ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 31 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 601 - 620 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
601 | รายงานการดำเนินงานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมหนอนตัวแบนนิวกินี (Platydemus manokwari) | ทส | 09/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานการดำเนินงานในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมหนอนตัวแบนนิวกินี (Platydemus manokwari) ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางการจัดการหนอนตัวแผบนิวกินี โดยมีข้อสรุปร่วมกันถึงแนวทางการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในด้านวิชาการ ประกอบด้วย การระบุชนิดพันธุ์ รวมถึงการตรวจสอบการพันธุกรรม การสำรวจพื้นที่การแพร่กระจาย การศึกษาการเป็นพาหะของโรค การแจ้งข่าวและพิสูจน์ทราบเบื้องต้น การป้องกัน เฝ้าระวัง และควบคุมการแพร่กระจาย การหลุดรอดปะปนกับสินค้านำเข้า-ส่งออก วิธีการกำจัดที่ถูกต้อง การประเมินความเสี่ยงจากผลกระทบต่อระบบนิเวศและสุขอนามัยของมนุษย์ ควบคู่ไปกับการให้ข้อมูลเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนโดยเฉพาะในเรื่องของผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการหนอนตัวแบนนิวกินีของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น (๑) ให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้สำรวจพื้นที่แพร่กระจายในเขตป่าไม้และพื้นที่อนุรักษ์ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ประเมินความเสี่ยงผลกระทบต่อระบบนิเวศ และเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชน (๒) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เฝ้าระวังบริเวณด่านตรวจสอบการนำเข้า-ส่งออก (๓) ให้กระทรวงสาธารณสุขเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนด้านผลกระทบต่อสุขภาพ และ (๔) ให้สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยสนับสนุนทุนวิจัยองค์ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับหนอนตัวแบนนิวกินี เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องแก่สาธารณชนให้ชัดเจนและทั่วถึงเกี่ยวกับหนอนตัวแบนนิวกินี เช่น การเป็นพาหะของโรค พื้นที่แพร่กระจาย ผลกระทบต่อสุขภาพและระบบนิเวศ เป็นต้น เพื่อประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของหนอนตัวแบนนิวกินีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
602 | รายงานผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ 1 | ทส | 03/01/2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท สมัยที่ ๑ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔-๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ซึ่งที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ ได้มีมติข้อตัดสินใจต่าง ๆ ในประเด็นหลักที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามอนุสัญญามินามาตะฯ เช่น (๑) การรับรองเอกสารสำคัญซึ่งผ่านการหารือและรับรองชั่วคราวจากที่ประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลเพื่อการจัดทำมาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศแล้ว (๒) แนวทางการจัดทำรายงานของภาคี (๓) แนวทางการจัดตั้งสำนักเลขาธิการถาวรของอนุสัญญามินามาตะฯ (๔) กลไกทางการเงินในส่วนของแผนงานพิเศษระหว่างประเทศและกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก และ (๕) การกำหนดสถานที่และวันเวลาจัดการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญามินามาตะฯ สมัยที่ ๒ เป็นต้น และมีการประชุมระดับสูง (High-level Segment) ภายใต้หัวข้อ “Making Mercury History” ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องตามพันธกรณีของอนุสัญญามินามาตะฯ และนำแนวทางไปปรับใช้ให้สอดรับกับการดำเนินงานภายในประเทศ รวมทั้งให้หน่วยงานผู้มีอำนาจในการแก้ไขกฎหมายภายในประเทศระดับอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับ (๑) แหล่งอุปทานปรอทและการค้าปรอท (๒) ผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท (๓) กระบวนการผลิตที่เติมปรอท และ (๔) การปลดปล่อย เร่งดำเนินการตามแผนงานและระยะเวลาที่กำหนดไว้แล้วต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
603 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 14 (14th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment: 14th AMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 26/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ ๑๔ (14th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment : 14th AMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย การประชุมประเทศภาคีต่อข้อตกลงอาเซียน เรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๑๓ (13th Meeting of the Conference of the Parties to the ASEAN Agreement on Transbounsdary Haze Pollution : COP-13 AATHP) การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนบวกสาม ครั้งที่ ๑๕ (15th ASEAN Plus Three Environment Ministers Meeting : 15th EMM+3) และการหารือทวิภาคี ไทย-ญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๓ กันยายน ๒๕๖๐ ณ บรูไนดารุสซาลาม โดยมีพลเอกเอกชัย จันทร์ศรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
