและสถาปัตยกรรม ด้านผลผลิตจากการบริการสิ่งแวดล้อมของถ้ำ และด้านการบริหารจัดการ และ (๒) ระดับเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กำหนดเป็น ๓ ระดับ ได้แก่ ระดับสูงหรือดี คือ ไม่มีผลกระทบหรือมีระดับผลกระทบน้อย ระดับปานกลาง คือ มีระดับผลกระทบปานกลาง และระดับต่ำ คือ มีระดับผลกระทบมากหรือรุนแรง ๒. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๐ มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ ประเภทถ้ำ และมอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่แหล่งธรรมชาติ ประเภทถ้ำ ทำการประเมินตามเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ เป็นประจำทุกปี โดยมีสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานประสานกลางให้คำปรึกษาและข้อเสนอแนะ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำเกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมฯ ประเภทถ้ำ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
604 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 5 | ทส | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ (Greater Mekong Subregion Environment Ministers’ Meeting : GMS EMM) จำนวน ๒ ฉบับ ประกอบด้วย (๑) ร่างกรอบยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการของแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อม (ระยะที่ ๓) (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๕) เป็นเอกสารที่กำหนดยุทธศาสตร์และแผนงานในการดำเนินการตามแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมในระยะที่ ๓ (ระยะเสริมสร้างความเข้มแข็ง) โดยเป็นการกำหนดให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ ของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงได้ และ (๒) ร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ เป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองร่วมกันของรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงในการให้คำมั่นร่วมกันเพื่อสร้างเศรษฐกิจสีเขียวที่ครอบคลุมและยั่งยืนตามแนวทางของแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมุ่งเน้นการเชื่อมโยงแผนงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมกับระเบียงเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและส่งเสริมการดำเนินโครงการของกรอบการลงทุนระดับภูมิภาคที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ จำนวน ๒ ฉบับดังกล่าว ในการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ จำนวน ๒ ฉบับดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายนำเสนอประเด็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาและเพิ่มพื้นที่การปลูกป่าต่อที่ประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมของกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ ด้วย ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งรัดศึกษาการจัดการผลกระทบเนื่องมาจากการจัดการความเสี่ยงและป้องกันผลกระทบเนื่องมาจากภัยธรรมชาติและภัยพิบัติข้ามแดน และร่วมหารือเพื่อสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติอย่างจริงจัง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
605 | ขออนุมัติดำเนินโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย - ลาว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามกรอบการดำเนินงานความร่วมมือไทย - ลาว พ.ศ. 2561 - 2564 (Framework for Thai-Lao Cooperation 2018 - 2021) | ทส | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการดำเนินโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ แหล่งอนุรักษ์ความหลากหลายของพันธุ์พืชที่มีค่าหายากและใกล้สูญพันธุ์ประจำท้องถิ่นไทยและลาว และเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจทางธรรมชาติของไทยและลาว ตามกรอบการดำเนินงานความร่วมมือไทย-ลาว พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๔ (Framework for Thai-Lao Cooperation 2018-2021) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-พ.ศ. ๒๕๖๔ กรอบวงเงินทั้งสิ้น ๑๕.๐๑๕๗ ล้านบาท ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำรายละเอียดแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโครงการดังกล่าว และเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
606 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ ความหลากหลายทางชีวภาพข้ามพรมแดนระหว่างกรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทยและกรมการบริหารการอนุรักษ์และการปกป้องธรรมชาติ กระทรวงสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา | ทส | 30/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพข้ามพรมแดนระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรไทย และกรมการบริหารการอนุรักษ์และการปกป้องธรรมชาติ กระทรวงสิ่งแวดล้อม แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา (MEMORANDUM OF UNDERSTANDING on Cooperation on Protected Areas and Transboundary Biodiversity Conservation Landscapes Management between Department of National Parks, Wildlife