604 | ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปี 2561 (ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 26/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการ/กิจกรรมที่จะดำเนินการเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชน ปี ๒๕๖๑ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น (๑) โครงการป่าในเมือง “สวนป่าประชารัฐ เพื่อความสุขของคนไทย” (๒) กิจกรรมการส่งมอบรถกู้ภัยและปฐมพยาบาล จำนวน ๓๐ คัน (๓) การสร้างเศรษฐกิจไทยจากไม้ป่าปลูก (๔) ยกเว้นค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติ จำนวน ๑๕๔ แห่ง และ (๕) ยกเว้นการจัดเก็บค่าบริการเข้าชมสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ (Aquarium) จังหวัดภูเก็ต และพิพิธภัณฑ์ จำนวน ๓ แห่ง เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
605 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อสงวนไว้ซึ่งสภาพธรรมชาติเดิมให้เป็นแหล่งพันธุ์ของปะการังและสัตว์ทะเลหายากใกล้สูญพันธุ์ในฝั่งอ่าวไทย และส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
606 | สรุปผลการดำเนินงานโครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน | ทส | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานโครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน ระหว่างวันที่ ๗ สิงหาคม-๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ ในพื้นที่ ๗๗ จังหวัดทั่วประเทศ มีการปลูกต้นไม้รวมทั้งสิ้น ๒,๕๕๐,๗๐๓ ต้น ในเนื้อที่รวมทั้งสิ้น ๑๘,๒๑๒ ไร่ ชนิดพันธุ์ไม้ที่ปลูก เช่น ยางนา ราชพฤกษ์ (คูน) กาละสอง (ปีบ) หมัน มะฮอกกานี เป็นต้น สำหรับงบประมาณดำเนินงานโครงการฯ ใช้จ่ายจากงบประมาณปกติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ ของหน่วยงานและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งงบประมาณสนับสนุนจากภาคเอกชนและประชาชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
607 | ร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... | ทส | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญให้มีกฎหมายว่าด้วยการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อกำหนดกลไกในการจัดการซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นการเฉพาะ และส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
608 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า (จำนวน 7 ราย 1. นายภราเดช พยัฆวิเชียร ฯลฯ) | ทส | 19/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า แทนกรรมการผู้ทรวงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ จำนวน ๗ ราย ดังนี้
๑. นายภราเดช พยัฆวิเชียร ๒. นายบวรเวท รุ่งรุจี ๓. นายสด แดงเอียด ๔. รองศาสตราจารย์บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย ๕. ศาสตราจารย์กิตติคุณศิริวรรณ ศิลาพัชรนันท์ ๖. รองศาสตราจารย์โรจน์ คุณอเนก ๗. รองศาสตราจารย์ยงธนิศร์ พิมลเสถียร
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
609 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ จำนวน ๒ ราย ตามลำดับ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์) ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
610 | ข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน | ทส | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการพิจารณาและผลการดำเนินการต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเขตป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุทยานแห่งชาติกับที่ดินเอกชนทับซ้อนกัน และกรณีราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการทวงคืนผืนป่าตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยมีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและข้อเสนอในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย เช่น แก้ไขนิยามคำว่า “ป่า” แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔ และแก้ไขเงื่อนเวลายื่นคำร้องตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ เป็นต้น ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รวบรวมผลการพิจารณาและผลการดำเนินการของกระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและข้อเสนอในการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน เรียบร้อยแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
611 | สรุปผลการประชุม Asia-Pacific Ministerial Summit on the Environment | ทส | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุม Asia-Pacific Ministerial Summit on the Environment ระหว่างวันที่ ๕-๘ กันยายน ๒๕๖๐ ณ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นการประชุมที่ควบรวมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้องค์การสหประชาชาติของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกไว้ด้วยกัน ได้แก่ การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาสำหรับเอเชียและแปซิฟิกของเอสแคป (Ministerial Conference on Environment and Development in Asia and Pacific : MCED) ครั้งที่ ๗ และการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ด้านสิ่งแวดล้อมของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกในกรอบโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UN Environment’s Forum of Ministers and Environment Authorities of Asia Pacific) ครั้งที่ ๒ โดยมีหัวข้อหลัก คือ “Towards a resource efficient and pollution free Asia-Pacific” โดยมีประเด็นการประชุมที่สำคัญ เช่น (๑) การทบทวนความก้าวหน้าการดำเนินงานที่สำคัญจากการประชุม MCED ครั้งที่ ๖ โดยมีการหารือถึงความร่วมมือทั้งในระดับภูมิภาค ความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน และความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนากับประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อแก้ไขปัญหาในภูมิภาค (๒) การหารือถึงความก้าวหน้าการดำเนินงานตามข้อมติ UNEA สถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและประเด็นสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของภูมิภาค รวมถึงข้อคิดเห็นต่อการประชุม UNEA สมัยที่ ๓ ในประเด็นหัวข้อ “Towards to a pollution free planet” และร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับสูง และ (๓) การอภิปราย Ministerial Dialogue : “Towards a resource-efficient and pollution free Asia-Pacific region” เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับมาตรการที่จะมุ่งไปสู่การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และภาวะปลอดมลพิษในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
612 | การขอความเห็นชอบร่างปฏิญญาย่างกุ้ง (Yangon Declaration) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ครั้งที่ 3 (3rd Asia-Pacific Water Summit) | ทส | 12/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างปฏิญญาย่างกุ้ง (Yangon Declaration) ซึ่งเป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๓ (3rd Asia-Pacific Water Summit) มีสาระสำคัญเป็นการให้ความสำคัญกับเส้นทางที่จะนำไปสู่การยกระดับนวัตกรรมและการปฏิบัติต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านน้ำในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เช่น การดำเนินการเพื่อการจัดการวัฏจักรน้ำที่ดี การเสริมสร้างธรรมาภิบาลสำหรับข้อแก้ไขปัญหาที่เป็นที่ยอมรับของสังคมและการเจริญเติบโตในทุกด้านเพื่อให้มั่นใจว่า “จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” การเชื่อมโยงช่องว่างทางการเงินระหว่างการเจริญเติบโตอย่างมีพลวัตและการดำเนินการตามมาตรการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านน้ำ และการส่งเสริมความร่วมมือในทุกระดับ โดยจะมีการรับรองร่างปฏิญญาฯ ในการประชุมฯ ครั้งที่ ๓ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๑-๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ นครย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองในปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
613 | ร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรีของการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 3 | ทส | 04/12/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบ เห็นชอบ และอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนประเทศไทยในการเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ ๓ (The third session of the United Nations Environment Assembly : UNEA 3) ระหว่างวันที่ ๔-๖ ธันวาคม ๒๕๖๐ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา ประกอบด้วย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงไนโรบี สาธารณรัฐเคนยา เป็นหัวหน้าคณะ ผู้แทนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ๑.๒ เห็นชอบร่างปฏิญญาระดับรัฐมนตรี (Ministerial Declaration) ของ UNEA 3 เป็นเอกสารที่แสดงถึงการตระหนักว่า มลพิษที่เกิดขึ้นในทุกรูปแบบ ทั้งทางอากาศ ดิน และน้ำ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ สังคม ระบบนิเวศ เศรษฐกิจ ความมั่นคง และความอยู่รอดของมนุษย์ และยังเชื่อมโยงกับปัญหาอื่นและเกี่ยวข้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ ซึ่งการแก้ไขปัญหามลพิษเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ ทั้งการต่อสู้ความยากจน การปรับปรุงให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น การสร้างงานที่เหมาะสม การปรับปรุงให้สิ่งมีชีวิตทั้งบนบกและในน้ำให้ดีขึ้น และการลดภาวะโลกร้อน ๑.๓ เห็นชอบกรอบคำมั่นโดยสมัครใจที่ประเทศไทยจะประกาศเพื่อให้นานาชาติทราบว่า ประเทศไทยมีความตื่นตัวในการแก้ปัญหามลพิษ โดยมีกรอบคำมั่นโดยสมัครใจที่ยึดตามนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และยุทธศาสตร์การจัดการมลพิษ ๒๐ ปี โดยจะนำเสนอผลการดำเนินงานของรัฐบาลที่เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ๑.๔ อนุมัติให้หัวหน้าคณะผู้แทนไทยหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายร่วมให้การรับรองในร่างปฏิญญาฯ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