and Plant Conservation, Ministry of Natural Resources and Environment of the Kingdom of Thailand and General Directorate of Administration for Nature Conservation and Protection, Ministry of Environment of the Kingdom of Cambodia) มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระดับทวิภาคีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพื้นที่คุ้มครองและพื้นที่อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพข้ามพรมแดนระหว่างประเทศไทยและราชอาณาจักรกัมพูขา โดยจะร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น (๑) การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทางวิชาการระหว่างเจ้าหน้าที่ (๒) การศึกษาดูงาน การฝึกอบรม และ (๓) การศึกษาวิจัยร่วม เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือผู้ที่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ซึ่งกำหนดจะมีการลงนามในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ ในระหว่างการประชุมระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมของกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ ๕ ณ จังหวัดเชียงใหม่ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรี (๑๒ ตุลาคม ๒๕๔๒ และ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๔๘) เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการก่อสร้างถนนหรือกระทำกิจกรรมใด ๆ ตามบริเวณชายแดนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมการอนุรักษ์ตามร่างบันทึกความเข้าใจฯ ขอให้งดเว้นในพื้นที่ที่ยังไม่มีข้อยุติแน่ชัดว่าเป็นของประเทศไทยหรือของราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อไม่ให้กระทบต่อการรักษาสิทธิในเขตแดนของประเทศไทยในพื้นที่ดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๓. กรณีมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
607 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การจัดการน้ำเสีย พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อโอนย้ายองค์การจัดการน้ำเสียไปอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย โดยกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตามพระราชกฤษฎีกาฯ แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวกับคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย เพื่อให้การบูรณาการงานด้านการจัดการน้ำเสียเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้องค์การจัดการน้ำเสียรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๐ ที่กำหนดให้องค์การจัดการน้ำเสียซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจทบทวนปรับสถานภาพให้เป็นองค์การมหาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
608 | การดำเนินโครงการของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน | ทส | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีและออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าแล้ว คือ โครงการสนับสนุนธุรกิจประมงพื้นบ้าน จังหวัดปัตตานี ตามแนวทางขับเคลื่อนโครงการต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เนื้อที่ ๓ ไร่ โดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๐ และออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๐ ๒. โครงการที่ได้รับอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีแล้ว แต่ยังมิได้ออกหนังสืออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า ได้แก่ (๑) โครงการก่อสร้างพุทธมณฑลจังหวัดสงขลา และศูนย์กีฬาและส่งเสริมคุณภาพตำบลน้ำน้อย เนื้อที่ ๑๕๑-๑/๗๓ ไร่ (๒) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองดู ตำบลแหลมสน อำเภอละงู จังหวัดสตูล เนื้อที่ ๓.๖ ไร่ (๓) โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองตำมะลัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลตำมะลัง อำเภอเมือง จังหวัดสตูล เนื้อที่ ๗.๖๘ ไร่ (๔) โครงการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เนื้อที่ ๔๕๓ ไร่ และ (๕) โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการระบายน้ำคลอง D2 ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เนื้อที่ ๑๖๕-๓-๖๗ ไร่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
609 | ผลการประชุมขยะทะเลระดับอาเซียน เรื่อง การลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Conference on Reducing Marine Debris in ASEAN Region) | ทส | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมขยะทะเลระดับอาเซียน เรื่อง การลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียน (ASEAN Conference on Reducing Marine Debris in ASEAN Region) ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยที่ประชุมได้ร่วมกันทบทวนสถานภาพและสถานการณ์ของมลภาวะด้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านนโยบาย ความคิดริเริ่ม และการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จในระดับประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบข้อเสนอแนะแนวทางในการจัดการและแก้ไขปัญหาขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียนร่วมกัน ได้แก่ (๑) สนับสนุนและเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านนโยบาย โดยกำหนดนโยบายแบบบูรณาการและกรอบแนวทางความร่วมมือข้ามภาคส่วนในการจัดการขยะจากแหล่งทั้งบนบกและในทะเล (๒) เสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการและการริเริ่มต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหามลภาวะขยะทะเลระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และภูมิภาค (๓) เร่งดำเนินการศึกษาเพื่อให้ได้ฐานข้อมูลสถานภาพและผลกระทบของมลภาวะด้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน และพัฒนาขีดความสามารถในการวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีทางทะเล (๔) ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาขยะทะเล และ (๕) สร้างความตระหนักรู้และการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับปัญหาและผลกระทบของขยะทะเล โดยผลสำเร็จจากการประชุมดังกล่าวได้ถูกนำเสนอในที่ประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๓ ณ สาธารณรัฐเคนยา เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ และจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการประชุมของอาเซียนอย่างเป็นทางการ เพื่อพิจารณาข้อเสนอแนะดังกล่าวทั้ง ๕ ข้อ เป็นกรอบการดำเนินงานในแนวทางที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการกำจัดขยะในพื้นที่ต่าง ๆ ให้เหมาะสม เป็นระบบครบวงจร ทั้งที่เป็นขยะต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งนี้ หากโครงการ/กิจกรรมใดมีความพร้อมขอให้เริ่มดำเนินการก่อน และในกรณีที่มีการฝังกลบขยะในพื้นที่แล้ว ให้พิจารณาปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวให้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้นด้วย เช่น ปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะ ปรับปรุงสภาพภูมิทัศน์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วน รวมทั้งบริษัท ห้างร้าน หรือสถานประกอบการต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการลดการใช้วัสดุที่ผลิตขึ้นจากพลาสติกเนื่องจากจะกลายเป็นขยะตกค้างที่ย่อยสลายได้ยาก เช่น การใช้ถุงพลาสติกใส่สินค้าเท่าที่จำเป็นและกระตุ้นให้ผู้ซื้อสินค้านำถุงผ้ามาใส่สินค้าเอง การให้ส่วนลดราคาสินค้ากรณีที่ลูกค้าไม่ใช้ถุงพลาสติก เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
610 | สรุปผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 23 (COP 23) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 13 (CMP 13) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ 1.2 (CMA 1.2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 23/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Conference of the Parties to the UNFCCC : COP) สมัยที่ ๒๓ (COP 23) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต (Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Kyoto Protocol : CMP) สมัยที่ ๑๓ (CMP 13) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส (Conference of the Parties serving as the Meeting of the Parties to the Paris Agreement) สมัยที่ ๑.๒ (CMA 1.2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ เมืองบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินภารกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ หน่วยงานภายใต้คณะทำงานเจรจาสำหรับการประชุมอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และคณะอนุกรรมการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติด้านการประสานท่าทีเจรจาและความร่วมมือระหว่างประเทศ จัดเตรียมบุคลากรและงบประมาณสำหรับเข้าร่วมการประชุมภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พิธีสารเกียวโตและความตกลงปารีสอย่างต่อเนื่อง ทั้งการประชุมปกติประจำปี ได้แก่ การประชุมองค์กรย่อยในช่วงกลางปี และการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ในช่วงปลายปี รวมถึงการประชุมสมัยพิเศษเพิ่มเติม โดยเฉพาะกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้แล้ว หากไม่เพียงพอ ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ หรือโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานที่บรรลุวัตถุประสงค์หรือจากการจัดซื้อจัดจ้างแล้วไปดำเนินการในลำดับแรกก่อน ส่วนปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๔. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในประเด็นการดำเนินการในกรอบด้านการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมทั้งการกำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสนับสนุนการพัฒนาแบบการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำและมีความสามารถในการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการบูรณาการเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
611 | แนวทางการจัดทำแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง | ทส | 16/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการจัดทำแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ที่คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๐ มีมติเห็นชอบแล้ว ซึ่งประกอบด้วย ๔ แนวทาง คือ (๑) การปรับสมดุลชายฝั่งโดยธรรมชาติ (๒) การป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง (๓) การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และ (๔) การฟื้นฟูเสถียรภาพชายฝั่ง และมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งของประเทศไทยต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น เร่งการจัดทำแผนแม่บทในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะกลางในลักษณะบูรณาการเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแนวทางการปฏิรูประบบการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ตามขั้นตอนต่อไป รวมทั้งดำเนินการเชิงรุกในการเผยแพร่แนวทางการจัดทำงานแผนงาน/โครงการฯ และขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประสานให้คำแนะนำแก่จังหวัด กลุ่มจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องบูรณาการจัดทำแผนแม่บทการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยให้จัดทำเป็นแผนงาน/โครงการให้มีความชัดเจน จัดลำดับความสำคัญของพื้นที่ที่จะดำเนินการ โดยให้เริ่มดำเนินการในพื้นที่ที่ประชาชนให้ความร่วมมือและไม่มีปัญหาข้อคัดค้านใด ๆ ก่อนเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ ในการจัดทำแผนงาน/โครงการเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งดังกล่าว ให้ส่วนราชการเจ้าของแผนงาน/โครงการพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้องเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
612 | แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (จำนวน 5 คน 1. นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ฯลฯ) | ทส | 16/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จำนวน ๕ คน แทนกรรมการเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๖ มกราคม ๒๕๖๑) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ๑.๒ นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ๑.๓ นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ๑.๔ นายอวยชัย คูหากาญจน์ ๑.๕ นายพีรพันธ์ คอทอง ๒. ให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ดังกล่าวในครั้งต่อไป ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติ ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
613 | รายงานการดำเนินงานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมหนอนตัวแบนนิวกินี (Platydemus manokwari) | ทส | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการดำเนินงานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมหนอนตัวแบนนิวกินี (Platydemus manokwari) ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการจัดการหนอนตัวแผบนิวกินี โดยมีข้อสรุปร่วมกันถึงแนวทางการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านวิชาการ ประกอบด้วย การระบุชนิดพันธุ์ รวมถึงการตรวจสอบการพันธุกรรม การสำรวจพื้นที่การแพร่กระจาย การศึกษาการเป็นพาหะของโรค การแจ้งข่าวและพิสูจน์ทราบเบื้องต้น การป้องกัน เฝ้าระวัง และควบคุมการแพร่กระจาย การหลุดรอดปะปนกับสินค้านำเข้า-ส่งออก วิธีการกำจัดที่ถูกต้อง การประเมินความเสี่ยงจากผลกระทบต่อระบบนิเวศและสุขอนามัยของมนุษย์ ควบคู่ไปกับการให้ข้อมูลเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนโดยเฉพาะในเรื่องของผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการหนอนตัวแบนนิวกินีของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้สำรวจพื้นที่แพร่กระจายในเขตป่าไม้และพื้นที่อนุรักษ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ประเมินความเสี่ยงผลกระทบต่อระบบนิเวศ และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชน (๒) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เฝ้าระวังบริเวณด่านตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออก (๓) ให้กระทรวงสาธารณสุขเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนด้านผลกระทบต่อสุขภาพ และ (๔) ให้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยสนับสนุนทุนวิจัยองค์ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับหนอนตัวแบนนิวกินี เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนให้ชัดเจนและทั่วถึงเกี่ยวกับหนอนตัวแบนนิวกินี เช่น การเป็นพาหะของโรค พื้นที่แพร่กระจาย ผลกระทบต่อสุขภาพและระบบนิเวศ เป็นต้น เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของหนอนตัวแบนนิวกินีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