614 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเกาะพะงัน ในท้องที่ตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ - หมู่เกาะพะงัน) | ทส | 28/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเกาะพะงัน ในท้องที่ตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติธารเสด็จ - หมู่เกาะพะงัน) มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและมีค่า เช่น พันธุ์ไม้ ของป่า สัตว์ป่า ตลอดจนทิวทัศน์ที่สวยงามบริเวณที่ดินป่าเกาะพะงัน ในท้องที่ตำบลเกาะพะงัน ตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ประมาณ ๔๓.๐๓๒๐ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๒๖,๘๙๕ ไร่ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
615 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกระบวนการและขั้นตอน การจัดทำ การเสนอ และการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้มีความโปร่งใส สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคม เพื่อให้มีมาตรฐานอันเป็นที่ยอมรับและได้รับความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วน และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรา ๕๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
616 | แผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 | ทส | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการงาช้างแห่งประเทศไทย ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นการดำเนินการต่อเนื่องจากแผนปฏิบัติการฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อควบคุมการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายของประเทศไทย และเพื่อให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากการเป็นประเทศที่เกี่ยวข้องกับการค้างาช้างผิดกฎหมาย ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก ได้แก่ (๑) การออกระเบียบและกฎหมาย (๒) การบังคับใช้กฎหมายและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายในประเทศ (๓) ความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศและภูมิภาค (๔) การประชาสัมพันธ์และการสร้างความตระหนักแก่สาธารณชน และ (๕) การรายงาน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขแผนปฏิบัติการฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง และให้จัดส่งแผนปฏิบัติการฯ และรายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ให้สำนักเลขาธิการไซเตส (The CITES Secretariat International Environment House) ทราบตามระยะเวลาที่กำหนด (ภายในวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณากำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดภาพรวมของร่างแผนปฏิบัติการฯ ในระดับผลลัพธ์ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามร่างแผนปฏิบัติการฯ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้ว เพื่อดำเนินการควบคุมการค้างาช้างที่ผิดกฎหมายของประเทศไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาแนวทางการประเมินผลตามเกณฑ์ตัวชี้วัดโดยกำหนดเป็นช่วง ๆ ทั้งระยะสั้น (๓ เดือน) ระยะกลาง (๖ เดือน) และระยะยาว (๑๒ เดือน) เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถปรับทิศทางการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดจริงได้ รวมทั้งพิจารณากำหนดให้ตัวชี้วัดของแผนปฏิบัติการฯ เป็นส่วนหนึ่งของตัวชี้วัดในการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อให้การดำเนินงานเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
617 | ขออนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 24 | ทส | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๔ ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ณ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยกรอบการหารือมีสาระสำคัญที่เกี่ยวกับการดำเนินงานและความร่วมมือของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ภายใต้พันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน พ.ศ. ๒๕๓๘ ในประเด็นที่สำคัญ เช่น แผนการดำเนินงานประจำปี ๒๕๖๑ แผนยุทธศาสตร์การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลุ่มแม่น้ำโขงและแผนปฏิบัติการ (Mekong Adaptation Strategy and Action Plan : MASAP) แผนกลยุทธ์การบริหารจัดการและการพัฒนาการประมงในระดับลุ่มน้ำ (Draft Proposal on Basin wide Fisheries Management and Development Strategy : BFMS) เป็นต้น ๑.๒ เห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยหารือกับประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงตามประเด็นในกรอบการหารือสำหรับการประชุมฯ เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานและความร่วมมือเป็นไปตามพันธกรณีของความตกลงฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา ๑๗๘ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