614 | รายงานผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 1 | ทส | 03/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๑ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔-๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ ได้มีมติข้อตัดสินใจต่าง ๆ ในประเด็นหลักที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามอนุสัญญามินามาตะฯ เช่น (๑) การรับรองเอกสารสำคัญซึ่งผ่านการหารือและรับรองชั่วคราวจากที่ประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลเพื่อการจัดทำมาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว (๒) แนวทางการจัดทำรายงานของภาคี (๓) แนวทางการจัดตั้งสำนักเลขาธิการถาวรของอนุสัญญามินามาตะฯ (๔) กลไกทางการเงินในส่วนของแผนงานพิเศษระหว่างประเทศและกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก และ (๕) การกำหนดสถานที่และวันเวลาจัดการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ สมัยที่ ๒ เป็นต้น และมีการประชุมระดับสูง (High-level Segment) ภายใต้หัวข้อ “Making Mercury History” ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ และนำแนวทางไปปรับใช้ให้สอดรับกับการดำเนินงานภายในประเทศ รวมทั้งให้หน่วยงานผู้มีอำนาจในการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศระดับอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับ (๑) แหล่งอุปทานปรอทและการค้าปรอท (๒) ผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท (๓) กระบวนการผลิตที่เติมปรอท และ (๔) การปลดปล่อย เร่งดำเนินการตามแผนงานและระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
615 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 14 (14th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment: 14th AMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 26/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๔ (14th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment : 14th AMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การประชุมประเทศภาคีต่อข้อตกลงอาเซียน เรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๑๓ (13th Meeting of the Conference of the Parties to the ASEAN Agreement on Transbounsdary Haze Pollution : COP-13 AATHP) การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๑๕ (15th ASEAN Plus Three Environment Ministers Meeting : 15th EMM+3) และการหารือทวิภาคี ไทย-ญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๓ กันยายน ๒๕๖๐ ณ บรูไนดารุสซาลาม โดยมีพลเอกเอกชัย จันทร์ศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
616 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี 2561 (ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 26/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการ/กิจกรรมที่จะดำเนินการเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ปี ๒๕๖๑ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น (๑) โครงการป่าในเมือง “สวนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคนไทย” (๒) กิจกรรมการส่งมอบรถกู้ภัยและปฐมพยาบาล จำนวน ๓๐ คัน (๓) การสร้างเศรษฐกิจไทยจากไม้ป่าปลูก (๔) ยกเว้นค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติ จำนวน ๑๕๔ แห่ง และ (๕) ยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการเข้าชมสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (Aquarium) จังหวัดภูเก็ต และพิพิธภัณฑ์ จำนวน ๓ แห่ง เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
617 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อสงวนไว้ซึ่งสภาพธรรมชาติเดิมให้เป็นแหล่งพันธุ์ของปะการังและสัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธุ์ในฝั่งอ่าวไทย และส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
618 | สรุปผลการดำเนินงานโครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน | ทส | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานโครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ระหว่างวันที่ ๗ สิงหาคม-๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ในพื้นที่ ๗๗ จังหวัดทั่วประเทศ มีการปลูกต้นไม้รวมทั้งสิ้น ๒,๕๕๐,๗๐๓ ต้น ในเนื้อที่รวมทั้งสิ้น ๑๘,๒๑๒ ไร่ ชนิดพันธุ์ไม้ที่ปลูก เช่น ยางนา ราชพฤกษ์ (คูน) กาละสอง (ปีบ) หมัน มะฮอกกานี เป็นต้น สำหรับงบประมาณดำเนินงานโครงการฯ ใช้จ่ายจากงบประมาณปกติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ของหน่วยงานและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งงบประมาณสนับสนุนจากภาคเอกชนและประชาชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
619 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... | ทส | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายว่าด้วยการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อกำหนดกลไกในการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นการเฉพาะ และส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
620 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า (จำนวน 7 ราย 1. นายภราเดช พยัฆวิเชียร ฯลฯ) | ทส | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า แทนกรรมการผู้ทรวงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ จำนวน ๗ ราย ดังนี้
๑. นายภราเดช พยัฆวิเชียร ๒. นายบวรเวท รุ่งรุจี ๓. นายสด แดงเอียด ๔. รองศาสตราจารย์บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย ๕. ศาสตราจารย์กิตติคุณศิริวรรณ ศิลาพัชรนันท์ ๖. รองศาสตราจารย์โรจน์ คุณอเนก ๗. รองศาสตราจารย์ยงธนิศร์ พิมลเสถียร
|
.....