618 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (จำนวน 8 คน 1. นายชัชชม อรรฆภิญญ์ ฯลฯ) | ทส | 21/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จำนวน ๘ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดเดิมที่ดำรงตำแหน่งมาครบวาระสามปี เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายชัชชม อรรฆภิญญ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม ๒. นายสุรศักดิ์ ฐานีพานิชสกุล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสาธารณสุขและสุขภาพ ๓. นายอนรรฆ พัฒนวิบูลย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านทรัพยากรป่าไม้และนิเวศวิทยา ๔. นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านเศรษฐศาสตร์และสิ่งแวดล้อม ๕. นางบรรรโศภิษฐ์ เมฆวิชัย กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านอนุรักษ์ศิลปกรรม/ภูมิสถาปัตย์ และสิ่งแวดล้อมเมือง ๖. นายปานเทพ รัตนากร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ภาคเอกชน) ด้านบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๗. นายธเรศ ศรีสถิตย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านมลพิษสิ่งแวดล้อม ๘. นายเติมศักดิ์ สุขวิบูลย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านสังคมและการมีส่วนร่วม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
619 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ในท้องที่ตำบลผาทอง ตำบลแสนทอง ตำบลศรีภูมิ ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา ตำบลบ่อ ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน และตำบลบ้านพี้ ตำบลสวด ตำบลบ้านฟ้า อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาตินันทบุรี) | ทส | 14/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าน้ำยาวและป่าน้ำสวด ในท้องที่ตำบลผาทอง ตำบลแสนทอง ตำบลศรีภูมิ ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา ตำบลบ่อ ตำบลสะเนียน อำเภอเมืองน่าน และตำบลบ้านพี้ ตำบลสวด ตำบลบ้านฟ้า อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการออกกฎกระทรวง เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เห็นควรปรับแนวเขตอุทยานแห่งชาติขึ้นใหม่และเปลี่ยนแปลงจำนวนเนื้อที่ให้สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริง ควรเร่งรัดการดำเนินงานเพื่อรักษาสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์ และควรประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อคำนึงถึงขอบเขตการซ้อนทับของพื้นที่ รวมถึงโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
620 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2560 (เพิ่มเติม) และครั้งที่ 3/2560 | ทส | 07/11/2560 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ (เพิ่มเติม) และครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๐ ได้พิจารณาเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๑๔ เรื่อง ยังคงมีเรื่องที่มีความจำเป็นต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบเพิ่มเติมอีก จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากสถานีควบคุมความดันก๊าซฯ ราชบุรี-วังน้อย ที่ ๖ (RA6) ไปยังจังหวัดราชบุรี ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ (๒) ข้อเสนอเชิงนโยบายการอนุรักษ์และฟื้นฟูย่านชุมชนเก่า ๒. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๐ จำนวน ๑๒ เรื่อง ได้แก่ (๑) โครงการศูนย์วิทยาการเวชศาสตร์ผู้สูงอายุระดับชาติ ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล (๒) เกณฑ์การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ ประเภทน้ำ (๓) ร่างแผนส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระยะที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ (๔) การปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลกลุ่มสารอาหาร (๕) โครงการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำประปาลอดใต้ทะเลไปยังเกาะสมุย (โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาคสาขาเกาะสมุย อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระยะที่ ๑ ส่วนที่ ๒ ปีงบประมาณ ๒๕๕๘) และ (๖) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นต้น
|
.....